แต่ในเมื่อ มาโยงเข้ากับเรื่องของเสียง ผมคิดว่าต่าง เช่น เรามีไฟลล์ MP3 อยู่1ไฟลล์ ไปเปิดคนละเครื่องเล่น เช่น ไอโฟน ไอพอด มืถือ ก็ว่ากันไป ทำไมเสียงจึงต่าง
สมมติถ้า ไอโฟน มันถอดรหัส ได้ 0000001 แล้ว มือถือทั่วไป มัน ก็ต้องถอด ได้ 0000001 อยู่แล้ว แต่ใหงเสียงจึงต่างกัน จะบอกว่ามันใช้ DAC คนละตัวกัน แล้ว DAC มันก็ถอดรหัส จาก 0 กับ 1 มาเป็นอนาล็อกอยู่ดี
DAC บางตัว มีอัตราการสุ่มที่สูง จาก 24bit เป็น 32 bit เพราะมีการแต่งเติมรูปคลื่นให้โค้งขึ้นด้วยสัญญาณพัลล์ เพราะฉนั้น DAC เทพ มันก็เป็นตัวแต่งแต้มเสียงเพลงไม่ใช่หรือ
นิปา~
สมมติถ้า ไอโฟน มันถอดรหัส ได้ 0000001 แล้ว มือถือทั่วไป มัน ก็ต้องถอด ได้ 0000001 อยู่แล้ว แต่ใหงเสียงจึงต่างกัน จะบอกว่ามันใช้ DAC คนละตัวกัน แล้ว DAC มันก็ถอดรหัส จาก 0 กับ 1 มาเป็นอนาล็อกอยู่ดี
DAC บางตัว มีอัตราการสุ่มที่สูง จาก 24bit เป็น 32 bit เพราะมีการแต่งเติมรูปคลื่นให้โค้งขึ้นด้วยสัญญาณพัลล์ เพราะฉนั้น DAC เทพ มันก็เป็นตัวแต่งแต้มเสียงเพลงไม่ใช่หรือ
นิปา~
คือแหล่งข้อมูลไม่ว่าเทป CD หรืออะไรก็ตามมันเก็บและแปลค่าด้วยสัญญาณไฟฟ้า
ถ้าเอามาต่อเข้าหูก้โดนไฟดูดสิครับ มันถึงต้องมีลำโพงที่แปลงค่าสัญานไฟฟ้าเป็นการขยับตัวก่อให้เกิดคลื่นเสียง
สัญาณออกจาก DAC มันจะเบามากๆเพราะค่าไฟฟ้ามันต่ำระดับ mW เราจึงเอามันมาขยาย ด้วย OPAMP ซึ่งมันฝังมาแต่ไม่บอกเรา
และวงจรขยายซึ่งทำให้มันเพี้ยนไปตามใจนึกแล้วแต่ว่าผู้ผลิตจะตั่งค่ามาให้เหมาะกับไครอยากให้เป็นอย่างไรคนถึงจะซื้อ
เสียงอุปกรณ์จึงต่าง ไม่งั้นจะมี IPOD มาทำไม เครื่องจีนถูกๆก็เทพได้ อีกอย่างข้อมูลเสียงมันไม่ได้ส่งไป DAC ตรงๆนะครับ มันต้องผ่านตัวแปลงค่าก่อนเสมอแม้แต่ CD
การส่งข้อมูลในแต่ละส่วนจะมี CONTROLER และ PROTOCAL กำกับอยู่แม้แต่เครื่องเล่น CD ในเครื่องพวกนั้นมันมี CPU เล็กๆที่ทำหน้าที่ถอด MP 3 หรืออื่นๆก่อนแล้วแปลงเป็นค่าที่ DAC อ่านได้ คือ PCM ที่แทนค่า AMPLITUDE ของแต่ละช่วงคลื่นด้วยค่า DIGITAL ที่ DAC มันรู้จัก และส่งไปเป็นก้อนๆพร้อมใบส่งของซึ่งคือ ERROR CHECK ถ้าไม่ถูกแก้ใขไม่ได้ ก็ขอให้ส่งใหม่
ส่วนเรื่อง DAC นั้น มันจะทำงานตามชนิดของข้อมูล ก่อนส่งข้อมูลมันจะต้องคุยกันก่อนว่าส่งอะไรมาจะแปรได้อย่างไร ส่ง 16 BIT ก็ถอด 16 BIT ถ้าอยากได้ 16 --->24 BIT PROCESS ก่อนส่งให้ DAC ซึ่งที่ DAC บอกว่า 24 BIT คือมันบอกว่าฉันเก่งฉลาด ถอดข้อมูล 24 BIT ได้นะจ๊ะ
แล้ว DAC มันจะเอาก้อนข้อมูลนี้มาปะติดปะต่อ แต่ มันไม่ต่อเนื่อง มันจึงต้องเทียบกราฟที่เรียกว่า SAMPLING ไงครับ แล้วจึงออกมายัง ภาคขยาย หรือ หูฟังลำโพงถ้ามันขับใหวนะ
Comment