Announcement

Collapse
No announcement yet.

ทฤษฎี ดิจิตอล (01) ไม่มีความแตกต่าง ..ด้านเสียง...ชัวร์หรือมั่วนิ่ม

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • ที่คุณทดลอง โดยใช้สายดิจิตอลของcanareกับสายแถมขาวแดง
    ขนาดของสายต่างกันมาก แต่ก็สามารถนำไฟฟ้าได้เหมือนกัน แต่ประสิทธิภาพอาจต่างกันไปบ้าง

    คุณใช้คำว่า "สัญญาณดิจิตอล"
    เป็นสัญญาณไฟฟ้าที่มีศักย์LOW(0)กับHIGH(1)ผสมกันไป หรือ เป็นแบบANALOG ครับ

    คุณใช้คำว่า "มันLOST"
    ศักย์ไฟมันสูญเสียในตัวสายดิจิตอล จนปลายทางไม่สามารถดีเทคศักย์ไฟLOW(0)กับHIGH(1)ได้ถูกต้องเหมือนต้นทาง หรือ อะไรที่คุณคิดว่ามันLOSTจนทำให้เสียงต่างกันครับ


    ประเด็นนี้ต้องเข้าใจและทำใจนิดนึงครับ เพราะ
    - กลุ่มนึงบอก เข้า0ออก0 เข้า1ออก1 ถ้าปลายสายแค่ดีเทค01ได้ ยังงัยก็ไม่มีทางเสียงต่างแน่นอน

    - กลุ่มนึงบอก เค้าไม่รู้หรอกว่า เข้า0เข้า1 ออก0ออก1 ปลายทางมันรับถูกหรือผิด
    แต่เค้ารู้แค่ว่า เค้าลองแล้ว โดยเปลี่ยนเฉพาะสายอย่างเดียว เค้าฟังเสียงมันต่างกัน
    ถ้าจุดนี้จะบอกว่า สายไม่เกี่ยว ก็ดูแปลกๆสำหรับเค้าไม่น้อย เพราะเครื่องต้นทางก็เครื่องเดิม ปลายทางก็เครื่องเดิม
    Last edited by keang; 9 Apr 2011, 17:06:57.

    Comment


    • Originally posted by keang View Post
      คุณใช้คำว่า "สัญญาณดิจิตอล"
      เป็นสัญญาณไฟฟ้าที่มีศักย์LOW(0)กับHIGH(1)ผสมกันไป หรือ เป็นแบบANALOG ครับ

      คุณใช้คำว่า "มันLOST"
      ศักย์ไฟมันสูญเสียในตัวสายดิจิตอล จนปลายทางไม่สามารถดีเทคศักย์ไฟLOW(0)กับHIGH(1) ได้ถูกต้องเหมือนต้นทาง แบบนี้หรือเปล่าครับ
      ผมเองไม่แน่ใจ 100 เหมือนกันครับ เพราะว่ามันเกี่ยวกับทฤษฏี ซึ่งผมไม่ค่อยแม่นนะครับ

      แต่ว่าที่ตอบ มาคือผมตอบจากการใช้งานจริงครับ ^__^ ซึ่งก็ผู้ที่งานจริงแล้วเห็นผมว่าต่าง

      ก็มายืนอยู่ครับ

      Comment


      • แต่ผมเชื่ออย่างนึงครับ ข้อมูลไม่ว่าจะส่งมาในรูปแบบใด ยากที่จะทำให้มันไม่หน่วงไม่ lost

        แบบว่าส่งมา 100 แล้วได้ 100 ผมว่ายากมากครับ เต็มที่ก็น่าจะ 99.99999 ซึ่งแม้ Fiber Optic

        เองก็ยังมีครับ แต่เอ๊ะ คิดไปคิดมาชักเริ่มไปมั่นใจระหว่าง lost หรือว่า lag เช่นส่งข้อมูลจากที่นึง ผ่าน

        Fiber Optic ไปยังอีกที่นึงถ้าระยะไกลมันส่งได้ช้ากว่าระยะใกล้แต่ว่าได้ข้อมูลครบ

        Comment


        • ตรงนี้งัยครับ คือ ประเด็นนึง
          สายที่คุณลองแล้วคุณพบความแตกต่างทางเสียง แต่คุณบอกว่ามันไม่เกี่ยวกับ01 หลายคนก็เลย"งง" รวมถึงผมด้วย

          แต่ก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะก็มีบางคนลองแล้วได้เห็นผลต่างทางภาพ แต่ไม่เห็นผลต่างทางเสียง
          เค้าก็เชื่อว่า มีผลกับภาพ แต่ไม่มีผลกับเสียง


          บอกก่อนว่า ผมก็ไม่แม่นทั้งทฤษฏีและปฏิบัติเหมือนกัน
          แต่ผมเชื่อว่า ทั้งคุณและผมและอีกหลายๆคน มีเจตนาในทางที่ดีที่ตรงกัน คือ
          ลองช่วยกันคิดว่า ถ้าจุดไหนมันต่างจริง มันควรจะเป็นจากอะไรได้บ้าง โชคดีก็อาจมีคนที่มีความพร้อมมากกว่า เอาไปขยายผลต่อไป

          Comment


          • จริง ๆ คำถามผมว่าควรเป็นแบบนี้ครับ



            Comment


            • แล้วคุณจะตอบคำถาม คนที่ลองเปลี่ยนเฉพาะสาย แล้วเสียงต่างยังงัยละครับ
              เพราะ คำถามที่เค้าจะถาม ก็คงแนวเดียวกับที่ผมถามคุณ

              ถ้าคุณรู้คำตอบของเรื่องสาย คุณก็จะสามารถตอบเรื่องตัวเครื่องได้
              กลับกัน ถ้าคุณรู้คำตอบเรื่องเครื่อง คุณก็สามารถตอบเรื่องสายได้

              เรื่องของเรื่องมันอยู่ที่มีตัวแปรของจริงที่มีอยู่ในระบบ แต่บางกลุ่มไม่ยอมรับรู้และไม่เต็มใจรับว่ามันมีอยู่จริง
              Last edited by keang; 9 Apr 2011, 17:36:39.

              Comment


              • Originally posted by keang View Post
                ตรงนี้งัยครับ คือ ประเด็นนึง
                สายที่คุณลองแล้วคุณพบความแตกต่างทางเสียง แต่คุณบอกว่ามันไม่เกี่ยวกับ01 หลายคนก็เลย"งง" รวมถึงผมด้วย

                แต่ก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะก็มีบางคนลองแล้วได้เห็นผลต่างทางภาพ แต่ไม่เห็นผลต่างทางเสียง
                เค้าก็เชื่อว่า มีผลกับภาพ แต่ไม่มีผลกับเสียง


                บอกก่อนว่า ผมก็ไม่แม่นทั้งทฤษฏีและปฏิบัติเหมือนกัน
                แต่ผมเชื่อว่า ทั้งคุณและผมและอีกหลายๆคน มีเจตนาในทางที่ดีที่ตรงกัน คือ
                ลองช่วยกันคิดว่า ถ้าจุดไหนมันต่างจริง มันควรจะเป็นจากอะไรได้บ้าง โชคดีก็อาจมีคนที่มีความพร้อมมากกว่า เอาไปขยายผลต่อไป
                ท่านอย่าลืมว่าสาย Digital นะครับ สายเป็นอุปกรณ์นะครับไม่ใช่สัญญาณ

                ผมถึงบอกว่าเราต้องแยกให้ถูกครับ ถ้าเราจะคุยเรื่อง ทฤษฏีของสัญญาณเราต้องคุยเรื่อง

                สัญญาณล้วน ๆ แต่ว่าถ้าเราคุยว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้เสียงเปลี่ยนในระบบ Digital บ้างก็จะเป็นอีก

                อย่างนึง จริง ๆ เรื่องนี้สามารถหาตัวอย่างได้ทุกอุปกรณ์ครับที่เป็น Digital ครับ เช่นการ copy

                ข้อมูลจาก HD ไป HD External ถ้าเราใช้สายราคาถูกมาก ๆ มันจะ copy ได้ช้าหรืออ่านไม่ได้เลย แต่ว่าถ้า

                เราใช้สายคุณกาพดีหน่อยมันก็จะ copy ได้เร็วขึ้น

                Comment


                • Originally posted by keang View Post
                  แล้วคุณจะตอบคำถาม คนที่ลองเปลี่ยนเฉพาะสาย แล้วเสียงต่างยังงัยละครับ
                  เพราะ คำถามที่เค้าจะถาม ก็คงแนวเดียวกับที่ผมถามคุณ

                  ถ้าคุณรู้คำตอบของเรื่องสาย คุณก็จะสามารถตอบเรื่องตัวเครื่องได้ กลับกัน ถ้าคุณรู้คำตอบเรื่องเครื่อง คุณก็สามารถตอบเรื่องสายได้
                  มันเป็นแค่ตัวผ่านครับ อย่าลืมว่ามันไม่ใช่ตัวตั้งต้นที่ทำให้เกิดสัญญาณ

                  เปลี่ยนสายเสียงเปลี่ยน เพราะว่าสายดีมันน่าจะทำสัญญาณได้ไวกว่าไม่ lost

                  อันนี้ตามความเข้าใจนะครับ เดี๋ยวผมออกไปทำธุระข้างนอกก่อนครับ มีเวลาจะเข้ามาตอบครับ

                  Comment


                  • ผมว่ามันมีความต่างออกเป็น 2 ลักษณะ
                    สัญญาน
                    กับ
                    กระเส
                    สัญญานมาครบ แต่กระแสต่างแรง มากน้อย ต่างกัน เป็นไปได้ไหม ที่กระแสเป็นตัวทำให้เสียงเปลี่ยน?

                    Comment


                    • Originally posted by tugy
                      มันเป็นแค่ตัวผ่านครับ อย่าลืมว่ามันไม่ใช่ตัวตั้งต้นที่ทำให้เกิดสัญญาณ

                      เปลี่ยนสายเสียงเปลี่ยน เพราะว่าสายดีมันน่าจะทำสัญญาณได้ไวกว่าไม่ lost

                      อันนี้ตามความเข้าใจนะครับ
                      อยู่ที่แต่ละคน จะมอง จะให้นิยาม "ทางผ่านของสัญญาณ" ในแต่ละส่วนว่ามันคืออะไร
                      แต่คำอธิบายที่คุณบอกมา ผมมองว่ามันยังตอบกลุ่มดิจิตอลได้ไม่หมด เพราะเค้าจะมีข้อโต้แย้งได้

                      ประมาณว่า ไม่ว่า มันจะlost มันจะlag หรือ จะอะไรก็ตาม ขอแค่มีศักย์ไฟที่ต่างกันพอที่จะดีเทค แยกเป็น0เป็น1 ได้ก็พอ
                      ซึ่งเมื่อมันดีเทคได้ จะภาพหรือเสียง ก็ไม่มีทางที่จะเกิดความแตกต่างขึ้นได้

                      ซึ่งคำตอบที่ถูกต้องและสมบูรณ์ จะต้องตอบโจทย์ได้เคลียร์ทั้ง2กลุ่ม

                      แต่ผมใช้การเดาโดยความรู้สึกส่วนตัว คุณฟังแล้วต่าง คุณก็เลยไม่คิดว่า ตัวสายมันเป็นดิจิตอล01ด้วย
                      คุณให้สมมุติฐานส่วนตัวว่า มันเข้าข่ายทางผ่านของไฟฟ้าเหมือนระบบอนาลอค
                      แต่ในส่วนของตัวเครื่อง คุณฟังแล้วไม่แตกต่าง คุณเลยคิดว่า มันเป็นเพราะส่วนนี้เป็นเรื่องดิจิตอล01

                      ( ผมเดาเล่นสนุกๆ อย่าถือสากันน่ะ )


                      Originally posted by HiddenDragon
                      ผมว่ามันมีความต่างออกเป็น 2 ลักษณะ
                      สัญญาน
                      กับ
                      กระเส
                      สัญญานมาครบ แต่กระแสต่าง แรงมากน้อย ต่างกัน เป็นไปได้ไหม ที่กระแสเป็นตัวทำให้เสียงเปลี่ยน?
                      วัดศักย์ไฟที่หัวสายกับปลายสาย อาจไม่ดรอปโวลท์เลย ดรอปเต็มที่ก็มิลลิโวลท์
                      แต่กระแสยังไม่เคยมีใครวัด ซึ่งสโคปก็วัดค่านี้ไม่ได้ซะด้วย

                      หน้าตัดของลวดตัวนำขนาดใกล้เคียงกัน จะตัวนำดีไม่ดี ศักย์ไฟก็ต่างกันแค่มิลลิโวลท์
                      แต่ตัวนำที่ดีจะนำกระแสได้ดีกว่า กระแสเดินทางได้เร็วกว่า

                      ผมว่ามุมมองนี่น่าสนใจ เพราะ สัญญาณทุกชนิดที่ผ่านสายตัวกลาง ก็คือ สัญญาณไฟฟ้า ที่มีศักย์ไฟ ที่มีกระแส เหมือนๆกัน

                      โดยส่วนตัว คิดว่า อย่าลืมเรื่องค่าการตอบสนองช่วงความถี่ของตัวนำในสายด้วย
                      เพราะ ตัวนำแต่ละชนิดจะมีค่าตัวคูณความเร็วที่ต่างกัน ทำให้ตัวนำแต่ละชนิดเหมาะกับความถี่ต่างๆไม่เหมือนกัน
                      ( ค่าตัวคูณความเร็ว คิดจาก ค่าตัวคูณความเร็วของโลหะตัวนำ, อิมพิแดนซ์, เวลา )
                      ซึ่งถ้าค่าที่ได้ไม่สัมพันธ์กัน จะส่งผลย้อนกลับไปหาตัวส่งสัญญาณต้นทางด้วย
                      ( อ่านเพิ่มเติมเรื่องค่าแมชชิ่ง, ค่าSWR ของระบบสายส่ง ของระบบวิทยุสื่อสารก็ได้ )

                      ค่าตัวคูณความเร็วของตัวนำต่างๆ ถ้าพูดในแง่ของฟิสิกส์จะเป็นเรื่องอัตราเร่งของอิเลคตรอน ที่คุณmilestoneเคยพูดไว้ในกระทู้hdmi
                      Last edited by keang; 9 Apr 2011, 20:08:45.

                      Comment


                      • กระแสไม่มีผลหรอกครับ กระแสต่าง ความถี่ก็ต่างตามไปด้วยน่ะครับ มันจะมีผลเรื่องความเร็ว
                        ทำไมสายห่วยมันส่งข้อมูลได้ช้าเพราะ
                        1. มันส่งแล้วหายมันเลยต้องขอเรียกข้อมูลซ้ำอยู่เรื่อยน่ะครับ
                        2. ในช่วงที่อุปกรณ์เริ่มเชื่อมต่อกัน ก่อนส่งข้อมูลมันจะทดลองส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุดและลดลงมาเรื่อยๆจน CLOCK SYN มันตรงกันมันถึงจะเริ่มส่งข้อมูลน่ะครับ ทีนี้ DIGITAL มันส่งแบบไม่สัมพันธ์เวลา มันก็ส่งได้เยอะกว่าจะ ERROR จนทำงานไม่ได้บางทีพักนึง หรือ สัญญาณป้อนกลับไม่ส่งมานานๆระบบมันจะตัดแล้วแจ้วว่ามีปัญหา แบบที่เราเห็นมันฟ้องในคอมนั่นล่ะครับ ผมถึงบอกว่าเรื่อง JITTER มันไม่มีผลหรอก ถ้ามีจนมันทำงานไม่ได้มันก็ฟ้องแล้วหยุดทำงานไป
                        ส่วนเรื่องเสียง ก็อย่างที่บอก มันเพี้ยนได้ในช่วง RESAMPLING ซึ่งค่าสุ่มมันบางทีก็ไม่ตรงกันเป๊ะๆ 100% แต่อาจผิดพลาดได้ 1 ใน 40000 ( 44.1 KHZ ) ยิ่งถ้าฟังด้วยหูผ่าน AMP น่ะ มันก็เพี้ยนจาก AMP มาด้วย AMP ดีที่สุดก็เพี้ยน 1 ใน 1000 อยู่แล้ว ลองเปิด power เฉยๆ ไม่ต่ออะไรเลยก็สังเกตุเสียงรบกวนได้เลยว่ามันไม่นิ่ง มันถึงบอกว่าเถียงกันไม่จบอ้างอิงยาก

                        ที่ผมอธิบายมาต้นๆก็แบบนี้ครับ คือถ้าสัญญาณมาครบ ก่อนเข้า DA มันไม่เพี้ยน แต่มันไปเพี้ยนที่ DA ลงมา คือไปเพี้ยนในกระบวนการแปรข้อมูลและแสดงผล ต่อให้ใช้สายชนิดเดียวกันจริงๆคู่นึงเสียงก็ยังต่างได้เลย ถ้าฟังผ่านลำโพงน่ะครับ เพราะแบบนี้สาย DIGITAL ผมถึงใช้กลางๆหรือถูกถ้าคุณภาพสายเท่าที่ดูมันไม่แย่มาก แต่สาย ANALOG ใช้ดีที่สุดเท่าที่จะเงินจะอำนวย

                        สาย DIGITAL ถ้าวัด OUTPUT ได้ตรง และ ส่งข้อมูลได้เร็วพอที่จะประมวลผลได้ต่อเนื่องสายนั้นก็ใช้งานได้

                        Comment


                        • " กระแสไม่มีผลหรอกครับ กระแสต่าง ความถี่ก็ต่างตามไปด้วยน่ะครับ "
                          กระแส กับ ความถี่
                          ผมนึกภาพไม่ออก มันไปเกี่ยวข้องกันตรงไหน
                          ความถี่ของอะไรครับ ที่ว่าเปลี่ยนแปลงตามกระแส

                          รบกวนช่วยอธิบายรายละเอียดในส่วนนี้เพิ่มเติมด้วยครับ
                          ถ้ามีข้อมูลให้ดูอ้างอิง สำหรับตามไปศึกษาเพิ่มเติมด้วย จะขอบคุณมากเลย


                          " 1. มันส่งแล้วหายมันเลยต้องขอเรียกข้อมูลซ้ำอยู่เรื่อยน่ะครับ "
                          คุณจะสื่อว่า S/PDIF มีการรีเควสให้ส่งข้อมูลซ้ำเหรอครับ
                          ในขั้นตอนการทำงานจุดไหนที่ขอรีเควสข้อมูล และ วงจรส่วนไหนเป็นตัวส่งข้อมูลซ้ำให้ครับ

                          รบกวนช่วยอธิบายรายละเอียดในส่วนนี้เพิ่มเติมด้วยครับ
                          ถ้ามีข้อมูลให้ดูอ้างอิง สำหรับตามไปศึกษาเพิ่มเติมด้วย จะขอบคุณมากเลย


                          " ส่วนเรื่องเสียง ก็อย่างที่บอก มันเพี้ยนได้ในช่วง RESAMPLING ซึ่งค่าสุ่มมันบางทีก็ไม่ตรงกันเป๊ะๆ 100% "
                          ในกรณี เปลี่ยนเครื่องเล่น หรือ เปลี่ยนสายสัญญาณดิจิตอล01 ซึ่งอยู่ข้างหน้าDACน่ะครับ
                          ผมเลยรู้สึกสับสนนิดนึง เปลี่ยนข้างหน้า แต่บอกว่า ผลต่างมันเกิดจากข้างหลัง ซึ่งไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรสักนิด

                          ที่คุยกันอยู่นี่ เป็นการส่งแบบไม่มีการresamplingใดๆ ต้นทางมาแบบไหนก็ปล่อยไปแบบนั้นตามมาตราฐานS/PDIF
                          ออกจากCD Discก็เป็น44.1khz 16bits > ออกจากCD Playerก็เป็น44.1khz 16bits > ผ่านสายก็ยังเป็น44.1khz 16bit > DACก็รับ44.1khz 16bit

                          editเพิ่มเติม ขยายคำถามให้เห็นภาพง่ายขึ้น
                          ชุดที่ใช่ต่อทดสอบ
                          1. เครื่องเล่นCD Transport 2ตัว แบบประหยัด1ตัว(1.1) , แบบผู้ดี1ตัว(1.2)
                          - 1.1 CD-RW ที่มีช่องDigital Out และ แปลงปลายสายเป็นหัวRCAตัวเมีย
                          - 1.2 CD Transport ยี่ห้อWadia ที่มีช่องDigital OutแบบRCA
                          2. สายเชื่อมต่อดิจิตอล แบบRCA
                          3. DAC เซ็ทรับ RCA input, FIXไว้ที่ 44.1KHz 16bit
                          4. แอมปหูฟัง
                          5. หูฟัง

                          ในการทดสอบ
                          - ใช้ 2+3+4+5 เครื่องเดิมตลอดไม่มีการเปลี่ยนเครื่องชิ้นใดทั้งสิ้น
                          - เปลี่ยนเฉพาะ เครื่องเล่นCD 1.1กับ1.2
                          - เปิดฟัง ผลออกมาว่า เสียงต่างกัน

                          จากที่คุณอธิบายข้างบน คุณบอกผมว่า เสียงมันต่างกันเพราะDACตัวที่ผมใช้ .... ใช่ป่าวครับ
                          Last edited by keang; 9 Apr 2011, 21:40:55.

                          Comment


                          • ถามผู้รู้นิดนึงครับ

                            อ้างจากนี่ก่อน
                            พูดถึงเรื่อง ทฤษฎี 01 ไม่มีความแตกต่าง ...อันนี้ก็อยากได้ความรู้เหมือน
                            ถ้า 01 ไม่มีความแตกต่าง กรณีแผ่นเดียวกัน ข้อมูลเดียวกัน AVR+ลำโพง ตัวเดียวกัน
                            เครื่องเล่น DVD ทุกเครื่อง ต่อสาย coax เข้า AVR เสียงเหมือนกันหมดทุกเครื่ิอง
                            เครื่องเล่น BD ทุกเครื่อง ต่อสาย HDMI เข้า AVR เสียงเหมือนกันหมดทุกเครื่ิอง
                            เครื่องเล่น HD Player ทุกเครื่อง ต่อสาย HDMI เข้า AVR เสียงเหมือนกันหมดทุกเครื่ิอง
                            เพราะเสียงสุดท้ายก็อยู่ที่ AVR เป็นตัวแปลงมาอยู่ดี
                            ตามหลักการควรเป็นเช่นนี้....แล้วในความเป็นจริงนี้เป็นอย่างไรครับ
                            หรือว่าเรากำลังโดนหลอก..โดยเฉพาะ เครื่องเล่น BD ที่ต่างยี่ห้อต่างรุ่น ช่องว่างของราคาต่างกันเป็นหมื่น

                            เรื่องนี้ถกเถียงจาก
                            http://www.overclockzone.com/forums/...ad.php/1246337
                            ทำให้อย่ากรู้ว่าเสียงจาก Onboard หรือ Sound แยก ส่งต่อสัญญาณ Digital เสียงไม่แตกต่าง
                            ขอถามว่า เสียงจาก HDMI เป็น Digital ใช่หรือเปล่าครับ
                            ถ้าใช่ ทำไมจาก
                            http://www.overclockzone.com/forums/...ad.php/1122112
                            ถึงมีคนบอกว่าเสียงต่างกัน คือ ati เสียงจะเนียนกว่าครับ แต่เบสและความหนักแน่น nvidia ดีกว่าครับ
                            อย่ากทราบจริง ๆ

                            Comment


                            • Originally posted by Comscience2k View Post
                              ถามผู้รู้นิดนึงครับ

                              อ้างจากนี่ก่อน
                              พูดถึงเรื่อง ทฤษฎี 01 ไม่มีความแตกต่าง ...อันนี้ก็อยากได้ความรู้เหมือน
                              ถ้า 01 ไม่มีความแตกต่าง กรณีแผ่นเดียวกัน ข้อมูลเดียวกัน AVR+ลำโพง ตัวเดียวกัน
                              เครื่องเล่น DVD ทุกเครื่อง ต่อสาย coax เข้า AVR เสียงเหมือนกันหมดทุกเครื่ิอง
                              เครื่องเล่น BD ทุกเครื่อง ต่อสาย HDMI เข้า AVR เสียงเหมือนกันหมดทุกเครื่ิอง
                              เครื่องเล่น HD Player ทุกเครื่อง ต่อสาย HDMI เข้า AVR เสียงเหมือนกันหมดทุกเครื่ิอง
                              เพราะเสียงสุดท้ายก็อยู่ที่ AVR เป็นตัวแปลงมาอยู่ดี
                              ตามหลักการควรเป็นเช่นนี้....แล้วในความเป็นจริงนี้เป็นอย่างไรครับ
                              หรือว่าเรากำลังโดนหลอก..โดยเฉพาะ เครื่องเล่น BD ที่ต่างยี่ห้อต่างรุ่น ช่องว่างของราคาต่างกันเป็นหมื่น

                              เรื่องนี้ถกเถียงจาก
                              http://www.overclockzone.com/forums/...ad.php/1246337
                              ทำให้อย่ากรู้ว่าเสียงจาก Onboard หรือ Sound แยก ส่งต่อสัญญาณ Digital เสียงไม่แตกต่าง
                              ขอถามว่า เสียงจาก HDMI เป็น Digital ใช่หรือเปล่าครับ
                              ถ้าใช่ ทำไมจาก
                              http://www.overclockzone.com/forums/...ad.php/1122112
                              ถึงมีคนบอกว่าเสียงต่างกัน คือ ati เสียงจะเนียนกว่าครับ แต่เบสและความหนักแน่น nvidia ดีกว่าครับ
                              อย่ากทราบจริง ๆ
                              ถ้่าอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า สาย HDMI เส้นเดียวกัน AVR ตัวเดียวกัน ส่งข้อมูลไป

                              ใน Mode Pass-through เหมือนกัน ทฤษฏีที่ว่าไม่แตกต่างจะเป็นเท็จครับ

                              แต่ว่าเท่าที่ผมไม่อ่านข้อมูลที่เขาให้ยังน้อยไปนิดครับ เลยยังสรุปไม่ได้

                              ถ้าเป็นไปได้ช่วยหาข้อมูลเพิ่มให้ผมหน่อยก็ดีครับ เพราะผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนในนี้

                              ก็อยากทราบเช่นกัน รวมถึงผมด้วยครับ

                              แต่ผมลองระหว่าง Sound Onboard กับ Soundcard รุ่น Top ๆ ผมว่ามันไม่ต่างครับ

                              Comment


                              • วันนี้งานยุ่งๆเอา เรื่องกระแส กับความถี่ก่อนนะครับ และเรื่อง RESAMPLING ก่อนนะครับ เรื่องอื่นยาวขอพักหน่อยแล้วจะอธิบายให้ฟังซ้ำอีกครั้งอย่างละเอียด และช่วยรบกวนตอบคำถามเดิมคำถามนึงสำหรับคนที่แยกความแตกต่างของสาย HDMI ได้นะครับ
                                1 เรื่องกระแส กับความถี่นะครับ ที่บอกว่ากระแสไม่เกี่ยวเพราะการใหลของไฟฟ้าจะมีแรงดันและกระแสเหมือนน้ำ คือมีทั้งแรงดันและปริมาณ ทีนี้การส่ง DIGITAL มันส่งด้วยการเปิดและปิด ถ้าเปิดถึงจะมีกระแสใหลถูกใหม ทีนี้ถ้าบางบล็อคของข้อมูลมันมี Bit 1 มากกระแสมันจะใหลมาก กว่าตัวที่มี BIT 1 น้อยกว่า ถ้าเอากระแสเป็นที่ตั้ง มันจะแกว่งไปมาตลอดเวลา ผู้คิดค้นถึงใช้การจับความแตกต่างของแรงดันแทนเพราะแรงดันมันคงที่หรือเปลี่ยนแปลงไม่มากจนทำให้การส่งข้อมูลมีปัญหา ผมถึงบอกว่ากระแสไม่เกี่ยว แต่ความถี่เกียว เพราะยิ่งความถี่สูง การเปิดปิดเร็ว มันทำให้ TRASISTER ทำงานหนักมันถึงต้องลดแรงดันและกระแสลงมา และการส่งข้อมูล DIGITAL มันต้องใช้ความถี่ในการแบ่งช่องข้อมูล ความถี่สูงช่องข้อมูลจะมากมันก็ส่งข้อมูลได้มากตาม หลักการส่งข้อมูล DIGITAL มันประบุกต์มาจากการส่งรหัสมอส ที่ได้รับการยอมรับแล้วว่าแม่นยำที่สุดทั้งที่มีวิทยุแล้วก็ตามเพราะคำพูดมันเพี้ยนได้แต่รหัสมันไม่เพี้ยน เพราะฉนั้น คนส่งคนรับก็จะคอยส่งรหัส จุด และ ขีดที่แสดงแทนข้อมูล ทั้ง 2 คนต้องดูนาฬิกาว่าจะเคาะทุกๆ 1 วินาที หรือ 1 นาที ถ้าเคาะ 1 วิ มันเร็วกว่า 1 นาทีใช่ใหม แต่นาฬิกาคนรับมันไม่มเข็มวิ มีแต่เข็มนาที มันก้ต้องตั้งตามคนรับ ไม่งั้นมันจะส่งข้อมูลรู้เรื่องได้ไง ถูกใหม อันนี้จบ
                                2 การ SAMPLING และ RESAMPLING คือการเข้าและถอดรหัสข้อมูล ที่ไม่เป็นเชิงเส้น กล่าวคือ ถ้าข้อมูลเป็นเชิงเส้นก็ขิฃีดค่าตรงๆก็จบแบบ AD ของเครื่องมือวัด แต่สัญญาณเสียงมันไม่เป็นเชิงเส้น มันถึงต้องประมาณค่า ความโค้งแบบที่ผมอธิบายถึงกระดูกงูนั่นแหละ คือข้อมูลมันแทนค่าความแรงและความถี่ แต่มันบอดจุดของมันว่าอยุ่จุดนี้ จึงต้องสุ่มค่าเพื่อประมาณกราฟ ค่า SAMPLING มันคือค่าประมาณ ของ SEGMENT CURVE ซึ่ง AD และ DA จะใช้ตำราเล่มเดียวกัน เมื่ออัดเสียงในห้องอัดมันจะบันถึกมาพร้อมกัน ทีนี้เวลาฟังมันต้องถอดรหัส SAMPLING นี้ออกมาถึงบอกว่า RESAMPLING เพราะมันเป็นของ DA ไงครับ ชื่อมันก็บอกอยุ่แล้วว่าสุ่ม มันก็จะสุ้มค่าความเป็นเชิงเส้นออกมาให้ผ่านจุดข้อมูลทั้งหมด แต่มันไม่เป๊ะ 100% เพราะมันเป็นการประมาณค่า ซึ่ง CD ใช้ 44.1 หรือ 44100 แต่ผมให้กลมๆที่ 1 ใน 40000 จะได้จำง่ายๆ ผมถึงบอกว่าฟังครั้งที่ 1 กับ 2 จะไม่เหมือนกัน แต่คล้ายกัน เพราะมันสุ่ม มันจะแกว่งไปเรื่อยนั่นแหละ แต่มันสั้นมากจนคนแยกไม่ออก ถึงมันจะสุ่มครั้งแรกกับหลังต่างกัน 20000-30000 ระดับ เราก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ผมก็ถึงถามว่าฟังออกใหม ซึ่งก็เหมือนกับ AMP ที่มีความเพี้ยนเล็กๆ ถ้าเปิดเพียวๆจะพบว่ามันแกว่ง AMP ดีมันจะแกว่งค่อนไปทาง สูงหรือ ต่ำ มากกว่าจะแกว่งเละเทะและผมใช้วิธีนี้ทดสอบ AMP ที่ผมยกกลับมาบ้านก่อนเพื่อทำใจเสมอน่ะครับ ผมถึงบอกว่ามันจริงครึ่งเชื่อครึ่งเถียงกันยาก

                                และคนที่ยกสาย HDMI มา คุณเคยทักบ้างมั้ยว่า เอะวันนี้หนังสือพิมพ์สีมันจืดใหมหว่า ก่อนถึงวันนี้นะครับ ถ้ายกสาย HDMI มาอ้างจากภาพใน LCD ต้องแยกเรื่องแบบนี้ได้ก่อน เพราะหลอดไฟบนหัวน่ะ มันมีอายุ 2000 ชั่วโมงโดยประมาณ มันจะมืดลงไปที่ 40 % ในช่วงนั้น และแสงที่ได้มันผสมมา มันจะลดไปแบบสุ่มเหมือน Contrass ของ LCD ทุกวันถ้าเราเปิด 4 ชั่วโมง โดยฉลี่ย มันจะลด CONTRAS ลง 2 ใน 2000 ทีนี้ 1 สัปดาห์เท่าไหร่ 1 เดือนเท่าไหร่ แต่เคยทัก หรือรู้สึกใหม ก่อนจะพูดถึงเรื่อง CONTRAS ของ LCD และ HDMI น่ะนะครับ
                                Last edited by ssk; 10 Apr 2011, 17:11:46.

                                Comment

                                Working...
                                X