Announcement

Collapse
No announcement yet.

ทฤษฎี ดิจิตอล (01) ไม่มีความแตกต่าง ..ด้านเสียง...ชัวร์หรือมั่วนิ่ม

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • Originally posted by CK View Post
    อ่านหน้าแรกแล้วมาน่าสุดท้ายเลย อย่างว่าถ้า output (ของทุกเครื่องเหมือนกัน) = input (ของทุกเครื่องเหมือนกัน) ผมว่าไม่ต่างนะ แต่ว่าทำไมสายแต่ละเส้นเสียงไม่เหมือนกันหวา 555 คิดไปก็วุ่นวาย ดูหนังดีกว่า
    ^
    ที่ให้ใช้สายทดสอบ เพราะว่า
    ไม่ว่าจะใช้การส่งรูปแบบไหน แปลงค่าบิทเรทไปอย่างไร
    หรือจะเติม เอฟเฟค อย่างไร
    ชุดข้อมูลหน้าสาย กับชุดข้อมูลหลังสาย(ชุดข้อมูลภายในสาย)
    ไม่มีการเปลี่ยนแปลง...แน่นอนครับ
    จะเป็นสายอะไรก็ตาม
    HDMI
    USB
    COAX
    Last edited by tiger X-fi; 9 Dec 2013, 05:15:06.

    Comment


    • ผมไม่ได้เอาชนะ แต่ผมชี้แจง คุยกันเพื่อทำความเข้าใจทฤษฏี และ กายภาพของตัวมัน ถ้าไม่ใช่เรื่องทฤษฎี ผมจะไม่ก้าวเข้ามาเลย
      สุดท้ายอยู่ที่คนตามดูว่าเขาจะคิดยังไงนะครับ

      อย่างที่ผมบอก มันไม่มีผลกับเสียงหรอก
      - เรื่องนี้มันเรื่องความพยายามเอาความรู้ ANALOG มาครอบ DIGITAL ทั้งๆที่ มันเป็นเรื่องคนละด้าน ถือตำราคนละเล่ม
      คุณเปลี่ยนไปกี่ญี่ห้อมันก็เหมือนเดิมถ้าค่าเดิม เพราะสัญญาณที่เข้ามันข้อมูล DIGITAL ของเสียง ไม่ใช่ สัญาณ ANALOG ของเสียง

      เพราะถ้าเปลี่ยน R มันจะทำให้ค่า IMPEDANCE เปลี่ยน Amplitude ของสัญญาณจะเปลี่ยน ถ้ามาก มันจะ Drop จน Trick Logic + ไม่ได้
      เปลี่ยน C คุณบอกว่ากรองความถี่ รู้มั้ยมันกรองความถี่อะไร มันกรองความถี่ของสัญญาณรบกวน ที่มันน้อยกว่าสัญญาณข้อมูลของเสียง ผลคืออะไร C มันก็เหมือนถังน้ำ ถ้าเติมไม่เต็มจนล้น มันก็จะไม่นำไฟฟ้า ถ้าเปลี่ยน C ให้ค่ามันมากขึ้น มันจะทำให้เกิด time-shift หรือ Bit Width เปลี่ยน เนื่องจากระยะยะเวลาคายประจุเปลี่ยน

      ทั้ง 2 ตัวทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า หาข้อมูลไม่เจอ

      แล้วไม่มีไครทำหนักๆเท่าไหร่ด้วย เห็นโมภาคจ่ายไฟ C-R Output วึ่งมันไปทำให้สัญญาณที่ออกมาจาก DAC เปลี่ยน แกะ DAC ตัวใหนมาก็เห็น ว่ามันมักจะต่างกันตรงนี้

      ส่วนที่คุณยกมา สาย S/PDIF มันสื่อสารทางเดียวแบบ Sycronous การดัดแปลงอันนี้ผมเห็นด้วยมันทำให้สัญญาณมัน LOSS น้อย การแก้ค่าก็ลดลง แน่นอน การแปรค่าก็จะดีขึ้น เนื่องจากมันไม่มีตัวเทียบ มันต้องเดา ชัดมั้ย ยุคสมัยเปลี่ยน ตัวมันพ้นยุคไปแล้ว เพราะมีสาย USB ที่ทำให้ DAC เปลี่ยนไป

      Asynchronous transmission uses start and stop bits to signify the beginning bit[citation needed] ASCII character would actually be transmitted using 10 bits. For example, "0100 0001" would become "1 0100 0001 0". The extra one (or zero, depending on parity bit) at the start and end of the transmission tells the receiver first that a character is coming and secondly that the character has ended. This method of transmission is used when data are sent intermittently as opposed to in a solid stream. In the previous example the start and stop bits are in bold. The start and stop bits must be of opposite polarity.[citation needed] This allows the receiver to recognize when the second packet of information is being sent.

      สรุบคือ เอาคนมานั่งรอ พร้อมบัตรคิว ถ้าหายก็เรียกใหม่ ถ้าไม่มี ก็ดูช่องว่างเอา แล้ว Block นึงมันระดับ 1/1000 S นะ ฟังกันออกจริงๆหรือ

      Synchronous transmission uses no start and stop bits, but instead synchronizes transmission speeds at both the receiving and sending end of the transmission using clock signal(s) built into each component.[vague] A continual stream of data is then sent between the two nodes. Due to there being no start and stop bits the data transfer rate is quicker although more errors will occur, as the clocks will eventually get out of sync, and the receiving device would have the wrong time that had been agreed in the protocol for sending/receiving data, so some bytes could become corrupted (by losing bits).[citation needed] Ways to get around this problem include re-synchronization of the clocks and use of check digits to ensure the byte is correctly interpreted and received

      สรุบคือ แถวตอนเรียงหนึ่ง ถ้าผิดก็ดูเอาว่าคนหน้ามันสูงต่ำยังไง

      ผมถึงบอกว่า เราต้องใช้ของใหม่ที่สุดเสมอสำหรับ DIGITAL เพราะมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มี DAC ดีๆ ต่อ S/PDIF นี่เสียของ มี AV reciver ดีๆ ต่อ Optical นี่ก็เสียของ USB-HDMI ทำไมไม่ใช้ มันถึงยุคที่อุปกรณ์มันฉลาดขึ้น คุยกันได้ดีขึ้น สามารถจัดการข้อมูลได้ด้วยตัวเอง ตามที่ผมเคยบอก เหลือแค่ DAC ที่ BUFER มันใหญ่ขนาดพักข้อมูลได้ทั้งเพลง จริงๆมันมีนะ แต่มันไม่ใช่ DAC พวก HD-Player นั่นแหละคือคำตอบของวันนี้ ถ้าตัวใหน DSP-DAC เทพๆนี่ใช่เลย

      ส่วน JITTER มันไม่ใช่ผี มันคือเงา JITTER เกิดมาพร้อมระบบ DIGITAL เพราะผลของการส่งผ่านมันทำให้เกิด การเลื่อนของช่วงสัญญาณ แต่มันถูกแก้ใขมาแล้วด้วยการใช้ Timing State แก้ใขมาตั้งแต่ยุคแรกๆแล้ว ถ้า Jitter มันทำให้ระบบมีปัญหาขนาดนั้นคุณ Copy file ลง Thumdrive แล้วไปฟังที่อื่นไม่ได้หรอก เพราะมันจะเพี้ยนจนย้ายข้อมูลไม่ได้ อยากรู้จักสุดยอด Jitter มั้ย ก็อย่างผมเคยยกมา คุณดู TV ดาวเทียมกันอยู่มั้ย ทำไมมันดุได้ ทั้งๆที่ Jitter มันเยอะกว่า สาย SPDIF อีก

      ผมจบหัวข้อของปีนี้แค่นี้พอครับ รอเทคโนโลยี ยุคต่อไปครับ
      Last edited by ssk; 8 Dec 2013, 16:33:45.

      Comment


      • กำ...
        C แต่ละค่า ทำงานที่ช่วงความถี่ต่างกัน
        เค้าถึงใช้ C ค่าน้อยๆ ตัดช่วงความถี่ต่ำออกไป
        ให้ทำงานเฉพาะช่วงความถี่สูง
        ตรงนี้ความรู้พื้นฐานเลยครับ
        ------------
        ANALOG หรือ DIGITAL
        ก็ใช้ ไฟฟ้า เหมือนกัน
        พวก C R l โลหะ (สายสัญญาณ /ทางเดินสัญญาณ)
        มันไม่รู้หรอกว่ามันทำงานANALOG หรือ DIGITAL
        แต่มันทำงานตามคุณลักษณะทางไฟฟ้าของมัน
        เท่านั้นเองครับ
        -----
        ถ้าบอกว่า
        R ค่าเดียวกัน คุณลักษณะทางไฟฟ้าเหมือนกัน
        C ค่าเดียวกัน คุณลักษณะทางไฟฟ้าเหมือนกัน
        โรงงานผลิตพวกนี้คงบ้า
        R ค่าเดียวกันมีตั้งหลายวัสดุ หลายเกรด
        C ค่าเดียวกันมีตั้งหลายวัสดุ หลายเกรด
        แถมบริษัทใหญ่ๆ มีข้อมูล ดาต้าชีท
        มากำกับการใช้งานอีกด้วย
        --------
        อันนี้แค่บริษัทดียวนะ Elna Capacitors
        http://www.elna.co.jp/en/capacitor/p...alog_07_08.pdf
        Last edited by tiger X-fi; 10 Dec 2013, 08:00:10.

        Comment


        • กรรม R-C สลับที่กัน ถูกครับ แต่ผมอธิบายหลักการ ของมันคร่าวๆน่ะครับ เพราะเรื่องความถี่มันมีคุณสมบัติของ C มากวนด้วย แล้วมันก็ไม่ได้ มี C ค่านี้ค่าเดียวที่ทำงานได้ในย่านความถี่นี้ด้วยถูกมั้ยครับ
          ผมก็ไม่ได้ Elec เป๊ะๆนะครับ
          แล้วมันก็ทำหน้าที่ตามที่ผมอธิบายไว้ด้วย

          แต่ก็อย่างที่พูดถึงตรงนี้ผิดเพราะผมไม่รู้จริงทีเดียว แต่ตัวทฤษฎีก็ไม่ผิดนะครับ ถึงเปลี่ยนเกรด ผลก็เหมือนเดิม เปลียนค่าสิ ผลก็จะอกมาอย่างที่ผมอธิบายนั่นละครับ
          มันไม่มีผลขนาดทำให้เสียงมันอิ่มขึ้นหรอกครับ มีแค่ เจอ ไม่เจอ แค่นั้น
          Last edited by ssk; 8 Dec 2013, 16:41:24.

          Comment


          • ถ้าเปลี่ยนค่า เช่นไปใช้ค่ามากๆ ทำงานที่ช่วงความถี่ต่ำ
            หลุดช่วงการทำงาน...ผลก็คือ ใช้งานไม่ได้ครับ
            ---------
            ส่วนเรื่อง การลอง คงต้องกันเอง
            บอกได้แค่ว่า ถ้าคิดง่ายๆ
            ถ้าสายมีผลกับเสียง
            ขาอะไหล่ ก็มีผลต่อเสียงเหมือนกัน
            ------------
            รู้สึกว่ายังเหมือนเดิม
            แยกการโอนถ่ายข้อมูลแบบมัลติมีเดีย
            กับการโอนถ่ายข้อมูลแบบดาต้าไม่ออก
            Originally posted by ssk View Post
            ถ้า Jitter มันทำให้ระบบมีปัญหาขนาดนั้นคุณ Copy file ลง Thumdrive แล้วไปฟังที่อื่นไม่ได้หรอก เพราะมันจะเพี้ยนจนย้ายข้อมูลไม่ได้
            Jitter ไม่ได้ทำลายดาต้า
            เพียงแต่ทำให้เวลาช้าลง ไม่เสมอกัน
            การโอนถ่ายข้อมูลแบบดาต้า ถ้ามี Jitter ในระบบ
            ทำให้เวลาการโอนถ่ายข้อมูล ช้าลงเท่านั้นเอง
            -----------
            การโอนถ่ายข้อมูลแบบมัลติมีเดีย
            ถ้า เป็น 1-10
            ข้อมูล จะเรียงตามลำดับ 123...8910
            เวลา จะมีผลกระทบมาก
            การโอนถ่ายข้อมูลแบบดาต้า
            ถ้า เป็น 1-10
            ข้อมูล จะมาแบบไหนก็ได้ แค่เรียงตามตำแหน่งของมัน
            8613542107 อะไรจะมาก่อนมาหลังก็ได้
            แค่ลงตามมตำแหน่งของมัน(123...8910) เหมือนตัวจิ๊กซอว์
            แล้วมีการตรวจสอบอีกที เวลาจะมีส่วนแค่ช้า-เร็วเท่านั้น
            กับการโอนถ่ายข้อมูลแบบดาต้า

            ตัวอย่าง
            เช่น ฟังเพลงยาว 5 นาที
            การโอนถ่ายข้อมูลแบบมัลติมีเดีย ต้องยาว5 นาที
            เปิดโปรแกรมเล่น
            ถ้ามี Jitter เข้ามา เวลาที่เล่น 5นาที
            เวลาจริงกลายเป็น 5.001 นาที
            เสียงมีการเปลี่ยนแน่นอน
            การโอนถ่ายข้อมูลแบบดาต้า เวลาไม่สนใจ
            อาจจะแค่ 5วินาที ถ้ามี Jitter อาจกลายเป็น 6วินาที

            Originally posted by ssk View Post
            อยากรู้จักสุดยอด Jitter มั้ย ก็อย่างผมเคยยกมา คุณดู TV ดาวเทียมกันอยู่มั้ย ทำไมมันดุได้ ทั้งๆที่ Jitter มันเยอะกว่า สาย SPDIF อีก
            เปลี่ยนจานรับสัญญาณ เปลี่ยนสายสัญญาณ
            ทำให้ภาพและเสียงดีขึ้น
            -----
            Originally posted by ssk View Post
            ผมถึงบอกว่า เราต้องใช้ของใหม่ที่สุดเสมอสำหรับ DIGITAL เพราะมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มี DAC ดีๆ ต่อ S/PDIF นี่เสียของ มี AV reciver ดีๆ ต่อ Optical นี่ก็เสียของ USB-HDMI ทำไมไม่ใช้ มันถึงยุคที่อุปกรณ์มันฉลาดขึ้น คุยกันได้ดีขึ้น สามารถจัดการข้อมูลได้ด้วยตัวเอง ตามที่ผมเคยบอก เหลือแค่ DAC ที่ BUFER มันใหญ่ขนาดพักข้อมูลได้ทั้งเพลง จริงๆมันมีนะ แต่มันไม่ใช่ DAC พวก HD-Player นั่นแหละคือคำตอบของวันนี้ ถ้าตัวใหน DSP-DAC เทพๆนี่ใช่เลย
            Originally posted by ssk View Post
            แต่จริงๆ น่าจะเลิกยก S/PDIF ได้แล้วนะครับ ผ่านหลายปีแล้ว มันพ้นสมัยแล้วล่ะ
            ถ้ายกมาคุยพอได้ แต่ยุให้ใช้นี่ลำบากใจจริงๆ
            ชิบ usb มันส่งสัญญาณตัวไหนไปหา ชิบ DAC
            คนใช้ AVR ก็ยังมีใช้ coax ฟังเพลง แทนที่จะใช้ HDMI อยู่ เหตุผลเพราะชอบใจเสียงมากกว่า
            DAC ตลาดรุ่นล่างๆ(น่าจะส่วนมาก) ส่งข้อมูล(บิทเรท)ทาง USBได้น้อยกว่า ทาง COAX
            ------------
            เห็นคุณ ssk สนใจ Asynchronous เลยเอามาไว้สักหน่อย
            Originally posted by tiger X-fi View Post
            เอามาปล่อย spdif ได้ครับ ...น่าจะคุ้มนะใช้อย่างอื่นได้ด้วย

            น่าจะรองรับ DSD ด้วย(ไม่แน่ใจนะครับ)
            Asus Xonar U7
            Audio Processor :C-Media 6632A High-Performance Sound Processor (Max. 192KHz/24bit)
            ตัวมันรองรับ 32bit แต่ปล่อยS/PDIF ได้ตามด้านล่าง
            S/PDIF Digital Output :
            44.1K/48K/88.2K/96K/176.4K/192KHz @ 16bit/24bit



            Analog Output
            4 x 3.5 mm jack (1/8") (Headphone out /Side out/Center-Subwoofer out/Rear out)
            2 x RCA (Un-Balanced) (Front out)
            Analog Input
            1 x 3.5 mm jack (1/8") (Line-in/ Mic-in combo)
            Digital
            1 x S/PDIF out (1 x Coaxial)
            ------------
            http://www.asus.com/Sound_Cards_and_...specifications
            -----------
            C-Media USB2.0 High Speed
            http://www.cmedia.com.tw/ProductsInd...ySerno-27.html
            Originally posted by tiger X-fi View Post
            CM6632A USB Compliance
            USB specification 2.0 high-speed-compatible
            Latest USB audio device class 2.0/1.0-compatible
            USB human interface device (HID) Class 1.1-compliant
            Supports USB suspend/resume/reset functions
            Asynchronous synchronization transfer to reduce clock jitter
            Supports control/interrupt/bulk/isochronous data transfers

            แต่บอกไว้อย่าง
            จากชิบ usb ไปชิป dac
            มันไม่ได้มีบัฟเฟอร์ หรือข้อมูลผิดแล้วร้องขอใหม่อย่างที่คุณเข้าใจหรอกครับ
            Cirrus Logic CS4398


            -------
            Originally posted by ssk View Post
            แล้วบทความนี้เขาพูดถึง CLOCK JITTER เนื่องจากอะไร Time Syncronus ระหว่างคอมกับ DAC ใช่มั้ยครับ แต่ได้อ่านมั้ยว่าเขาส่งข้อมูลแบบ TIME FRAME คือส่งมาแบบว่า วินี้เสียงอะไร เหมือนส่ง Director มาสั่งวง Orchestra น่ะว่าตัวใหน คีย์อะไร เขาคุยถึง Bidirectional ที่มีการส่งข้อมูลกลับไปมาระหว่างกัน ได้อ่านดูมั้ยครับ หรือเอาแค่ JITTER ก็จะ FOCUS อยู่แค่นั้น JITTER มันขึ้นกับ DAC แล้วล่ะว่า CLOCK แม่นขนาดใหนนะครับ เขาชี้แจงแล้วว่า TECHNOLOGY มันเปลี่ยนแล้ว เขาเลิกใช้ REALTIME Streamnig แล้ว แต่ส่งก้อนข้อมูลไปให้ DAC จัดการตามสบายน่ะครับ ทีนี้ดีไม่ดีขึ้นกับตัว DAC นั่นแหละ ไม่ใช่ตัวข้อมูลที่คอมส่งให้แล้วล่ะครับ
            Originally posted by ssk View Post
            ส่วนที่คุณยกมา สาย S/PDIF มันสื่อสารทางเดียวแบบ Sycronous การดัดแปลงอันนี้ผมเห็นด้วยมันทำให้สัญญาณมัน LOSS น้อย การแก้ค่าก็ลดลง แน่นอน การแปรค่าก็จะดีขึ้น เนื่องจากมันไม่มีตัวเทียบ มันต้องเดา ชัดมั้ย ยุคสมัยเปลี่ยน ตัวมันพ้นยุคไปแล้ว เพราะมีสาย USB ที่ทำให้ DAC เปลี่ยนไป
            ยิ่งอ่าน...ยิ่งพาลงทะเล
            การฟังเพลง มีลำดับขั้นตอนยังไง
            USB มันก่อนหน้า หรือหลัง โปรแกรมที่เล่น
            แล้ว โปรแกรมที่มันส่ง สัญญาณแแบไหนออกมา
            เหมือนจะเอา การโอนถ่ายข้อมูลแบบดาต้า
            มาเทียบอย่างเดียวเลย ไม่เข้าใจการโอนถ่ายข้อมูลแบบมัลติมีเดีย ไม่เข้าใจลำดับขั้นตอนการทำงาน
            Last edited by tiger X-fi; 14 Dec 2013, 10:41:27.

            Comment


            • ผมลองกับสาย USB แต่ละเส้นเสียงไม่เหมือนกันเลย ผมเชื่อว่าอุปกรณ์ในการทำเครื่องเสียงแต่ละชิ้นมีผลกับเสียงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม

              Comment


              • Originally posted by Vibrato View Post
                ผมลองกับสาย USB แต่ละเส้นเสียงไม่เหมือนกันเลย ผมเชื่อว่าอุปกรณ์ในการทำเครื่องเสียงแต่ละชิ้นมีผลกับเสียงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม
                ผมว่าหลักๆทุกอุปกรณ์มันเป็นเรื่องของไฟมากกว่าน่ะครับ สายUSB สายลำโพง สายสัญญาณ
                C R Opamp อุปกรณ์ในเครื่องเสียงหลักๆคือเกี่ยวกับไฟที่จ่ายทั้งนั้น
                ข้อมูลจากตัวเพลงดั้งเดิมมันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละครับ พอผ่านอุปกรณ์ต่างๆอาจขยายขึ้น คมขึ้น ทุกอย่างส่งข้อมูล0-1 เหมือนเดิมแต่กระแสไฟมันไม่ใช่
                สุดท้ายแล้วยังไงมันก็ต้องแปลงเป็นAnalog ซึ่งตัวนี้แหละที่บอกได้ว่าDigital มันจะเที่ยงตรงก็มาเปลี่ยนแปลงที่จุดเดิมที่เป็นAnalog เพื่อฟังอยู่ดี

                Comment


                • แปลกใจ..เล็กๆ
                  หลายปีผ่านไป..กับเรื่องดิจิตอล
                  หลายคนยังไม่เข้าใจระหว่าง
                  การโอนถ่ายข้อมูลแบบ มัลติมีเดีย
                  การโอนถ่ายข้อมูลแบบ ดาต้า

                  Comment


                  • กระทุ้เก่ามากเลย เพิ่งจะเข้ามาดู แวะมาแสดงความคิดเห็นส่วนตัวว่า

                    ข้อมูลดิจิตอล ยังไงก็เหมือนกัน สำหรับสัญญาณดิจิตอลแล้ว ถ้าผู้ผลิต Sound Card ไม่ปรับแต่งอะไรข้อมูลเลย คงขาย Sound ไม่ออกแน่ อาจมีการปรับแต่ง Digital Filter ไว้ชดเชย เผื่อชุดแปลง D/A ก็ได้ ข้อมูลผลิตภัณฑ์จริง ๆ กับข้อมูลทางการค้าไม่เหมือนกันแน่นอน

                    นอกจากข้อมูลดิจิตอลในสายเชื่อมต่อแล้ว อาจต้องมามองเรื่อง ความต้านทานหน้าสำผัส และความต้านทานภายในสาย สำหรับอุปกรณ์ดึงไฟจากสายนั้นด้วย

                    Comment


                    • Originally posted by tiger X-fi View Post
                      ^
                      ที่ให้ใช้สายทดสอบ เพราะว่า
                      ไม่ว่าจะใช้การส่งรูปแบบไหน แปลงค่าบิทเรทไปอย่างไร
                      หรือจะเติม เอฟเฟค อย่างไร
                      ชุดข้อมูลหน้าสาย กับชุดข้อมูลหลังสาย(ชุดข้อมูลภายในสาย)
                      ไม่มีการเปลี่ยนแปลง...แน่นอนครับ
                      จะเป็นสายอะไรก็ตาม
                      HDMI
                      USB
                      COAX
                      เพิ่ม port ไม้แขวนเสื้อ ด้วยได้มั้ยครับ แบบว่าชอบ
                      (ติดตามอ่านอยู่ครับ)

                      Comment


                      • เค้าสรุปให้คับบ
                        คนที่ว่ามันต่าง
                        1.กุขายสายDigitalขายสายHDMIถ้าไม่ต่างกัน คนก็ไปซื้อถูกๆตามโลตัสบิ๊กซีกุก็ซวยซิ
                        2.กุบังเอิญซื้อไอ้ที่แพงๆมาใช้ ขืนกุว่าไม่ต่าง กุจะขายต่อได้ไห ขาดทุนหมด รอกุปล่อยสายก่อนเต๊อะ

                        คนที่ว่าไม่ต่าง
                        1.มรึงก็ยึดถือตามทฤษฏีเป๊ะเกินไปนะสาสสส มรึงรูไหม วงการเครื่องเสียงมรึงแค่ตดเบาๆ เสียงก็เปลี่ยนแล้ว
                        2.มรึงอย่าไปเถียงเลย เพื่อนกูมันเอารีโมทเปิดเครื่องกับเอานิ้วไปเปิดเครื่องมันยังว่าเสียงไม่เหมือนกัน แล้วมรึงจะไปเถียงทำไมไม่มีประโยชน์หรอก พวกมรึงเข้าไม่ถึงกันเอง
                        Last edited by 6Lokซิ่ว; 17 Dec 2013, 23:56:53. Reason: ***ไม่ขึ้น

                        Comment


                        • ^
                          อ่านแล้วก็ขำ
                          อวตาร ใครหรือป่าวนี่
                          ---------
                          พอไปไม่รอดอาศัย ดริฟคิง....ไปเรื่องรีโมทเลย...คุ้นมาก
                          เหตุผล....สุดยอด

                          Comment


                          • อันนี้ผมเคยโพสไว้ที่เว็ปนึง
                            -------
                            สายไฟ สายสัญญาณ
                            มันก็แค่เรื่อง กระแสไฟฟ้า ตัวนำไฟฟ้า
                            ดิจิตอล ก็เอาศักย์ไฟฟ้า มาเทียบค่าเป็น 0 1
                            ---------
                            ไม่ใช่เรื่องแปลกที่
                            บางท่านเปลี่ยน สาย HDMI แล้วไม่เห็นความแตกต่าง
                            บางท่าน ว่าภาพต่าง เสียงไม่ต่าง
                            บางท่านว่า ต่างทั้งภาพ และเสียง
                            เพราะชุดอุปกรณืต่างกัน
                            ----------
                            บางท่านชุดสมบูรณ์เต็มที่ ทั้งระบบไฟในบ้าน ทั้งชุดเครื่องเสียง
                            อาจเห็นผลได้ชัดเจน
                            บางท่าน ไม่สนใจ ระบบไฟในบ้าน ระบบไฟชุดเครือง ตัวเครื่อง
                            อาจจะไม่เห็นผลอะไรเลยก็ได้
                            ------------
                            แล้วระบบไฟมันเกี่ยวกันตรงไหน
                            ระบบไฟดี ตัวจ่ายสัญญาณทำงานได้สมบูรณ์เต็มที่
                            สายสัญญาณที่ดีกว่า ย่อมแสดงประสิทธิภาพได้ดีกว่า สายที่ด้อยกว่า
                            ระบบไฟไม่ดี ตัวจ่ายสัญญาณทำงานได้ไม่สมบูรณ์
                            สายสัญญาณที่ดีกว่า ย่อมแสดงประสิทธิภาพได้เท่าที่รับมาอาจไม่แตกต่างกับสายที่ด้อยกว่า
                            (ไม่พูดถึงราคา ถูกหรือแพง ยังมีเรื่องของตัวสาย
                            ไม่ว่าหน้าตัด ตรงหรือตีเกลียว แกนเดี่ยว แกนฝอย ส่วนผสมของโลหะ
                            ชนิดของฉนวน ที่แตกต่างกัน ทำให้มีบุคลิคของสาย
                            เช่น สีจัด สีนวลสบายตา เสียงโทนต่ำหนักหรือนุ่ม แหลมพุ่งหรือกังวาล)

                            การเลือกซื้ออยู่ที่ความพอใจ...และความเหมาะสมมากกว่า
                            คนใช้ สาย HDMI ราคาสูง ก็ยังเปลี่ยนกันเยอะ...อาจเป็นเพราะไม่ชอบ
                            ไปหาตัวที่ถูกใจมากกว่า...
                            ..บางทีสายที่ถูกใจอาจไม่ใช่สายราคาแพงก็ได้

                            Comment


                            • Originally posted by ssk View Post
                              สุดท้ายผมมี Article ของ USB DAC ที่ใช้ระบบ Asynchronous คือ การส่งข้อมูลไม่ REALTIME แต่ส่งไปพักใน BUFFER และมีการสื่อสาร 2 ทางระหว่างตัวรับ-ส่ง ตามที่พูดไว้หลายปีแล้วมาฟากครับ

                              http://www.soundstagehifi.com/index....thods&catid=69
                              วันนี้ลองอ่าน สรุปฝรั่งก็มั่ว ไม่เข้าใจขั้นตอนการทำงาน
                              data (.wav อื่นๆ)> player(โปรแกรม) Encode> PCM > usb(Asynchronous) >dac
                              ต่อให้ usb Asynchronous มี BUFFER เก็บข้อมูลได้ทั้งเพลง
                              ยังไงก็ต้องเป็น REALTIME
                              เพราะ ข้อมูล ยังไม่ถูกplayer(โปรแกรม) Encodeเป็น PCM
                              จะเอาข้อมูลที่ไหน มาเก็บไว้
                              พูดง่ายๆ โปรมแกรมยังไม่ได้เล่น ยังไม่ได้ส่งข้อมูลมา จะเอาข้อมูลมาจากไหน
                              หรือถ้า บอกว่า ส่ง PCM > usb(Asynchronous) ไปแบบ DATA
                              แล้วโปรแกรมที่เล่น ทำหน้าที่บอกเวลา มันก็ดูแปลกๆมั่วๆไงชอบ
                              ถ้าเป็นแแบบนั้น ต้องมีหน่วงเวลา ให้โปรมแกรมส่ง PCM > usb(Asynchronous)ไปก่อนให้เห็น
                              อาจจะวินาทีหรือ 2วินาที เป็นอย่างน้อยเพื่อส่ง PCM ไปก่อน
                              แล้ว จากชิบ usb ไปหา ชิบ DAC ก็เป็นทางเดียวไม่มีผิดแล้วร้องขอใหม่
                              สรุปว่า ยังไงก็ต้องเป็น REALTIME เวลาและข้อมูลตรงกัน
                              -------------
                              ในส่วน เครื่องเล่น CD หรือ DVD ที่บางท่านบอกว่าหยุดแผ่นแล้วยังเล่นได้อยู่สักแป็บ
                              น่าเป็นBUFFER ในส่วนของ data
                              หัว อ่าน แผ่น ส่งให้player(โปรแกรม) Encode เลย แผ่นหยุดเสียงต้องหยุด
                              หัวอ่าน อ่านแผ่น ส่งdata ไปพักใน BUFFER แล้วค่อยส่งให้player(โปรแกรม) Encode
                              แบบนี้ จะเล่นได้สักแป็บนึง
                              ---------------
                              จริงๆแล้ว จะเรียกว่า การโอนข้อมูล แบบมัลติมีเดีย สำหรับเพลง ก็ไม่ถูกต้องนักซะที่เดียว
                              น่าจะเรียกว่า การโอนถ่ายข้อมูลแบบซาวน์ดิจิตอล
                              แบบมัลติมีเดีย (ภาพและเสียง)
                              มีเดีย อย่างเดียวก็แค่ภาพเคลือนไหว
                              แต่เป็นการส่งแบบ ที่ข้อมูล และเวลาตรงกัน
                              เลยเหมารวมเรียกว่าการโอนถ่ายข้อมูล แบบมัลติมีเดีย
                              เพื่อจะแยกให้เห็นความต่างกัน กับการโอนถ่ายข้อมูลแบบดาต้า

                              Comment


                              • ตรงนี้เห็นด้วยกับฝรั่ง

                                When considering the purchase of a USB DAC, it is important to keep the various transfer methods in mind. Not all companies clearly state how their devices operate, and some even try to deliberately mislead consumers. There can be significant differences in audible and measured performance even among designs that use the same basic architecture. Ultimately, what matters is what comes out of the DAC at the end, not how it got to be that way. We recommend trusting your ears (and some measurements) rather than clinging dogmatically to any particular theory.

                                . . . S. Andrea Sundaram
                                อากู๋ ...แปล
                                เมื่อพิจารณาการ ซื้อ USB DACมันเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้วิธีการ โอน ต่างๆ ในใจ ไม่ทุก บริษัท อย่างชัดเจน ระบุ ว่า อุปกรณ์ ของพวกเขา ทำงาน และบางคนยัง พยายามที่จะ จงใจ หลอกลวง ผู้บริโภค อาจมี ความแตกต่าง อย่างมีนัยสำคัญ ในการทำงานของ เสียงและ วัด แม้ใน การออกแบบที่ ใช้ สถาปัตยกรรม พื้นฐานที่เหมือนกัน ในที่สุด สิ่งที่สำคัญ คือสิ่งที่ ออกมาจาก DAC มาใน ท้ายที่สุด ไม่ว่ามัน จะต้อง เป็นวิธีการที่ เราขอแนะนำ หูของคุณ ไว้วางใจ (และ วัด บาง ) มากกว่า ดันทุรัง ยึดมั่น กับทฤษฎี ใด ๆ

                                . . . S. Andrea Sundaram
                                http://www.soundstagehifi.com/index....thods&catid=69

                                Comment

                                Working...
                                X