D.I.Y.ตอน เครื่องขยายเสียง

[ManiacMaew]

นิดหนึ่งเรื่องคลาสa ab b
คุณภาพที่เขาว่าต่างกันมันคือสเตตตัวหนึ่งคือเรื่องcross over distortion

ถ้าเป็นวงจรsingle end จะเป็นค่าอีกตัว(ลืมชื่อ)มันแหล่ะ ที่biasยิ่งน้อยมันจะคลิปด้านหนึ่งอ่อนๆ


แต่ส่วนตัวผมคำว่า"คุณภาพ"เนี้ยผมว่ามันยังมีเรื่องอีกน่ะ

เรื่องเสียงส่วนตัวนอกจากเรื่องที่ว่า +เท่าที่ลองมากับแอมป์หูฟังแล้วbiasต่างกัน คือเรื่องแนวเสียงที่ต่างกันด้วย



พิมพ์จากมือถือ สั้นๆล่ะกันน่ะ

[carbon_za]

เท่าที่เคยลองปรับไบอัสโวลล์ แอมป์นะครับ ไบอัส 0.7v เสียงจะออกมีเนื้อมีนวล ทั้ง เบส กลาง แหลมจะออกเนียนๆ

แต่ทำไมไบอัสต่ำลงมาเสียงแหลมกลับสดใสกว่า แต่เสียง เบสและกลาง ก็บางลงมาอีก

[tiger X-fi]

Zobel นี่เป็น low-pass หรือ hi-pass กันแน่ครับ

ลองคำนวนเลน นาจะเป็น low-pass
หรืออยู่ทีการวางตำแหน่ง
R-C >Gnd =low-pass
C-R >Gnd =hi-pass
----------------------
แต่ทำไม R3-Ci ทำไมถึงเป็น hi-pass ครับ

[KOTONOHA]

ู^
hi-pass ที่ให่เสียงทุ้มครับ (ถ้าต่อแบบอนุกรม จะเป็น hi-pass เสียงแหลม)

เพราะต่อแบบ ขนานครับ C ความถี่สูงจะสามารถผ่านได้ดีกว่า L ครับ เอาไปต่อ ขนาน มันจะบายพาสสัญญาณเสียงแหลมลงกราวด์ผ่านครับ ส่วน R ก็เป็นตัวกำหนดเกณฑ์การบายพาส จำกัดกระแสลงกราด์
ถ้าต่ออนุกรม ก็เหมือนต่อเขา ทวิสเตอร์เสียงแหลมทั่วๆไป บายพาสเสียงแหลม(ความถี่สูง) ไปยังลำโพง

น่าจะประมาณนี้ครับ - -

[m shifu]

L กะ C นี่ ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกครับ
คือถ้าโลกนี้ไม่มี L กะ C
โลกนี้ก็จะไม่เหมือนอย่างที่เห็น
ไฟฟ้าเกิดขึ้นได้ ก็เพราะ L นี่แหละ

ลำโพง มีคุณสมบัติหลักเป็น R+L

คือนอกจากเป็นโหลด ยังเป็นตัวผลิตไฟฟ้าได้ด้วย
ใครมีลำโพงว่างๆ กะมิเตอร์วัดโวลท์ว่างๆ
ลองเอามิเตอร์วัดโวลท์ วัดตรงขั้วลำโพง
แล้วลองเอามือกดกรวยลำโพง ให้ยุบลงแล้วปล่อยให้เด้งขึ้น กดปล่อยๆ
จะเห็นว่า มิเตอร์จะจับได้ว่ามีแรงดันไฟฟ้าออกมา
ถ้าลำโพงตัวใหญ่หน่อย จะวัดได้เป็นโวลท์เลย

วงจรแอมป์ทั่วไป ตัววงจรจะออกแบบสำหรับโหลดที่เป็น R
เมื่อมาเจอโหลดที่เป็น R+L วงจรอาจทำงานไม่เสถียร
เพราะ L ของลำโพงจ่ายไฟย้อนกลับมาสู่แอมป์
เค้าก็เลยใส่ R+C เพื่อแก้ค่า R+L ให้เป็น R
ตัว C จะเป็นตัวรับกระแสที่จ่ายมาจาก L ของลำโพง
แอมป์จึงทำงานได้เสถียรขึ้นครับ
หลักการจะเหมือนกับที่ใส่ cap bank เพื่อแก้ค่า power factor ในระบบไฟฟ้ากำลังครับ

สรุปว่า วงจรที่ถาม ไม่เรียกว่าเป็น filter
และทางทฤษฎีจะไม่มีผลต่อเสียงของลำโพงด้วยครับ

ส่วน R3-Ci ที่เห็น ทำหน้าที่เป็น high pass filter ตามสูตรปกติของวงจรออปแอมป์ครับ

[tiger X-fi]

R 10R C0.1uF Corner Frequency 159235.7Hz
ตัดความถีที่ประมาณ 159Khz
hi-pass ตัดความถี่ตำ ผ่านความถีสูง
หมายถึง ความถีสูงกว่า 159Khz ถึงจะผานไปได้
low-pass ตัดความถี่สูง ผ่านความถีต่ำ
หมายถึง ความถีต่ำกว่า 159Khz ถึงจะผานไปได้
(แก้ปัญหาเรือง ออสซิเลส ความถี่สูง) ครับ
----------------
แตก็ยังเรืองเอา เอา C ไว้บน

กับเรืองใข้ IC amp /opamp ทีทำให้งง

[tiger X-fi]

วงจรแอมป์ทั่วไป ตัววงจรจะออกแบบสำหรับโหลดที่เป็น R
เมื่อมาเจอโหลดที่เป็น R+L วงจรอาจทำงานไม่เสถียร
เพราะ L ของลำโพงจ่ายไฟย้อนกลับมาสู่แอมป์
เค้าก็เลยใส่ R+C เพื่อแก้ค่า R+L ให้เป็น R
ตัว C จะเป็นตัวรับกระแสที่จ่ายมาจาก L ของลำโพง
แอมป์จึงทำงานได้เสถียรขึ้นครับ
หลักการจะเหมือนกับที่ใส่ cap bank เพื่อแก้ค่า power factor ในระบบไฟฟ้ากำลังครับ

สรุปว่า วงจรที่ถาม ไม่เรียกว่าเป็น filter
และทางทฤษฎีจะไม่มีผลต่อเสียงของลำโพงด้วยครับ

ขอบคุณมากครับ ...แสดงว่า Zobel C ไว้บน ไว้ลาง ให้ผลไม่ต่างกัน
http://diyaudioprojects.com/Technical/Speaker-Zobel/

[m shifu]

ถ้าขยัน+ว่างนะ ลองทำการบ้านอันนี้ครับ
L 25.33 mH
C 1 uF
เอาสองตัวนี้ขนานกันเป็นโหลด
ใช้แอมป์ขับแรงดันไฟฟ้า 100 Vrms ความถี่ 1 KHz ใส่โหลด

คำถาม
1. โหลดที่แอมป์เห็นมีค่ากี่โอมห์
2. กระแสจากแอมป์มีค่ากี่แอมป์
3. กระแสผ่าน C มีค่ากี่แอมป์
4. กระแสผ่าน L มีค่ากี่แอมป์

ลองใช้โปรแกรมที่ท่านเสือถนัด เขียนวงจร+ตอบคำถาม ดูครับ

[tiger X-fi]

ขอบคณมากครับ...เดี๋ยวลองดู
---------------------

นิดหนึ่งเรื่องคลาสa ab b
คุณภาพที่เขาว่าต่างกันมันคือสเตตตัวหนึ่งคือเรื่องcross over distortion

อ่านๆเรื่องcrossover distortion ดู
ยิ่งพาสับสน(ที่อธิบายกัน)
----------
เข้าใจง่ายๆ

distortion คือ เป็น รอยต่อ ระหว่าง ไฟAC ซีก +-
ให้อยู่ในไลน์เดียวกัน เป็็นปัญหา ของ class B (ต่อกันไม่เนียน)
ถึงใช้เป็น class AB เพือแก้ปัญหานี้
ส่วน class A +/- อยู่ในไลน์เดียวกัน
ไม่มีปัญหาเรื่องcrossover distortion อยู่แล้วครับ

class A แท้ คงมีแต่ SINGLE END

class A Push Pull ก็เป็น class AฺB bias กระแสสูงแคนั้น นึกถึง Jean Hiraga's Super Class-A Amplifier ตั้งชือซะเก๋เลย Super Class-A
ก็เป็น class AฺB bias กระแสสูงหน่อยแคนั้น
ยังคงขยายแยกซีก+/-อยู่ดี
แก้หน่อย HIRAGA - ''Le Monstre''
เป็น Class-A เพราะ +/- อยู่ในไลน์ เดียวกัน
เหมือนเอา SINGLE END 2ตัวมาขนานกัน
----------
เรื่องคลาสแอมป์ กลับมาอ่านซ้ำ
คุณ tanwa_kang อธิบายไว้ชัดเจนครับ
http://www.overclockzone.com/forums/...B9%89%E0%B8%AD

[tiger X-fi]

ทดลองแล้วครับ

กระแสจะแกว่งตามกราฟวิ่ง V น้อย A น้อยตาม
ผมหยุดตรงเส้นกราฟไกล้สวิงสูงสุด
-------------
ไฟ 3 จุดสวิงไม่เเท่ากัน

[m shifu]

รวดเร็วมากครับ ท่านเสือ
เอาความถี่ 1 KHz นะครับ
แล้วขอเป็นคำตอบ 1 ,2 ,3 ,4
อยากรู้ว่า โปรแกรม จะตอบได้ถูกต้องรึเปล่าครับ

[tiger X-fi]

ออกมาแบบนี้ครับ ....ไม่นิ่งแก่วงตลอด ขึ้นลงตามลูกคลื่นครับ
-------------------------

1 ตามมิเตอ์คับ
2-4 ตามป้ายเล็กครับ

[tiger X-fi]

เทคนิคกาต่อไดโอด ...เห็นแล้วชอบ

http://www.audiodesignguide.com/Hybrid2011/index3.html

[m shifu]

ออกมาแบบนี้ครับ ....ไม่นิ่งแก่วงตลอด ขึ้นลงตามลูกคลื่นครับ

งี้ก็บอกอะไรไม่ได้ซิครับ
ดูค่าตัวเลขในมิเตอร์ ก็แปลกๆครับ

มีใครอยากลองทำการบ้านอันนี้มั่งครับ

L 25.33 mH
C 1 uF
เอาสองตัวนี้ขนานกันเป็นโหลด
ใช้แอมป์ขับแรงดันไฟฟ้า 100 Vrms ความถี่ 1 KHz ใส่โหลด

คำถาม
1. โหลดที่แอมป์เห็นมีค่ากี่โอมห์
2. กระแสจากแอมป์มีค่ากี่แอมป์
3. กระแสผ่าน C มีค่ากี่แอมป์
4. กระแสผ่าน L มีค่ากี่แอมป์

[m shifu]

1 ตามมิเตอ์คับ
2-4 ตามป้ายเล็กครับ

ดูแล้ว คำตอบผิดแบบออกทะเลเลยครับ

เดี๋ยวคอย เผื่อท่านอื่นสนใจแก้โจทย์นี้นะครับ