ผมว่าถ้ามีการทดสอบกันจริงๆจังๆ ให้เป็นที่ยอมรับโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์จะดีกว่านี้ครับ เช่น blind test ไปเลย ในจำนวนอาสาสมัครเยอะๆ ควบคุมตัวแปรให้เหมาะสม และใช้ไปเลย แผ่นCDธรรมดากับแท้ ชี้ไปให้ชัดๆครับ วิทยาการสามารถลดข้อโต้เถียงในสังคมได้ ส่วนหนึ่งคือ แผ่นแท้มีคุณค่าทางจิตใจ เพราะ"ตา"ถือเป็นสิ่งที่รับรู้ปัจจัยภายนอกมีผลกระทบต่อความสามารถในการรับรู้ ถ้าคุณเห็นแผ่นบันทึกเป็นแผ่นทอง มันมีคุณค่า ฟังแล้วอะไรๆก็ดี กับแผ่นไรท์ธรรมดา อย่างน้อยก็บวกพลังใจไปเยอะแล้วครับ ทั้งๆที่ข้อมูลในนั้นก็0110เหมือนๆกัน แต่ทำไมมันถึงต่างหรือจริงๆแล้วมันไม่ต่างอันนี้ต้องให้วิทยาศาสตร์ตอบคำถาม อยากให้ทุกอย่างหาคำตอบได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ส่วนเรื่องออฟชั่นต่างๆ ถ้าใครฟังเพลงเพราะขึ้นก็แล้วแต่บุคคลครับ ผมคนนึงถ้าสมมติมีเงินเหลือเฟือ ถึงรู้ว่าไม่มีประโยชน์หรือมีน้อยมากๆเทียบกับเงินที่ซื้อไป ก็จะซื้อครับ ทำให้มีความสุขขึ้น แบบว่าเราใช้systemระดับเทพแล้ว มันต้องดีแน่ๆเพราะแน่ๆประมาณนั้นครับ สุดท้ายแล้ว อยากให้กระทู้ดีๆมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาโต้เถียง จะได้ความรู้กันมากขึ้นครับเจ้านาย (แอบออกประเด็นlosslessไรท์ลงแผ่นแฮะ :P )
Announcement
Collapse
No announcement yet.
ไฟล์ lossless ถ้าไรท์ไปแล้ว แผ่นที่ได้จะได้คุณภาพระดับไหนครับ
Collapse
X
-
เห็นด้วยนะครับ blind test เป็นเรื่องๆไปเพื่อมีมาตรฐาน
แต่ไม่ใช่บทสรุปครับอันนี้ก็เป็นวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ได้เหมือนกันคือมาตรฐานหูคนเราไม่เท่ากัน
สรุปคือเราจะใช้หูคนร้อยคนถ้าเกินครึ่งหรือซัก70แล้วบอกว่าดี มันก็ไม่ได้
เช่นคุณให้คนชิมไวน์ร้อยคนว่ายี่ห้อไรปีไหน
หรือเอาง่ายกว่านั้นถามว่าอร่อยไหมชอบหรือเปล่าคุณอาจแปลกใจก็ได้ที่ไวน์ขวดเป็นแสนแต่มีคนชอบน้อยกว่าขวดหลักพัน
แล้วจะใช้จุดยืนไหนดีล่ะครับเพราะมันเป็นเรื่องสัมผัสส่วนตัวล้วนๆ
ส่วนเครื่องเล่นฯลฯ/แผ่น/cd....ต่างๆ
ที่ราคาพอประมาณเขาก็มีเกณมาตฐานอ้างอิงว่าอยู่ในเกณฑ์เพื่อตรวจสอบส่วนของเขาอยู่แล้วอยู่แล้ว
ส่วนชอบไม่ชอบก็เลือกเอาตามรสนิยม
แล้วจับมาblind test เราจะจะจับคนกลุ่มไหนล่ะครับคนทั่วๆก็อ้างอิงไม่ได้เพราะให้แยกmp3กะcd ยังไม่ได้
ยกเว้น พวกสายสัญญาณ หรืออื่นๆบางอย่างที่ไม่มีเครื่องมือชี้วัดที่น่าเชื่อถือว่าดีจริงๆอันนี้ยิ่งตรวจสอบยาก
ขนาดพวกตัวบนๆที่กล่าวมามีมาตฐานต่างๆรองรับว่าอยู่ในเกณฑ์บางยี่ห้อก็เหนือกว่าเกณฑ์(แต่ไม่เห็นเสียงจะดีกว่า666ไม่อยากใช้5555)
คือย้อนไปอ่านความคิดเห็นผมหรือคนอื่นๆก็ได้ส่วนมากทุกความเห็นตรงกันหมดสำหรับประเด็นนี้คือ
ถ้าคุยกันเรื่องที่เจ้าของกะทู้ถาม ในทางเทคนิค คำตอบมันชัวร์อยู่แล้วในตัว แต่ฟังออกไม่ออกเป็นเรื่องส่วนตัว
คือไปค้นดูได้ว่าคนพัฒานาโปรแกรมlosslessเขายอมหรือไม่ยอมหรือโดนบังคับให้ยอมไหมว่าของเขาไม่เต็มขาดแค่.00ไรเนี๊ยLast edited by namek; 2 Jul 2010, 22:32:22.
Comment
-
Originally posted by namek View Postเห็นด้วยนะครับ blind test เป็นเรื่องๆไปเพื่อมีมาตรฐาน
แต่ไม่ใช่บทสรุปครับอันนี้ก็เป็นวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ได้เหมือนกันคือมาตรฐานหูคนเราไม่เท่ากัน
สรุปคือเราจะใช้หูคนร้อยคนถ้าเกินครึ่งหรือซัก70แล้วบอกว่าดี มันก็ไม่ได้
เช่นคุณให้คนชิมไวน์ร้อยคนว่ายี่ห้อไรปีไหน
หรือเอาง่ายกว่านั้นถามว่าอร่อยไหมชอบหรือเปล่าคุณอาจแปลกใจก็ได้ที่ไวน์ขวดเป็นแสนแต่มีคนชอบน้อยกว่าขวดหลักพัน
แล้วจะใช้จุดยืนไหนดีล่ะครับเพราะมันเป็นเรื่องสัมผัสส่วนตัวล้วนๆ
ส่วนเครื่องเล่นฯลฯ/แผ่น/cd....ต่างๆ
ที่ราคาพอประมาณเขาก็มีเกณมาตฐานอ้างอิงว่าอยู่ในเกณฑ์เพื่อตรวจสอบส่วนของเขาอยู่แล้วอยู่แล้ว
ส่วนชอบไม่ชอบก็เลือกเอาตามรสนิยม
แล้วจับมาblind test เราจะจะจับคนกลุ่มไหนล่ะครับคนทั่วๆก็อ้างอิงไม่ได้เพราะให้แยกmp3กะcd ยังไม่ได้
ยกเว้น พวกสายสัญญาณ หรืออื่นๆบางอย่างที่ไม่มีเครื่องมือชี้วัดที่น่าเชื่อถือว่าดีจริงๆอันนี้ยิ่งตรวจสอบยาก
ขนาดพวกตัวบนๆที่กล่าวมามีมาตฐานต่างๆรองรับว่าอยู่ในเกณฑ์บางยี่ห้อก็เหนือกว่าเกณฑ์(แต่ไม่เห็นเสียงจะดีกว่า666ไม่อยากใช้5555)
มันมีวิธี Blind ครับ โดยกลุ่มที่อ้างว่าฟังออกนะแหละ จับมาทดสอบซะ
ตอนแรก เราก็เปิดให้ฟังและ ให้เห็นด้วยว่าใช้ สายไหน ถูกหรือแพง CD หรือ Lossless และให้คนที่อ้างว่าฟังออก สามารถบอกได้ด้วยว่ามีความแตกต่างจริงๆ หลายๆครั้ง (เรียกว่าตัวควบคุม) ซึ่งหากบอกได้ว่า สายไหนดีกว่าอะไรยังไง หรือ ไฟล์ Lossless หรือ CD ต่างกันอะไรยังไง ก็ถือว่าเป็นการยืนยันว่าเค้าฟังออก และสาย/file มีความแตกต่าง
จากนั้นถึงจะทำการ Blind จริงๆ โดยคนกลุ่มเดิม โดยให้ฟังสลับกันแบบ Random โดยไม่ให้เห็นสาย/source อีกหลายๆครั้ง
โดยครั้งนี้เป็นการทดสอบโดยใช้หูเป็นตัววัด แต่ตัดตัวแปรที่เรียกว่า "อคติ" (Bias) ออกไป
เพื่อจะดูพวกที่บอก "ต่างชัดเจน" ว่าหากไม่รู้ที่มาของสิ่งที่จะเอามาวัดนั้น(สาย) จะยังสามารถแยกออกถึงความแตกต่างได้หรือไม่
จากนั้นจึงนำหลักสถิติเข้ามาช่วย
จะได้รู้ว่าที่ว่าเมื่อตัด อคติ อุปทาน ไปแล้วโดยใช้ประสาทหูอย่างเดียว สามารถฟังออกหรือใหม
Comment
-
Originally posted by ๐NaivEUseR๐ View Postถ้าเอาไฟล์เพลงไปเพิ่ม-ลดระดับความดัง คุณภาพไฟล์จะลดลงไหมครับ พวก mp3gain เงี้ย
เล่นเลยครับเราได้ไฟล์mp3มาแค่เพิ่ม gain หรือ ปรี. แทบไม่มีผลใดๆ
แต่ไปปรับอย่างอื่น มีตัวเล่นให้ทำเยอะครับในหลายๆโปรฯหรือโปรฯเล่นเพลง
อาจทำให้ผลลัพย์ที่ดีจนน่าแปลกใจแต่มันไม่เหมือนต้นฉบับแน่ๆครับแต่อาจดีในแบบเราชอบก็ได้ถ้าขยันปรับนะ
Comment
-
เรียนคุณNamek ผมลองคิดเล่นๆดูการblind testก็เพื่อทราบว่ามันต่างกันหรือเปล่า ไม่ใช่อันไหนดีกว่ากันอะครับ ถ้าCDแท้ กับไรท์ โดยเครื่องเสียงชุดเดียวกัน ตัวแปรไม่ต่างกันเลย ต่างแค่แผ่น ทีนี้รสนิยมไม่เกี่ยวแล้วครับ เพราะblind test ควบคุมตัวแปรแล้วนะครับตรงประเด็นเพื่อหาว่าแท้กับไรท์ต่างกันหรือไม่ การตอบแบบสอบถามหลังblind testคือต่างหรือไม่ต่าง หลังจากฟังทั้งไรท์และแท้ การblind testเป็นการตัดการรับรู้ทางการมองเห็นออกไปผมว่าน่าเชื่อถือได้โดยการทดสอบและวัดผลเชิงสถิติออกมา อันนี้ยกตัวอย่างครับ ผมไม่พูดถึงเรื่องสายเพราะอันนี้เป็นรสนิยมจริงๆ อิอิ
น่าลองจริงๆนะครับ จัดกิจกรรมเล่นๆกันในห้องsoundดีมั้ยครับ แล้วก็ไปลองสาย ลองอะไรไปเรื่อยๆ ให้ฝรั่งดูว่าคนไทยไม่น้อยหน้าใคร เราก็จัดทดลองกันได้ ^^ เอ้าใครรับเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในกิจกรรมครั้งนี้ ขอเชิญทุ่มงบ 555+
Comment
-
Originally posted by Avant View Postพวกสาย USB นี่ไม่อยากจะพูด ขอแค่ใช้ที่มีมาตรฐานก็พอแล้ว
ถ้ามันเป็นแบบที่อ้างๆ กันจริงพวก Gamers ทั่วโลก และห้องเกมใน OCZ ต้องมาโมกันมันแล้ว และพวก Fayal1ty ต้องออกแบรนด์มาแล้ว
บริษัท Network ทั้งหลายแหล่ที่เน้นความเร็ว การให้บริการเครื่องเข้า 40-50 ล้านยังใช้สายจีนเลย ทั้งที่ๆ ความผิดพลาดคือโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง สาย USB Kimบ๊ง Kimber อะไรไม่รู้จัก
แต่เอาเหอะ เชื่อหูตัวเองละกัน
http://www.taf.in.th/forum/index.php?topic=11042.40
Comment
-
คนฟังใส่แผ่นอะไรย่อมรู้ และเกิดอคติโดยยังไม่ได้ฟัง
ผมเชื่อว่า หูทอง ตาเพชร มีจริง และเชื่อว่ามีหลายคนพยายามหลอกตัวเองว่าใช่
การยืนยันข้อมูลทางดิจิตอลก็เป็น 1ในวิทยาศาสตร์นะครับมันมีหลักการและวิธีการที่เป็นมาตรฐานและยอมรับกัน
หากท่านใดที่ยังเห็นว่ามันไม่น่าเชื่อถือ ขอให้สิ่งที่ท่านเชื่อแสดงออกมาเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ปรัชญา ซึ่งหนทางก็บอกไว้แล้วว่า ทำ blind test แล้วบันทึกผล
Comment
-
Originally posted by mosseser View Postเถียงใจขาดดิ้นว่าคุณภาพเสียงดรอปชัวร์ๆ อย่างน้อย 20%
อธิบายไม่เป็น ไม่รุดรอปได้ไง
แต่ของอยางงี้ต้องฟังเองครับ ถ้าเครื่องคุณถึง คุณจะได้ยินสิ่งที่เปลี่ยนไป
^
อันนี้ผมแสดงความเห็นในเรื่องของ ไฟล์ Lossless หรือ การ Copy แผ่น CD อย่างเดียวนะครับ
เพราะตัวผมเองได้มีโอกาสลองแบบจะจะเห็นๆมาก็เรื่องนี้แหละ ว่าไอ้เจ้าไฟล์ Lossless เนี่ย
ยิ่งแปลงกลับไปกลับมายิ่งหลายรอบเท่าไหร่ยิ่งดรอปลงเรื่อยๆทุกๆรอบไป
ซึ่งถ้าตามหลักการวิทยาศาสตร์แล้วมันก็ไม่น่าจะดรอปลงเพราะก็อย่างที่มีผู้รู้หลายๆท่านได้อธิบายไว้ข้างต้น
แต่จากผลการฟังเทียบ มันดรอปลงจริงๆครับ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ไม่รู้ทำไมทั้งๆที่มันขัดกับหลักการ แต่หูผมและเพื่อนๆหลายคน(จำนวนมาก)ให้ความเห็นตรงกันว่า มันดรอปจริงๆ
ในทัศนะของผมนั้น ผมคิดว่าเรื่องเสียงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากๆ
แม้จะอยู่ในระบบดิจิตอลก็ยังละเอียดอ่อนและมีความอ่อนไหวอยู่มาก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในระบบอนาล็อกเลย ละเอียดและอ่อนไหวสุดๆ
มีเปียโนหนึ่งหลังวางอยู่ที่เดิม แต่เล่นคนละเวลา ซึ่งอุณหภูมิ ความชื้น หรือแม้กระทั่งแสงต่างกัน
และสิ่งเหล่านี้ก็ยังมีผลต่อเสียงเช่นเดียวกัน
เครื่องอ่านซีดี หรือ Optical Drive ในคอมพิวเตอร์ของเรา
หลายๆคนอาจมองว่าเอามาริปเพลงได้เหมือนกันๆเสียงก็น่าจะเหมือนกัน เพราะสัญญาณไม่ได้ถูกถอดรหัสที่ตัวเครื่อง Optical Drive แต่ถูกนำมาถอดรหัสที่ D/A ของซาวการ์ด
ตรงนี้ถ้าใครมีโอกาสลองก็ลองดูนะครับ ว่าระหว่าง CDROM ธรรมดา กับ DVD-RW หรือ CDROM ธรรมดา กับ CDROM ธรรมดาด้วยกัน แต่คนละรุ่น
หรือคนละยี่ห้อ มันริปเพลงออกมาได้เสียงเหมือนกันทุกกระเบียดรึเปล่า
สุดท้ายผมว่าเรื่องพวกนี้อยู่ที่หูใครหูมันครับ ผมฟังอย่าง คุณอาจฟังได้อีกอย่าง ^^
สิ่งที่ดีที่สุดคือ ได้พบและได้ลองด้วยตัวเองครับ และตัดสินด้วยหูตัวเอง ดีที่สุด
นานาจิตตัง จ้าาา ^^
Comment
Comment