Announcement

Collapse
No announcement yet.

ขอทำความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับ Integrated Amplifier VS T-amp

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • #16
    Originally posted by cleaning
    ผมเคยฟังเสียงของ amp โดยไม่มี dac เสียงไม่ดีเลยครับแห้งๆแหลมๆ
    Originally posted by xodiax
    ที่เคยฟังโดยไม่ผ่าน dac นี่ ที่ร้านเค้าให้ลองฟังโดยต่อผ่านอะไรครับ
    Originally posted by poh1998
    ไม่มี dac เสียงไม่ออกแน่นอนครับ ร้านเค้าคงสื่อถึงท่านไม่ดี
    Originally posted by lplline
    +1 อยากรู้มากมาย เขาต่อผ่านอะไรมามั่งก่อนถึง amp
    ร้านคงเปิดจากพวกเครื่องCD Playerหรือเครื่องPortableทั่วไปที่มีช่องDIGITAL OUT
    ซึ่งคุณcleaningไม่รู้ว่าภายในเครื่องพวกนั้นมันมีDACอยู่ในตัวอยู่แล้ว (เหมือนที่คุณTroRuwAบอกไว้ข้างบน)

    Originally posted by TroRuwA
    สงสัยถ้าอธิบายยาวๆคงหลง
    dac มีอยู่ใน player ทุกนิด ยกเว้น transpoter
    ใน cd player ก็มี dac
    ใน avr ก็มี dac
    ใน ipod ก็มี dac
    ใน sound card ก็มี dac
    (ในที่นี้ dac ที่อยู่ในเครื่องที่กล่างมาผมขอหมาถึง วงจร d2a ชื่อเต็มว่า digital to analog นะครับ)
    แต่ทำไมทุกวันนี้มันต้องมีออกมาอยู่ข้างนอก เพราะวันดีคืนดีก็มีนัก DIY บอกว่าภาค d2a อยู่ในกล่องรวมกับอย่างอื่นเนี่ย
    มันไม่เทพพอ มันมีปัจจัยอื่นๆที่ทำให้เสียงไม่ค่อยดี เลยจับแยกออกมายัดอยู่ในกล่องใบใหม่ซะ
    แล้วมันก็เริ่มเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้จึงมี dac ให้เลือกใช้กันตั้งแต่ราคาหลักร้อนยันหลักแสน

    ส่วนพวก usb to coax converter มันก็มีอยู่ว่า
    วันดีคืนดีก็มีคนคิดในแบบเดียวกัน ว่าวงจรที่ไว้จัดการภาค digital ใน dac มันไม่เทพพอ
    ก็เลยทำแยกออกมาใส่กล่องอีกใบหนึ่งซะ มันจะได้เทพๆ และกินเงินเราได้เยอะๆ

    สรุปถ้ามันอยู่ในกล่องแยกๆเราเรียก dac
    ถ้ามันอยู่ในเครื่องเล่นต่างๆเราเรียกวงจร d2a

    ---------------------------------------------------------------------------


    Originally posted by cleaning
    ทำให้ผมซึ่งไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับ int amp ผมเคยถามคนอื่นว่ามันมี dac ในตัวหรือถึงได้ทำให้มีเสียง แน่นบ้าง แหลมบ้าง แต่เขาก็บอกว่าไม่มี
    ตกลง amp มันมีผลต่อความไพเราะของเสียงเพลงหรือครับ

    ผมคิดว่า amp มันทำหน้าที่ขยายสัญญานให้ดังเท่านั้น
    ลองเอาT-Ampตัวที่คุณใช้อยู่ เอาไปลองฟังเทียบกับT-Ampยี่ห้ออื่น ลองฟังดูสิมันเหมือนกันทั้งหมดหรือมีไรต่างกันบ้าง

    หรือ

    เอาT-Ampของคุณ ไปลองตามร้านขายเครื่อง ไปขอลองฟังเทียบกับ "อินทิเกรทแอมป์" หรือ "ปรี+แอมป์" ที่มีขายในร้าน
    ลองสัก3ยี่ห้อ จะราคาพอๆกันหรือต่างกันก็ได้ ลองฟังดูสิมันเหมือนกันทั้งหมดหรือมีไรต่างกันบ้าง


    ถ้าคุณลองแล้ว สมมุติว่าคุณรับรู้ได้ว่า เสียงมันไม่เหมือนกัน และคุณเกิดความสงสัยเกิดขึ้นในใจ ว่าเพราะเหตุใด
    ลองกลับไปดูกระทู้เก่า แบบที่คุณpohบอกไว้ เพราะคำตอบมีอยู่ในนั้นแล้ว
    Originally posted by poh1998
    อ่านกระทู้เก่าแล้วยังไม่เข้าใจอีกหรอครับ

    กลับไปอ่านกระทู้เก่าดีๆครับ คำตอบอยู่ในนั้นหมด
    http://www.overclockzone.com/forums/...D-M2TECH/page2
    http://www.overclockzone.com/forums/...D-M2TECH/page3

    ---------------------------------------------------------------------------


    Originally posted by cleaning
    ตอนที่ผมไปชื้อ T-amp 2070 คนขายบอกว่ามันเป็นแอมป์รุ่นใหม่ ใช้ระบบจับสัญญานไฟฟ้าแล้วแปลงออกมาเป็นเสียงเพลง
    ซึ่งเพลงมาอย่างไรมันก็แสดงอย่างนั้น โดยที่เราไม่ต้องไปปรับแต่งพวก bass treble เลย
    ซึ่งเพลงมาอย่างไรมันก็แสดงอย่างนั้น
    วลีแบบนี้คุ้นมากๆ มันเป็นวลีหากินของDACมาช้านาน มันเป็นวลีของเครื่องอิเลคทรอนิคส์ชนิดสื่อDIGITALมาช้านาน

    แต่บางคนมีข้อสงสัย "ในเมื่อบอกว่าDACไม่มีการปรับแต่งใดๆ ไม่มีวงจรปรับทุ้มแหลม เหตุใดDACแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อเสียงถึงต่างกัน"
    ? ? ? ? ?


    ตอนคุณซื้อDACตัวแรก ถ้าคุณถามคนขายหรือถามคนอื่น "DACต่างจากSound Cardยังงัย , DACต่างจากPreampยังงัย"
    คนขายหรือคนส่วนใหญ่ก็จะบอกว่า DACไม่มีการปรับแต่งเสียง เพลงมาอย่างไรมันก็แสดงอย่างนั้น + มันรับสัญญาณDIGITAL ทำยังงัยก็ไม่มีทางเพี้ยน ทำยังงัยก็ไม่มีทางทำให้เสียงต่างกันได้

    ตัวคุณเองก็ผ่านDACมา2ตัวแล้ว รับรู้ด้วยตัวเองแล้วว่า DACทั้ง2ตัวนั้นให้เสียงต่างกัน
    ช่วงเวลาที่ผ่านมา ตัวคุณเองก็ได้เห็นอะไรบางอย่างจากเครื่องอิเลคทรอนิคส์ไปบ้างแล้ว น่าจะได้แง่คิดหรือมุมมองใหม่เพิ่มขึ้นมาบ้าง



    เดี๋ยวนี้ "ซึ่งเพลงมาอย่างไรมันก็แสดงอย่างนั้น" กลายเป็นวลีหากินสำหรับการขายของไปแล้ว
    หากใครหลงเชื่อก็เป็นเหยื่อไป


    ถ้าหากข้อความข้างบนสร้างความขุ่นเคืองให้ ก็ขอให้ข้ามไป ทำเป็นไม่เห็นละกัน
    Last edited by keang; 10 Aug 2011, 17:52:22.

    Comment


    • #17
      Originally posted by poh1998 View Post
      เอ้า ผมยังไม่เหนื่อย อธิบายอีกก็ได้
      Int Amp กับ T amp มันอันเดียวกันนนน
      T เป็นคลาส
      amp มีหลายคลาส ความแตกต่าง
      1. Class A พาวเวอร์แอมป์ชนิดนี้เน้นในเรื่องของคุณภาพเสียง ค่าความเพี้ยนตํ่า และเสียงรบกวนน้อย แต่มีข้อเสียในเรื่องของความร้อนที่ค่อนข้างจะสูงเพร าะมีการป้อนกระแสไฟให้ทรานซิสเตอร์อยู่ตลอดเวลา ถึงแม้จะไม่มีสัญญาณอินพุทเข้ามาก็ตาม และกำลังขับที่ได้นั้นก็ค่อนข้างจะน้อย แอมป์ประเภทนี้จึงเหมาะกับนักฟังที่เน้นรายละเอียดขอ งเสียงกลาง-แหลม ไม่เน้นอัดตูมตาม เป็นที่เอาเล่นแบบที่ว่าจะฟังเสียงใสๆๆๆนะครับ วัตต์จะไม่ค่อยแรงเท่าไร ราคา เอาเรื่องเหมือนกัน

      2. Class B เป็นการใช้ทรานซิสเตอร์ 2ตัว ทำงานแบบ Push-Pull หรือ ผลัก ดัน ช่วยกันทำงานคนละครึ่งทาง และจะไม่มีการป้อนกระแสไฟล่วงหน้า ซึ่งมีข้อดีคือเครื่องไม่ร้อน แต่ข้อเสียกลับมากกว่าเพราะความผิดเพี้ยนสูงมาก เสียงจึงไม่มีคุณภาพ แต่ในปัจจุบันแอมป์ คลาสนี้คงจะไม่มีแล้ว

      3. Class AB เป็นการรวมตัวกันของแอมป์ทั้ง 2คลาสที่กล่าวมา คือใช้ทรานซิสเตอร์ 2ตัว แต่จะมีการป้อนกระแสไฟปริมาณตํ่าๆเอาไว้ล่วงหน้าอยู่ ตลอดแต่จะไม่มากเท่าคลาส A และการจัดวงจรก็ใช้แบบ Push-Pull เหมือนคลาส B จึงทำให้พาวเวอร์แอมป์ประเภทนี้มีคุณภาพเสียงที่ค่อน ข้างดี ถึงแม้จะไม่เท่าคลาส A แต่ได้เปรียบในเรื่องของกำลังขับที่มากกว่า และเกิดความร้อนน้อยกว่า และคลาส AB นี้แหละเป็นแอมป์ที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน และสามารถนำไปขับได้ทั้งลำโพงกลาง-แหลม หรือแม้แต่ซับวูเฟอร์ก็ได้

      4. Class D เป็นพาวเวอร์แอมป์กำลังขับสูง เน้นหนักในเรื่องพละกำลังเพียงอย่างเดียว แอมป์ชนิดนี้ถูกออกแบบมาสำหรับขับซับโดยเฉพาะ เหมาะกับพวกที่ชอบฟังเพลงหนักๆ เน้นพลังเบส กระแทกแรงๆ แบบนี้เป็นแอมป์ที่เรา นิยมมาขับซัพ กันเพราะมีวัตต์สูง แต่ก้อมีความเพี้ยนมากพอดู

      5. CLASS H คือการนำเอาข้อดีในด้านประสิทธิภาพของแอมป์คลาสดี แต่ให้คุณภาพได้ดีเหมือนแอมป์คลาสเอบี แอมป์คลาสเอซนี้มีรูปแบบวงจรที่สลับซับซ้อนพอสมควรเร ียกได้ว่าเป็น แอมป์ที่ให้วัตต์สูงในแบบคลาสดี แต่ให้เสียงเหมือนคลาสเอบีและมีราคาแพง
      CLASS H จะแสดงความสามารถได้เด่นชัด เมื่อเล่นกับโหลดต่ำๆ เช่น 2 โอห์ม หรือ 1 โอห์ม ปัจจุบันถือเป็นความก้าวหน้าที่สุดของแอมป์ประเภทกำลังขับสูง และแบบนี้ยังไม่เป็นที่นิยมเท่าไรในตอนนี้ เพราะการจัดวงจรที่ยุ่งยากซับซ้อน

      6.CLASS T คือคือการนำเอาข้อดีในด้านประสิทธิภาพของแอมป์คลาสดี กับ คลาส เอบี มารวมกันเพือให้ได้เสียงดี และมีวัตต์ที่สูงขึ้น การจัดวงจรจะใกล้เคียงกับ คลาส h มาก แต่จะมีการกินกระแสมากว่าครับ
      7.CLASS G ถูกออกแบบและนำเสนอเป็นครั้งแรกในปี 1976 โดยบริษัท HIACHI แห่งญี่ปุ่น และในปี 1977 ก็ถูกนำมาใช้กับเครื่องเสียงของฮิตาชิรุ่น Dynaharmony HMA 8300 และรุ่นอื่นๆอีกหลายรุ่น แต่ในยุคแรกๆยังมีปัญหาเรื่องความเพี้ยนสูงมาก ทำให้ไม่ค่อยได้รับความนิยม และมีการใช้งานในวงจำกัด ช่วงเวลาเพียง 2-3 ปีหลังจากนั้นก็ค่อยๆเงียบหายไปจากวงการ และไม่เป็นที่รู้จักของนักเล่นเครื่องเสียงรุ่นใหม่ๆ แต่ปัจจุบันด้วยเทคนิคการออกแบบวงจรและการพัฒนามากขึ้นของอุปกรณ์อิเลคโทรนิคสมัยใหม่ทำให้สามารถออกแบบวงจรให้มีค่าความเพี้ยนต่ำมากๆได้และยังมีประสิทธิภาพเหนือคลาส B ซึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นวงจรที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นในปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่า "วงจรคลาสจี เป็นจงจรขยายอนาล็อกที่ดีที่สุด" แบบหนึ่งทั้งเรื่องคุณภาพและประสิทธิภาพ ในวงการต่างกล่าวเอาใว้ว่า วงจรขยายคลาสจีคือวงจรขยายใกล้เคียงกับวงจรขยายในอุดมคติมากที่สุด

      ท่านก็ยังไม่เข้าใจอีกว่า DAC ไม่ใชอุปกรณ์เสริม ใส่ให้เสียงดี แต่มันจำเป็นต้องมี ไม่มีก็ไม่มีเสียง แอมป์มันต้องมี dac หรือยังไงถึงจะทุ้ม จะแหลม ผมละงงกับท่าน
      แอมป์ขยายเสียงอ่ะถูก แต่ขยายไม่เหมือนกัน สมมุติวงจรของแอมป์ poh1998 ขยายเสียงสูงดี สปีดเสียงดี แอมป์วงจร toruwa (นึกชื่อคนอื่นไม่ออก ขอยืมหน่อยนะครับ 555)
      ขยายเสียงทุ้มได้ดี เสียงช้า แอมป์วงจร manic meaw noise บานเลย
      อีกอย่างแอมป์ watt สูงอย่าคิดว่าเสียงต้องดี วัตตสูงอ่ะสิ เสียงไม่ดี

      เสียง บอกแล้วครับ ว่ามัน mix กันทุกอย่าง
      เสียงของไฟล์+เสียงของสาย+เสียงของ dac+เสียงของแอมป์+เสียงของลำโพง+เสียงของรางปลั้ก+เสียงของสายไฟ+เสียงของหัวปลั้ก+เสียงของท้ายปลั้ก+เสียงของน๊อต+เสียงของหม้อแปลง+เสียงของswitch+เสียงของ volume+เสียงของ r+เสียงของ c +เสียงของ L+อีกมากมาย


      เข้าใจยางครับ
      ไม่เข้าใจตรงไหนอีกถามได้ผมยังไม่เหนื่อย 5555
      ปล.อย่าฟังคนขายโม้เยอะครับ
      ปล2.ผมเคยอ่านเห็นคนบอกว่า t-amp เป็น pwer amp กึ่ง pre นิดๆ

      กลับไปอ่านกระทู้เก่าดีๆครับ คำตอบอยู่ในนั้นหมด
      http://www.overclockzone.com/forums/...D-M2TECH/page2
      http://www.overclockzone.com/forums/...D-M2TECH/page3
      ถ้าเข้าใจผมคงไม่ถามหรอกครับ ก็มีคนบอกว่าให้ผมเปลี่ยนไปใช้ int amp เพราะ T-amp มันอั้นไงครับผมก็เลยสงสัย ครับ ว่า ampมันมีผลต่อเสียงมากขนาดนั้นเลยหรือครับมันเป็นตัวกำหนดว่าเสียงที่ออกมาทางลำโพงจะเป็นเสียงแบบไหนตามด่านล่างนี้ครับ


      ป็นผมนะ ขาย t amp +เงิน ซื้อ int amp สัก 40-50วัตต์ มาเปลี่ยน
      เปลี่ยนสายสัญญาณให้ดีหน่อยพวกสายสำเร็จ 100-200 พอใช้แก้ขัดได้ แต่จะให้ดีไม่ได้เรื่อง
      สายลำโพง ลองสายเงิน สั่งจากแถวนี้ พวก QED เมตรละ 300 มั้ง จะทำให้ b1 เสียงใสขึ้น

      ถ้าพอใจในเสียงที่ได้แล้วค่อยไปมองพวก digital transporter แบบนี้น่าจะถูกทางกว่านะ เผลอๆอาจจะไม่คิดจะเพิ่มพวก digital transporter เลย

      ตะก่อนผมก็ใช้ t amp เพราะว่ามันเล็กดีไม่เกะกะโต๊ะคอม (ทั้งๆที่มี int อยู่แล้ว) ขับ atom แรกๆก็ว่าเสียงดี
      มีอยู่วันว่างจัดลองยก int amp magnet sa01 มาต่อแทน t amp ผมพูดในใจเลยว่า "โง่ตั้งนาน" เสียงเปลี่ยนไปเยอะมาก
      สรุปว่า เหมือน t amp จะขับลำโพงออกไม่หมด

      Comment


      • #18
        Originally posted by aon2008 View Post
        ผมรบกวนวิจารณ์ให้ทีครับ ตอนนี้ผมใช้ตัวนี้อยู่

        [ATTACH=CONFIG]1294088[/ATTACH]
        http://www.discoveryhifi.com/poppulse_t1.html

        ต้องการเปลี่ยน Nad 316bee คุณภาพจะต่างจากเดิมไหมครับ ใช้ Dac superpro 707 อัพเกรด+โมแล้ว

        [ATTACH=CONFIG]1294092[/ATTACH]
        http://www.conice.co.th/index.php?la...155656&Ntype=4

        ขอบคุณทุกคำตอบครับ

        แอบมาเนียน กับเจ้าของกระทู้ แฮะๆ
        ไม่ต้องแอบเนียนครับท่านกับผมรู้สึกจะเหมือนๆกันนะ555 ผมเองก็คิดแบบที่่ท่านคิดครับ ยิ่งมีคนมาทักว่าให้เปลี่ยนเป็น int แล้วจะเห็นผลกว่าใช้ T-amp ผมยิ่งงงไปกันใหญ่เลยครับ และคิดเปลี่ยนทันทีเลยถ้ามันทำให้ดีขึ้นได้

        super pro ท่านโมแบบไหนครับแล้วผลเป็นอย่างไรครับโมที่ไหน ราคาค่าโมครับ เสียงที่ได้หลังโมเป็นอย่างไรครับ

        Comment


        • #19
          Originally posted by 0bluebird0 View Post
          ^
          ^
          ^
          สองตัวนี้ เสียงคนละแนวเลย
          ชิบ T-amp2022 ได้แต่กำลังขับ เสียงงั้นๆ มีแต่แรง
          ส่วนnadรุ่นเล็ก(เคยฟังแต่ 315) ตัวนี้เสียงน่าจะดีกว่าหน่อยมั้ง รุ่นหลังๆไม่ค่อยได้ฟังแล้ว

          ถ้าเน้นเรื่องคุณภาพเสียงยังไง สองตัวข้างบนนี้ สู้ตัว T-amp ที่ใช้ชิบ 2024 ไม่ได้ครับ
          อย่างนี้ก็สู้ muse T-amp ไม่ได้นะซิครับเพราะรู้สึกมันจะใช้ัซิบตัวที่ท่านว่า2024

          Comment


          • #20
            Originally posted by keang View Post
            ลองเอาT-Ampตัวที่คุณใช้อยู่ เอาไปลองฟังเทียบกับT-Ampยี่ห้ออื่น ลองฟังดูสิมันเหมือนกันทั้งหมดหรือมีไรต่างกันบ้าง

            หรือ

            เอาT-Ampของคุณ ไปลองตามร้านขายเครื่อง ไปขอลองฟังเทียบกับ "อินทิเกรทแอมป์" หรือ "ปรี+แอมป์" ที่มีขายในร้าน
            ลองสัก3ยี่ห้อ จะราคาพอๆกันหรือต่างกันก็ได้ ลองฟังดูสิมันเหมือนกันทั้งหมดหรือมีไรต่างกันบ้าง


            ถ้าคุณลองแล้ว สมมุติว่าคุณรับรู้ได้ว่า เสียงมันไม่เหมือนกัน และคุณเกิดความสงสัยเกิดขึ้นในใจ ว่าเพราะเหตุใด
            ลองกลับไปดูกระทู้เก่า แบบที่คุณpohบอกไว้ เพราะคำตอบมีอยู่ในนั้นแล้ว




            ซึ่งเพลงมาอย่างไรมันก็แสดงอย่างนั้น
            วลีแบบนี้คุ้นมากๆ มันเป็นวลีหากินของDACมาช้านาน มันเป็นวลีของเครื่องอิเลคทรอนิคส์ชนิดสื่อDIGITALมาช้านาน

            แต่บางคนมีข้อสงสัย "ในเมื่อบอกว่าDACไม่มีการปรับแต่งใดๆ ไม่มีวงจรปรับทุ้มแหลม เหตุใดDACแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อเสียงถึงต่างกัน"
            ? ? ? ? ?


            ตอนคุณซื้อDACตัวแรก ถ้าคุณถามคนขายหรือถามคนอื่น "DACต่างจากSound Cardยังงัย , DACต่างจากPreampยังงัย"
            คนขายหรือคนส่วนใหญ่ก็จะบอกว่า DACไม่มีการปรับแต่งเสียง เพลงมาอย่างไรมันก็แสดงอย่างนั้น + มันรับสัญญาณDIGITAL ทำยังงัยก็ไม่มีทางเพี้ยน ทำยังงัยก็ไม่มีทางทำให้เสียงต่างกันได้

            ตัวคุณเองก็ผ่านDACมา2ตัวแล้ว รับรู้ด้วยตัวเองแล้วว่า DACทั้ง2ตัวนั้นให้เสียงต่างกัน
            ช่วงเวลาที่ผ่านมา ตัวคุณเองก็ได้เห็นอะไรบางอย่างจากเครื่องอิเลคทรอนิคส์ไปบ้างแล้ว น่าจะได้แง่คิดหรือมุมมองใหม่เพิ่มขึ้นมาบ้าง



            เดี๋ยวนี้ "ซึ่งเพลงมาอย่างไรมันก็แสดงอย่างนั้น" กลายเป็นวลีหากินสำหรับการขายของไปแล้ว
            หากใครหลงเชื่อก็เป็นเหยื่อไป


            ถ้าหากข้อความข้างบนสร้างความขุ่นเคืองให้ ก็ขอให้ข้ามไป ทำเป็นไม่เห็นละกัน
            ไม่เลยครับเป็นคำแนะนำที่ดีมากๆทุกความคิดเห็นครับ แต่ผมเองอาจจะสับสนเองและประสบกราณ์น้อยครับ เลยไม่ค่อยเข้าใจ

            Comment


            • #21
              อะไรเป็นจุดอ่อนของระบบ ที่ทำให้ int amp กับ T-amp ต่างกัน
              อะไรเป็นจุดอ่อนี่ทำให้ magkit ชุดนี้เสียงไม่ดีเทาที่ควรจะเป็น

              ลองพิจารณาดูสักนิด.....อาจจะเห็นอะไรที่มองข้ามไป

              Comment


              • #22
                ที่ผ่านมาผมคิดว่า dac เป็นตัวกำหนดเสียงที่ออกมาว่าไพเราะขนาดไหน Amp หรือ int amp เป็นตัวขยายกำลังขับเท่านั้นครับ เพราะเห็นหลายๆท่านมุงเน้นไปตรง dac เล่นตัวแพงๆราคาเป็นหมื่นขึ้นไปทั้งนั้นครับ ไม่เห็นมีกระทู้ว่า int amp ตัวนี้ตัวโน้นเสียงดี เสียงออกนุ่ม หวาน เบสหนักเป็นลูกๆ ครับแทบไม่เคยเห็นเลยครับ

                Comment


                • #23
                  Originally posted by cleaning View Post
                  ที่ผ่านมาผมคิดว่า dac เป็นตัวกำหนดเสียงที่ออกมาว่าไพเราะขนาดไหน Amp หรือ int amp เป็นตัวขยายกำลังขับเท่านั้นครับ เพราะเห็นหลายๆท่านมุงเน้นไปตรง dac เล่นตัวแพงๆราคาเป็นหมื่นขึ้นไปทั้งนั้นครับ ไม่เห็นมีกระทู้ว่า int amp ตัวนี้ตัวโน้นเสียงดี เสียงออกนุ่ม หวาน เบสหนักเป็นลูกๆ ครับแทบไม่เคยเห็นเลยครับ
                  เยอะแยะไปครับ ลองไปดูเว็บอื่นมั้งครับ diy แอมป์กันแพงๆโหดๆทั้งนั้นเลย เยอะมากครับ เว็บนี้อาจจะไม่เห็นมากนัก

                  Comment


                  • #24
                    Originally posted by tiger X-fi View Post
                    อะไรเป็นจุดอ่อนของระบบ ที่ทำให้ int amp กับ T-amp ต่างกัน
                    อะไรเป็นจุดอ่อนี่ทำให้ magkit ชุดนี้เสียงไม่ดีเทาที่ควรจะเป็น

                    ลองพิจารณาดูสักนิด.....อาจจะเห็นอะไรที่มองข้ามไป
                    ผมยกตัวอย่างครับรุ่นนี้ ไม่ได้คิดจะเล่นครับถ้าเล่นผมจะไปเล่น int ของ nad ครับถ้าเสียงมันดีกว่าพวก T-amp
                    Last edited by cleaning; 10 Aug 2011, 18:08:00.

                    Comment


                    • #25
                      Originally posted by cleaning
                      ที่ผ่านมาผมคิดว่า dac เป็นตัวกำหนดเสียงที่ออกมาว่าไพเราะขนาดไหน Amp หรือ int amp เป็นตัวขยายกำลังขับเท่านั้นครับ เพราะเห็นหลายๆท่านมุงเน้นไปตรง dac เล่นตัวแพงๆราคาเป็นหมื่นขึ้นไปทั้งนั้นครับ
                      ไม่เห็นมีกระทู้ว่า int amp ตัวนี้ตัวโน้นเสียงดี เสียงออกนุ่ม หวาน เบสหนักเป็นลูกๆ ครับแทบไม่เคยเห็นเลยครับ
                      ลองดูกระทู้นี้
                      > งานแรกของผมครับ CMOY!
                      > D.I.Y.ตอน ต่อแอมป์ 40+40 w. ราคาไม่ถึงพัน

                      ถึงจะไม่ใช่กระทู้รีวิวแอมป์รีวิวอินทิเกรทแอมป์โดยตรง แต่เรื่องราวภายในกระทู้นั้นสามารถบอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเครื่องเสียงอิเลคทรอนิคส์ได้พอสมควร
                      ลองดูในส่วนของโพสต่างๆ ที่เค้าทำแอมป์ตัวใหม่แล้วเทียบเสียงกับตัวเก่า , ที่เค้าลองเปลี่ยนอะหลั่ยบางตัวในเครื่องเดิม
                      เพราะ ผลลัพท์ที่เค้าได้นั้น มันน่าจะเป็นคำตอบที่คุณอยากรู้ ผมว่าถึงจะไม่เหมือน100%แต่ก็ใกล้เคียงน่ะ

                      Comment


                      • #26
                        ไม่เห็นมีกระทู้ว่า int amp ตัวนี้ตัวโน้นเสียงดี เสียงออกนุ่ม หวาน เบสหนักเป็นลูกๆ ครับแทบไม่เคยเห็นเลยครับ
                        เยอะมากครับ แต่บอร์ดนี้เป็นคอม คนมักมาถามลำโพงคอมกัน
                        ซึ่งลำโพงคอมหรือลำโพงmultimedia มันมีแอมป์ในตัว(บางตัวมีdacในตัวอีก)

                        คนเลยไม่ค่อยคุยเรื่องแยกชิ้นกัน

                        Comment


                        • #27
                          วงการเสียงนี่ตามงบจริงๆ
                          แอมป์ตัวเป็นล้านๆก็มี ถ้ามันเหมือนกับแอมป์หลักพันเขาก็คงขายไม่ได้
                          ต่างกันที่คุณภาพเสียง แบบเสียง แนวเสียง ซึ่งแต่ละห้อจะกำหนดแนวทางขึ้นมาซึ่งถ้าฟังแล้วจะรู้เลยว่าของยี่ห้อไหน
                          (ลองนึกภาพคนขับวีออส ขับแคมรี่ ขับเบนซ์ ขับเฟอราลี่ ขับเบนท์ลีย์ ขับมอเตอร์ไซด์บ้าน ขับบิคไบค์ ขับเรนจ์โรเวอร์ ถึงที่หมายเหมือนกัน แต่ความสบาย ฟิลลิ่ง ความเร็ว ต่างกัน)
                          ส่วนdacไว้ต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อฟังเพลง dacก็คือมาแทนเครื่องเล่นซีดี

                          Comment


                          • #28
                            ที่ผมไปลองฟังลำโพง psb b1 ทางร้านเปิดผ่าน cd player ตัวนี้ครับ http://www.conice.co.th/Products/NAD...CD-Player.html แล้วเข้า T-amp ของผม ตอนแรกที่ฟังเสียงไม่ดีเลยครับ ไม่มีมิติอะไรเลย cd player ตัวนี้มันก็มี dac ในตัวแล้วไม่ใช่หรือครับ พอตอนหลังเอา super pro ใส่เข้าไป เสียงถึงดีขึ้นมา ผมถึงได้เอาลำโพงกลับบ้าน แบบสี้แสดงว่า dac ใน cd palyer ตัวนี้เสียงไม่ดี สู้ dac super pro ไม่ได้เลย

                            Comment


                            • #29
                              DAC ของ NAD ก็มีส่วนครับ แต่ผมว่าเสียงของ DAC ตัวที่คุณใช้มันเป็นแนวเดียวกับที่ชอบด้วยน่ะครับ DAC แต่ละตัวเขาออกแบบมาให้มีแนวเสียงเฉพาะตัวเป็นจุดขายน่ะครับ DAC แต่ละรุ่นของผู้ผลิตเดียวกันยังต่างกันเลย เจอของที่ชอบแล้วก็หาความสุขจากมันให้เต็มที่เลย
                              Last edited by ssk; 10 Aug 2011, 19:37:28.

                              Comment


                              • #30
                                ผมขอสอบถามเป็นความรู้หน่อยครับถ้าเกิดว่าผมจัดชุดตามนี้ คือ

                                1 คอมพิวเตอร์+super pro+Pop-pulse T-Amp 2070+PSB B1 ชุดปัจจุบันที่ใช้อยู่ถ้าเปลี่ยนเป็น

                                1.1 คอมพิวเตอร์+ dac(ตัวใหม่เช่น Poppulse PCM1796 MKII หรือใกล้เคียง)+Pop-pulse T-amp 2070(ตัวเดิม) + ลำโพง psb b1 (ชุดนี้เปลี่ยน dac นอกนั้นใช้ชุดเดิม )
                                1.2 คอมพิวเตอร์+super pro(ตัวเดิม)+ int amp NAD316BEE+ลำโพง psb b1(ชุดนี้เปลี่ยน int Amp)
                                1.3 คอมพิวเตอร์+super pro(ตัวเดิม)+HI Falc+pop-pulse T-amp2070+ลำโพง psb b1(ชุดนี้เพิ่ม Hi flac เข้ามาในระบบ)
                                1.4คอมพิวเตอร์์+super pro(ตัวเดิม)+pop-pulse T-amp2070+ลำโพงตัวใหม่โดยขายลำโพงตัวเก่าแล้วเพิ่มเงินแล้วหาลำโพงมือสองในราคา 1 หมื่น


                                ชุดไหนเป็นชุดที่มีประสิทธิ์ภาพมากที่สุด และคุ้มค่าที่สุดที่จะได้เสียงที่ดีขึ้นมาครับ
                                ผมขอถามเพื่อประดับความรู้ถึงแม้ว่าผมอาจจะไม่ชื้ออะไรเพิ่ม หรือว่าอนาคตผมเก็บเงินได้ผมอาจจะเพิ่มเข้ามา ขอให้ทุกท่านช่วยแนะนำด้วยครับ ผมจะได้จบปัญหาคาใจสักที
                                ในเมื่อเดินทางมาในเส้นทางนี้คำว่าสิ้นสุดหาได้ยากครับนอกจากเลิกหรือพอแล้วครับ

                                Comment

                                Working...
                                X