Announcement

Collapse
No announcement yet.

ขอทำความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับ Integrated Amplifier VS T-amp

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • #91
    เห็นคุยเรื่องวัตต์ของแอมป์กัน ขอเล่นบ้างละกัน


    Mark Levinson ML-2 Class-A 20-watts/channel
    ผลิต1977-1986



    ตัวละแชนแนล แชนแนลละแค่20วัตต์เองครับ
    ขับลำโพงได้หมดทุกตัว แม้กระทั่งลำโพงยี่ห้อWilson Audio รุ่นWAMM



    Wilson Audio WAMM
    Wilson Audio manufactured the Wamm for a record breaking 25 years, I was told the last pair was manufactured in year 2002. There are a total 53 pairs of Wilson Audio Wamm speakers in use world wide.



    18 inch bass driver


    External power supply boxes กับ parametric EQ and electronic x-over ของWAMM




    เมื่อก่อนที่เคยโพสลงกระทู้ ที่บอกว่าฟังแผ่นเสียงThe Wall แล้วเสียงเฮลิคอปเตอร์บินเหนือหัวจริงๆ ก็จากชุดนี้แหล่ะ
    ML-2 2ชุด + WAMM
    Last edited by keang; 11 Aug 2011, 15:05:25.

    Comment


    • #92
      ถาม ภาคขยายเสียง ทำไมเสียงต่างกัน ในเมื่อมันขยายอย่างเดียว
      ตอบ

      CLASS A

      การจัดวงจรภาคขยายแบบนี้ จะมีการไบอัสกระแสให้กับทราสซิสเตอร์อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา แม้ว่าจะไม่มีสัญญาณมาให้ขยาย ตัวทรานซิสเตอร์ก็ยังจะจต้องมีปริมาณกระแสไหลผ่านในปริมาณค่อนข้างสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตัวเครื่องของแอมป์คลาส A จะมีความร้อนสูงกว่าการจัดวงจรแบบคลาสอื่น ๆ ข้อดีก็อาจจะมีตรงที่ค่าความเพี้ยนต่าง ๆ จะมีต่ำกว่าวงจรแบบอื่น ๆ และแอมป์คลาส A มักจะทำให้มีกำลังขับได้ไม่สูงนัก ถ้าผลิตแอมป์คลาส A ที่มีกำลังขับสูง ๆ ตัวเครื่องและส่วนของแผงระบายความร้อนจะต้องมีขนาดใหญ่กว่าปกติมาก

      CLASS B

      เป็นการจัดวงจรที่ต่างจากคลาส A โดยสิ้นเชิง คือเมื่อไม่มีสัญญาณอินพุทเข้ามา ก็จะไม่มีกระแสไหลผ่านทรานซิสเตอร์ จะมีกระแสไหลผ่านได้ก็ต่อเมื่อมีสัญญาณอินพุทเข้ามาเท่านั้น แอมป์คลาส B มักจะมีค่าความเพี้ยนสูงมาก แต่มันมีข้อดีที่จะทำเป็นแอมป์กำลังขับสูง ๆ ได้ ปัจจุบันไม่มีแอมป์คลาส B แท้ ๆ อีกแล้ว เนื่องจากคุณภาพเสียงไม่เป็นที่น่าพอใจ

      CLASS AB

      แอมปลิไฟร์หรือเพาเวอร์แอมป์ซึ่งเป็นที่นิยมที่สุดในปัจจุบัน การออกแบบจะนำข้อดีของแอมป์ทั้งคลาส A และคลาส B มาผสมผสานกัน คือ มีการปล่อยให้มีกระแสปริมาณน้อย ๆ ผ่านทรานซิสเตอร์จำนวนหนึ่ง แม้ว่าจะไม่มีสัญญาณอินพุทเข้ามาเลย การทำงานปิดเปิดก็จะเป็นไปตามสัญญาณอินพุททั่วไป เพียงแต่ว่าวงจรนี้ จะไม่มีการ OFF ของกระแสทั้งหมด แม้ว่าจะไม่มีอินพุทเข้ามา

      คุณสมบัติของเพาเวอร์แอมป์ที่ดีนั้นไม่อาจจะสรุปได้โดยง่าย ในแง่ของเทคนิคพื้นฐานที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น เป็นเพียงพื้นฐานที่ท่านผู้อ่านควรทราบไว้บ้าง เพื่อจะได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับแอมปลิไฟร์เออร์ แต่ถ้าพิเคราะห์กันถึงวิธีการเลือกซื้อแล้ว เรามักจะจัดให้เพาเวอร์แอมป์ได้มีโอกาสจับคู่กับปรีแอมป์ แล้วทำงานขับลำโพงจริง ๆ เพื่อฟังผลของคุณภาพเสียง มากกว่าการพิจารณาคุณสมบัติของเพาเวอร์แอมป์เพียงเครื่องเดียว

      CLASS "D"

      ตัว "D"ไม่ได้ย่อมาจากคำว่า DIGITAL อินพุทถูกแปลงเป็นออดิโอ เวฟฟอร์ม ไบนารี 2 สเตท ความแตกต่างเป็นเรื่องสำคัญ เพราะ CLASS D ออกแบบให้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ แทนที่จะต้องเสียกำลังไปในทรานซิสเตอร์ เอาท์พุทก็จะถูกไม่เปิดตลอด ไม่มีโวลเทจเสีย ก็ปิดตลอด ส่งผลให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ดังนั้นอินพุทออดิโอถูกแปลงเป็น PWM (PULSE WIDULATED) ร่องสีเหลืองที่อยู่ขางใต้คือ เอาท์พุทของแอมพ์ ร่องสีฟ้าคือ เวฟฟอร์ม PWM เวฟฟอร์มสีฟ้าจะถูกป้อนให้กับฟิลเตอร์เอาท์พุท ซึ่งให้ผลเป็นเวฟฟอร์มเอาท์พุทสีเหลือง สังเกตว่า เอาท์พุทจะดูเหมือนอะไรบางอย่างที่เสียไปสัญญาณที่เสีย และเสียงสวิทชิงทั้งหมดไม่สามารถเอาออกไปได้ และจะเห็นผลได้ที่นี่ เพราะขั้นตอนการแปลงสัญญาณอินพุทไปเป็น pwn และแปลงกลับไปเป็นแอนาลอก ทำให้เกิดการเสียของสัญญาณไป ฟีดแบคทั่วไปก็เหมือนกับที่ใช้ในการออกแบบแอมพ์ CLASS "AB" เพื่อลดการเสียของสัญญาณ มอสเฟทเป็นทางเลือกเดียวสำหรับการออกแบบ CLASS "D" ซึ่งการออกแบบส่วนใหญ่จะมีประโยชน์แต่กับเพียงเบสส์แอมพ์ เมื่อมันไม่สามารถสวิทช์ได้เร็วเพียงพอ กับการผลิตความถี่สูงอีกครั้ง การออกแบบ CLASS "D" ฟลูล์เรนจ์คุณภาพสูงยังคงหาได้ ในเครื่องเสียงระดับมืออาชีพ แต่มันจะซับซ้อนกับเอาท์พุทมัลทิเฟล

      CLASS "T"

      CLASS T (TRIPATH) เหมือนกับ CLASS D แต่ไม่ใช้ฟีดแบค แอนาลอก เหมือนกับ CLASS D ฟีดแบคจะเป็นสัญญาณดิจิทอล และเกิดกับส่วนบนของฟิลเตอร์เอาท์พุท เพื่อหลีกเลี่ยงการยกเฟสของฟิลเตอร์นี้เพราะการเสียของสัญญาณในแอมพ์ CLASS D และ CLASS T เกิดขึ้นจากไทมิงทำงานผิดจังหวะ แอมพ์ CLASS T จะป้อนข้อมูลในเรื่องจังหวะกลับไป ส่วนการเสียของสัญญาณ ยังเกิดจากที่เเอมพ์ใช้ตัวประมวลผลสัญญาณดิจิทอล เพื่อแปลงอินพุท แอนาลอกไปเป็นสัญญาณ PWM และประมวลผลข้อมูลก่อนจะส่งกลับ

      การประมวลผล จะดูที่ข้อมูลฟีดแบค และทำการปรับแต่งจังหวะ เพราะลูพฟีดแบคไม่ได้รวมฟิลเตอร์เอาท์พุทเอาไว้ด้วย ในแอมพ์ CLASS T มั่นคงมาก และสามารถทำงานได้เต็มช่องสัญญาณเสียง ซึ่งผู้ฟังส่วนใหญ่ไม่สามารถได้ยินความแตกต่างระหว่าง CLASS T และ CLASS AB ที่ออกแบบดีๆได้

      การออกแบบทั้ง CLASS Dและ CLASS T ต่างก็มีปัญหากันคนละอย่าง มันเกินกำลังมาก ที่รอบต่ำเพราะเวฟฟอร์มความถี่สูงๆ จะเกิดขึ้นตลอดเวลาแม้ในช่วงที่ไม่มีสัญญาณเสียงแอมพ์ก็ยีงมีความร้อนตกค้างหลงเหลืออยู่แอมพ์บางรุ่นจะมีการตัดการทำงานของเครื่องเมื่อหยุดพักใช้งาน และจะกลับมาทำงานใหม่ เมื่อใช้งานโดยอัตโนมัติ

      -------------------------------------------------------

      1. Class A พาวเวอร์แอมป์ชนิดนี้เน้นในเรื่องของคุณภาพเสียง ค่าความเพี้ยนตํ่า และเสียงรบกวนน้อย แต่มีข้อเสียในเรื่องของความร้อนที่ค่อนข้างจะสูงเพราะมีการป้อนกระแสไฟให้ทรานซิสเตอร์อยู่ตลอดเวลา ถึงแม้จะไม่มีสัญญาณอินพุทเข้ามาก็ตาม และกำลังขับที่ได้นั้นก็ค่อนข้างจะน้อย แอมป์ประเภทนี้จึงเหมาะกับนักฟังที่เน้นรายละเอียดของเสียงกลาง-แหลม ไม่เน้นอัดตูมตาม

      2. Class B เป็นการใช้ทรานซิสเตอร์ 2ตัว ทำงานแบบ Push-Pull หรือ ผลัก ดัน ช่วยกันทำงานคนละครึ่งทาง และจะไม่มีการป้อนกระแสไฟล่วงหน้า ซึ่งมีข้อดีคือเครื่องไม่ร้อน แต่ข้อเสียกลับมากกว่าเพราะความผิดเพี้ยนสูงมาก เสียงจึงไม่มีคุณภาพ แต่ในปัจจุบันแอมป์ คลาสนี้คงจะไม่มีแล้ว

      3. Class AB เป็นการรวมตัวกันของแอมป์ทั้ง 2คลาสที่กล่าวมา คือใช้ทรานซิสเตอร์ 2ตัว แต่จะมีการป้อนกระแสไฟปริมาณตํ่าๆเอาไว้ล่วงหน้าอยู่ตลอดแต่จะไม่มากเท่าคลาส A และการจัดวงจรก็ใช้แบบ Push-Pull เหมือนคลาส B จึงทำให้พาวเวอร์แอมป์ประเภทนี้มีคุณภาพเสียงที่ค่อนข้างดี ถึงแม้จะไม่เท่าคลาส A แต่ได้เปรียบในเรื่องของกำลังขับที่มากกว่า และเกิดความร้อนน้อยกว่า และคลาส AB นี้แหละเป็นแอมป์ที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน และสามารถนำไปขับได้ทั้งลำโพงกลาง-แหลม หรือแม้แต่ซับวูเฟอร์ก็ได้

      4. Class D เป็นพาวเวอร์แอมป์กำลังขับสูง เน้นหนักในเรื่องพละกำลัง แอมป์ชนิดนี้ถูกออกแบบมาสำหรับขับซับโดยเฉพาะ เหมาะกับพวกที่ชอบฟังเพลงหนักๆ เน้นพลังเบส กระแทกแรงๆ

      --------------------------------------------------------

      จริงๆมีอีกหลาย class นะครับ เดี๋ยวจะงง เอามาแค่นี้ก่อนเพื่อเปรียบเทียบว่า ทำไม T-amp กับ int เสียงถึงต่างกัน

      int ส่วนใหญ่ในท้องตลาดจะเป็น AB ครับ

      Comment


      • #93
        Originally posted by torlek View Post

        Poppulse T-Amp1
        Class T Digital Audio Integrated Amplifier
        MK II 70watt
        จ๊ากๆๆๆตัวนี้เลยหรือครับ ตัวนี้มันเป็นตัว top ของ t-amp เลยแล้วท่านเปลี่ยนไปเล่น int ตัวไหนครับสงสัยคงราคาหลายหมื่นแน่นอนเลยครับ

        Comment


        • #94
          ผมยกให้กระทู้ของคุณ cleaning มันส์สุดในรอบปีเลย 555

          psb b1 ส่วนใหญ่จับคู่กับ int.nad ครับ เพราะอะไรลองหาโทนเสียงเอา

          พวก hiface ผมยังไม่แนะนำให้เล่นนะ ให้ทำอย่างอื่นให้จบก่อน

          dac 707 ถ้าชอบก็ไม่ต้องเปลี่ยน ถ้าเปลี่ยนจากที่เคยสัมผัสมาคือdacแพงกว่าจะได้มิติกว่าแค่นั้น กรุ๊งกริ๊ง dac จีนทำได้(มิติคือมิติจริงๆนะ ผมเคยใช้ 707 upgard มาก่อน มิติไม่ดี แต่กรุุ๊งกริ๊งกินขาด)

          เล่นหลอดจีนราคาถูก---->เสียงสกปรก เพี้ยน ไม่คุ้ม ซวยสุดคือมีเสียงจี่เมื่อใช้งานไปสักพัก สู้solid ในราคาเท่าๆกันไม่ได้(ความเห็นนะ)

          สรุป---->อย่าหักโหม เดี๋ยวเบื่อซะก่อน

          Comment


          • #95
            ขอบคุณมากครับเร่ิมเข้าใจแล้วครับ ว่าจะต้องทำอย่างไร ผมว่าจะดูที่โฮมโปรเลยที่ๆผมไปชื้อลำโพงไปคุยกับเขา จะขอเขาลอดฟัง int NAD ของเขาที่เขาจัดชุดไว้กับลำโพงตัวที่ผมใช้อยู่ โดยผมจะเอาเพลง mp3 320k ไปใส่เครืองเล่นไปเอาสาย mini to rca ไปด้วย แล้วเอา T-amp ผมไปขอเขาทดลองเล่น โดย

            ใช้ mp3เล่นผ่าน T-amp 2070 เข้าลำโพง psb b1 เลย ฟังสดๆ
            ใช้ mp3 เล่นผ่าน int amp nad เข้าลำโพง psb b1 เลย
            แบบนี้น่าจะดี่ที่สุดโดยบอกเขาว่าผมชื้อลำโพงไปแล้วจะขอลองถ้า int amp เสียงดีกว่าผมจะชื้อของเขาๆคงยินดีให้ผมทดลองแน่ๆ เพราะไม่ยุ่งยากเขาจัดชุดไว้เรียบร้อยแล้วครับ

            Comment


            • #96
              เห็นว่าชอบดู กำลังขับกัน Watt มาก Watt น้อย ???
              กำลังขับของแอมป์ไม่ใช่อย่างเดียวที่จะดูว่าขับลำโพงได้หรือไม่
              ต้องดูถึง spec. การออกแบบ/ใช้งานจริงด้วย
              ยกตัวอย่าง ถ้าใครเคยเล่นเครื่องเสียงรถก็น่าจะพอรู้จัก ORION HCCA อยู่บ้าง

              ORION HCCA 225



              Output Power at 12V, 20Hz 20kHz, <0.1% THD:
              2 x 25W @ 4 ohm
              2 x 50W @ 2 ohm
              2 x 100W @ 1 ohm
              2 x 200W @ ? ohm
              1 x 100W @ 4 ohm bridged
              1 x 200W @ 2 ohm bridged
              1 x 400W @ 1 ohm bridged

              ORION HCCA 150R.



              50W x2 @ 4 OHM
              100W x2 @ 2 OHM
              200W x2 @ 1 OHM
              200W x1 @ 4 OHM
              400W x1 @ 2 OHM

              50W x 2 แต่ขับ Sub 15" 2ตัวได้สบายๆ

              ยังไม่ได้นับแอมป์หลอด Pure Class-A หรือ Ultra linear mode
              12.5 W/Channel แต่ขับลำโพงขนาด Floor standing ได้สบายๆ

              Comment


              • #97
                Originally posted by cleaning View Post
                ขอบคุณมากครับเร่ิมเข้าใจแล้วครับ ว่าจะต้องทำอย่างไร ผมว่าจะดูที่โฮมโปรเลยที่ๆผมไปชื้อลำโพงไปคุยกับเขา จะขอเขาลอดฟัง int NAD ของเขาที่เขาจัดชุดไว้กับลำโพงตัวที่ผมใช้อยู่ โดยผมจะเอาเพลง mp3 320k ไปใส่เครืองเล่นไปเอาสาย mini to rca ไปด้วย แล้วเอา T-amp ผมไปขอเขาทดลองเล่น โดย

                ใช้ mp3เล่นผ่าน T-amp 2070 เข้าลำโพง psb b1 เลย ฟังสดๆ
                ใช้ mp3 เล่นผ่าน int amp nad เข้าลำโพง psb b1 เลย
                แบบนี้น่าจะดี่ที่สุดโดยบอกเขาว่าผมชื้อลำโพงไปแล้วจะขอลองถ้า int amp เสียงดีกว่าผมจะชื้อของเขาๆคงยินดีให้ผมทดลองแน่ๆ เพราะไม่ยุ่งยากเขาจัดชุดไว้เรียบร้อยแล้วครับ
                มาถูกทางที่สุดแล้วครับ
                ถึงไม่เคยซื้อของเค้าเลย เค้าก็ยอมให้เราลอง
                ลองแล้วไม่ซื้อเค้าก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าเรา
                คนขายพูดจาไม่ดีก็โทรไปโวยบ้านบ้านทวาทศิน เลย

                Comment


                • #98
                  ไม่รู้จะพิมบอกยังไง ลำโพงยังไม่ทันเบินก็เปลี่ยนแล้ว พอฟังคนอื่นโพสอะไรนิดหน่อยก็เขวจะเปลี่ยนตาม
                  เวลาขอความเห็นในเวบนะครับ เอามาตัดสินใจแค่20-30% เพราะบางคน ไม่เคยฟังเลยแต่อ่านเยอะ ครูพักลักจำเอา ใครถามก็ตอบตามที่เคยอ่านมา
                  ละศัพท์ที่แต่ละคนบอกเสียงดีก็ไม่เหมือนกัน ผมยังงงอยู่เลย ว่าแต่ละคนว่าเสียงหวานเป็นยังไง ลักษณะเสียงหวานคืออะไร ใส่น้ำตาลหรือไง หรือที่บอกหวานกันเป็นสไตล์หลอด
                  เรื่อง watt rms ยังมีลึกๆอีกเยอะ วัดที่ thdกี่% ที่ความถี่เท่าไหร่ พวกแอมป์ที่ขายๆกัน 70w บอกที่ thd1% 1khz ก็ต่างกับพวก บอกwatt ตรง บอก20W thd0.03% 20-20k Hzละ
                  เครื่องเสียงถูกแพงไม่เกี่ยวกะเสียง มันอยู่ที่ว่าเสียงถูกใจเราไหม ความชอบแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต้องเอาหูเราเป็นหลัก ฟังละชอบไหม บางทีฟังที่ร้านละปิ๊งเลย ยกกลับบ้าน chip ละ ทำไมเสียงไม่เหมือนฟังที่ร้าน หลายๆคนคงเจอมากับตัว

                  Comment


                  • #99
                    Originally posted by nightno1 View Post
                    มาถูกทางที่สุดแล้วครับ
                    ถึงไม่เคยซื้อของเค้าเลย เค้าก็ยอมให้เราลอง
                    ลองแล้วไม่ซื้อเค้าก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าเรา
                    คนขายพูดจาไม่ดีก็โทรไปโวยบ้านบ้านทวาทศิน เลย
                    ขอบคุณมากครับ คนขายคงไม่ว่าเขาบอกผมเองว่าชื้อเครื่องเสียงต้องลองก่อนชื้อ ถ้าผมคึิดได้แบบนี้ตั้งแต่ตอนแรกก็คงไม่มีกระทู้ มันส์ๆๆ แห่งปี แต่เชื้ิอผมเปล่าคนที่ไม่รู้ก็ได้รู้แบบผมก็ได้ความรู็ไปบ้างแหละครับ

                    ถ้า int nad316 เสียงดีกว่าจนฟังออกชัดๆงานเข้าเลย ราคา 11000 ขาย T-amp 3 พันกว่าๆเพิ่มอีกบานเลย 7000 เอาวะถ้ามันเส่ยงดีก็ยอมแล้วผมก็จะจบแล้วสำเร็จอรหันต์เรียบร้อย
                    Last edited by cleaning; 11 Aug 2011, 15:39:28.

                    Comment


                    • Originally posted by prapharn View Post
                      ไม่รู้จะพิมบอกยังไง ลำโพงยังไม่ทันเบินก็เปลี่ยนแล้ว พอฟังคนอื่นโพสอะไรนิดหน่อยก็เขวจะเปลี่ยนตาม
                      เวลาขอความเห็นในเวบนะครับ เอามาตัดสินใจแค่20-30% เพราะบางคน ไม่เคยฟังเลยแต่อ่านเยอะ ครูพักลักจำเอา ใครถามก็ตอบตามที่เคยอ่านมา
                      ละศัพท์ที่แต่ละคนบอกเสียงดีก็ไม่เหมือนกัน ผมยังงงอยู่เลย ว่าแต่ละคนว่าเสียงหวานเป็นยังไง ลักษณะเสียงหวานคืออะไร ใส่น้ำตาลหรือไง หรือที่บอกหวานกันเป็นสไตล์หลอด
                      เรื่อง watt rms ยังมีลึกๆอีกเยอะ วัดที่ thdกี่% ที่ความถี่เท่าไหร่ พวกแอมป์ที่ขายๆกัน 70w บอกที่ thd1% 1khz ก็ต่างกับพวก บอกwatt ตรง บอก20W thd0.03% 20-20k Hzละ
                      เครื่องเสียงถูกแพงไม่เกี่ยวกะเสียง มันอยู่ที่ว่าเสียงถูกใจเราไหม ความชอบแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต้องเอาหูเราเป็นหลัก ฟังละชอบไหม บางทีฟังที่ร้านละปิ๊งเลย ยกกลับบ้าน chip ละ ทำไมเสียงไม่เหมือนฟังที่ร้าน หลายๆคนคงเจอมากับตัว
                      ลำโพงยังไม่เปลี่ยนครับ ลำโพง เปลี่ยนยากครับเพราะว่า ถ้าราคาไม่โดด มันก็ไม่ได้ดีกว่าตัวที่ผมใช้อยู่เลยครับ ผมฟัง psb รุ่นราคา15000 เสียงมันแน่นกว่าตัวที่ผมใช้นิดเดียวเองในระดับหูผม
                      ยังครับยังเรื่องลำโพงที่หลังสุดครับมันยังไม่ตันที่ลำโพงครับผมว่ามันจะเปล่งประสิทธิภาพได้อีกถ้าใช้ amp ดีๆหรือ dac ดีๆ ถ้ามันตันที่ลำโพงผมถึงจะคิดเปลียนครับ
                      แต่ก็ว่าเหอะมีหลายคนเลยที่ยังไม่พ้นเบริน์ก็ขายเพราะแนวเสียงไม่ได้ จริงๆแล้วผมคิดว่าเปิดฟัง 1วันเต็มๆก็รู๋็แล้วครับวาเสียงมันจะเป็นเช่นไร พ้นเบริน์มันก็คงไม่ได้ดีขึ้นจนแตกต่างหรอกครับ

                      Comment


                      • นั่นไงก่อนจะโชคโชนมันต้องโชคเลือดซะก่อน ผมก็เป็นอีกคนที่งบน้อยเล่นที่มันคุ้มที่สุด งบน้อยกว่าคุณเยอะ

                        Comment


                        • ได้อุปกรณ์ที่ถูกใจแล้วก็อย่าลืมเรื่องสายสัญญาณ สายลำโพง สาย usb ให้ความสำคัญกับมันด้วย

                          ไม่ต้องแพงมากเอาให้มันสมกับราคาอุปกรณ์ ถ้าชอบเสียงร้อง ไม่ชอบเบสหนัก ก็พยายามเลือกสายที่ส่วนผสมเป็นเงิน หรือเงินล้วน

                          สายลำโพงเลือกระดับราคาสักเมตรละ 200-300
                          สายสัญญาณ สัก 1000 + แต่อย่าเกิน3000 เด๋วมันจะไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป

                          สายสำเร็จที่ขายทั่วไปเส้นละ 100-200 ใช้ได้ แต่ไม่ดีพอ

                          Comment


                          • T-amp รุ่นเดียวกับผมเลย ไม่ทราบว่าท่านเปลี่ยนไปเล่น int-amp รุ่นไหนต่อครับ
                            ตอนนี้ผมมอง nad326bee ราคาพออยู่ในงบครับ

                            ขอบคุณเจ้าของกระทู้ และทุกคำตอบครับ


                            Originally posted by torlek View Post

                            Poppulse T-Amp1
                            Class T Digital Audio Integrated Amplifier
                            MK II 70watt
                            Last edited by aon2008; 11 Aug 2011, 21:44:57.

                            Comment


                            • CLASS A

                              การจัดวงจรภาคขยายแบบนี้ จะมีการไบอัสกระแสให้กับทราสซิสเตอร์อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา แม้ว่าจะไม่มีสัญญาณมาให้ขยาย ตัวทรานซิสเตอร์ก็ยังจะจต้องมีปริมาณกระแสไหลผ่านในปริมาณค่อนข้างสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตัวเครื่องของแอมป์คลาส A จะมีความร้อนสูงกว่าการจัดวงจรแบบคลาสอื่น ๆ ข้อดีก็อาจจะมีตรงที่ค่าความเพี้ยนต่าง ๆ จะมีต่ำกว่าวงจรแบบอื่น ๆ และแอมป์คลาส A มักจะทำให้มีกำลังขับได้ไม่สูงนัก ถ้าผลิตแอมป์คลาส A ที่มีกำลังขับสูง ๆ ตัวเครื่องและส่วนของแผงระบายความร้อนจะต้องมีขนาดใหญ่กว่าปกติมาก

                              CLASS B

                              เป็นการจัดวงจรที่ต่างจากคลาส A โดยสิ้นเชิง คือเมื่อไม่มีสัญญาณอินพุทเข้ามา ก็จะไม่มีกระแสไหลผ่านทรานซิสเตอร์ จะมีกระแสไหลผ่านได้ก็ต่อเมื่อมีสัญญาณอินพุทเข้ามาเท่านั้น แอมป์คลาส B มักจะมีค่าความเพี้ยนสูงมาก แต่มันมีข้อดีที่จะทำเป็นแอมป์กำลังขับสูง ๆ ได้ ปัจจุบันไม่มีแอมป์คลาส B แท้ ๆ อีกแล้ว เนื่องจากคุณภาพเสียงไม่เป็นที่น่าพอใจ

                              CLASS AB

                              แอมปลิไฟร์หรือเพาเวอร์แอมป์ซึ่งเป็นที่นิยมที่สุดในปัจจุบัน การออกแบบจะนำข้อดีของแอมป์ทั้งคลาส A และคลาส B มาผสมผสานกัน คือ มีการปล่อยให้มีกระแสปริมาณน้อย ๆ ผ่านทรานซิสเตอร์จำนวนหนึ่ง แม้ว่าจะไม่มีสัญญาณอินพุทเข้ามาเลย การทำงานปิดเปิดก็จะเป็นไปตามสัญญาณอินพุททั่วไป เพียงแต่ว่าวงจรนี้ จะไม่มีการ OFF ของกระแสทั้งหมด แม้ว่าจะไม่มีอินพุทเข้ามา

                              คุณสมบัติของเพาเวอร์แอมป์ที่ดีนั้นไม่อาจจะสรุปได้โดยง่าย ในแง่ของเทคนิคพื้นฐานที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น เป็นเพียงพื้นฐานที่ท่านผู้อ่านควรทราบไว้บ้าง เพื่อจะได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับแอมปลิไฟร์เออร์ แต่ถ้าพิเคราะห์กันถึงวิธีการเลือกซื้อแล้ว เรามักจะจัดให้เพาเวอร์แอมป์ได้มีโอกาสจับคู่กับปรีแอมป์ แล้วทำงานขับลำโพงจริง ๆ เพื่อฟังผลของคุณภาพเสียง มากกว่าการพิจารณาคุณสมบัติของเพาเวอร์แอมป์เพียงเครื่องเดียว
                              มันยังอะไรมากกว่าค่าคามเพี้ยน(THD)ครับ วงจรเดียวกัน เอามาดัดแปลงเป็น class A เสียงคนละแนวเลย ปัจจัยที่มีผลกับแนวเสียง-คุณภาพยังมีอีกหลายจุด


                              ______________

                              พักเหนื่อยกันหน่อยทั้งคนถามคนตอบ ยาวมากมาย - -.

                              Comment


                              • เจ้าของกระทู้ ฟังเพลงแนวเดียวกับผมเลย

                                Comment

                                Working...
                                X