Announcement

Collapse
No announcement yet.

ทฤษฎี ดิจิตอล (01) ไม่มีความแตกต่าง ..ด้านเสียง...ชัวร์หรือมั่วนิ่ม

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • #76
    Originally posted by GTR_V-spec View Post
    บทสรุปเบื้องต้น คือเสียงไม่ต่างกัน วัสดุที่ต่างกันไม่ทำให้เสียงต่าง
    อยากขอบททดสอบ ....เรื่องวัสดุต่างกันเสียงไม่ต่าง
    ท่านที่ใช้ DAC หรือ AVR ลองใช้สาย RCA ราคาถูก( 25-30 บาท)
    ฉีกออกมาข้างเดียว เสียบแทนสาย COAX ว่าต่างกันหรือไม่
    (แค่สัญญาณวิ่งผ่านก็ใช้ได้แล้ว ....ฝรั่งยังใช้ไม้แขวนเสื้อเลย)

    ใครที่จิตใจเป็นกลางลองทีครับ พอดีผมไม่มี เหะๆ

    ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า เสียง มันเป็นอะไรที่เป็น ศิลปะ เกินกว่าหูคนจะวัดได้(บางคนอาจจะจินตนาการไปเรื่อยว่าอันนั้นดี อันนี้ดี)

    การส่งสัญญาณดิจิตอลนั้น ไม่ได้มีแต่เสียงอย่างเดียวนะครับ

    ถ้าจะวัดจริงๆต้องวัดด้วยภาพครับ เพราะว่าการส่งสัญญาณดิจิตอลของภาพกินแบนวิชของสายสัญญาณมากกว่าเสียงเยอะ

    และการทดสอบด้วยภาพ สามารถเห็นเป็นรูปธรรมมากกว่าเสียงเยอะครับ

    ผมเป็นคนให้โจทย์ดีกว่านะ

    อุปกรณ์เหมือนกัน สาย HDMI เส้นละ350 กับ 5000+

    ภาพที่ได้จะเพี้ยนมากกว่ากันมั้ย ถ้าผมมีสายมากกว่านี้ ผมคงปอกเปลือกสายให้มันเปลือยแล้วใช้งานให้ดูได้เลยว่ามันไม่เพี้ยนเลบ
    เรื่องสายสัญญาณ Digital มัน Drama มาหลายครั้งแล้วครับ

    แต่ผมชอบจัง "ใครที่จิตใจเป็นกลางลองทีครับ พอดีผมไม่มี เหะๆ"

    ผมก็ไม่มี 555+

    http://topicstock.pantip.com/wahkor/.../X8765912.html

    Comment


    • #77
      ความคิดผมนะ Digital ถ้าวงจรไม่ผิดพลาด อ่านไฟล์ยังไง ก็ เหมือนเดิม มาแบบไหน ก็ได้แบบนั้น แต่ถ้าเสียงจะเพี้ยน นั้น ขึ้นกับอัตราการ Sample , Quantization (ตอน DAC, ADC) ซึ่งถ้า sample ไม่ดีพอจนเกิด antialias ก็จะทำให้สัญญาณเสียได้แต่พวกนี้ก็มี filter กรองอีกอยู่ดี แล้วก็bit 0,1 ส่วนมากจะเพี้ยนได้ก็มีแค่ตอน เรา ดาวน์โหลดไฟ หรือ rip ไฟล์ หรือส่งไฟล์ผ่านสายที่ไม่ดี ซึ่งถ้าอุปกณ์ไม่ดีพอหรือมีปัญหา บิทจะเพี้ยนแต่โดยทั่วไปจะ detect bit error และ recovery คืนได้ในระดับนึง แต่ถ้าไม่ใช้เครื่องจับจริงๆ แม้บิทจะเพี้ยนไปบ้าง แต่คิดว่าคงไม่เกิน 1000 ถึง 100000 บิทต่อเนื่องแน่ (ถ้าอุปกรณ์ไม่ใกล้พังหรือแย่จริงๆเพราะมาตรฐานของพวกนี้จะมีรองรับอยู่เรื่อง error อยู่) คิดว่าหูเราไม่น่าจะฟังออกนะครับ แล้วก็ ถ้าไม่ใช่พวก Bluray หรือ HQ สาย Co-ax ทองแดงน่าจะมี banwidth เพียงพอนะครับ (ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นกับ ความบริสุทธิ์ของทองแดงจ้า แต่ถ้าส่งแล้ว error ยังไงอุปกรณ์ก็ต้อง request ไปทางต้นทางเพื่อให้ส่งใหม่อีกอยู่ดี)

      Comment


      • #78
        digital มันมีแค่ 0, 1 นะ เลขฐานสองนะครับ มีแค่ ปิด เปิด ไม่มีเปิดนิดๆหน่อยๆ

        ชอบความเห็นนี้ในพันทิปจริงๆให้ตายสิ เห็นภาพที่สุดเเล้ว

        Comment


        • #79
          อยากจะเทสให้นะครับ แต่หลายๆอย่างไม่เือื้ออำนวยจริงๆ รวมทั้งเวลาด้วย ต้องขอโทษด้วยจริงๆ

          พอดีผมเทสมานานแล้ว เป็นปีแล้วครับ เลยสรุปเอาเองคนเดียวว่าไม่ต่าง

          แล้วเวลาใครถามผมผมจะบอกว่าผมลองแล้ว ไม่ต่าง แต่อนาคตไม่แน่ผมอาจจะฟังออก
          และให้คนที่ถามผมลองเอาเองด้วยครับ

          จริงๆ กระทู้นี้ ผมอยากให้คนที่ลองแล้วว่ามันต่าง มันต่างกันยังไง อะไรถึงทำให้มันต่าง

          หรือว่าฟังแล้วอุปทาน หรือว่า ฟังแล้วต่าง แล้วมันต่างยังไง ตัวแปรของมันคืออะไร

          เพราะขึ้นชื่อว่าทดลองแล้ว มันต้องมีตัวแปร มีสมมุติฐาน

          หาเหตุผลมารองรับ เช่น Soundcard ได้รับความร้อนจาก VGA ทำให้มันตื่นตัว เสียงที่ได้เลยอิ่ม มีพลัง ปลายเสียงทอดได้ยาวขึ้น ต่างจากตอนไม่ใช้ เสียงที่ได้จะเย็นๆ คมๆ

          Comment


          • #80
            จริงๆ ผมไม่ค่อยอยากเข้ามาเถียงเรื่องเสียงครับ เพราะผมว่ามันเป็นเรื่องของรสนิยม ผมว่ามันอารมณ์ประมาณ ขับรถสองคัน คันไหนเกาะถนนกว่ากัน นั่นแหละครับ

            ผมอ่านเรื่องประมาณนี้มาพอสมควร ซึ่งพวกที่เล่นระดับ ไฮเอนด์ (ไม่ใช่ผม) เค้าไม่ได้เถียง เรื่อง 0 จะ กลายเป็น 1 หรือ 1 จะกลายเป็น 0 แล้วนะครับ เพราะถ้าเป็นแบบนี้จริง

            มันจะกลายเป็นมีเสียงแปลกๆ ออกมาเลย แต่ที่เค้าเถียงกันมันคือเรื่องของ ความเหลื่อมล้ำทางเวลา (Timing Jitter) ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ก็ยังเถียงกันไม่จบ

            มีบางบทความทำการทดลอง แล้วทำการวัดด้วยเครื่องมือที่ความเที่ยงตรงสูง มีผลแสดงว่ามีผลจริง แต่อยู่ในระดับ ที่***งไกลจากความสามารถของหูคนจะแยกแยะได้

            เป็นร้อยๆเท่า ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้มันก็จะพอเห็นได้ว่า เรื่องยาวแน่ๆ เพราะต้องมีคนออกมาบอกว่า ก็ตูฟังออก นี่หว่า ความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ ผมว่าหูคนเราเนี่ย

            เป็นเครื่องมือวัดที่แย่มากๆ คงมีบางคนเคยเป็น ทำไมเครื่องเสียงชุดเดียวกัน เพลงเดียวกัน ทำไมเสียงเมื่ออาทิตย์ก่อน กับอาทิตย์นี้มันไม่เหมือนกันวะ

            หรือเวลาซื้อเครื่องเสียง ลำโพง สายสัญญาณ สเปคที่เค้าโชว์ มันก็มาจากเครื่องมือวัด ทางไฟฟ้าทั้งนั้น ผมถึงไม่เชื่อถือ ผลจากหูคนเท่าไหร่ เพราะมันเป็นตัวแปรที่ขึ้นอยู่กับเวลา

            อย่าหาว่าผมถือหางข้างไหนเลยนะครับ ถือซะว่า เอาเรื่องที่เคยอ่านมาเล่าสู่กันฟัง แล้วเอาไปลองคิดหาเหตุหาผลกันเอาเอง เพราะเชื่อว่าแต่ละคนก็มีคำตอบในใจของตัวเองกันอยู่แล้ว

            แต่ให้เปิดใจรับเหตุรับผล เข้ามาประกอบการพิจารณา เพราะสุดท้ายแล้วต่อให้เครื่องถูกกว่า แต่คุณฟังแล้วมันเพราะกว่า คุณจะเลือกถูกหรือแพง

            พอดีส่วนใหญ่ก็ชอบคอมพ์กันอยู่แล้ว อยากจะยกตัวอย่างอีกอัน โน๊ตบุ๊ค กับ แมคบุ๊ค ราคาเท่ากัน สมมุติว่าลง OSX ได้ทั้งคู่

            คุณว่าเครื่องไหนประสิทธิภาพ สูงกว่ากัน ผมว่ามันก็อารมณ์ประมาณเล่นเครื่องเสียงนะครับ ขอให้ฟังเพลงอย่างมีความสุขครับ

            Comment


            • #81
              ช่วยทดลอง
              ลองใช้สาย RCA ราคาถูก( 25-30 บาท)สายแถม
              ฉีกออกมาข้างเดียว เสียบแทนสาย COAX ว่าต่างกันหรือไม่
              ขอบคุณล่วงหน้าครับ
              ผมเคยทดลองฟังนะครับ ผมทดสอบใช้ชุดระดับราคา 1xx,xxx นะครับ ต้องขอบอกราคาชุดทดสอบเพราะถ้าผมทดสอบกับลำโพงคอม1000-3000+เพลงไทยตลาดๆ ผมก็คงจะฟังไม่ออกครับ

              จากหัวข้อผมขอบอกแค่เสียงต่างไม่ต่างนะครับ ผมขอไม่มาอธิบายว่าเสียงต่างกันอย่างไรนะครับ

              1. เทียบสายแถม กับ สายราคาประมาณ 5000บ ขอยืนยันว่าเสียงต่างครับแต่เสียงที่ต่างนั้นคิดเป็นประสิทธิภาพต่อเงินที่จ่ายต้องบอกว่าไม่คุ้มมากๆ เสียงต่างกัน 5%-10%
              2. เทียบ DVD Samsung, Pioneer DV300, Soken , Denon , Micromega, comp. laptop ต่อเข้า DAC เสียงไม่เหมือนกันสักตัวสรุปว่าต่าง เสียงต่างกัน 20%-50%

              ผมไม่ค่อยรู้เรื่องทางวิชาการเท่าไหร่ไม่รู้จะหาคำอธิบายอะไรมายืนยันว่าเสียงมันต่างกันได้อย่างไร
              แต่เข้าใจว่าต่างเพราะ jitter เกรดอุปกรณ์ วงจร ระบบจ่ายไฟ
              และจากการทดสอบของแพงไม่ได้เสียงดีกว่าของถูกเสมอไป

              ผมเห็นด้วยว่า 0 1 คงไม่ต่างแน่นอน แต่สำหรับผมเสียงต่างครับ
              Last edited by pongmet; 4 Apr 2011, 05:53:45.

              Comment


              • #82
                อัดเสียงหน้าลำโพงมาเทียบไฟล์wavเลย ถ้ากราฟมันต่างกันค่อยเอามายืนยันอีกที

                Comment


                • #83
                  บิทเพอเฟค(BIT PERFECT) มันแค่เรื่อง ค่า2ค่าที่เป็นตัวแปรของตัวรับกับตัวส่ง ที่ต้องตั้งค่าให้ตรงกัน เพื่อให้สัญญาณCLOCKที่ใช้ควบคุมตัวรับตัวส่งให้ซิ้งค์กันได้
                  ( ค่าแซมปลิ้ง, ค่าบิทเรท ของตัวส่งต้นทาง ที่ต้องตรงกับ ค่าแซมปลิ้ง,ค่าบิทเรท ของตัวรับปลายทาง )

                  - ถ้าทั้ง2ค่า ค่าตรงกัน
                  ตัวรับ-ตัวส่ง จะซิ้งค์สัญญาณกันได้ เพราะใช้CLOCKควบคุมความถี่ตรงกัน ทำให้สัญญาณผ่านได้ มีเสียงปรกติ

                  - ถ้าทั้ง2ค่า ค่าไม่ตรงกัน
                  ตัวรับ-ตัวส่ง จะซิ้งค์สัญญาณกันไม่ได้ เพราะใช้CLOCKควบคุมความถี่ไม่ตรงกัน ทำให้สัญญาณผ่านไม่ได้ ไม่มีเสียงหรืออาจได้ยินเป็นเสียงซ่า

                  CLOCK Controlของ44.1KHz จะใช้คนละความถี่กับ CLOCK Controlของ48KHz, 88.2KHz, 96KHz, 192KHz

                  พูดง่ายๆ ... บิทเพอเฟคไม่ได้มีส่วนใดส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องสัญญาณดิจิตอลเพี้ยนหรือไม่เพี้ยน

                  << BIT PERFECT ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่คุณเสือพูดถึง มันคนละเรื่องกัน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆเลย >>



                  หากท่านใดมีความเห็นเพิ่มเติม หรือพบว่าผมเข้าใจอะไรผิดพลาด
                  ช่วยแสดงความเห็นและข้อมูลด้วย เพราะถ้าท่านเข้าใจ ท่านจะอธิบายได้
                  อย่าใช้วิธีให้ไปอ่านที่นู่นที่นี่ โดยที่ตัวท่านไม่ได้อธิบายใดๆ เพราะจะกลายเป็นการท่องจำจากคำพูดคนอื่น
                  Last edited by keang; 4 Apr 2011, 08:44:21.

                  Comment


                  • #84
                    Originally posted by pongmet View Post
                    ผมเคยทดลองฟังนะครับ ผมทดสอบใช้ชุดระดับราคา 1xx,xxx นะครับ ต้องขอบอกราคาชุดทดสอบเพราะถ้าผมทดสอบกับลำโพงคอม1000-3000+เพลงไทยตลาดๆ ผมก็คงจะฟังไม่ออกครับ

                    จากหัวข้อผมขอบอกแค่เสียงต่างไม่ต่างนะครับ ผมขอไม่มาอธิบายว่าเสียงต่างกันอย่างไรนะครับ

                    1. เทียบสายแถม กับ สายราคาประมาณ 5000บ ขอยืนยันว่าเสียงต่างครับแต่เสียงที่ต่างนั้นคิดเป็นประสิทธิภาพต่อเงินที่จ่ายต้องบอกว่าไม่คุ้มมากๆ เสียงต่างกัน 5%-10%
                    2. เทียบ DVD Samsung, Pioneer DV300, Soken , Denon , Micromega, comp. laptop ต่อเข้า DAC เสียงไม่เหมือนกันสักตัวสรุปว่าต่าง เสียงต่างกัน 20%-50%

                    ผมไม่ค่อยรู้เรื่องทางวิชาการเท่าไหร่ไม่รู้จะหาคำอธิบายอะไรมายืนยันว่าเสียงมันต่างกันได้อย่างไร
                    แต่เข้าใจว่าต่างเพราะ jitter เกรดอุปกรณ์ วงจร ระบบจ่ายไฟ
                    และจากการทดสอบของแพงไม่ได้เสียงดีกว่าของถูกเสมอไป

                    ผมเห็นด้วยว่า 0 1 คงไม่ต่างแน่นอน แต่สำหรับผมเสียงต่างครับ
                    +1 กด Like ครับ

                    เถียงกันคอเป็นเอ็นไม่รู้ใช้systemอะไรมาเถียง...ของผมรวมก็1xx,xxxเช่นกันครับ ไม่ได้รวยครับแต่ทำงานแล้วซื้อทยอยและก็ผ่อนเอา และยิ่งจะเอาเครื่องมือวัดเสียงกราฟกระแสมาวัดและบอกว่าผลที่ได้เท่ากันนี่... อ่อ ลืมไป วิทยาศาสตร์ !!!

                    Comment


                    • #85
                      ลองอ่านเกี่ยวกับ S/PDIF ที่นี่ดูสิครับ http://www.hardwarebook.info/S/PDIF อ่านเข้าใจง่ายดีครับ

                      Comment


                      • #86
                        ผมเรียนมาหลายปี ตังแต่ ปวช. ยัน ป.ตรี สัญญาณดิจดตอลไม่มีคำว่าเพี้ยน มีแต่คำว่าผิดพลาด ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่เกิด เพราะมีการตรวจสอบความถูกต้องของสัญญาณทุกครั้งที่มันรับส่งกัน จะให้อธิบายก็ยาว ส่วนเรื่องที่ว่า 01 ไม่แตกต่างมันก็ถูกครับ แต่ตัวเลขเดียวกัน เช่น 01 001 0001 00001 มันมีค่าเท่านกับ 1 เหมือนกัน 10 010 0010 00010 มีค่าเท่ากับ 2 เหมือนกัน แต่ที่แตกต่างก็คือ จำนวน เลข 0 กับ 1 หรือที่เรียกว่า Bit ยิ่งจำนวนมาก ยิ่งมีข้อมูลมาก รายละเอียดยิ่งมาก แต่ถ้ามาจากแหล่งที่มาหรือตัวเลขชุดเดียวกัน เอาไปเปิดที่ไหนมันก็ความหมายเหมือนกัน เอาไปเปิดบนดาวอังคารก็ความหมายเดียวกัน

                        ที่ว่าเสียงดีไม่ดีมันขึ้นอยู่กับตัวแปลงสัญญาณ Digital เป็น Analog มากกว่า ว่ามันจแปลงออกมาได้ดีแค่ไหน ซึ้งมันก็ต้องใช้ OSC วัดกันให้เห็นรูปคลื่น รวมถึง สายสัญญาณ>>EQ>>Mixer>>Crossover>>Amp>>ลำโพง ซึ่งถ้าจะวัดกันจริงๆใช้แค่"หู"ฟังมันคงไม่เที่ยงตรงนัก ถ้าจะให้เห็นกันชัดๆ มันต้องใช้ OSC วัดกันทั้งด้านที่สัญญาณเข้าเทียบกับด้านที่สัญญาณออก ว่าสัญญาณมันเพี้ยนมั้ย เทียบคลื่นเสียงกันเป็นลูกๆไปเลย จะได้มีหลักฐานมายืนยันที่มันเป็นรูปธรรม
                        Last edited by peaindie; 4 Apr 2011, 12:37:31.

                        Comment


                        • #87
                          แหม๋เทพจริงๆ ถ้าการอ่านตำรา กับการศึกษาจากผู้ที่รู้มาก่อน เป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง

                          ท่านโคตรมหาเทพ รู้เรื่องเสียงตั้งแต่เกิด แบบว่าออกจากท้องแม่มา ทำ BitPefect เป็นเลย 5555555+ เทพมากๆเลยครับ

                          ปล. เพิ่งรู้ว่านั่งเทียนตอบ มั่วตอบ อาศัยความรู้สึกตัวเองตอบ ไม่ได้มีเหตุผลอะไรรองรับ มันเทพโคตร 5555+ ไสยศาสตร์มีจริง

                          ปล2. ผมออกตัวตั้งแต่ไหนแล้วว่าผมไม่เทพไม่เซียน อาศัยศึกษาจากเพื่อน และผู้ที่รู้จริง ตำรา หลักวิทยาศาสตร์ ไม่ได้ตรัสรู้มาแต่ออกจากท้องแม่ แล้วมานั่งเทียนตอบครับ

                          ปล3. พอไปศึกษาจากตำรามาตอบ หาว่าท่องจำ พออ้างอิง Link ชี้ไปให้อ่านให้ดู หาว่าท่องจำจากคำพูดคนอื่น แหม๋!!! ไสยศาสตร์มีจริง เกิดมาไม่ต้องศึกษาเลย ตรัสรู้ได้เอง เทพมาก

                          แล้วแบบนี้ยังจะให้อธิบาย.... เพื่อ?
                          Last edited by veza; 4 Apr 2011, 11:39:25.

                          Comment


                          • #88
                            หุหุ
                            น่าจะไปหาคุณสมบัติพื้นฐานของข้อมูลดิจิตอลมาอ่านกันนะครับ จะได้ไม่ต้องมานั่ง งงกันนะครับ

                            Comment


                            • #89
                              ดนตรี และภาพยนตร์ คือศิลปะ

                              องค์ประกอบ 100%
                              I ความสนุก ในการฟัง ชม 25%
                              II ศิลปะ ในการตีความหมายที่ศิลปินต้องการสื่อสาร 25%
                              III ความรู้ ผู้บริโภคต้องมีความรู้พอสมควร 25%
                              IV เทคนิค 25%

                              หัวข้อนี้ว่ากันด้วยเรื่องเทคนิคชิมิ ต่อให้เทคนิคทำได้เต็ม แล้วส่วนอื่นๆล่ะ?

                              Comment


                              • #90
                                เสียดายจัง

                                นึกว่า...จะมีการบอกว่า บิทเพอเฟคมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของหัวข้อกระทู้ ในส่วนไหนประเด็นไหน
                                นึกว่า...จะมีการขยายความรู้ความเข้าใจจากที่ไปอ่านๆมา ให้ได้รับรู้เพิ่มขึ้นจากเดิม หรือ นำไปขยายผลเพิ่มขึ้น

                                กลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ กลายเป็นบ่นๆไปซะงั้น แต่ก็ช่วยให้เห็นภาพตัวตนได้ชัดเจนขึ้น

                                Comment

                                Working...
                                X