Announcement

Collapse
No announcement yet.

โมให้ดีกันเยอะแล้ว มาม๊ะ....มาโมให้"เจ๊ง"กันดีกว่า

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • รู้สึกเสียงมัน flat มากเลยครับ
    เลยใช้ Elna simic II 1000/50 แต่รู้สึกเบสมันนุ่มไปหน่อยเลย bi-cap กับ Nichicon BP 47/50
    พอทำเสร็จ บุคลิกของ Simic II เสียไปเลยครับ กลายเป็นเสียงของ BP มากกว่าแทน
    เบสพอมีแต่หัวเบสมันขาด Impact เลยว่าจะแก้ตรงนี้ละครับ

    ว่าแค่ IC ทรานซิสเตอร์ถ้าไม่มีแผ่นไมก้าลองนี่มันจะเป็นไงครับ จะระบายความร้อนได้แย่กว่าเดิมเยอะหรือเปล่า ?

    Comment


    • 1000/50
      ลองไปดูตัวงจรจริงๆ อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ค่าทนกระแสถึง50
      (บางทีผู้ผลิตเขาก็เหมือนจะใส่ค่านั้นมา เพราะ เขาหาของได้ในค่าทนvolt นั้นมาเท่านั้นมั้ง
      หรือเพราะจะบาลานซ์เสียงไม่รู้
      เคยลองไล่วงจรของdb211แล้ว ดูยังไงก็ไม่ถึง50volt แต่บางส่วนใส่มาถึง
      เพราะถ้าถึงนี้ic ดับแน่รับกระแสไม่ไหว ลองอ่านวิธีคำนวณค่าทนvolt ของภาคจ่ายไฟแล้ว
      มันก็+ขึ้นจากvoltที่ใช้จริงเพื่อไปอีก80%เพื่อ(cตัวนั้นทนได้ไม่ถึงที่ระบุจริง40%เพื่อไฟกระชากvoltเกินอีก40%))

      panasonic fm 1000/35
      nichicon he 1000/50
      nippon kze หรือ LXZ ไม่รู้จะมีค่าที่ต้องรึเปล่า
      nichicon ps ไม่รู้จะมีค่าที่ต้องรึเปล่าเหมือนกัน

      พวกนี้ไซส์ใหญ่ทั้งนั้น เอาใส่soundcardคงไม่ได้ แต่ถ้าใส่แอมป์ลำโพงคงได้

      แนวเสียงไม่เคยลองเลยเว้น pana fm แต่ตอนนั้นก็ดันใส่ยกชุดเลยไม่ได้เทสแนวเสียงตัวมันเอง
      --------------------------
      ลองเปลี่ยนไปbicapด้วยthomsonสิ ค่าไม่ต้องมาก มันมีไม่กี่u หรอก
      -----------
      เสริมอันนี้อ่านมา เพื่อคนไม่รู้
      การต่อbicap(ต่อขนาน)ตัวเก็บประจุ คือการเพิ่มค่าของตัวเก็บประจุ ค่าที่ได้คือ Cร่วม=c1+c2
      การต่ออนุกรมตัวเก็บประจุ คือการเพิ่มค่าทนโวลท์ วิธีคำนวณ ลืมแหล่ะ

      แต่เรื่องเสียงที่ได้ก็อีกเรื่องน่ะ ไม่รู้จะเป็นไงบ้าง แล้วแต่ยี่ห้อรุ่นและค่าที่ใช้ด้วย
      ---------------

      เรื่องที่งงของsony กับวงจรtda7490 ที่ใช้ในส่วนซับ
      ตามดาต้าชีท สัญญาณค่าออกมันเป็นแบบนี้
      tda7490.JPG

      ที่งงคือ r27 กับ r28 ของsony มันใช้ หลายตัวต่อขนานกันแทนการใช้rตัวเดียว???
      ทำแบบนี้ทำไม หรือว่าrที่ใช้ค่าทนกระแสไม่พอ
      Last edited by ManiacMaew; 9 Oct 2010, 11:05:27.

      Comment


      • Originally posted by milestone
        รู้สึกเสียงมัน flat มากเลยครับ
        เลยใช้ Elna simic II 1000/50 แต่รู้สึกเบสมันนุ่มไปหน่อยเลย bi-cap กับ Nichicon BP 47/50
        พอทำเสร็จ บุคลิกของ Simic II เสียไปเลยครับ กลายเป็นเสียงของ BP มากกว่าแทน
        เบสพอมีแต่หัวเบสมันขาด Impact เลยว่าจะแก้ตรงนี้ละครับ
        nichicon FW, FG จริงๆมันไม่ใช่FLATหรอก แต่ เป็นเพราะว่ามันมีแต่เสียงกลาง เสียงช่วงอื่นมันROLL-OFF(ดรอป)

        ไม่รู้ว่าเดี่ยวนี้ที่ร้านนัฐพงษ์ยังมี ROEอิเลคทรอไลติค ตัวสีทองขายหรือเปล่า ราคาสูงหน่อย แต่โดยรวมคุ้มค่ากว่าพวกรุ่นถูกกว่า
        ถ้าไม่มีก็ใช้ ROEรุ่นประหยัด ตัวสีน้ำตาลแทนก็ได้

        ถ้าหาCอิเลคทรอไลติคที่ให้แนวเสียงที่ต้องการไม่ได้ หรือราคามันสูงไปไม่คุ้มการลงทุน ก็ต้องใช้วิธีBI-Capช่วยจูนเสียงช่วย
        ประหยัดหน่อยก็ลองBI-CAPด้วยCฟิลม์ ที่มีขายทั่วไป ยี่ห้อEVOXหรือERO ค่า0.1uF 50-100vก็ได้
        ถ้ารู้สึกว่าEVOXหัวเบสมีอาการเป็นลูกมากไป ก็ใช้EROแทน

        Originally posted by milestone
        ว่าแค่ IC ทรานซิสเตอร์ถ้าไม่มีแผ่นไมก้าลองนี่มันจะเป็นไงครับ จะระบายความร้อนได้แย่กว่าเดิมเยอะหรือเปล่า ?
        ที่ต้องรองพวกแผ่นไมก้า แผ่นรองที่เป็นฉนวน เพราะ ถ้าใส่ตรงๆไม่มีฉนวนคั่นไว้ มันจะช็อตครับ
        ถ้าอยากให้มันระบบายความร้อนดีกว่าเดิม ใช้ซิลิโคนเงินที่ใช้กับCPUก็ได้


        Originally posted by ManiacMaew
        เรื่องที่งงของsony กับวงจรtda7490 ที่ใช้ในส่วนซับ
        ตามดาต้าชีท สัญญาณค่าออกมันเป็นแบบนี้

        ที่งงคือ r27 กับ r28 ของsony มันใช้ หลายตัวต่อขนานกันแทนการใช้rตัวเดียว???
        ทำแบบนี้ทำไม หรือว่าrที่ใช้ค่าทนกระแสไม่พอ
        - มองแบบประหยัดต้นทุน
        ขนานกันเพื่อให้ได้วัตต์สูงขึ้นละมั้ง
        ตัวเล็กไม่กินที่ ตัวเล็กหลายตัวต่อขนานกันบางทียังใช้พื้นที่น้อยกว่าใช้ตัวใหญ่ตัวเดียว
        ตัวเล็กหลายตัวรวมกัน บางทีราคาประหยัดกว่าการใช้ตัวใหญ่ตัวเดียวที่คุณภาพดี

        - จูนเสียง
        ใช้ตัวเล็กเสียงที่ได้จะเน้นที่ต้นเสียง ถ้าตัวใหญ่จะได้เสียงช่วงกลางมากขึ้น
        เล็กหน่อยก็ตึกคักกระฉับกระเฉง ใหญ่มากไปก็อืดอาดเชื่องช้า
        พูดง่ายๆ อาการเดียวกับการใช้ลวดตัวนำหรือสายไฟ มาเบิ้ลจำนวนเส้นเข้าไปนั่นแหล่ะ
        Last edited by keang; 9 Oct 2010, 11:18:42.

        Comment


        • กระทู้งบแสนหนึ่งออกทะเลไปแหล่ะ
          มาถามกระทู้นี้ดีกว่า

          อยากถามว่า
          socket แต่ละอันให้เสียงต่างกันยังไงมากแค่ไหน??

          เทียบกัน4อย่าง
          socket ธรรมดา บ้านๆ
          socket ขาทอง commercial grade
          socket ขาทอง เกรดทหาร
          กับสุดท้ายบัดกรีตรงไปเลย

          (เกรดทหารมันจะสู้บัดกรีตรงได้มั้ย กรณีไม่คิดจะเปลี่ยนopampอีกแล้ว)

          Comment


          • แอมป์ตัวที่เจ๊ง ยังไม่ดีขึ้น ด้านซ้ายเสียงยังไม่ออกเหมือนเดิม
            พอถอดด้านขวาแล้วลองเร่งเต็มที่ ด้านซ้ายที่ไม่มีเสียงมีเสียงออกมาเบาๆ
            อาการแบบนี้เกิดจากอะไรใครพอทราบบ้าง

            คราวนี้เปลี่ยน TR ตัวใหญ่ของด้านซ้ายแล้วก็เหมือนเดิม

            ที่แปลกคือ ลองเอาของเก่าที่ติดมากับเครื่องครั้งแรกมันดัง แล้วใช้ได้ประมาณ 3 วันก็ดับอีก

            รึว่าเป็นที่ TR 3ขาตัวเล็กหว่า





            หมายเหตุ ก่อนจะดับเสียงมันเบาลงแล้วดับไปเองขณะที่เล่นเพลงเลย พอปิดแล้วเปิดใหม่ก็หาย ทำอย่างนี้ 2-3 รอบก่อนดับสนิท

            Comment


            • ยังอยากเห็นจุดบัดกรีด้านล่างอยู่น่ะ

              หลายครั้งที่ผมเจอแบบว่าเหมือนบัดกรีติด แต่จริงๆไม่ติด ไปโดนมันนิดหน่อย เสียงที่เคยมีก็หายไปก็มี
              ดูหน้าตาภายนอกไม่ออก แต่ตอนทำจะรู้เลยว่ามันน่าจะเกิดจากบัดกรีไม่ติด พวกหัวแร้งโดนตะกั่วนานเกิน ตะกั่วเสีย
              หรือไม่ได้ทำความสะอาดก่อนบัดกรี มันจะมีคราบอย่างอื่นปนมาด้วย ทำให้ตะกั่วเสีย หรือ คั่นระหว่างตะกั่วกับลายทองแดง
              มันต้องสังเกตอาการตะกั่วตอนบัดกรีด้วยอ่า

              เดามั่วอาจจะไม่ใช่ก็ได้ แต่ถ้าสงสัยว่าเป็นกรณีนี้ก็บัดกรีใหม่ยกแผงเลย

              ไม่รู้เอามะพร้าวห้าวไปขายสวนรึเปล่า

              สภาพด้านบนดูดีกว่า db211ของผมเยอะ
              ของผม โคตรรกเลย อะไหล่เบียดกันนัว ด้านล่างก็ซ่อนศพที่ทำหลายทองแดงขาดไว้
              เอาขาc มาต่อตรงแทนไว้อีกหลายจุด
              -------------------
              แถมเพื่อหน้าใหม่มาไม่รู้
              เวลาบัดกรีไปแล้ว ไม่ควรไปโยกอะไหล่ หรือตัดขาทีหลังน่ะ ควรให้มันเข้าที่ก่อนเลย ขาก็ควรตัดก่อน

              ไปโยกที่หลัง โอกาศลากลายทองแดงมาด้วยมันมี หรือ อะไหล่หลุดจากการบัดกรีก็มี
              (แต่บางทีก็ทำกัน กรณีจะดูลายทองแดงที่อะไหล่บังอยู่ ก็ทำกันเบาๆมือ และทำน้อยๆครั้งก็ดี ยิ่งพวกขาใหญ่หรือบัดกรีตรงขาต่อขา หรือ บัดกรีตรง
              จากอะไหล่แบบthrogh hole มาใส่บนลายสำหรับอะไหล่ smd )

              ------------
              อีกเรื่อง
              เอาหัวแร้งจี้ให้ร้อนแล้วเวลาถอดอะไหล่ เดิมที่ผมเคยบอก ให้ดันขึ้นก็ไม่ควรน่ะควรดึงลงมากกว่า
              โยกซ้ายขวาเป็นไปได้ก็ไม่ควร (เวลายกซ้ายขวา ข้างหนึ่งมันจะลง แต่อีกข้างมันจะเท่ากับดันขึ้น)โอกาสทำลายทองแดงขาดมี
              ดึงลงตรงดีสุด

              ทำพังมาเยอะแหล่ะ
              Last edited by ManiacMaew; 9 Oct 2010, 22:56:03.

              Comment


              • Originally posted by ManiacMaew
                อยากถามว่า
                socket แต่ละอันให้เสียงต่างกันยังไงมากแค่ไหน??

                เทียบกัน4อย่าง
                socket ธรรมดา บ้านๆ
                socket ขาทอง commercial grade
                socket ขาทอง เกรดทหาร
                กับสุดท้ายบัดกรีตรงไปเลย

                (เกรดทหารมันจะสู้บัดกรีตรงได้มั้ย กรณีไม่คิดจะเปลี่ยนopampอีกแล้ว)
                คิดแบบนั้น แสดงว่า ยังไม่ได้มองให้ละเอียดว่า เส้นทางทางผ่านของสัญญาณในแต่ละจุด มันเดินทางยังงัย มันเดินทางผ่านไรบ้าง
                เราลองมาช่วยกันดู ช่วยกันพิจารณา ว่า มีความเหมือน ว่ามีความแตกต่างตรงไหนบ้าง


                ใช้ซ็อคเกทไอซี
                เส้นทางของสัญญาณ จากตัววงจร > ไอซีออปแอมป์ = เริ่มจากลายทองแดงของPCB > ซ็อคเกทไอซี > ขาออปแอมป์
                เส้นทางของสัญญาณ จากไอซีออปแอมป์ > ตัววงจร = เริ่มจากขาออปแอมป์ > ซ็อคเกทไอซี > ลายทองแดงของPCB

                ไม่ใช้ซ็อคเกทไอซี แต่บัดกรีออปแอมป์ลงPCBเลย
                เส้นทางของสัญญาณ จากตัววงจร > ไอซีออปแอมป์ = เริ่มจากลายทองของPCB > ขาออปแอมป์
                เส้นทางของสัญญาณ จากไอซีออปแอมป์ > ตัววงจร = เริ่มจากขาออปแอมป์ > ลายทองแดงของPCB


                ลองดูในมุมมองเป็นจุดอื่นๆบ้าง ระยะทางสั้นๆเหมือนซ็อคเกทไอซี
                - เปลี่ยนจากซ็อทเกทไอซีเป็นตัวเก็บประจุCoupling จากOutputของDAC จ่ายให้อินพุทของวงจรขยายเสียง(ไอซีออปแอมป์)
                DAC analog output > coupling capacitor > op-amp

                - เปลี่ยนจากซ็อทเกทไอซีเป็นตัวต้านทานOutputทางผ่านสัญญาณ จากOutputของวงจรขยายเสียง(ไอซีออปแอมป์) จ่ายให้แจ็คเอ้าพุทของการ์ด
                วงจรขยายเสียง(ไอซีออปแอมป์) > ตัวต้านทาน > แจ็คเอ้าพุท RCA, Mini 3.5mm.


                ลองดูในมุมมองเป็นจุดอื่นๆบ้าง ระยะทางยาวหน่อย
                - เปลี่ยนจากซ็อทเกทไอซีเป็น สายสัญญาณเชื่อมต่อระหว่างเครื่อง
                CD Player > สายสัญญาณ > Line Amp หรือ Power Amp



                ประเด็นสำคัญอยู่ที่ เมื่อสัญญาณเดินทางผ่านตัวกลาง เช่น ผ่านซ็อคเกทไอซี ผ่านอะหลั่ย ผ่านสายสัญญาณ ผ่านฯลฯ
                สัญญาณหลังจากผ่านตัวแปรพวกนี้แล้ว มีความเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า
                ถ้ามีความเปลี่ยนแปลง ก็ต้องมาดูว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงความแตกต่าง เช่น วัสดุ โครงสร้าง หรือ ฯลฯ


                กลับมาที่ซ็อคเกทไอซี
                - ระบบการยึดเกาะขาไอซี(four finger) แต่ละยี่ห้อก็มีรูปแบบที่เหมือนกันบ้างต่างกันบ้าง มีทั้งที่ทำจากวัสดุชนิดเดียวกันและต่างชนิดกัน
                - ขาซ็อคเกทไอซีของแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น แต่ละเกรด ใช้วัสดุที่ต่างกัน
                - ฉนวนที่ใช้หุ้มขาซ็อคเกทไอซีของแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น แต่ละเกรด ใช้วัสดุที่ต่างกัน
                คิดว่าส่วนประกอบเหล่านี้ มีผลกับเสียงหรือเปล่า???
                ลองนึกไปถึงเรื่องวัสดุที่ใช้ทำฝาครอบเครื่อง ฉนวนหุ้มสายไฟ ใช้ท่อหดหุ้มขาอะหลั่ย ใช้ปลอกเทฟลอนหุ้มขาอะหลั่ย ฯลฯ พวกนี้มีผลต่อเสียงหรือเปล่า???


                บางครั้งอย่าเพียงมองว่า อะไรดีกว่ากัน
                ลองมองอีกแบบ ใช้อะไรมาช่วยจูนเสียง ได้บ้าง เช่น
                - ทำไมผู้ผลิตแจ็คRCA ผู้ผลิตขั้วลำโพง ยี่ห้อเดียวกัน ตัวชิ้นงานเหมือนกัน100%แต่ใช้วัสดุตัวนำต่างกัน เพื่อให้แนวเสียงเปลี่ยนหรือเปล่า? เป็นการให้คนใช้เลือกจูนเสียงให้ตรงกับรสนิยมการฟังของแต่ละกลุ่มหรือเปล่า???
                - ทำไมผู้ผลิตตะกั่วซึ่งมีหลายยี่ห้อหลายราคา แต่ละยี่ห้อก็ขายได้ มีกลุ่มลูกค้าเป็นของตัวเอง คนใช้ก็บอกว่าเสียงต่างกัน ทั้งๆที่มันเป็นทางผ่านของไฟของสัญญาณที่สั้นมากๆ น่าจะสั้นที่สุดในระบบเลยมั้ง



                คุณคิดว่า "เสียงของขาไอซีออปแอมป์" "วัสดุที่เค้าใช้ทำขาไอซีออปแอมป์" ให้เสียงที่สมบูรณ์แบบหรือเปล่า???? ให้เสียงที่ครบถ้วนตลอดช่วงความถี่หรือเปล่า???


                -------------------------------------------------------------


                ของคุณmilestone ผมเดาไม่ออกจริงๆ มันมีความเป็นไปได้หลายอย่างมาก
                คุณmilestoneไม่มีเครื่องมือสำหรับวัดด้วย เลยไม่รู้จะให้ตรวจเช็คยังงัยเหมือนกัน
                Last edited by keang; 9 Oct 2010, 23:48:57.

                Comment


                • ลองคิดใหม่ดู
                  จริงมองลงลึกหยิบย่อยนี้คงต้องนับตะกั่วด้วย

                  ใช้ซ็อตเกทไอซี
                  ทางยาวขึ้นอีกนิด (แต่ยังนับว่าสั้นกว่าระบบที่เหลืออีกเยอะ)
                  จากdacมาวงจรขยาย+จากวงจรขยายไปแจ็ค +จากภาคจ่ายไฟมาวงจรขยาย
                  สัญญาณอาจจะdropลง แต่นับว่าน้อยมาก
                  (ผมว่าลายทองแดงเล็กๆ ที่ัสัญญาณมันผ่านมาก่อนนี้น่าจะdropกว่าเยอะนักเลย)

                  เสียงที่ได้จะติดเสียงขาซ็อตเกทมาด้วยแล้วแต่ชนิด

                  ถ้าใช้ซ็อตเกทแบบกด ไม่ต้องบัดกรี ก็จะไม่ติดเสียงตะกั่วที่ใช้มา

                  socket จะมีผลนอกจากเรื่องทางผ่านแล้วก็ยังมีเรื่องคุณภาพ ว่าหน้าสัมผัสเรียบตรงกันแค่ไหนด้วย
                  (คืออาการที่เป็นตอนซ่อมz2 mod3)
                  พลาสติก ทนความร้อนแค่ไหน ถ้าทนได้ไม่มากเวลาโมๆ ไป หัวแร้งไปบัดกรีใกล้
                  จุดสัมผัส แล้วหน้าสัมผัสมันเลื่อนขึ้นลงไม่เท่ากัน ต่อไปเสียบic แล้วจะมีปัญหา
                  ถ้าแบบceramicก็ผ่าน ฉลุยจุดนี้

                  บัดกรีตรง
                  ไม่ติดแนวเสียงขาซ็อตเกต แต่ยังติดแนวเสียงตะกั่ว

                  ถ้าบัดกรีตรงลงหลายทองแดง สัญญาณก็ยังdrop ตอนผ่านลายทองแดงอยู่ดี

                  บัดกรีตรง ขาอะไหล่ต่อขาอะไหล่
                  (hardewire แบบในกระทู้gainclone)
                  ถ้าทำกันได้กับอะไหล่ทุกตัวนี้น่าจะลดสัญญาณdrop ได้เยอะเลย ไม่ติดเสียงทางผ่าน
                  ขาต่อขา ไม่มีการwire สายอื่นมาเพิ่มเลย(ไม่เอาแบบตัดขาแล้ว เอาลวดหรือสายมาต่อน่ะ)
                  เนื้อโลหะ ก็จะเป็นหนึ่งเดียวกันเกือบหมด

                  ทฤษเดาแบบมั่วๆ คืออิเล็กตรอนมันน่าจะเดินได้ลื่นที่สุด(ไม่นับเรื่องว่าแต่ละความถี่ไหน
                  มันเดินในขาได้ดีกว่ากันน่ะ)

                  แต่แนวเสียงก็ยังขึ้นอยู่กับคุณภาพขาอะไหล่ด้วย เหมือนเดิม
                  (เหมือนcบางตัว ขาชุบทอง หรือ ขาสั่งทำพิเศษมา)
                  แต่ส่วนใหญ่ก็บ้านๆ ธรรมดาๆ

                  สรุปแบบมั่วๆ
                  ซ็อตเกตคือเพื่อจูนเสียง ชดเชยในส่วนที่ขาอะไหล่หรือลายทองแดงทำได้ไม่ดี
                  ถ้าบัดกรีตรงน่าจะเป็นแบบขาต่อขา จริงๆ ถึงจะเป็นการลดการdrop ได้ดีกว่า แต่แนวเสียง
                  หรือความถี่ไหนผ่านได้ดีไม่ดีก็ยังเหมือนของขามันเดิม

                  บัดกรีตรงธรรมดา = =" ผมว่าก็น่าดีจะกว่าใช้ซ็อตเกตแบบห่วยๆน่ะ(ถ้าไม่คิดถอดเปลี่ยนอีกแล้วอ่ะน่ะ) ขาซ็อตเกตไอซีแบบธรรมดา
                  ก็ไม่น่าจะต่างกับขาic ดีไม่ดี เจอพวก ic ขาทอง มาเสียบลงบนซ้อตเกตธรรมดา จะรู้สึกแปลกๆ
                  แต่ถ้าต้องการแนวเสียงขาตัวธรรมดาก็อีกเรื่อง

                  ตอนนี้คิดได้แค่นี้
                  Last edited by ManiacMaew; 9 Oct 2010, 23:50:30.

                  Comment


                  • ประมาณว่า
                    ทุกเส้นทางที่สัญญาณเดินทางผ่าน ถ้ามีอะไรมาคั่นหรือมาต่อพ่วง มันจะมีเสียงเฉพาะของตัวนั้นๆเข้ามาผสมในเสียงโดยรวมด้วย เป็นตัวแปรทางเสียงตัวหนึ่ง

                    พูดง่ายๆ คือ
                    ทุกๆตัวที่เอามาต่อในระบบ มันคือตัวแปรตัวหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อเสียง จะมีผลมากน้อยแค่ไหนก็ต้องไปดูว่าจุดนั้นๆมีความสำคัญแค่ไหนด้วย


                    ฉะนั้นในมุมมองส่วนตัว
                    ถ้าจำเป็นต้องยอมให้มีพวกนี้อยู่ในระบบแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมจะเลือกจากยี่ห้อเลือกจากรุ่นที่ผมรู้จักเสียงมันมากที่สุด
                    บางจุดก็ใช้เพื่อชดเชยเสียงโดยรวม บางจุดก็เพื่อเน้นให้มันแสดงอิทธิพลทางเสียงให้เด่นมากที่สุด

                    สรุป
                    ถ้าไม่จำเป็นต้องมีตัวแปรพวกนี้ก็อย่าใส่มันเข้าไป หลีกเลี่ยงได้ก็หลีกเลี่ยงไป น่าจะดีที่สุด และไม่เสียเงินเพิ่มด้วย
                    Last edited by keang; 10 Oct 2010, 00:00:20.

                    Comment


                    • ขอถามใหม่อีกรอบ
                      เอาแค่2อย่าง ขาทองเกรดทหาร กับขาธรรมดา เกรดบ้านๆเนี้ย มันให้แนวเสียงต่างกันยังไง

                      เพราะตอนเอาz2 ไปซ่อม ก็เปลี่ยนหลายจุด+ใส่ขาทองเกรด commercialด้วย เลยไม่ได้ทดสอบแนวเสียงเฉพาะตัวsocket

                      ----------
                      บ่นส่วนตัว
                      นอกเรื่องหน่อย อยากจะบอกที่โมมาเนี้ย ไม่ใช้คนฟังเพลงเลย หนังก็ไม่ค่อยดู
                      เกม ก็ขอให้เสียงมันออกไปงั้นๆ มิติกว้างๆ หน่อยก็ดีเวลาเล่นเกม fps แล้ว จะได้ไม่งงว่าศัตรูมันมาทางไหน
                      หลักๆเพื่อเอามาดูเมะเลย แนวเสียงที่จะเอามาดูเมะกับดูหนังนี้มันต่างกันน่ะ
                      (แต่ก็แล้วแต่แนวเมะที่ชอบดูด้วย คงไม่เอาsystemที่เบสตู้มตาม มันดูเมะแนวน่ารักใสๆ เน้นเพลงประกอบ)



                      ทำไปทำมา ไม่ค่อยได้ดูเมะแหล่ะ มานั่งลองเสียงไปเรื่อย สนุกดี55+

                      ซื้อสายมาลอง4ชุดไม่รู้หมดไปกี่ี้ร้อย ไม่นับสายมินิอีก2ชุดที่ใช้ต่อจากคอม อีก
                      เมตรล่ะไม่กี่สิบหรอก แต่ใช้ที3-4เมตร คูณ4ชุดเข้าไป
                      = =" มานั่งดูเงินในกระเป๋าตังค์ที่หายไแล้ว ดีที่ใช้บัดกรีตรงไม่เข้าหัว ถ้าใช้หัวด้วยนี้ค่าหัวเข้าอีก
                      Last edited by ManiacMaew; 10 Oct 2010, 00:19:43.

                      Comment


                      • คำถามใหม่ แต่ก็ยังเป็นแบบเดิมครับ
                        เกรดบ้านๆ นี่มันยี่ห้อไร รุ่นไร ขามันทำจากวัสดุอะไร พลาสติคตัวบอดี้ทำจากวัสดุอะไร มีตัวล็อคขาไอซีแบบไหน(four finger)
                        ขาwire-warp(ใหญ่และยาวกว่าขาธรรมดา) ขาธรรมดา ขาธรรมดาชุบดีบุก ขาธรรมดาชุบนิเกิ้ล ขาธรรมดาชุบเงิน ขาธรรมดาชุบทอง???

                        ตอนซ่อมZ2 ตอนนั้นผมมีในมืออยู่2ยี่ห้อเป็นขาชุบทองทั้ง2ยี่ห้อ มิติเวทีดนตรีก็ใช้ได้ใกล้เคียงกัน
                        - ตัวนึงเสียงใหญ่หนา ผมไม่ได้ใส่ให้ไปเพราะไม่ใช่แนวเสียงที่ManicMaewชอบ
                        - ตัวนึงเสียงไม่หนาไม่อิ่มเท่าตัวบน แต่รายละเอียดดี เสียงกลางจะพริ้วหน่อย ตรงกับแนวที่ManiacMaewชอบ ก็เลยใส่ตัวนี้ให้ไป


                        ไว้ถ้ามีโอกาส จะลองแงะเอาFour Fingerที่ฝังอยู่ในรูขาซ้อคเกทมาให้ดูเปรียบเทียบว่าแต่ละยี่ห้อใช้แบบไหน หน้าตาเป็นยังงัย
                        แต่ที่คิดๆอยู่ คือ จะแงะยังงัยไม่ให้มันเสียรูปทรงเดิมของมัน ถ้าแงะแล้วเสียรูปทรงก็ไร้ค่าไร้ความหมายในการถอดมันออกมา
                        อยากบอกว่า ซ็อคเกทบางตัวไม่มีFour Finger เป็นรูกลวงๆธรรมดาเลย


                        ไปนอนละ มีไรสงสัยหรือมีไรคิดว่าน่านำเสนอเป็นหัวข้อในการสนทนาพูดคุยกัน ก็โพสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ตามสบาย
                        Last edited by keang; 10 Oct 2010, 00:21:24.

                        Comment


                        • ขาธรรมดา ขาธรรมดาชุบดีบุก ขาธรรมดาชุบนิเกิ้ล ขาธรรมดาชุบเงิน ขาธรรมดาชุบทอง
                          พวกขากลม ที่ขายที่บ้านหม้อ นี้มันแบบไหนเหรอ??? ไม่ค่อยได้ใช้เลยไม่รู้

                          four finger คืออะไรหว่า ตัวจับขาicเหรอ???

                          Comment


                          • คำถาม
                            1. ถ้าเราเปลี่ยน socket ตัวเดียวเสียงจะเปลี่ยนแค่ไหน
                            2. ถ้าเราเปลี่ยนตะกั่วจุดเดียว เสียงจะเปลี่ยนแค่ไหน
                            3. ถ้ามี C 2ตัวเหมือนกันของลำโพงด้านซ้าย และลำโพงด้านขวา ถ้าเราบัดกรีด้วยตะกั่วคนละยี่ห้อ จะฟังออกหรือไม่(แค่ตัวเดียวนะ)

                            แล้วถ้ามีข้อใดไม่ต่าง ต้องเปลี่ยนแค่ไหนถึงจะฟังออก

                            ตอนนี้เกิดคำถามขึ้นในใจ ว่าเรากำลังมองจุดที่เล็กกันมากไปหรือเปล่า ถ้าต้องการให้เห็นผลควรทำอย่างไร
                            ตอนนี้เริ่มจับทางนี้ พอทำเป็นบ้างเล็กน้อย เริ่มฟังเสียงอะไหล่ออก เลยมีคำถามพวกนี้ขึ้นมา

                            " อะไหล่ VS ความคุ้มค่า " จุดไหนส่งผลอย่างไรมีผลต่อเสียงแค่ไหน ผมว่าเป็นคำถามที่น่าสนใจเหมือนกัน

                            Comment


                            • ผมเลยจุดคุ้มมานานแล้วล่ะ 55+
                              อะไหล่เท่าที่ใช้จริงก็โอเคอยู่แต่ที่ถอดทิ้งดองไว้ บานเลย

                              ที่ถามนี้ก็อยากรู้เหมือนกันว่าค่าตัวsocketเกรดทหารมันจะคุ้มกับเสียงที่ได้มั้ย

                              (คุ้มไม่คุ้มบอกยากน่ะผมว่า เห็นห้องการ์ดจอเถียงกันแทบตาย
                              ดีขึ้น15% แต่เสียเงิน40% ถือว่าคุ้มมั้ย???)

                              3. ถ้ามี C 2ตัวเหมือนกันของลำโพงด้านซ้าย และลำโพงด้านขวา ถ้าเราบัดกรีด้วยตะกั่วคนละยี่ห้อ จะฟังออกหรือไม่(แค่ตัวเดียวนะ)
                              ตอนนี้มีปัญหาเสียงซ้ายขวาไม่เท่ากันอยู่เหมือนกัน
                              แต่มันขึ้นกับหลายปัจจัยมากๆ สภาพห้องด้วย
                              ถ้าตัดพวกนั้นไปก็ยังเหลืออีกว่า อะไหล่ทั้ง2ข้างเรา macth pair กันรึเปล่า
                              เอาแค่cก็พอ วัดค่ากันรึเปล่าความผิดพลาด +-30% ถ้าไปเจอ ตัวหนึ่งผิดพลาด+30% อีกข้าง
                              -30% มา ก็ห่.างกันพอตัว ตอนทำลำโพงไม่ได้วัดเลย
                              ตอนทำdacนี้ก็วัดแค่ c silver mica

                              ถ้าmacth pair กันหมดแล้วถึงมาดูเรื่องตะกั่ว ผมว่าน่าจะ ให้ผลน้อยสุดน่ะ
                              ข้างบนยังไม่ได้match มานี้เช็คซ้ายขวาโอกาสไม่บาลานซ์ผมว่าสูงน่ะ แต่จะฟังออกแค่ไหนเท่านั้นแหล่ะ

                              (ไม่เคยลองแบบเดียวๆ สักที มักจะทำพร้อมกับอย่างอื่น)
                              เรื่องตะกั่วนี้จะมีeffect ของตะกั่วแต่ละตัวอีกว่าใช้ ความร้อน+เวลาไม่เท่ากัน
                              ใช้ความร้อนมาก+เวลามาก อาจจะเกิดโอกาศ skin effect อะไรไม่รู้อีก เห็นร้านvpkom พูดถึง
                              ยังไม่ได้เช็ครายละเอียด
                              แต่ตะกั่วที่ดี (ไม่นับเรื่องแนวเสียงน่ะ) น่าจะบัดกรีง่าย ใช้อุณหภูมิต่ำ เพื่อลดปัญหา
                              หลายๆอย่างที่จะตามมา
                              ลายทองแดงล่อน ตะกั่วเสีย หรือใช้ความร้อนมากแล้วจะมีคราบไหม้จากส่วนอื่นมาเกาะผิว
                              ทำให้บัดกรีติดยากอีก
                              (เท่าที่ลองมาพวกลายปริ้นท์ บอก ตำแหน่งอะไหล่ต่างมันไหม้แล้วเลอะเป็นคราบเป็นปัญหาอีกน่ะ= =" กาวยางอีกตัวดี ชอบใช้กันจริง พี่แกถ้าใช้น้ำยาล้างpcb หรือ rework flux จะละลายมันออกมาปนด้วยนิดหน่อย จะเหลือเป็นคราบๆรอบ ดูไม่ออกหรอกตอนทำ ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วจะเห็น)

                              Comment


                              • Originally posted by milestone
                                " อะไหล่ VS ความคุ้มค่า " จุดไหนส่งผลอย่างไรมีผลต่อเสียงแค่ไหน ผมว่าเป็นคำถามที่น่าสนใจเหมือนกัน
                                ตอบแบบขำๆ
                                เล่นเครื่องเสียง ลืมคำว่าความคุ้มค่าไปได้เลย แม้แต่รัฐบาลยังจัดเป็นประเภทสินค้าฟุ่มเฟือย ไม่ได้รับการลดหย่อนใดๆจากภาครัฐทั้งสิ้น


                                ตอบแบบดูเหมือนคนตอบหน่อย
                                เครื่องเสียง กับ คำว่า"ความคุ้มค่า" ความหมายมันคือไรหนอ? ขอบเขตมันอยู่แค่ไหนหนอ?

                                - เครื่องเสียง
                                เครื่องเสียง คือ เครื่องที่เปล่งเสียงออกมาให้ได้ยิน แบบนี้พวกคอมโป้ พวกวิทยุกระเป๋าหิ้ว ก็ทำงานได้เหมือนกัน
                                งั้นถ้าสรุปแบบกำปั้นทุบดิน พวกคอมโป้ พวกกระเป๋าหิ้ว ก็คุ้มค่ากว่พวกเครื่องแยกชิ้นสิ ก็มันเปล่งเสียงออกมาได้เหมือนๆกัน
                                เอาเพลงไรมาเปิดมันก็ฟังได้ยินเหมือนกันหมด อรรถรสทางดนตรีก็สัมผัสได้เหมือนๆกัน
                                ??? อะไรคือความคุ้มค่า ของคอมโป้ ของกระเป๋าหิ้ว ของเครื่องแยกชิ้น ???

                                - ตัวต้านทาน
                                Rยี่ห้อRoyal 5ตัว2บาท(เดาราคามั่วน่ะ รู้แต่ว่าถูกมากๆเหมือนไล่แจก) ทำงานได้ไม่ต่างจาก Rยี่ห้อDaleตัวละ15-30บาท
                                ทั้งๆที่จะใช้Royalหรือใช้Dale เครื่องมันก็ทำงานได้เหมือนๆกัน แต่ทำไมคนดิ้นรนใช้ยี่ห้อDaleหรือยี่ห้ออื่นที่แพงกว่าRoyal
                                Daleราคาแพงกว่าRoyal ถ้าคิดเป็นเปอร์เวน จะกี่%ละนั่น
                                ??? อะไรคือความคุ้มค่า ของRoyal ของDale ???

                                - ฟิวส์
                                ฟิวส์แก้วอันละ2บาท กับ ฟิวส์ตัวละ4พันกว่าบาท
                                ทำงานได้เหมือนๆกัน เครื่องช็อทมันก็ขาด เครื่องก็หยุดการทำงานได้เหมือนกัน
                                ทำไมคนยังดิ้นรนพยายามใช้ฟิวส์ตัวละ4พันกว่าบาทกันอยู่
                                ??? อะไรคือความคุ้มค่า ของฟิวส์2บาท ของฟิวส์4พันกว่าบาท ???

                                - สายไฟ สายลำโพง สายสัญญาณ
                                ของพวกนี้ คุณใช้งานในสภาพแวดล้อมปรกติ คุณแค่เอาลวดทองแดงมาต่อให้มันถึงกันครบตามวงจร ก็ทำงานและใช้งานได้แล้ว
                                ใช้ลวดทองแดงก็พอแล้ว ทำไมต้องไปใช้สายไฟฟุตละ100 เมตรละ1000 ทั้งๆที่มันก็เปล่งเสียงได้เหมือนๆกัน
                                ??? อะไรคือความคุ้มค่า ของลวดทองแดง ของสายไฟฟุตละ100 ของสายไฟเมตรละ1000 ???


                                Originally posted by milestone
                                คำถาม
                                1. ถ้าเราเปลี่ยน socket ตัวเดียวเสียงจะเปลี่ยนแค่ไหน
                                2. ถ้าเราเปลี่ยนตะกั่วจุดเดียว เสียงจะเปลี่ยนแค่ไหน
                                3. ถ้ามี C 2ตัวเหมือนกันของลำโพงด้านซ้าย และลำโพงด้านขวา ถ้าเราบัดกรีด้วยตะกั่วคนละยี่ห้อ จะฟังออกหรือไม่(แค่ตัวเดียวนะ)

                                แล้วถ้ามีข้อใดไม่ต่าง ต้องเปลี่ยนแค่ไหนถึงจะฟังออก

                                ตอนนี้เกิดคำถามขึ้นในใจ ว่าเรากำลังมองจุดที่เล็กกันมากไปหรือเปล่า ถ้าต้องการให้เห็นผลควรทำอย่างไร
                                ตอนนี้เริ่มจับทางนี้ พอทำเป็นบ้างเล็กน้อย เริ่มฟังเสียงอะไหล่ออก เลยมีคำถามพวกนี้ขึ้นมา
                                เรื่องทั้งหมด บางทีเราจะแอบ คิด สนใจ ผูกติด อยู่กับขนาด อยู่กับมูลค่า จนเผลอลืมประเด็นอื่นไป
                                จนกลายเป็นว่า ไม่ได้คิดในมุมมองที่ว่า ระหว่าง"มี"กับ"ไม่มี"ตัวนั้น มันเกิดความแตกต่างได้จริงหรือเปล่า
                                ถ้ามันไม่มีความแตกต่างก็ข้ามเลยไปไม่ต้องไปสนใจมัน แต่ถ้าหากมันมีความแตกต่างจริงๆละ

                                คำตอบ1 อยู่ที่โพส#1087
                                เคยลองเปลี่ยนRหรือC หรือยัง
                                - ตอนที่ลองมีผลต่างหรือเปล่า
                                - ถ้ามีผลต่าง ผลต่างมากแค่ไหน
                                - ถ้ามีผลต่าง ผลต่างที่ได้เป็นเสียงของตัวอะหลั่ย หรือ เสียงของอะไร
                                --- ถ้าเคยลองเปลี่ยนตัวRมาแล้ว ลองเล่าให้ฟังหน่อย ว่ามีไรต่างกันบ้างหรือเปล่า ---

                                คำตอบ2+3 อยู่ที่จุดบัดกรีว่า มันสำคัญ มันมีอิทธิพล ทางการทำงาน ทางเสียง มากแค่ไหน
                                - บัดกรีที่อะหลั่ยตรงไหนก็ไม่รู้ของตัววงจร กับ บัดกรีที่หางปลาของสายลำโพง อันไหนคิดว่าให้ผลต่างได้มากกว่ากัน


                                ความแตกต่างที่ อาจจะมีหรืออาจจะไม่มี มันไม่มีข้อสรุป ไม่มีมาตราฐาน สำหรับคนทุกคน
                                - มันอยู่ที่ว่า คุณรู้วิธีสังเกตุความแตกต่างหรือเปล่า คุณมีจุดสังเกตุความแตกต่างมากน้อยแค่ไหน
                                ยิ่งรู้วิธีสังเกตุมาก คุณย่อมรับรู้และสัมผัสความแตกต่างได้มากขึ้น (ความคุ้มค่าก็จะสูงขึ้น)

                                - มันอยู่ที่ว่า ถ้ามันเกิดความแตกต่าง มันใช่แบบที่คุณชอบหรือเปล่า
                                ถ้าชอบก็บอกว่าดี ถ้าไม่ชอบก็บอกว่าไม่ดี ไม่เอา ไม่ใช้ (ดีหรือไม่ดีอยู่ที่ความชอบ)

                                - มันอยู่ที่ว่า คุณสามารถหาตัวเลือกอะไรจากรอบๆตัวได้บ้าง
                                คุณสามารถหาอะไรที่มันถูกกว่าแต่ดีเทียบเท่าของที่ราคาสูงกว่า ได้มากน้อยแค่ไหน (ถ้าสามารถหาของดีแต่ให้คุณภาพเทียบเท่าของราคาสูงได้ นี่ละคือสิ่งที่DIYerทั่วโลกแสวงหา)

                                - มันอยู่ที่ว่า คุณต้องการอะไรจากการเปลี่ยนแปลงนั้นบ้าง คาดหวังอะไรจากมันบ้าง
                                อย่าคิด ลงทุนเพียง10บาท แต่อยากได้ผลตอบแทนแบบ300บาท (อย่าคิดค้ากำไรเกินควร)
                                อยากเปลี่ยนน้อยตัว หรือ อยากเปลี่ยนมากตัว (ชอบเสียเวลาทำมาก หรือ ชอบเสียเวลาทำน้อย)

                                - แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ หรือ แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
                                อะหลั่ยราคาถูกให้เสียงที่คมแข็งขาดรายละเอียด คุณสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้2แบบ
                                1. แก้ไขด้วยการเปลี่ยนอะหลั่ยเป็นตัวคุณภาพสูงขึ้น โดยเลือกเสียงให้ถูกใจด้วย (ได้การทำงานดีขึ้น ได้เลือกเสียงถูกใจมากขึ้น = คุ้มค่ามากขึ้น)
                                2. แก้ไขด้วยการดัดแปลงจุดอื่นเพื่อชดเชยกลบเกลื่อน ต้องใช้การทดลองลองผิดลองถูก ต้องใช้เวลาลองผิดลองถูก (อย่าลืมว่า เวลาก็คือต้นทุนของคุณ / ต้นทุนในการลองผิดลองถูกบางครั้งบานปลายมากกว่าการเปลี่ยนที่จุดต้นเหตุ)


                                --------------------------------------------------------


                                ประเด็นที่คุณmilestoneพูดไว้ เรื่องจุดสำคัญของวงจรของเสียง เรื่องความคุ้มค่าในการเปลี่ยน

                                ทำจุดสำคัญๆให้ดีก่อน เพราะ จุดพวกนี้คือจุดที่ให้ความเปลี่ยนแปลงได้มาก คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่จ่ายไป
                                แต่ถ้ายังไม่พอใจ ยังรู้สึกว่ามันยังมีอะไรที่ขาดหายไปยังมีอะไรที่มันไม่ใช่ ค่อยมาไล่เก็บตกจากสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เหลือ

                                เหมือนที่ผมเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้
                                อย่าคิดเอางบที่จำกัดเป็นงบก้อนแรก มาเปลี่ยนไอซีเรกกูเลเตอร์เป็นตัวขาทอง ให้เอางบที่มีไปทำจุดอื่นๆก่อน
                                เพราะอะหลั่ยตัวใดในโลกที่มีคุณสมบัติ เปลี่ยนเพียงตัวเดียวแล้วมันจะดีเลอเลิศได้ มันไม่มีโอกาสที่จะพลิกหน้ามือเป็นหลังมือได้หรอก
                                ตัวมันจะโชว์ประสิทธิภาพ ให้คุณได้เห็น ให้คุณได้สัมผัส ได้พบความคุ้มค่าของตัวมัน ก็ต่อเมื่อซิสเต็มนั้นมีพื้นฐานที่ดีพอเสียก่อน


                                บางสิ่งบางอย่างที่เคยคิดเคยคาดเดา ว่า ได้ผลน้อย ไม่น่ามีผล
                                เมื่อมีโอกาสก็ควรลองให้รู้ด้วยตัวเอง เพราะ บางสิ่งบางอย่างมันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ไม่ได้เป็นอย่างที่คาดเดาก็ได้

                                เมื่อการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ มีการทดลองหนักๆเข้มๆบ้าง ผ่านไปสักระยะ เมือย้อนกลับมามองอดีต
                                บางที อาจได้ข้อสรุปอะไรบางอย่างที่อาจแตกต่างในช่วงเริ่มต้น
                                บางที อาจคิดแบบตรงข้ามเลยก็ได้ กำลังทำไรอยู่ ทำแล้วได้อะไร เสียเวลาทำไปทำไม

                                ทุกๆคำตอบ จะเกิดกับตัวคุณเอง ไม่วันใดก็วันหนึ่งต้องเกิดขึ้นแน่นอน
                                Last edited by keang; 10 Oct 2010, 12:58:22.

                                Comment

                                Working...
                                X