Announcement

Collapse
No announcement yet.

ทฤษฎี ดิจิตอล (01) ไม่มีความแตกต่าง ..ด้านเสียง...ชัวร์หรือมั่วนิ่ม

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • ขนาดเรื่อง Coax กับ Optical ยังจะเถียงกันไม่จบเลย

    เลยลองเล่นให้คนฟัง สาย Coax ราคา 5 พันจากร้านเครื่องเสียงสุดดัง กับสาย Optical ราคา 120 บ้านหม้อ
    ตอนแรกยังไม่ทำ Blind test บอกต่างมั่ง พอทำ Blind Test เท่านั้นแหละ ชักสับสนไม่รู้ว่าอันไหนเป็นอันไหน แยกไม่ออก

    Comment


    • Originally posted by คิม View Post
      ขนาดเรื่อง Coax กับ Optical ยังจะเถียงกันไม่จบเลย

      เลยลองเล่นให้คนฟัง สาย Coax ราคา 5 พันจากร้านเครื่องเสียงสุดดัง กับสาย Optical ราคา 120 บ้านหม้อ
      ตอนแรกยังไม่ทำ Blind test บอกต่างมั่ง พอทำ Blind Test เท่านั้นแหละ ชักสับสนไม่รู้ว่าอันไหนเป็นอันไหน แยกไม่ออก
      ทำไม..ไม่ลอง สาย Coax ราคา 5 พันจากร้านเครื่องเสียงสุดดัง กับสายแถมบ้านๆล่ะครับ
      การส่งแบบเดียวกัน ต่างกันที่วัสดุสาย(โลหะเท่านั้นเอง)
      Originally posted by Phoenix007 View Post
      คุณเสือลง Details เลยนะครับ เยี่ยมครับ

      ขอเสริมนิดหนึ่งนะครับ Media ทุกประเภทมีเปอร์เซ็นต์ของการสูญเสียขอมูลจากโรงงานอยู่แล้วนะครับ ยิ่งถ้ามีการตัดต่อ หรือการเข้าหัวต่างๆนะครับ ไม่เว้นแม้แต่ Fiber Optic ที่ส่งข้อมูลระดับหลาย Gigabit/second ก็ตาม

      เนื่องจากผมทำงานบริษัทด้าน Telecom และได้เขาอบรบด้าน Fiber Optic ถึงได้ทราบว่ามันมี percent lost มาจากโรงงานอยู่แล้ว ยี่ห้อเดียวกันแต่ต่างรุ่น ค่าของ percent lost ก้ไม่เท่ากัน นะครับ แล้วถ้ามีการตัดต่อหรือแยก cores ของ fiber ตามบ่อต่างๆ percent lost ก็จะสูงขึ้น แต่นั้นจะมีเครื่องมือวัดที่แน่นอนอนะครับ

      ขอเสริมเท่านี้แหล่ะครับ
      Last edited by tiger X-fi; 21 Dec 2013, 23:48:27.

      Comment


      • ไม่แน่ใจ ว่ายังอยู่ในเนื้อหาที่ึคุยกันมั้ย
        -สเตตตัวรอง ของอะไหล่มันมีผลต่อตัวหลักน่ะ จะว่าไปไม่เกี่ยวกับผลทางดิจิตอลเลยก็ไม่ได้ เพราะมันอาจจะทำให้ไม่ได้ค่าที่ต้องการตอนใช้งานจริง
        เช่นtemp coeff ,ค่าความคลาดเคลื่อน,ค่าLแฝงภายใน,noiseทึ่ผลิตในตัวอะไหล่เอง
        พวกr carbon filmมักจะมีความคลาดเคลื่อนมาก temp coeffแย่กว่าแบบmetel film เลยไม่นิยมใช้ในวงจรดิจิตอล

        -ic Dac นี้มันมีค่า outputที่ได้ต่างกันน่ะ เช่น Analog output current(อย่าลืมว่า D to Aน่ะไม่ใช่D to D วงจรภายในด้านขาออกบางส่วนเป็นanalog)
        ค่าinput jitter tolerance ก็คงต่างกัน
        แล้วทำไม บางตัวทำMONO mode ค่าทางสเตต(SNR , Dynamic Range)ถึงออกมาดีกว่าแบบstereo mode icเดียวกันแท้ๆ
        จะว่าic dacทุกตัวเหมือนกันได้มั้ยหว่า??? (เอาแค่ประเภทinput outputรูปแบบเดียวกันก็ได้)

        อันนี้ก็ไม่มีคำตอบให้ ก็ลองกลับไปคิดดูว่าทำไมมันต่างกัน

        Comment


        • ทุกวันนี้...ผมว่ามันยังมั่วๆเลย เรื่องการกำหนด อนาล็อก กับดิจิตอล

          โทรเลข
          ข้อมูล - เข้ารหัส-สัญญาณไฟฟ้า-ถอดรหัส-กลับเป็นข้อมูล
          เรียก อนาล็อก ทั้งที่สมควรเรียกว่าดิจิตอลมากกว่า

          สัญญาณหลังโมเดม

          สัญญาณหลังโมเดม กลับเรียก อนาล็อก เพราะอิงหลักการโทรเลข
          ทั้งที่เป็นดิจิตอลเต็มๆ พูดง่ายเปิดเพลงผ่านคอม แล้วเอาแอมป์(เครื่องขยายเสียง)มาต่อหลังโมเดม
          ไม่มีทางมีเสียงแน่นอน

          สัญญาณเสียง PCM
          ข้อมูล -เข้ารหัสเป็นPCM- เข้าdacถอดรัหัส- สัญญาณเสียงอนาล็อก
          ตัวนี้เป็นดิจิตอล ...
          ถ้าบอก2ตัวบนเป็นอนาล็อก
          สัญญาณ PCM ก็เป็นอนาล็อกเหมือนกัน
          ระบบการส่ง ข้อมูลต่างๆที่ใช้ไฟฟ้านำข้อมูลก็เป็นอนาล็อกทั้งหมด
          ถ้าบอกว่าสัญญาณ PCM เป็นดิจิตอล
          สัญญาณโทรเลข สัญญาณหลังโมเดม ก็เป็นดิจิตอลเหมือนกัน
          เพราะต้องมีการเข้ารหัสและถอดรหัส ถึงจะรับข้อมูลได้
          ----------------
          ยังมีเรื่อง การ Encode Decode อีกไม่รู้ว่าจะใช้แบบไหนกันแน่
          ถ้าแปลงดิจิตอลเป็นดิจิตอล เรียกว่าEncode
          แต่กลับเรียก
          การแปลง AC3 5.1 เป็น PCM 6.0 Decode
          การแปลง .wav เป็น PCM 2.0 Encode
          ส่วน Decode ถ้าใช้เรียก การแปลงดิจิตอลเป็นอนาล็อก หรือ อนาล็อกเป็นดิจิตอล
          แต่ลับการแปลง AC3 5.1 เป็น PCM 6.0 Decode
          -------
          ทุกวันนี้ผมยังสับสนเลย
          ตรงไหนเป็น ดิจิตอล ตรงไหนเป็น อนาล็อก
          ตรงไหนเป็น Encode ตรงไหนเป็น Decode
          Last edited by tiger X-fi; 5 Jan 2014, 05:27:51.

          Comment


          • รูปบน ที่ยกมา ผมอธิบายตามนนี้นะครับ เอาแค่เข้า MODEM ออกโมเดม ว่าทำไมเรียก ANALOG
            MODEM จะผสมสัญญาณ DIGITAL เข้ากับคลื่นวิทยุ FM หรือ AM แต่ส่วนใหญ่ใช้ FM ที่เป็น คลื่นสัญญาณ ANALOG
            แล้วมันจะวิ่งผ่านสาย ( 56K ) หรืออากาศ ( โทรเลข วิทยุ DIGITAL โทรศัพท์ )
            ลักษณะสัญญาณ จึงเป็น ANALOG ครับ เมื่อ MODEM ตัวรับ รับมาก็จะถอดสัญญาณ DIGITAL ที่ซ่อนอยู่ในคลื่นวิทยุ ANALOG
            ออกมาแบบวิทยุ และมีการสูญหายรบกวนได้ MODEM ( Modulate - Demodulate ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าผสม และ ถอดสัญญาณ นะครับ )

            ENG http://en.wikipedia.org/wiki/Modem
            THAI http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%...B9%87%E0%B8%A1

            เรื่องนี้ถ้าเห็นรูปคลื่นที่ออกจาก MODEM ก็จะเห็นได้ชัด

            ส่วนเรื่องทำไม ปรับ DAC ให้ทำงานแบบ MONO ค่าถึงดีกว่า ก็มันทำงานขาเดียวนี่ครับ ภาคจ่ายไฟ รวมทั้งสัญญาณรบกวนใน CHIP มันก็ทำงานได้เต็มที่
            ถึงเราจะโมภาคจ่ายไฟให้มัน แต่ก็ต้องเข้าใจนะครัยว่าใน CHIP มันก็มีวงจรควบคุมของมันอยู่ ไม่ใช่เราจะไปทำอะไรกับมันได้ทั้งหมดนะครับ ถ้า DAC ทำงานแบบ
            Bridge MONO ได้ค้วยค่าต่างๆมันย่อมดีขึ้นเหมือนเรา BRIDGE AMP นั่นล่ะ

            ช่วงนี้คงมีเข้ามาแค่นี้พอ ผมไปหาอะไรมาแทน XONAR DX ต่อนะครับ
            Last edited by ssk; 5 Jan 2014, 08:18:27.

            Comment


            • mono modeมันไม่ใช่bridgeน่ะ
              เพิ่งจะหาดู ตามappication noteแล้วคือเขาปรับmonomodeแล้วเอามาทำbalance out
              http://www.ti.com/lit/ug/sleu037/sleu037.pdf
              แต่นั้นแหล่ะ statมันคงดีขึ้นเพราะมันทางอนาล็อคมาทำเป็นbalance out อาจจะไม่เกี่ยวกับทางดิจิตอลก็ได้
              เพิ่งจะเห็น เทคนิคที่ผู้ผลิตใช้

              ----------

              bridgeนี้มันก็ไม่ได้มีข้อดีไปหมด ค่าthdมันก็บวกๆ ร่วมกันไปด้วยของทั้ง2ตัว
              Last edited by ManiacMaew; 5 Jan 2014, 10:27:57.

              Comment


              • ไม่ได้อ่านตั้งแต่หน้าแรกนะครับเยอะเกินขอตอบจากประสบการส่วนตัวนะครับ

                ว่าต่างแน่นอน จากการใช้งานจริงอยู่ทุกวัน

                ยกตัวอย่างที่ผมเจิอเลยคือ

                iMAX ต่อUSBไปที่ DAC(MeridianExplorer)ออกหูฟัง SonyMDR-1R

                ใช้สายUSBเดิมๆที่แถมมากับสาย Furotech GT2 เสียงต่างกันแบบเห็นผลครับ

                ส่วนต่างได้ยังไงนั้นอันนี้ตอบตรงๆไม่ได้จริงๆเพราะผมไม่มีความรู้การทำงานอุปกรณ์พวกนี้พอครับ

                เท่าที่รู้คือสัญญาณ Digital 01 ที่ส่งมันก็ยังใช้ไฟฟ้าในการส่งอยู่ถ้าเราใช้สายที่ไม่ดีฉนวนไม่ดีมีโอกาศที่ข้อมูลบางส่วนจะผิดพลาดไปทำให้File เพลงที่ส่งไปที่DAC มีควมคลาดเคลื่อนครับไม่ถึงกับไฟลเสียแต่เสียงที่ได้ไม่เหมือนกันแน่นอนอันนี้

                ใครสนใจพิศูดรองหาร้านเครื่องเสียงที่ขายพวก DAC กับสาย Digital หลายๆเกรดรองให้ร้านเปลี่บยแค่สายแล้วรองฟังดูครับ

                Comment


                • Originally posted by ssk View Post
                  รูปบน ที่ยกมา ผมอธิบายตามนนี้นะครับ เอาแค่เข้า MODEM ออกโมเดม ว่าทำไมเรียก ANALOG
                  MODEM จะผสมสัญญาณ DIGITAL เข้ากับคลื่นวิทยุ FM หรือ AM แต่ส่วนใหญ่ใช้ FM ที่เป็น คลื่นสัญญาณ ANALOG
                  แล้วมันจะวิ่งผ่านสาย ( 56K ) หรืออากาศ ( โทรเลข วิทยุ DIGITAL โทรศัพท์ )
                  ลักษณะสัญญาณ จึงเป็น ANALOG ครับ เมื่อ MODEM ตัวรับ รับมาก็จะถอดสัญญาณ DIGITAL ที่ซ่อนอยู่ในคลื่นวิทยุ ANALOG
                  ออกมาแบบวิทยุ และมีการสูญหายรบกวนได้ MODEM ( Modulate - Demodulate ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าผสม และ ถอดสัญญาณ นะครับ )

                  ENG http://en.wikipedia.org/wiki/Modem
                  THAI http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%...B9%87%E0%B8%A1
                  เป็นการส่งสัญญาณดิจิตอล ในรูปแบบของอนาล็อค
                  ซึ่งดิจิตอลทุกประเภท..เป็นการส่งสัญญาณดิจิตอล ในรูปแบบของอนาล็อค(สัญญาณไฟฟ้า)
                  เพียงแต่ลักษณะรูปคลื่นของสัญญาณไฟฟ้าต่างกันครับ
                  คงไม่ได้หมายถึงการส่ง
                  การส่งสัญญาณดิจิตอล ในรูปแบบของ Sine wave เป็น อนาล็อค
                  การส่งสัญญาณดิจิตอล ในรูปแบบของ Square wave เป็น ดิจิตอล

                  Last edited by tiger X-fi; 5 Jan 2014, 20:00:46.

                  Comment


                  • Waveform Type (ชนิดของ waveform)

                    waveform นั้นแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ใหญ่ๆ คือ

                    Simple Waveforms

                    simple waveform

                    เป็นรูปแบบพื้นฐานของ waveform โดยทุกๆ ลูกคลื่นจะมีความเหมือนกัน มีความสมมาตรกันระหว่างส่วนบน (เหนือ zero line) และ ส่วนล่าง (ใต้ zero line) และจะมี harmonics contents รวมอยู่ด้วย สามารถแบ่งได้เป็น

                    Sine wave (คลื่นรูปซายน์)

                    คือ คลื่นที่เป็นเบสิกพื้นฐาน

                    sine wave

                    Square wave (คลื่นรูปสี่เหลี่ยม)

                    เกิดจากการรวมกันของ sine wave ที่เป็น fundamental frequency + odd harmonics (ฮาร์โมนิค คี่ )

                    sine wave + 3rd 5th 7 th 9 th 11 th ....



                    square wave

                    Triangle wave (คลื่นรูปสามเหลี่ยม)

                    เกิดจากการรวมกันของ sine wave ที่เป็น fundamental frequency + even harmonics (ฮาร์โมนิค คู่)

                    sine wave + 2nd 4th 6th 8th 10th ...

                    triangle wave

                    Sawtooth wave (คลื่นรูปฟันเลื่อย)

                    เกิดจากการรวมกันของ sine wave ที่เป็น fundamental frequency + odd harmonics (ฮาร์โมนิค คี่ ) + even harmonics (ฮาร์โมนิค คู่)

                    sine wave + 2nd 3rd 4th 5th 6th 7 th 8th 9 th 10th 11 th ....

                    sawtooth wave

                    Complex waveform



                    complex waveform

                    เป็นการรวมกันของ simple waveform มีหลายๆ ความถี่ผสมรวมกันอยู่ เช่น เสียงที่เรามักจะได้ยินอยู่ในชีวิตประจำวัน , เสียงดนตรี , เสียงพูด ยากที่จะแบ่งออกเป็นลูกๆ (เพราะไม่มีความเหมือนกัน) และไม่มีความสมมาตรกันระหว่างส่วนบน (เหนือ zero line) กับ ส่วนล่าง (ใต้ zero line)
                    เครดิต
                    http://www.alicerecordingstudio.com/...ristic_02.html

                    Comment




                    • ลองดู การส่งคลื่น FM แบบเสียง หรือ ข้อมูล DIGITAL ใช้คลื่นพาเป็นพาหณะ เหมือนคนขึ้นรถ TAXI รถเอาไครไป
                      เมื่อ MODEM ถอดและเข้าสัญญาณ MODEM ต้องรับสัญญาณ ANALOG ของคลื่น เข้ามาทั้งหมด
                      จึงจะถอดสัญญ่าณออกมาได้ ส่วนนี้จึงเป็น ANALOG เพราะ ตัวรูปแบบการส่งเป็น ANALOG หุ้มสัญญาณข้อมูล
                      การส่งข้อมูลผ่านสายในระยะทางไกลๆ ผ่านอากาศ หรือสายส่งที่ไกลมากๆ จำเป็นต้องใช้วิธีนี้เพื่อให้กำลังส่งสูงพอที่จะทะลุทะลางสิ่งกีดขวาง ความต้านทานในสายส่ง
                      หรือ การสะท้อนสัญญาณ นี่เป็นเหตุให้ทำไมโทรมือถือถึงมีเสียงขาดๆหาย อย่าไปเถียงตำราเลย อาจารย์จะตีเอา

                      เพราะมันเป็นทฤษฎีบริสุทธ์แล้ว เหมือนแอปเปิลตกใส่หัวนิวตันแหละ กี่เล่มกี่อาจารย์ก็อธิบายเหมือนกัน


                      ส่วนบทความที่ไปยกมาก็ผิด คนเขียนเข้าใจผิดอย่างมหันต์ สัญญาณเป็นคลื่นเหมือนกันแต่

                      - ANALOG เป็น CONTINUE ทั้ง AMPLITUDE และ FREQUENCY มีค่าของมันจาก 0.00 0.01 0.02 ....................... 1 สัมพันกันไปตามรูปคลื่น นับทั้งตัวคลื่น เป็นการประมวลสัญญาณเชิงเส้น
                      การที่เขายกมาเขาไปยก SIMPLE SINE WAVE มาเทียบกับ DIGITAL WAVE แต่ในการทำงานจริง คลื่น ANALOG จะมีรูปร่างเปลี่ยนไปแบบ GRAPH PCM ที่ท่านยกมา คือมันจะไม่สวยแบบ SIMPLE SINE WAVE หรอก

                      - DIGITAL เป็น DISCREET ทั้ง AMPLITUDE และ FREQUENCY ไม่มีค่าของมัน มัน TICK เป็นคลื่นสี่เหลี่ยมเพราะ AMPLITUDE มันคงที่ในช่วงเวลาของมัน นับเป็น 0 และ 1 นับแค่บน กับล่าง เป็นการประมาลสัญญาณเชิงเลข
                      DIGITAL SINE WAVE ไม่มีครับ DIGITAL จะเป็น FLAT TOP เสมอ แม้จะช่วงสั้นๆ และรูปคลื่นจะเป็นแบบนี้ไปตลอดทุกความถี่ของการส่งข้อมูล ไม่มีขึ้นครึ่งเดียว ยาว ครึ่งเดียวแบบนั้น


                      ซึ่งทั้ง 2 ตัวต่างกันที่การประมวลสัญญาณที่ต่างกันสุดขั้ว

                      และเรื่องนี้ถ้าจำไม่ผิด ผมอธิบายเรื่องนี้ ในกระทู้นี้เป็นครั้งที่ 3-4 แล้วละมั้งครับ วนไปวนมาอยู่แค่นี้แหละ

                      แล้วก็ผมเห็นหลายๆคนเข้าใจนะครับว่ามันเปลี่ยนไป จนต่างกัน ตอนแปลงสัญญาณเป็น ANALOG เสร็จแล้วน่ะครับ
                      Last edited by ssk; 6 Jan 2014, 12:26:17.

                      Comment


                      • ^
                        ผมจำได้เฉพาะ ที่คุณบอกว่า ติจิตอล เป็นสัญญาณไฟ DC ซึ่งมั่วมาก
                        เลยไม่ค่อยจะสนใจอ่านเท่าไหร่น่ะครับ
                        จำไม่ผิดหน้า4มั๊ง

                        Comment


                        • ต่างกันแน่นอนถ้ามองเป็นสินค้าตัวผลิตภัณฑ์ ในหลักการการถอดระหัสจากแผ่นบันทึก output digital ต้องตรงกันทุกประการ แต่ในทางปฏิบัติ output digital ไม่ตรงกันทุกบิต 100% ครับ มันจะมีบิตบางตัวที่มีสถานะไม่แน่นอนอยู่ แน่นอนครับทางผู้ออกแบบเขาจะใช้วงจรชดเชยบิตที่สูญเสียหรือที่มีสถานะไม่แน่นออนนี้อยู่เกือบทุกเครื่อง จาก แผ่น ---->หัวอ่าน---->เข้าระหัส-----> ถอดระหัส ------>dsp----->dac------>output analog มีอยู่ 2 ภาคที่ต้องตรงกันคือ การเข้าระหัสและถอดระหัส

                          Comment


                          • ยังไม่จบอีก กระทู้ตั้งแต่ 2011 นะเนี่ย

                            เสนอข้อคิดง่าย ๆ กว้าง ๆ

                            เครื่องเสียงราคาสูงหน่อย ก่อนซื้อผู้ซื้อส่วนใหญ่มักจะลองกันจนพอใจนะครับ ไม่ดีจริง(สำหรับคนจ่ายเงินซื้อ) ไม่ถูกใจ เค้าคงไม่ซื้อกันหรอก
                            ถ้าไม่ต่างกันจริง เค้าจะซื้อกันแพง ๆทำไม ในใจทุกคนคิดอยู่แล้วล่ะว่าการตัดสินใจซื้อต้องได้เสียงดีที่สุด(สำหรับเรา) ในราคาที่ถูกที่สุด ถ้าฟังแล้วของถูก-แพงไม่ต่างกันจะซื้อทำไม

                            Comment

                            Working...
                            X