Announcement

Collapse
No announcement yet.

ทฤษฎี ดิจิตอล (01) ไม่มีความแตกต่าง ..ด้านเสียง...ชัวร์หรือมั่วนิ่ม

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • Originally posted by tugy View Post
    ที่ผมโพส ๆ มายังไม่จำเป็นต้องเชื่อนะครับ จนกว่าจะได้ลองด้วยตนเองจริง ๆ ครับ

    ที่ผมเลือก mode pass through ในการส่งสัญญาณ เหตุผลคือ มันเป็นการส่งสัญญาณ

    แบบ digital จริง ๆ โดยไม่มีการบิดเบือนต้นฉบับที่ต้องการส่ง แล้วท่านก็จะได้รู้ว่ามันไม่มีอะไร

    แตกต่างกันครับ
    ตอนนี้คงต้องตัด ทฤษฎี Factใดๆทางวิทยาศาสตร์ออกก่อนแล้วครับท่าน tugy กระทู้เปลี่ยนเป็นลอง แล้วมาเล่าแทนแล้วครับ ^^


    Originally posted by HiddenDragon View Post
    ด้วยความคารพครับ
    ผมว่า การเอาลิงค์ที่เปนข้อมูลและสิทธิขอเว็บอื่น มาใช้หรือ post กรณีที่ไม่ข้อความเหมาะสมหรือออกแนวลบหลู่หรือพาดพิงในมุมมิชอบ
    ผิดฏหมายในข้อหมิ่นประมาทนะครับ

    เพิ่มเติม เว็บที่ท่านๆ เอาลิงค์มาลง่ ท่านทราบหรือไม่ครับ ว่านักการเมือง ทหาร ตำรวจ แม้กระทั่งมหาดเล็กในพระบรมมหาราชวัง ก็เป็นลูกศิษย์ของเว็บนี้นะครับ
    ระวังหน่อยนะครับ เด๋วจะว่าผมรู้แล้วไม่บอก
    เผอิญผมไม่ได้ลบหลู่ แต่เอามาอ้างอิงข้อมูลที่ผมโพส์ทไว้ครับ ให้ท่าน kpmac แกทราบว่ามีจริงๆว่ามีคนที่สัมผัสได้แบบที่ผมบอกเท่านั้น โดยไม่ได้มีคำพูดใดๆที่ไปลบหลู่ครับ

    Originally posted by milestone View Post
    กระทู้นี้มันเกี่ยวอะไรกับคว่ำรีโมท ?

    กระทู้นี้มันเกี่ยวอะไรกับกดนิ้วโป้งนิ้วชี้ ?

    แล้วในกระทู้นี้ใครเชื่อเรื่องพวกนี้บ้าง ผมยังไม่เชื่อเลย ลากเอามาโยงเพื่ออะไร ?
    เค้าเตือนว่านอกเรื่องก็หาว่าเค้าปิดคดี เหนื่อยใจแทนพี่เสือครับ -*-
    ผมว่า...เริ่มนอกประเด็นอีกแล้ว
    Last edited by veza; 6 Apr 2011, 23:22:59.

    Comment


    • Originally posted by tugy;28508731
      [QUOTE=veza;28517120
      ตอนนี้คงต้องตัด ทฤษฎี Factใดๆทางวิทยาศาสตร์ออกก่อนแล้วครับท่าน tugy กระทู้เปลี่ยนเป็นลอง แล้วมาเล่าแทนแล้วครับ ^^
      คำเดียว อารมณ์ค้างครับ อิอิ เหมือนกับว่าคำตอบ หลาย ๆ อย่าง+คำถามที่ผ่าน ๆ มา มันเหมือน กับว่าเกาไม่ตรงที่คัน

      เลยอยากจะมาตอบให้มันตรง ๆ และชัด ๆ ครับ มะมีอะไร ^__^
      Last edited by tugy; 6 Apr 2011, 23:48:33.

      Comment


      • เหนื่อยใจ


        หลายๆๆคำถาม...หลายๆๆประเด็น
        มีหลายท่านให้คำตอบไปแล้วในช่วงหน้า1-6

        Comment


        • อาจจะเป็นเพราะว่ามันมีเยอะหลายหน้ามาก ก็ได้ครับ บางทีผมก็อ่านผ่าน ๆ

          แต่ผมว่าท่าน V-Spec ก็อธิบายได้ชัดเจนดีครับ แต่ว่าหลังจากนั้นก็มีข้อความต่อ ๆ กันไป จนผมอ่านไปอ่านมาเหมือนกับว่า

          จากเรื่อง Digital กลายเป็นประเด็นของสายสัญญาณบ้าง ผมอ่าน ๆ ก็เลยเหมือนกับว่ายังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนไปซะอย่างงั้น

          (อาจจะคิดไปเอง) เลยอยากมาตอบให้ชัด ๆ แค่นั้นเองครับ สังเกตุว่าทุก reply ของผมผมจะเน้นเรื่อง Digital แท้ ๆ เป็นหลัก

          และก็ย้ำชัด ๆ ถึงประเด็น ที่ทำให้เสียงแตกต่าง แค่นี้่เองครับ ^___^

          Comment


          • ตรงนี้ความคิดเห็นท่านนึง ก่อนทดสอบ และหลังทดสอบ
            (ได้ขออณุญาตจากเจ้าของความคิดเห็นแล้ว)
            ขออนุญาตลงซ้าอีกรอบ....เพิ่งรู้ว่า...ถูกติดตามจากเว็ปอื่น...
            ส่วนใหญ่ก็จะไม่อ่านให้ครบถ้วน
            ----------
            ก่อนทดสอบ
            Originally posted by kpmac View Post
            โหว่าจะไม่เข้ามาอ่านล่ะ เห็นแปปเดียว ไล่กันยาวเลย หลายเวป มีคนเปิดประเด็นแบบนี้ มันไม่จบเหรอครับ ผมเลยไม่ค่อยอยากอ่าน วันนี้ลองอ่านดู โหเหมือนเดิมๆที่หลายเวปเถียงกัน

            เอาเป็นว่า ผมเนี้ยว่า digital ส่ง 0 1 จริงๆๆๆ อย่างที่ ท่าน veza ว่านะครับ อยากให้ลองแบบนี้ครับ ใช้ชุดทดสอบเดิมๆ ไม่ต้องเปลื่ยน แต่ สลับสาย hdmi เลยอย่างเดียว ผมลองแล้ว เสียงไม่เปลื่ยนจริงๆ

            แต่ถ้าภาพ เนี้ยผมงง ว่ามันเปลื่ยน คับ ผมเลยมาดูสเปก ที่เปลื่ยนเล่น มันต่างกันที่การให้ความเร็วสัญญาณคับ เส้นที่ให้ความเร็วมากกว่าและค่า hz มากกว่า ภาพคมกว่าสว่างกว่าเห็นๆ ทีวีที่เล่นเป็น 240 hz นะครับ

            ผมกับเพื่อน ถ่ายรูปเทียบเลย ต่างจริงๆ ลองเล่นดูครับ แต่เสียงผมเห็นด้วยกับ ท่าน veza ครับ เพราะมันผ่านมางัยออกงันไอ้เจ้า digital คับ ลองฟังแล้วฟังไม่ออก จริงๆครับ เลยสรุปกับตัวเองว่า สาย hdmi ที่แพง

            ให้ภาพที่ดีกว่าจริง แต่เสียงผมว่าเหมือนกันครับ ลองทั้งฟังเพลง และดูหนัง ฟังไม่ออกจริงๆ จนยอมมาจับผิด analog เหมือนเดิมดีกว่า 5555 ( เสียง digital จะเปลื่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับ dacของเครื่องเล่น จริงๆ )
            Originally posted by kpmac View Post
            ใช่ท่าน ผมก็เลยงงงัย เลยเอามาแชร์กันว่า ตกลงแล้วถ้าความไวในการส่งสัญญาณ digital และค่า hz มากกว่า และค่า smooth bit มากกว่ามันมีผลต่อภาพอย่างเดียวหรือเปล่า คือเข้าใจว่า

            สายที่แพง กับ ถูกลงมา มันเน้นภาพมากกว่า เสียงรึเปล่า หรือว่าค่าที่มันไวขึ้น smooth ขึ้นมันมีผล ที่ avr ที่มีวงจร Upscaleภาพ อย่างเดียวรึเปล่า เสียงถึงได้เหมือนเดิม อะท่านเป็นไปได้มัย

            แต่ให้ตายเหอะ ผมฟังไม่ต่างจริงๆ หรือว่าต่างผมว่าไม่เกิน 5% อะ ถ้าเป็นไปได้นะครับ สายที่ผมลอง m2000 แท้ครับชัวร์ของเพื่อน ของผมที่เอามาลองของอมร 900 บาท v1.3 ทั้งคู่ครับ
            Originally posted by kpmac View Post
            +1 เลยท่านตามนั่น เห็นด้วยครับ ผมว่ากลับมาเล่นเสียง analog เดิมๆของผมมันส์กว่าเยอะ เหอๆๆ
            --------------------
            หลังทดสอบ
            Originally posted by kpmac View Post
            ไปกันใหญ่จริงๆ ผมว่าเข้าใจกันผิดเยอะเลยนะท่านๆ ที่ท่าน เสือได้ตั้งมาทั้งหมดหมายความว่างัย ลองตีโจทย์ให้แตกก่อนครับ

            ท่านเสือเค้าหมายถึง สายสัญญาณ ที่รับส่งข้อมูล digital เท่านั่นว่าถ้าเปลื่ยนสายสัญญาณ แล้วจะมีผลต่อเสียงมัยหมายถึงว่าข้อมูลที่ได้มาเป็นสัญญาณ

            digital เนี้ย ถ้าถูกส่งผ่านสายสัญญาณ ไปแล้วจะมีผลเปลื่ยนแปลงมัย ไม่ใช่สายลำโพง สาย rac สายไฟ ac อะไรต่อมิอะไร สาย digital อย่างเดียวเท่านั่น

            ที่นำสัญญาณ มันมีผลต่อเสียงมัย เน้น เสียง ที่ผมลองแล้วไม่ต่างก็คือ สาย usb จากไฟล์เพลงในคอมต่อด้วย usb ไป dac ของ cambridge

            จาก dac ใช้ rac ไป intamp ฟังเสียงแล้วเก็บไว้ แล้วเปลื่ยนสาย usb เป็นของดีขึ้นมาเลย ต่อเหมือนเดิม ฟังแล้วเสียงเปลื่ยน งง เลย

            เมื่อวานลอง ยืม dac กับ สาย usb มาลองกัน งงเลย เอาแล้วสิคราวนี้ โหวต ไม่เปลื่ยนไปแล้วด้วย ตั้งหลักหาหนังสือเครื่องเสียงเก่าๆมาอ่าน

            อะพอมีเหตุผลบ้างแล้วเลยจะมาลองเล่าสู่กันฟัง ยาวนิดนะครับ

            จากผู้มีประสบการฟังเพลง digital มากมาย คุณ... ในหนังสือ audiophile บอกว่า ทุกวันนี้หนีไม่พ้นแล้วกับเสียง digital เราบริโภคกัน เป็น

            digital หมดแล้ว cd dvd bd ไฟล์เพลง ต่างๆ เค้าศึกษาและลองเล่นดูมากมาย สรุปว่า เครื่องเล่น cd dvd bd พวกนี้ให้เสียงผิดเพี้ยนขึ้นอยู่กับ

            หัวอ่าน, motor,เคสเครื่อง, ภาค dac ของแต่ละตัว มันถึงมีราคาต่างกันไป ถูกบ้าง สูงบ้าง ผมจับประเด็นที่อ่านได้ว่า ข้อมูลที่หัวอ่าน อ่านจาก

            แผ่น เป็นข้อมูล digital แล้วส่งข้อมูลไปที่ภาค dac แล้ว dac ถอดเป็น analog นั่น ที่มันจะเพี้ยนเพราะ motor ถ้าความเร็วต่างกัน จะส่งถ่ายข้อมูล

            digital (0 1 ) ไปที่ภาค dac ช้าเร็วต่างกัน dac จึงมีการประมวลผลได้ไม่เท่ากัน จึงเกิดเสียงที่ต่างกัน motorดีๆ ราคาสูงมากทำให้ เครื่องเล่นเล่านั่นราคาสูงไปด้วย

            ผมเลยคิดว่่า การส่งสัญญาณ 0 1 ใช่ครับมันต้นทางมาปลายก็ 0 1 เหมือนกันแต่ว่าความเร็วในการส่งไม่เท่ากัน ไม่สม่ำเสมอ อาจจะทำให้การประมวลผลได้แตกต่างกัน ( เรื่องเสียง )

            ที่ภาค dac ทีนี้ จึงมีคนหันมาเล่นจากต้นทาง(ไฟล์เพลงจาก com)แล้วใช้ dac แยกออกมา จึงเกิดสาย usb แล้วไอ้สาย usb ที่ต่างกันก็ตรงให้การถ่ายโอนข้อมูลนำพาสัญญาณ ได้เร็วช้าก็ต่างยี่ห้อต่างกัน

            จึงมีผลต่อเสียง แต่เสียงที่ดีต้องมาจากต้นทางที่ดี คือ ไฟล์ต้องดีก่อนจึงจะทำให้ผิดเพี้ยนน้อยที่สุด เอาล่ะสิ เมื่อวาน ฟังจาก ไฟล์ แล้ว เทียบกับ แผ่น cd ไม่ต่างเลย เพราะ amp ตัวเดียวกัน งั้นสงสัย

            ต้องเริ่มหันมา ศึกษา อุปกรณ์ dac และ พวก digitalphile ใหม่สะแล้ว

            ป.ล ปกติผมไม่เคยใช้ dac แยก เคยฟังบ้างแต่อคติว่า เสียงดีสู้ เครื่องเล่น cd ไม่ได้ แต่อย่าลืมว่าในการบันทึกเสียงในห้องอัดทุกวันนี้เป็น digital หมดแล้ว ผมเนี้ยโง่จริงๆ เลย ต้องเริ่มคิดใหม่สะแล้ว (หรือกับไปเล่นแผ่นเสียง *-*)

            Comment


            • Originally posted by kpmac View Post
              ไปกันใหญ่จริงๆ ผมว่าเข้าใจกันผิดเยอะเลยนะท่านๆ ที่ท่าน เสือได้ตั้งมาทั้งหมดหมายความว่างัย ลองตีโจทย์ให้แตกก่อนครับ

              ท่านเสือเค้าหมายถึง สายสัญญาณ ที่รับส่งข้อมูล digital เท่านั่นว่าถ้าเปลื่ยนสายสัญญาณ แล้วจะมีผลต่อเสียงมัยหมายถึงว่าข้อมูลที่ได้มาเป็นสัญญาณ

              digital เนี้ย ถ้าถูกส่งผ่านสายสัญญาณ ไปแล้วจะมีผลเปลื่ยนแปลงมัย ไม่ใช่สายลำโพง สาย rac สายไฟ ac อะไรต่อมิอะไร สาย digital อย่างเดียวเท่านั่น

              ที่นำสัญญาณ มันมีผลต่อเสียงมัย เน้น เสียง ที่ผมลองแล้วต่างก็คือ สาย usb จากไฟล์เพลงในคอมต่อด้วย usb ไป dac ของ cambridge

              จาก dac ใช้ rac ไป intamp ฟังเสียงแล้วเก็บไว้ แล้วเปลื่ยนสาย usb เป็นของดีขึ้นมาเลย ต่อเหมือนเดิม ฟังแล้วเสียงเปลื่ยน งง เลย

              เมื่อวานลอง ยืม dac กับ สาย usb มาลองกัน งงเลย เอาแล้วสิคราวนี้ โหวต ไม่เปลื่ยนไปแล้วด้วย ตั้งหลักหาหนังสือเครื่องเสียงเก่าๆมาอ่าน

              อะพอมีเหตุผลบ้างแล้วเลยจะมาลองเล่าสู่กันฟัง ยาวนิดนะครับ

              จากผู้มีประสบการฟังเพลง digital มากมาย คุณ... ในหนังสือ audiophile บอกว่า ทุกวันนี้หนีไม่พ้นแล้วกับเสียง digital เราบริโภคกัน เป็น

              digital หมดแล้ว cd dvd bd ไฟล์เพลง ต่างๆ เค้าศึกษาและลองเล่นดูมากมาย สรุปว่า เครื่องเล่น cd dvd bd พวกนี้ให้เสียงผิดเพี้ยนขึ้นอยู่กับ

              หัวอ่าน, motor,เคสเครื่อง, ภาค dac ของแต่ละตัว มันถึงมีราคาต่างกันไป ถูกบ้าง สูงบ้าง ผมจับประเด็นที่อ่านได้ว่า ข้อมูลที่หัวอ่าน อ่านจาก

              แผ่น เป็นข้อมูล digital แล้วส่งข้อมูลไปที่ภาค dac แล้ว dac ถอดเป็น analog นั่น ที่มันจะเพี้ยนเพราะ motor ถ้าความเร็วต่างกัน จะส่งถ่ายข้อมูล

              digital (0 1 ) ไปที่ภาค dac ช้าเร็วต่างกัน dac จึงมีการประมวลผลได้ไม่เท่ากัน จึงเกิดเสียงที่ต่างกัน motorดีๆ ราคาสูงมากทำให้ เครื่องเล่นเล่านั่นราคาสูงไปด้วย

              ผมเลยคิดว่่า การส่งสัญญาณ 0 1 ใช่ครับมันต้นทางมาปลายก็ 0 1 เหมือนกันแต่ว่าความเร็วในการส่งไม่เท่ากัน ไม่สม่ำเสมอ อาจจะทำให้การประมวลผลได้แตกต่างกัน ( เรื่องเสียง )

              ที่ภาค dac ทีนี้ จึงมีคนหันมาเล่นจากต้นทาง(ไฟล์เพลงจาก com)แล้วใช้ dac แยกออกมา จึงเกิดสาย usb แล้วไอ้สาย usb ที่ต่างกันก็ตรงให้การถ่ายโอนข้อมูลนำพาสัญญาณ ได้เร็วช้าก็ต่างยี่ห้อต่างกัน

              จึงมีผลต่อเสียง แต่เสียงที่ดีต้องมาจากต้นทางที่ดี คือ ไฟล์ต้องดีก่อนจึงจะทำให้ผิดเพี้ยนน้อยที่สุด เอาล่ะสิ เมื่อวาน ฟังจาก ไฟล์ แล้ว เทียบกับ แผ่น cd ไม่ต่างเลย เพราะ amp ตัวเดียวกัน งั้นสงสัย

              ต้องเริ่มหันมา ศึกษา อุปกรณ์ dac และ พวก digitalphile ใหม่สะแล้ว

              ป.ล ปกติผมไม่เคยใช้ dac แยก เคยฟังบ้างแต่อคติว่า เสียงดีสู้ เครื่องเล่น cd ไม่ได้ แต่อย่าลืมว่าในการบันทึกเสียงในห้องอัดทุกวันนี้เป็น digital หมดแล้ว ผมเนี้ยโง่จริงๆ เลย ต้องเริ่มคิดใหม่สะแล้ว (หรือกับไปเล่นแผ่นเสียง *-*)
              ขออณุญาตตรงนี้นิดนึงครับท่าน

              คือปัญหาตรงนี้ถ้าเป็นรุ่นเก่ามากๆผมว่าน่าจะเป็นไปได้

              แต่ว่าปัจจุบันมีวงจรที่เค้าเรียกว่า buffer มาให้ใช้งานกันน่าจะทุกยี่ห้อแล้ว (พอดีมีคนเอามาให้ซ่อมบ่อยเหมือนกัน)

              สังเกตจากตอนผมซ่อมนึกซนลองเอามือหยุดแผ่นที่กำลังหมุน(ตอนซ่อมผมเปลือยเครื่องทำน่ะครับ) เสียงเพลงจะไม่ดับไปในทันที

              จะต้องรอสัก10-15วินาทีเสียงเพลงถึงเงียบไปน่ะครับ

              ^^

              Comment


              • ต้องเน้นว่า passthrough ให้เสียงที่แทบๆไม่แตกต่าง แต่ถ้าไม่ passthrough ความแตกต่างอยู่ที่

                การถอดจาก source เช่น cd DVD แล้ว จะส่งไป avr นี่แหละ อุปกรณ์ต่างๆ มันจะเริ่มมีผล เพราะ ทั้งแผงวงจรสายไฟ ทุกอย่างทำให้เกิดค่า loss และ latency

                สรุป ถ้าเอาสัญญาณเพียวๆ 0 1 เอาไปใส่ DAC AVR และลำโพงเดียวกันไม่ต่างกัน แต่ถ้า เอาเครื่อง เล่นต่างกัน ไปใส่ DAC AVR และลำโพงเดียวกัน จะต่างกัน

                ป.ล. ผมคิดตามความเข้าใจนะครับ เพราะไม่ได้เรียนด้านนี้โดยตรง แถมความต่างของเสียงอยู่ที่การสะท้อนของห้อง อุณหภูมิในอากาศ ความชื้นอีก ใครที่เรียน ฟิสิกส์ หรือ วิศวะจะรู้ว่ามันมีผมต่อการเดินทางของคลื่นเสียง
                ทำให้ความแตกต่างเกิดอีก
                Last edited by klodpeng; 7 Apr 2011, 09:28:44.

                Comment


                • ผมว่านะครับ อยากให้ลองกันเองดีกว่า jitter ในระบบ digital นี่ตัวแสบ

                  บทความภาษาไทย
                  http://www.angelfire.com/vt2/avsevice/data/jitter.html

                  ขอลอกมาเป็นภาษาประกิต
                  Jitter in TOSLINK is degraded by poor transmission due to non-flat terminations of the fiber. Any scratch or off angle cut will scatter light rather than couple it.

                  Jitter in coax is degraded by imperfect 75ohm matching in the driver, cable and receiver. I've never measured RCA connectors for 75ohm impedance but they sell RCA jack claiming to be "75 ohm" connectors.

                  Comment


                  • ขอบคุณคับ คุณ GTR_V-spec จะได้มีข้อมูลเพิ่ม คับ

                    มาๆ มีข้อมูลดีๆมาฝากคับ ขอบคุณ กระทู้นี้ก่อนละกันที่ทำให้ผม กลับมาอ่านหนังสือและหาข้อมูลเกี่ยวกะ digitalphile แบบมันส์เลย นุกๆ ยิ่งอ่านยิ่งมันส์

                    อยากซื้อ เครื่องเล่น อุปกรณ์พวกนี้มาเล่นแล้วสิ ติดที่เงิน บ่ มี แฟนด่าเลย เหอๆๆ นอกเรื่อง สาย digital นิดนะคับ คืองี้ jitter สำคัญมากคับ ตามที่

                    ท่าน หลายคนบอกอะครับ เห็นด้วยอย่างแรง มันเป็นตัวที่จะทำให้การอ่านสัญญาณdigitalเพี้ยน แต่ไม่ได้เพี้ยนหมดนะคับ มันจะเพี้ยนที่ความถี่ใดความถี่หนึ่งเท่านั่น

                    ส่วนมากจะเกิดขึ้นที่ สัญญาณ digital ที่มีข้อมูลเสียงหรืความถี่สูงขึ้นอย่างฉับพลัน แล้วเค้า ก็มีกราฟ มีสูตรในการคำณวนค่า jitter ในแต่ละไฟล์มาให้ดู เออมันแสบจิงๆ

                    เหมือนที่คุณ pac ว่าละคร้าบบ แต่คราวนี้ เค้าสรุปว่า การฟังเพลงด้วยการเล่น digital audio stream จะให้เสียงที่ดีที่สุดก็ต่อเมื่อ อุปกรณ์ทุกชิ้นที่อยู่ในเครื่องเล่น

                    มี jitter ต่ำสุดน้อยสุด ทางเลือกหนึ่งที่มีราคาไม่แพง และมีค่า jitter ต่ำมากๆ ก็คือเล่นจาก pc คับ หลาย บ. ที่เค้าผลิตอุปกรณ์เกี่ยวกะพวกที่เราคุยกันอยู่ ก็จะแข่งขันกันใน

                    เรื่องที่จะกำจัดเจ้า jitter ให้น้อยลงด้วยอะคับ หมายถึงสาย usb ด้วยนะคร้าบบ งั่นแปลว่าแต่ล่ะสายก็คงให้อะไรต่างกันด้วยอะเปล่าคับ เหอๆ เค้าว่างั้นนะ ผมอ่านเจอก็มาแชร์กันนะคร้าบบ

                    Comment


                    • คุยกันด้วยเหตุผลอ้างอิงแบบนี้ ผมยอมรับด้วยความเต็มใจ มากกว่าวัดด้วยความรู้สึก ผมเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างวิทยาศาสตร์มีคำตอบ

                      ตัดเรื่อง PassThrough นะครับ

                      ไปหาข้อมูลมาเพิ่มครับ กรณีที่ทำให้ Digital Input <> Digital Output

                      ถ้าพูดถึงเครื่องเล่นและสายสัญญาณ Digital ถ้าระบบมันออกแบบมาได้มาตราฐาน และใช้งานในสภาวะปกติ (อย่างที่CEO AudioQuest กล่าวไว้) ไม่ได้มีบรรยากาศมาคุหรือคลื่นสนามแม่เหล็กระดับรุนแรง โอกาสที่จะเกิด BitError น้อยมากครับ มีคนเคยทดสอบสาย HDMI เส้นละ 300 ตรวจหา BitError เป็น ชม. ก็ไม่พบครับ (เว็บไซต์ Pantip.com)

                      หรือหากเกิดขึ้น แต่ว่าน้อย ประสาทสัมผัสมนุษย์จะไม่สามารถแยกแยะได้ครับ ต้องใช้เครื่องตรวจวัดความละเอียดสูงมาตรวจสอบเท่านั้นครับ

                      ส่วนเรื่อง Jitter เด๋วนี้อุปกรณ์เครื่องเล่นเครื่องอ่าน CD ที่ได้มาตราฐานมีทั้ง Buffer และ PLL คอยจัดการเรื่องดังกล่าวอยู่แล้วครับ

                      ทั้งนี้ไม่รวมพวกอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตราฐานนะครับ อย่างเครื่่องเล่น CD จีนกากๆถูกเหมือนได้เปล่า ที่หลายท่านถามว่าทำไมเสียงถึงต่าง หากไม่มีทั้ง Buffer ไม่มี PLL แถมรอบหมุนมอเตอร์ไม่ได้มาตราฐาน หัวอ่านเด๋วอ่านได้บ้างไม่ได้บ้าง แล้วส่งข้อมูลแบบ Realtime (1X) ไปที่ DAC ในทันที แบบนี้ให้ผมฟังก็ฟังออกครับ เพราะเสียงมันจะเพี้ยนชัดเจน อะจึ่กๆ อิคึๆ

                      ทั้งนี้เรื่องสายสัญญาณ DIGITAL ถ้ามันได้มาตราฐาน ไม่ว่าจะถูกจะแพงมันให้ผลเหมือนกันครับ

                      Comment


                      • ..
                        Last edited by tugy; 7 Apr 2011, 13:31:49.

                        Comment


                        • .

                          Comment


                          • Originally posted by tiger X-fi View Post

                            ตรงนี้ความคิดเห็นท่านนึง ก่อนทดสอบ และหลังทดสอบ
                            (ได้ขออณุญาตจากเจ้าของความคิดเห็นแล้ว)
                            ขออนุญาตลงซ้าอีกรอบ....เพิ่งรู้ว่า...ถูกติดตามจากเว็ปอื่น...
                            ส่วนใหญ่ก็จะไม่อ่านให้ครบถ้วน
                            ----------
                            ก่อนทดสอบ
                            ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ kpmac
                            โหว่าจะไม่เข้ามาอ่านล่ะ เห็นแปปเดียว ไล่กันยาวเลย หลายเวป มีคนเปิดประเด็นแบบนี้ มันไม่จบเหรอครับ ผมเลยไม่ค่อยอยากอ่าน วันนี้ลองอ่านดู โหเหมือนเดิมๆที่หลายเวปเถียงกัน

                            เอาเป็นว่า ผมเนี้ยว่า digital ส่ง 0 1 จริงๆๆๆ อย่างที่ ท่าน veza ว่านะครับ อยากให้ลองแบบนี้ครับ ใช้ชุดทดสอบเดิมๆ ไม่ต้องเปลื่ยน แต่ สลับสาย hdmi เลยอย่างเดียว ผมลองแล้ว เสียงไม่เปลื่ยนจริงๆ

                            แต่ถ้าภาพ เนี้ยผมงง ว่ามันเปลื่ยน คับ ผมเลยมาดูสเปก ที่เปลื่ยนเล่น มันต่างกันที่การให้ความเร็วสัญญาณคับ เส้นที่ให้ความเร็วมากกว่าและค่า hz มากกว่า ภาพคมกว่าสว่างกว่าเห็นๆ ทีวีที่เล่นเป็น 240 hz นะครับ

                            ผมกับเพื่อน ถ่ายรูปเทียบเลย ต่างจริงๆ ลองเล่นดูครับ แต่เสียงผมเห็นด้วยกับ ท่าน veza ครับ เพราะมันผ่านมางัยออกงันไอ้เจ้า digital คับ ลองฟังแล้วฟังไม่ออก จริงๆครับ เลยสรุปกับตัวเองว่า สาย hdmi ที่แพง

                            ให้ภาพที่ดีกว่าจริง แต่เสียงผมว่าเหมือนกันครับ ลองทั้งฟังเพลง และดูหนัง ฟังไม่ออกจริงๆ จนยอมมาจับผิด analog เหมือนเดิมดีกว่า 5555 ( เสียง digital จะเปลื่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับ dacของเครื่องเล่น จริงๆ )
                            ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ kpmac
                            ใช่ท่าน ผมก็เลยงงงัย เลยเอามาแชร์กันว่า ตกลงแล้วถ้าความไวในการส่งสัญญาณ digital และค่า hz มากกว่า และค่า smooth bit มากกว่ามันมีผลต่อภาพอย่างเดียวหรือเปล่า คือเข้าใจว่า

                            สายที่แพง กับ ถูกลงมา มันเน้นภาพมากกว่า เสียงรึเปล่า หรือว่าค่าที่มันไวขึ้น smooth ขึ้นมันมีผล ที่ avr ที่มีวงจร Upscaleภาพ อย่างเดียวรึเปล่า เสียงถึงได้เหมือนเดิม อะท่านเป็นไปได้มัย

                            แต่ให้ตายเหอะ ผมฟังไม่ต่างจริงๆ หรือว่าต่างผมว่าไม่เกิน 5% อะ ถ้าเป็นไปได้นะครับ สายที่ผมลอง m2000 แท้ครับชัวร์ของเพื่อน ของผมที่เอามาลองของอมร 900 บาท v1.3 ทั้งคู่ครับ
                            ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ kpmac
                            +1 เลยท่านตามนั่น เห็นด้วยครับ ผมว่ากลับมาเล่นเสียง analog เดิมๆของผมมันส์กว่าเยอะ เหอๆๆ
                            --------------------
                            หลังทดสอบ
                            ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ kpmac
                            ไปกันใหญ่จริงๆ ผมว่าเข้าใจกันผิดเยอะเลยนะท่านๆ ที่ท่าน เสือได้ตั้งมาทั้งหมดหมายความว่างัย ลองตีโจทย์ให้แตกก่อนครับ

                            ท่านเสือเค้าหมายถึง สายสัญญาณ ที่รับส่งข้อมูล digital เท่านั่นว่าถ้าเปลื่ยนสายสัญญาณ แล้วจะมีผลต่อเสียงมัยหมายถึงว่าข้อมูลที่ได้มาเป็นสัญญาณ

                            digital เนี้ย ถ้าถูกส่งผ่านสายสัญญาณ ไปแล้วจะมีผลเปลื่ยนแปลงมัย ไม่ใช่สายลำโพง สาย rac สายไฟ ac อะไรต่อมิอะไร สาย digital อย่างเดียวเท่านั่น

                            ที่นำสัญญาณ มันมีผลต่อเสียงมัย เน้น เสียง ที่ผมลองแล้วไม่ต่างก็คือ สาย usb จากไฟล์เพลงในคอมต่อด้วย usb ไป dac ของ cambridge

                            จาก dac ใช้ rac ไป intamp ฟังเสียงแล้วเก็บไว้ แล้วเปลื่ยนสาย usb เป็นของดีขึ้นมาเลย ต่อเหมือนเดิม ฟังแล้วเสียงเปลื่ยน งง เลย

                            เมื่อวานลอง ยืม dac กับ สาย usb มาลองกัน งงเลย เอาแล้วสิคราวนี้ โหวต ไม่เปลื่ยนไปแล้วด้วย ตั้งหลักหาหนังสือเครื่องเสียงเก่าๆมาอ่าน

                            อะพอมีเหตุผลบ้างแล้วเลยจะมาลองเล่าสู่กันฟัง ยาวนิดนะครับ

                            จากผู้มีประสบการฟังเพลง digital มากมาย คุณ... ในหนังสือ audiophile บอกว่า ทุกวันนี้หนีไม่พ้นแล้วกับเสียง digital เราบริโภคกัน เป็น

                            digital หมดแล้ว cd dvd bd ไฟล์เพลง ต่างๆ เค้าศึกษาและลองเล่นดูมากมาย สรุปว่า เครื่องเล่น cd dvd bd พวกนี้ให้เสียงผิดเพี้ยนขึ้นอยู่กับ

                            หัวอ่าน, motor,เคสเครื่อง, ภาค dac ของแต่ละตัว มันถึงมีราคาต่างกันไป ถูกบ้าง สูงบ้าง ผมจับประเด็นที่อ่านได้ว่า ข้อมูลที่หัวอ่าน อ่านจาก

                            แผ่น เป็นข้อมูล digital แล้วส่งข้อมูลไปที่ภาค dac แล้ว dac ถอดเป็น analog นั่น ที่มันจะเพี้ยนเพราะ motor ถ้าความเร็วต่างกัน จะส่งถ่ายข้อมูล

                            digital (0 1 ) ไปที่ภาค dac ช้าเร็วต่างกัน dac จึงมีการประมวลผลได้ไม่เท่ากัน จึงเกิดเสียงที่ต่างกัน motorดีๆ ราคาสูงมากทำให้ เครื่องเล่นเล่านั่นราคาสูงไปด้วย

                            ผมเลยคิดว่่า การส่งสัญญาณ 0 1 ใช่ครับมันต้นทางมาปลายก็ 0 1 เหมือนกันแต่ว่าความเร็วในการส่งไม่เท่ากัน ไม่สม่ำเสมอ อาจจะทำให้การประมวลผลได้แตกต่างกัน ( เรื่องเสียง )

                            ที่ภาค dac ทีนี้ จึงมีคนหันมาเล่นจากต้นทาง(ไฟล์เพลงจาก com)แล้วใช้ dac แยกออกมา จึงเกิดสาย usb แล้วไอ้สาย usb ที่ต่างกันก็ตรงให้การถ่ายโอนข้อมูลนำพาสัญญาณ ได้เร็วช้าก็ต่างยี่ห้อต่างกัน

                            จึงมีผลต่อเสียง แต่เสียงที่ดีต้องมาจากต้นทางที่ดี คือ ไฟล์ต้องดีก่อนจึงจะทำให้ผิดเพี้ยนน้อยที่สุด เอาล่ะสิ เมื่อวาน ฟังจาก ไฟล์ แล้ว เทียบกับ แผ่น cd ไม่ต่างเลย เพราะ amp ตัวเดียวกัน งั้นสงสัย

                            ต้องเริ่มหันมา ศึกษา อุปกรณ์ dac และ พวก digitalphile ใหม่สะแล้ว

                            ป.ล ปกติผมไม่เคยใช้ dac แยก เคยฟังบ้างแต่อคติว่า เสียงดีสู้ เครื่องเล่น cd ไม่ได้ แต่อย่าลืมว่าในการบันทึกเสียงในห้องอัดทุกวันนี้เป็น digital หมดแล้ว ผมเนี้ยโง่จริงๆ เลย ต้องเริ่มคิดใหม่สะแล้ว (หรือกับไปเล่นแผ่นเสียง *-*)
                            เราคุยกันเรื่องของสัญญาณ Digital ครับไม่มีสายสัญญาณมาเกี่ยวข้อง ย้ำครับมีแต่สัญญาณ Digital เท่านั้นครับ

                            ถ้าเปลี่ยนสายสัญญาณถ้าเป็น coax เอาเส้นละ 20 กับ 2000 เสียงเปลี่ยนครับ เพราะว่ามีตัวแปรเพิ่มขึ้นมาอีก 1 คือสาย

                            ต้องแยกให้ถูกครับ ถ้าเป็น Optic เสียงไม่ต่างมากเพราะว่าการ lost ของสัญญาณมีน้อยกว่า optic ส่งสัญญาณเป็นแสง

                            Coax เป็นสัญญาณไฟฟ้่า ที่ผมบอกว่ามันไม่ตรงก็คือตรงนี้แหละครับ เราคุยกันเรื่องสัญญาณเท่านั้น
                            Last edited by tugy; 7 Apr 2011, 13:38:21.

                            Comment


                            • 100% ของคนที่เชื่อว่าต่าง เกิดจากการทดลองฟังเปรียบเทียบด้วยตนเอง แล้วรับรู้ความแตกต่าง

                              แล้วกี่ % ของคนที่เอาทฤษฎีมาอ้างว่าไม่ต่าง ที่ได้ฟังเปรียบเทียบด้วยตัวเอง แล้วรับรู้ว่าไม่แตกต่าง

                              Comment


                              • จะให้คนอื่น มาทดลองฟังตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ เป๊ะ ๆ
                                ต้องปิดตานะ ต้องสุ่มสลับสายฟัง ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้

                                แล้วคุณหล่ะเคยลองฟังหรือยัง

                                Comment

                                Working...
                                X