Announcement

Collapse
No announcement yet.

เล่นเกมส์ Framerateตั้งแต่60ขึ้นไปสายตามนุษย์แยกออกด้วยเหรอครับ

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • ผมว่ามันอยู่ที่เกมส์มากกว่าว่าจะแยกออกรึเปล่า แต่ที่แน่ๆ เดินยิง กับเกมส์ แข่งรถ แยกออกแน่นอน
    30 fps กับ 60 fps ต่างกันเยอะมากด้วย อย่าง RE5 มีให้ ล๊ัอก เฟรมที่ 30 กับ 60 ลองเล่นดูแล้วต่าง
    กันมาก แต่ระหว่าง 60 fps กับเกินกว่านั้น แยกไม่ออกแล้ว

    แต่ถ้าเป็นเกมส์ อย่าง sim กับพวกวางแผน 30 fps เหลือเฟือ

    ส่วนหนังใช้ splash pro อัพไปที่ 60 เฟรม ก็ต่างอีกเหมือนกัน
    ดูแล้วสบายตากว่า

    Comment


    • Originally posted by nitan View Post
      การที่เราเห็นภาพ เกิน 16 FPS อาจเกิดจากการจินตนาการของสมอง ครับ แซกภาพที่ไม่มีอยู่จริงเข้าไป ทำให้มันลื่นขึ้น ผมเดาเอานะ แต่อาจจะ มี สัมพัสที่ 6ก็ได้ สำหรับพวก แยก 100 กับ 300 FPS ออก ฮิๆ จะเทพไปไหนเล่น เค้าเตอร์ 300FPS
      ผมเสียใจครับ ที่แยก FPS เกิน 16 ออก เลยต้องหาเงิน ซื้อ การ์ดจอ แพงๆ มาเล่นเกม อิอิ

      เกมไหน FPS 16 - 25 ผมเล่นไม่ได้หรอกครับ 555+

      Originally posted by nitan View Post
      คนเกิดมามีสายตาเท่าๆกันหมดครับ สารประกอบตัวเดียวกัน จะให้ไวกว่ากันมาก คงไม่ไหวมั้งครับ ยกเว้นจะ 1 ใน ล้าน คนพิเศษ อะไรก็ว่าไปครับ

      แล้ว คน สายตาสั้น ตายาว ตาเอียงละ ทำๆไมเกิดขึ้น ถ้า "คนเกิดมามีสายตาเท่าๆกันหมดครับ สารประกอบตัวเดียวกัน" เพราะ รูปร่าง เลนส์ และรูปร่างดวงตาผิดปกติหรือ ป่าว แล้ว ทำไม บางคนตอบสนองต่อสิ่งเร้า ได้ดี บางคน ช้า ละ

      Comment


      • เฮ้อผมว่าช่างเถอะครับใครเห็นไม่ต่างก็ช่างใครเห็นต่างก็ช่าง

        ผมว่าคนเห็นต่างไม่ได้จะพอว่าตากุดีกุเก่งหรอกครับแค่เห็ฯว่ามันต่างก็มาคอมเมนท์

        ก็เหมือนพวกตาบอดสีแหล่ะครับ เค้าไม่มีทางเข้าใจหรอกครับว่าสีที่มองเห็นไม่ใช่สีที่เรามองเห็นจนกว่าเค้าจะรู้ตัวเอง

        ตรรกะง่ายๆเค้าจะผลิตจอขึ้นมาเกินการรับสายตาของมนุํษย์ทำมะเขืออะไรหว่าา
        ผู้บริโภคก็น่าจะรู้อยู่แล้วแหล่ะครับว่ามันต่างหรือไม่ต่างกัน

        ของแบบนี้แยกง่ายกว่าคนหูทองอีกครับเอิ๊กๆ

        เรื่องแบบนี้ไม่ได้เหนือเหตุผลแต่ยังไม่มีผู้รู้จริงมาตอบแค่นั้นเองเหอๆ

        Comment


        • มึน

          Comment


          • Originally posted by NoMiX View Post
            ผมเสียใจครับ ที่แยก FPS เกิน 16 ออก เลยต้องหาเงิน ซื้อ การ์ดจอ แพงๆ มาเล่นเกม อิอิ

            เกมไหน FPS 16 - 25 ผมเล่นไม่ได้หรอกครับ 555+




            แล้ว คน สายตาสั้น ตายาว ตาเอียงละ ทำๆไมเกิดขึ้น ถ้า "คนเกิดมามีสายตาเท่าๆกันหมดครับ สารประกอบตัวเดียวกัน" เพราะ รูปร่าง เลนส์ และรูปร่างดวงตาผิดปกติหรือ ป่าว แล้ว ทำไม บางคนตอบสนองต่อสิ่งเร้า ได้ดี บางคน ช้า ละ
            อันนั่นมันคนละเรื่องครับ อันนั่น มันเกี่ยว กับความผิดปกติ ของดวงตา ประสาทตารูปทรงของตา ที่ทำให้ตาสั้น เอียง ยาว จริงไหม ที่เป็นแบบ นั่น เพราะ รูปทรงของ กระบอกตา ระยะ***ง ของเลนด์ กับเรติน้า ใช่หรือไม่ ???

            แต่ FPS มันเป็นข้อจำกัดของการแปลงสารประกอบ carotinoid ( อนุพันธ์ของวิตามิน A )
            ทำให้ได้refresh rate ของเรตินาที่ 1/16 วินาที ( ชีววิทยาระดับมหาวิทยาลัย )

            คนเรามี กระบอกตาเกิดมา อาจมีความผิดปกติ แต่ สารพวกนี้ เหมือนกันทุกคนครับ ข้อจำกัดก็เหมือนกัน
            สสาลถ้าเป็นตัวเดียวกัน ย่อมมีองค์ประกอบเหมือนๆกันครับ ยกเว้นมันจะเป็นคนละตัวไปเลย เคยเรียน เคมี ชีวะ ม.ปลายไหมละครับ
            หรือว่า ตาแต่ละคน เป็นคนละระบบ สสาร คนละตัวหรือ ครับ ??

            อย่าหลงประเด็น ตายาว ตาสั้น ไม่เกี่ยว กับเรื่องนี้สักนิด

            Comment


            • แล้ว ถ้า แบบที่หลายๆคนบอกว่า ดูภาพที่ 25 FPS แล้วรู้สึกหน่วง งั้น ทำไม เขา ถึงฉาย ทีวี ฉายหนังที่ โรงภาพยนต์ที่ 25 -30 FPS ละครับ งั้นคุณ ดู หนัง โรงไป นี่คง หงุดหงิดตายเลย

              การที่คุณเห็นว่ามันหน่วง อาจเป็นความรู้สึกจากการขยับ เม้าไม่ใช่ภาพ และส่วนใหญ่เกิดจากขณะที่ FPS มันดิ่ง ลงไปต่ำกว่า 25 ถ้า มัน 25 ตลอด คุณไม่มีทางรู้สึกว่ามันหน่วง
              เพราะงั้นคุณคงดูทีวีไป หน่วงทีนะครับ


              เรื่องแบบ นี้เอาหลัก วิทยาศาสตร์มาตอบ ดีกว่า ตอบจากความรู้สึก ครับ ผมก็อยากรู้ ว่าจริงๆแล้ว ตาคน มันมีขีดจำกัดที่เท่าไร

              ตาคนมีขีดจำกัดครับ อยู่ที่ว่าเท่าไร ถ้าตาคนไม่มีขีดจำกัด เราคงเห็นพัดลม ชัดๆเวลามันหมุน ครับ แต่นี่เราเห็นว่ามันต่อกันเลย เพราะอะไร
              เพราะตาคนแยก ไม่ออก มองไม่ทัน เกินขีดจำกัดนั่นเอง


              แล้วอย่าบอกว่า ขีดจำกัด ของแต่ละคน ไม่เท่ากันครับ คนเรามี สสารรับ ภาพ เรติน้า สารประกอบ ตัวเดียวกัน ขีดจำกัดไม่ได้อยู่ที่ สมอง แต่อยู่ที่ตัวสสารประกอบ

              สสารทุกตัวในโลก มีคุณสมบัติ เหมือนๆกันครับ ถ้าไม่เหมือน มันคือสาร คนละตัว ไม่ก็ มีประจุไม่เท่ากันนั่นเอง ซึ่งคนแต่ละคน มีเหมือนกันแน่นอน
              ยกเว้นคนที่ผิดปกติครับ อาจมีการเห็นภาพช้ากว่าคนอื่น ซึ่งเกิดจากสมอง ไม่ใช่ ตัวรับภาพครับ


              เพราะงั้น ทุกคนมีขีดจำกัดเท่ากัน ครับ ตามหลักวิทยาศาตร์

              Comment


              • กคนมีขีดจำกัดเท่ากัน ครับ ตามหลักวิทยาศาตร์
                ถ้าตามหลักวิทยาศาสตร์ต้องบอกว่าไม่เท่ากันถึงจะถูกครับ -*-

                Comment


                • Originally posted by nitan View Post
                  คนแต่ละคนมี ขีดจัดกัด รับภาพ พอๆกันนะครับ

                  มันเป็นขีดจำกัด ครับ ไม่เกี่ยวกับ ใครเก่งไม่เก่ง



                  คนที่บอกรับภาพเร็วๆไม่ไหว ที่จริงเขารับไหวครับ แค่ขับรถเร็วๆ ไม่ได้ หนักหนาเกินไปเลย แต่ที่เขา รับไม่ไหว อาจเป้นที่สมอง เขารับภาพ เร็วๆติดต่อกัน ทำให้ ล้า ครับ ส่วนบางคนที่เขาไม่เป็นไรเพราะเขา ไม่ล้า ครับ แต่ความสามารถในการรับภาพ นั่นเท่าๆ กันเพราะเป็นขีดจำกัด ส่วน ใครจะล้า ก่อน ล้าหลัง อันนี้ แล้วแต่คน
                  ท่าน จะหมายถึงว่า ตาของมนุษย์ สามารถรับภาพได้ทั้งหมด เหมือนกันหมด แต่ จะต่างกันที่ สมองประมวลผลออกมาแตกต่างกันใช่มั้ย ?

                  แต่จริงๆ กับ จักษุแพทย์ เค้าก็เคยบอกไว้เรื่อง สายตา สั้น ยาว เอียง อีก ตรงนี้น่าจะไม่ใช่นะ แล้วก็ เลนส์ตา กระจกตา ความนูน โค้งอีก

                  แต่ตรงนั้น ตัดไปก่อนก็ได้ แต่ถ้าเอาเป็น ตาปกติ เหมือนกันๆ ทั้งคู่ การที่ บางคน สามารถมองเห็นวัตถุ ที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงๆได้ (อย่าง นักฟุตบอล นักเบสบอล) พวกนั้น แสดงว่า สมองเค้าตอบสนองได้ไวกว่าใช่มั้ย

                  แต่เรื่องนี้ล่ะ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ นะ คนบางคนมองเห็นภาพจากหางตาได้ บางคนมองไม่เห็น (ความกว้างในการมอง) ดังนั้น คิดว่า ที่ท่านจะสื่อความหมายออกมา คงจะผิดไปกับการสื่อออกมาครับ
                  ถ้าเปลี่ยนเป็นว่า

                  บนพื้นฐานภาพที่ได้รับเข้ามา จากทางสายตา ทุกคนจะเท่ากันหมด แต่จะต่างกันที่การประมวลผลและการโต้ตอบรวมทั้งการแยกแยะโดยสมอง ที่จะแยกแยะออกมา ทั้งสี ความเร็วต่างๆ หรือเปรียบก็เหมือนกล้อง ดิจิตอล คือเลนส์เก็บภาพจริงๆได้หมดแหละ แต่ว่า การแสดงผลความละเอียด ต่างหากที่แตกต่าง คิดว่าท่านคงจะหมายถึง สิ่งนี้ใช่มั้ย?

                  แต่ว่า ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี้ มันรวมอยู่บน ความหมายของคำว่า สายตาดีนั่นแหละครับ

                  และยังมีเรื่องของ ความพิการทางสายตา ชนิดของเลนส์ตา ความกว้างของรูม่านตาอีก แต่ว่า มาถึงตรงนี้มันเปลี่ยนไปหมดจากประเด็นเรื่อง FPS ไปเยอะเลย


                  กลับเข้าประเด็นแล้ว
                  สำหรับส่วนตัวผม (ความเห็นส่วนตัวนะ) ถ้าเราสามารถล้อคระดับภาพเคลื่อนไหวต่างๆ ได้ในลักษณะที่ไม่มีการผิดพลาดเลยหรือ นิ่งตลอด ผมว่าเราคงแยกไม่ออก ระหว่าง 30 และ 60 นะ รวมทั้ง 100 และ 200 หรอกครับ (เหมือนที่มีคนยกตัวอย่างเรื่อง หลอด ฟูลออเรสเซ๊นส์ น่ะ เพราะความถี่หลอดก็พอๆกันตลอด(ความถี่นิ่ง) เลยทำให้เราไม่รู้ว่าหลอดกระพริบมั้ย นอกจากการกระพริบตาเร็วๆ ถึงจะรู้สึกได้อ่ะ)
                  แต่มันอาจจะได้ในส่วนของ ความรู้สึก สบายตาขึ้นมามากกว่าน่ะ

                  เพราะว่าหนัง HD ไหม่ๆ ความละเอียดสูงๆ และ ความถี่มันก็สูงด้วย เลยดูสบายตาขึ้น

                  คือที่ผมคิดนะ มันอาจจะเป็นการส่งภาพที่ ถี่และต่อเนื่อง มากๆ จนสมองที่รับเห็นเป็นภาพนิ่งก็ได้ (อย่าง 30 FPS นิ่งๆ แต่สมองยังพอตอบสนองได้ทันเลยออาจจะรับรู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เลยรู้สึกว่ามันช้า หรือ หนืดๆ แต่พอ เกินกว่า 60 หรือ 100 หรือ ระดับ 200 Hz ไปแล้ว ความถี่ ต่อวินาทีมันคงสู.มากจนสมองมองเห็นเป็นภาพนิ่งไปเลย ก็เลยรู้สึกสบายตามขึ้นมั้งครับ)
                  แค่นั้นเอง

                  Comment


                  • Originally posted by kamichu View Post
                    ที่พูดกันแต่แรกคือ fps 30 - 60 คนไม่สามารถรับรู้ถึงความต่างได้หนิครับ
                    แต่ LCD refresh rate มันเท่ากับ fps เลย
                    ถ้า 60 Hz ก็จะเท่ากับ 60 fps

                    คุณก็บอกเองว่าถ้าเปลี่ยนเป็น 120 Hz ปัญหาจะหายไป
                    60 กับ 120 ยังแยกออก
                    แล้ว 30 กับ 60 จะแยกไม่ออกได้ยังไงกันครับ

                    หรือคุยกันคนละประเด็น
                    ผมงง
                    เราพูดประเด็นเดียวกันครับ
                    และผมก็เป็นพวกที่รับรู้ว่าต่าง แต่บอกเป็นปริมาณไม่ได้ ลองย้อนที่ผมโพสไว้ก่อนหน้าตั้งแต่หน้าแรกๆได้

                    แต่ทีนี้ พอมีกระทู้ถามว่าตาคนมีขีดจำกัดเท่าไหร่ ผมทราบ ก็ตอบ แต่ไม่ได้ตอบลอยๆ ผมบอกว่ามันยังมีสิ่งที่เกิดในสมองอีก
                    เช่น phi phenomenon , Beta movement ตามที่ท่านก่อนหน้าแซวว่าจิต หรือจินตนาการนั่นแหละ แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสมองจริง

                    เพราะว่า การรับรู้ภาพนั้น ประกอบด้วย
                    ดวงตา(กระจกตา เลนส์ วุ้นลูกตา เรตินา ) > เส้นประสาทสมองคู่ที่ 2 > สมองส่วนท้ายทอยที่แปลผล

                    การที่ถามแค่ว่าตามีขีดจำกัดเท่าไหร่แล้วจะเหมาว่ากระบวนการทั้งหมดมาตันเป็นคอขวดเท่ากับตานั้นคงไม่ครบถ้วน
                    เพราะตามีหน้าที่แค่รับภาพดิบๆ ไม่ได้ประมวลผล และถ้าสมองไม่ประมวลผลเอาแต่ตาเป็นตัวหลัก ก็คงไม่เกิดเป็นภาพบนจอคอมได้
                    ไม่เช่นนั้น เราจะเห็นเป็นเพียงจุดหลาย ๆ จำนวน 2,073,600 จุด ( 1920x1080 )
                    ตารับภาพที่เป็นจุด ๆ ให้สมองเอาไปเรียงเป็นเส้น เกิดต่อไปเป็นภาพ เราจึงสามารถสนุกกับภาพที่เกิดบนจอได้
                    เห็น ria sakurai ( ขออภัยที่เอ่ยนาม หากพ้องกับผู้ใดถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ) ไม่ใช่เห็นแค่จุดเหลือง ๆ สีเนื้อ ๆ เต็มไปหมด
                    และผมก็คอยตอบว่าแยกออก แต่บอกเป็นปริมาณไม่ได้
                    ส่วนที่จะมีบางกลุ่มบางคนแยกออกได้แม่นกว่านี้ ก็ยอมรับเพราะธรรมชาติมันสร้างมาไม่เท่ากัน มีมากมีน้อย
                    ภาพล่าง ๆ ต่อไปนี้ ตาก็รายงานตามที่มันเห็น ตัวปัญหาคือสมองต่างหากที่ทำให้เกิดเป็นคำถาม

                    เส้นนอนเหล่านี้ขนานกันหรือไม่


                    สี่เหลี่ยมตรงกลางมีสีเดียวเสมอกันทั้งแท่งหรือไม่


                    เส้นเหลืองยาวเท่ากันหรือไม่


                    มีสามเหลี่ยมสีขาวตรงกลางจริงหรือไม่


                    คำตอบ คือ ขนานกัน สีเดียวกัน ยาวเท่ากัน อันสุดท้ายนี่??

                    ทั้งหมดมันเป็นรูปแบบการประมวลผลของสมองเอง ไม่จำเป็นต้องฟุ้งซ่าน หรือจินตนาการก็เห็นเหมือนกันทุกคน

                    เฮ้อ....แยกได้นะครับ แต่บอกปริมาณไม่ได้

                    Comment


                    • Originally posted by nitan View Post
                      เพราะงั้น ทุกคนมีขีดจำกัดเท่ากัน ครับ ตามหลักวิทยาศาตร์
                      ทุกคนมีขีดจำกัดเหมือนกัน แต่ไม่เท่ากัน

                      Comment


                      • Originally posted by hinosuke View Post
                        เราพูดประเด็นเดียวกันครับ
                        และผมก็เป็นพวกที่รับรู้ว่าต่าง แต่บอกเป็นปริมาณไม่ได้ ลองย้อนที่ผมโพสไว้ก่อนหน้าตั้งแต่หน้าแรกๆได้

                        แต่ทีนี้ พอมีกระทู้ถามว่าตาคนมีขีดจำกัดเท่าไหร่ ผมทราบ ก็ตอบ แต่ไม่ได้ตอบลอยๆ ผมบอกว่ามันยังมีสิ่งที่เกิดในสมองอีก
                        เช่น phi phenomenon , Beta movement ตามที่ท่านก่อนหน้าแซวว่าจิต หรือจินตนาการนั่นแหละ แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสมองจริง

                        เพราะว่า การรับรู้ภาพนั้น ประกอบด้วย
                        ดวงตา(กระจกตา เลนส์ วุ้นลูกตา เรตินา ) > เส้นประสาทสมองคู่ที่ 2 > สมองส่วนท้ายทอยที่แปลผล

                        การที่ถามแค่ว่าตามีขีดจำกัดเท่าไหร่แล้วจะเหมาว่ากระบวนการทั้งหมดมาตันเป็นคอขวดเท่ากับตานั้นคงไม่ครบถ้วน
                        เพราะตามีหน้าที่แค่รับภาพดิบๆ ไม่ได้ประมวลผล และถ้าสมองไม่ประมวลผลเอาแต่ตาเป็นตัวหลัก ก็คงไม่เกิดเป็นภาพบนจอคอมได้
                        ไม่เช่นนั้น เราจะเห็นเป็นเพียงจุดหลาย ๆ จำนวน 2,073,600 จุด ( 1920x1080 )
                        ตารับภาพที่เป็นจุด ๆ ให้สมองเอาไปเรียงเป็นเส้น เกิดต่อไปเป็นภาพ เราจึงสามารถสนุกกับภาพที่เกิดบนจอได้
                        เห็น ria sakurai ( ขออภัยที่เอ่ยนาม หากพ้องกับผู้ใดถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ) ไม่ใช่เห็นแค่จุดเหลือง ๆ สีเนื้อ ๆ เต็มไปหมด
                        และผมก็คอยตอบว่าแยกออก แต่บอกเป็นปริมาณไม่ได้
                        ส่วนที่จะมีบางกลุ่มบางคนแยกออกได้แม่นกว่านี้ ก็ยอมรับเพราะธรรมชาติมันสร้างมาไม่เท่ากัน มีมากมีน้อย
                        ภาพล่าง ๆ ต่อไปนี้ ตาก็รายงานตามที่มันเห็น ตัวปัญหาคือสมองต่างหากที่ทำให้เกิดเป็นคำถาม

                        เส้นนอนเหล่านี้ขนานกันหรือไม่


                        สี่เหลี่ยมตรงกลางมีสีเดียวเสมอกันทั้งแท่งหรือไม่


                        เส้นเหลืองยาวเท่ากันหรือไม่


                        มีสามเหลี่ยมสีขาวตรงกลางจริงหรือไม่


                        คำตอบ คือ ขนานกัน สีเดียวกัน ยาวเท่ากัน อันสุดท้ายนี่??

                        ทั้งหมดมันเป็นรูปแบบการประมวลผลของสมองเอง ไม่จำเป็นต้องฟุ้งซ่าน หรือจินตนาการก็เห็นเหมือนกันทุกคน

                        เฮ้อ....แยกได้นะครับ แต่บอกปริมาณไม่ได้
                        นี่คือเหตุผลที่ถ้าทุบท้ายทอยแรงๆจะวูบ - -+

                        แม่นแล้วครับ อย่างที่บอกไว้ว่า สมอง นั่นแหละ ส่วนเรื่อง 60 -120 ก็คิดว่า อาจจะเกิดจากภาพที่มีความถี่มากๆ จนสมองอาจจรับและแปลสัญญาณไม่ทัน ทำให้เห็นเป็นภาพๆเดียวนิ่งๆ เลยรู้สึกสบายตาขึ้นก็เป็นได้ - -+

                        Comment


                        • ผมเล่นเกมที่ได้เฟรมเรตเยอะๆไม่ได้ มึน ต้องมีกระตุกบ้างให้ตาได้พัก อิอิ

                          Comment


                          • ขอให้ช่วง Min ไม่ต่ำกว่า 60 เกินพอสำหรับผม

                            Comment


                            • ไม่ ยุ่งแล้ว ผมดีใจ ติด 1 ใน ล้านนนน 555+

                              Comment


                              • ผมติดใจกับที่คุณ hinosuke ว่าคนเรารับรู้ได้สูงสุดแค่ 16 fps นะครับ
                                ซึ่งมันไม่ใช่แน่ๆ ใครๆก็แยกความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
                                ระหว่าง 16 fps กับ 30 fps
                                แต่ผมไปลองนั่งหาอ่านๆดูสรุปว่าคนเรารับรู้ภาพนึงตั้งแต่แสงกระทบ retina
                                จนถึงสมองใช้เวลา 0.05 sec จริง (ประมาณ 1/16 จริงนั้นละ)

                                แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด เพราะ 1/16 sec มันคือเวลาในการส่งสัญญาณจากตาไปสมอง
                                แต่สมองและเส้นประสาทของเราไม่ได้ทำงานแบบเป็นจังหวะๆแบบเครื่องจักร
                                แต่เราทำงานแบบต่อเนื่องนั้นคือสัญญาณจะถูกส่งไปยังสมองต่อเนื่องเรื่อยๆ
                                ไม่ใช่ส่งทุกๆ 0.05 วินาที ฉะนั้นเราไม่ได้รับรู้ที่ 16 fps แน่นอน

                                และจากที่ผมอ่านก็ยังไม่มีใครรู้ว่าจริงๆตาเราสามารถรับได้สูงสุดกี่ fps กันแน่
                                เพราะตาเราไม่ได้รับภาพเป็น frame rate ตั้งแต่แรกแล้ว
                                รู้แค่ว่า 30-60 คนเราจะไม่เห็นเป็นภาพกระพริบและเหมาะสมในตอนนี้

                                แต่ที่แน่ๆผมเชื่อว่าสูงกว่า 60 fps คนเรารับรู้ได้แน่นอน
                                เพราะภาพ 60 fps เรายังสามารถเห็นเป็นภาพไม่ต่อเนื่องได้เมื่อวัตถุเคลื่อนที่เร็ว
                                ฉะนั้น 60 fps ไม่ใช่ขีดจำกัดของเราแน่นอน
                                และเป็นเหตุผลที่เวลาเราเล่นเกมเราไม่เคยเห็นล้อหมุนหรือใบพัดหมุนเป็นภาพเบลอ
                                ต่อให้วัตถุมันเร็วแค่ไหน เพราะภาพมันไม่ต่อเนื่อง และตาเราสังเกตได้

                                นอกจากเกมจะใช้เทคนิค motion blur เข้ามาช่วย

                                Comment

                                Working...
                                X