ไฟล์ lossless ถ้าไรท์ไปแล้ว แผ่นที่ได้จะได้คุณภาพระดับไหนครับ

[mambobeer]

เอ่อ งั้นถ้าว่าตามทฤษฎีก็ความความว่าเปิดไฟล์Flacกับคอมพิวเตอร์แล้วส่งผ่านไปยังเครื่องขยายแปลว่าสูญเสียน้อยสุด???ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนสุดใช่ไหมครับ

เพราะถ้าเทียบกับพวกแผ่นมันยังเกิดริ้วรอยหรือความบกพร่องในการไร้ทหรือเครื่องเล่นไม่ดีพอทำให้ข้อมูลที่จะส่งไปยังเครื่องขยายเกิดการสูญเสีย

-*- ผมงงๆครับ

งั้นก็แปลว่า Apple Lossoess สู้ FLAC ไม่ได้ ถูกต้องไหม

[tanakaro]

ในทาง digital > analog ถ้าใช้วัดความแตกต่างต้องใช้เครื่องมือครับ คนวัดหรือตัดสินมันมี bias แน่นอนลองปิดตาไม่ให้รู้สิว่าแผ่นไหนแท้แผ่นไหน RIP ผลทดสอบส่วนใหญ่ตอบถูกได้ไม่ 100% เพราะบอกได้เลยครับว่าคนฟังส่วนใหญ่ใช้ความรู้สึกตัดสิน ในทาง benchmark ใดๆต้องให้ความเป็นกลางคับการใช้คนมันเป็น judgement ของคนครับอาจจะเกิดความเบี่ยงเบนได้

[namek]

งั้นก็แปลว่า Apple Lossoess สู้ FLAC ไม่ได้ ถูกต้องไหม

คงไม่ใช่ซะทีเดียวครับเรื่องคุณภาพเสียงคงไม่ทิ้งกันจนสังเกตุได้ชัดๆทุกตัวในตระกูลlossless
ทั้งหมดแหละครับ คงเป็นความสะดวกในการใช้งานและความนิยม(ความชอบความสะดวก)..
... ของคนใช้งาน และข้อจำกัดทางเทคนิคบางอย่าง ดูตารางข้างล่างเทียบดูครับ

จริงๆข้อจำกัดของApple Lossoess ก็ครอบคลุมการใช้งานทั้งหมดแระเพียงพอต่อการใช้งาน
แทบทุกอย่างแระ flacทำได้มากกว่าแต่ตอนนี้ก็ยังใช้ไม่หมดหรอกครับ

หรือเทียบกับคู่แข่งตัวจริงของflac คือ Monkey's Audio[ape]ซึ่งมีข้อจำกัดมากกว่าเยอะ
เช่นsample rate ได้แค่มาตฐานdvd[48KHz]ส่วนBits per sampleคาดว่าน่าทำได้จะเหมือนๆกัน ขาดแค่Multichannel ทำไม่ได้ คนยังนิยมใช้เยอะกว่า Apple Losslessขนาดไม่ได้ขายพ่วงแบบ Apple ซึ่งมีทั้งเพลงทั้งซอฟแวร์itune และ ipod ....ฯ

[namek]

++

คงมองที่การใช้งานมากกว่าครับbit สูงๆอย่างพวกsacd/ dvd /BD....ฯลฯที่อัดคอนเทรนเนอร์เสียง dts/hd ....bitสูงๆ ก็ใช้flac/wv ไป(แปลกใจเหมือนกันALACก็ทำได้ไม่ค่อยเห็นคนใช้เท่าไหร่)

ส่วนrip. cd อยากใช้ไรก็ตามสะดวกตามชอบเพราะทำได้ทุกตัวในตระกูลlosslessเรื่องเสียงก็ไม่ทิ้กันจนสังเกตุได้มั้ง

ส่วนrip.จากต้นฉบับcd/sacd/SHM-cd/dvd/bluray ...ฯ>losslessแล้วไรท์กลับเป็น
cd audio(กรณีที่ได้ไฟล์losslessมาแล้วอยากทำเป็นcd) ถ้าริบมาจากพวกbit. สูงๆกว่ามาตฐานcd ก็ไม่น่าไรท์เป็น cd ครับ
ไรท์เป็นdvd audioไปซะจะได้ไม่ลดทอนไรไปอีกรอบ

ส่วนคุณภาพถ้าไรท์ตามที่กล่าวคุณภาพก็ได้เท่าไฟล์losslessต้นฉบับแหละครับ คงไม่เท่าต้นฉบับจริงที่นำมาริปเป็นlossless
และคุณภาพมันก็ลดลงตามส่วนแเหละ ครั้งแรกก็ตอนทำเป็นlossless ครั้งสองก็ตอนไรท์

ตัวแปรมันเยอะครับที่ทำให้คุณภาพเสียงมันลดลง เช่น โปรแกรมrip. ไดร์ที่ใช้ rip.และใช้ไรท์คุณภาพแผ่นที่ใช้ไรท์ อื่นๆอีกเยอะครับเช่นเกจิบางท่านอาจบอกว่าเสียบปลั๊กไฟถูกเฟสไหม..ฯลฯ
เพราะตัวไดร์ที่ใช้rip./ไรท์ มันก็มีหลายเกรดเหมือนๆกะเครื่องเสียงแหละ จะเอาคุณภาพ plexter/teak/lite-on ...ฯ มาเทียบกันคงไม่ได้
แค่ราคาก็ทิ้งกันไม่เห็นฝุนแระ

หรือตัวซอฟแวร์ที่ใช้rip. ใช้แปลง>lossless ก็มีหลายเกรด ขนาดตัวเดียวกันเซตไม่เหมือนกันผลที่ได้ก็อาจแตกต่างพอควร


ผิดพลาดช่วยแก้ไขหรือทักท้วงด้วยครับไม่ใช่ผู้ชำนาญแค่อยากรู้เลยลองศึกษาดู

[sierra]

ไปหาอ่านกันดีๆก่อนนะคับ

Lossless คือ เป็นรูปแบบการบีบอัดข้อมูลโดยไม่สูญเสียรายละเอียด ถ้าขยายกลับก็ต้องเหมือนต้นฉบับทุกประการ

ต่างจาก Lossy ซึ่งเป็นรูปแบบการบีบอัดข้อมูลโดยสูญเสียข้อมูลบางส่วน

อ้างอิง : http://en.wikipedia.org/wiki/Audio_c...io_compression

Lossless audio compression produces a representation of digital data that can be expanded to an exact digital duplicate of the original audio stream.

ใครฟังออกก็ดีใจด้วยนะคับที่หูของท่านแม่นยำเกินระดับดิจิตอลไปแล้ว ส่วนผมขอผ่านเพราะไม่สามารถพอคับ

[HiddenDragon]

ไม่ได้ฟังออกเพราะหูดิจิตอล แต่เปิดผ่านเครื่องขยายแล้วมันฟังออกครับ
แต่ก็งง เอาไฟลลจาก CD มาบีบแล้วมาไรท์ขยายแล้วข้อมูลเท่ากันผมเข้าใจ
แต่ว่าคุณภาพของแผ่นที่เอามาไรท์ไม่เหมือนกัน
เครื่องไรท์ไม่ไช่เครื่องเดียวกัน
แล้วพวกนี้ไม่มีผลหรือครับ
ผมเอาไฟลล์ lessles มาลองไรท์แล้วเอามาเทียบกับต้นแบับ ต่างกันอย่างสำผัสได้ครับ

ไปหาอ่านกันดีๆก่อนนะคับ

Lossless คือ เป็นรูปแบบการบีบอัดข้อมูลโดยไม่สูญเสียรายละเอียด ถ้าขยายกลับก็ต้องเหมือนต้นฉบับทุกประการ

ต่างจาก Lossy ซึ่งเป็นรูปแบบการบีบอัดข้อมูลโดยสูญเสียข้อมูลบางส่วน

อ้างอิง : http://en.wikipedia.org/wiki/Audio_c...io_compression

Lossless audio compression produces a representation of digital data that can be expanded to an exact digital duplicate of the original audio stream.

ใครฟังออกก็ดีใจด้วยนะคับที่หูของท่านแม่นยำเกินระดับดิจิตอลไปแล้ว ส่วนผมขอผ่านเพราะไม่สามารถพอคับ

[sierra]

หูเป็นประสาทสัมผัสที่เชื่อถือไม่ได้คับ

เครื่องไรท์ก็ไม่มีผล ไม่ยังงั้น HDD ก็ต้องมีผล, Flashdrive ก็ต้องมีผล, สาย Sata ก็ต้องมีผล เพราะเป็นตัวบันทึก รับ-ส่งข้อมูลดิจิตอลด้วยกันทั้งนั้น

แต่ที่เห็นมีการโมเครื่องเล่น CD มันมีผลคับ คือเครื่องเล่น CD มันมี DAC ที่โมกันคือโม DAC เครื่องเล่น CD คับ

ส่วนคนที่เอา CD-ROM, DVD-ROM คอมพิวเตอร์มาโมแล้วบอกเสียงเปลี่ยนเนี่ย หูคงเกินระดับดิจิตอลไปแล้วเหมือนกัน

[tanakaro]

หูเป็นประสาทสัมผัสที่เชื่อถือไม่ได้คับ

เครื่องไรท์ก็ไม่มีผล ไม่ยังงั้น HDD ก็ต้องมีผล, Flashdrive ก็ต้องมีผล, สาย Sata ก็ต้องมีผล เพราะเป็นตัวบันทึก รับ-ส่งข้อมูลดิจิตอลด้วยกันทั้งนั้น

แต่ที่เห็นมีการโมเครื่องเล่น CD มันมีผลคับ คือเครื่องเล่น CD มันมี DAC ที่โมกันคือโม DAC เครื่องเล่น CD คับ

ส่วนคนที่เอา CD-ROM, DVD-ROM คอมพิวเตอร์มาโมแล้วบอกเสียงเปลี่ยนเนี่ย หูคงเกินระดับดิจิตอลไปแล้วเหมือนกัน

++ ถูกต้องนะครับ คนเดียวกันฟังเพลงเดียวกันยังบอกไม่เหมือนกันได้เลยเพราะมันมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่เชื่อลองฟังตอนอารมณ์ดีกะฟังตอนโกรธอยู่ดิ เหมือนกันมั้ยไปสังเกตได้ ^^

[namek]

ไม่ได้ตั้งใจมางัดกะท่านข้างบนนะครับ ผมก็หูเหล็กครับ แยกไม่ค่อยจะออกหรอก

แต่ถ้าว่าให้โครตเทพมาบอกว่าไอ้นั่นดีไอ้นี่ไม่ดีถ้าผมลองฟังแล้วไม่ชอบก็ไม่เอาครับ

คือถ้าจะเอาทฤษฎีเป็นหลักยกตัวอย่าง สายสัญญาณก็เอาสายไฟธรรมดาละกันส่งสัญญาณได้ครบไม่มีผิดเพี้ยนเหมือนกัน ไม่ต้องไปซื้อสายแพงๆให้เปลืองตัง

ไดร์(ถ้าพอมีตังซื้อของดีใช้)ก็ไม่ต้องซื้อplexter..ฯลฯหรอกเอา lite-onก็พอไรท์ดีเหมือนกัน
ไม่ได้ประชดนะขอรับ ไม่รู้จะยกตัวอย่างไรอ่ะครับ

ผมก็ใช้ของถูกนะครับไม่บ้าเห่อตามกระแสเพราะหลายๆอย่างลองใช้ลองฟังแล้วก็เฉยๆไม่ได้ดีอย่างที่เทพๆเขาว่ากัน
แต่ถ้าชอบก็ซื้อบ้างตามกำลังถ้าฟังแล้วดีจริง แต่ส่วนใหญ่ก็เฉยๆฟังแล้วไม่ต่างของถูกก็ไม่ซื้ออันนี้ผมยึดตัวเองเป็นหลักนะครับ

เรื่องเสียงมันนานาจิต(+ตัง)ครับ ฟังคนอื่นเป็นแนวทางยึดหูตัวเองเป็นหลักดีที่สุด
ไม่งั้นมันไม่มีเคสไม้แขวนผ้ากับสายสัญญาณราคาเป็นแสนหรอกครับ

หู ตา จมูก หรือสัมผัสทั้ง5 แต่ละคนไม่เท่ากันหรอกครับ บางอย่างก็ฝึกได้ได้รู้ได้สัมผัสก็ดีขึ้น แต่ถ้าเทียบกับมีมาแต่แรกอย่างที่เรียกว่าอัจฉริยะ คนธรรมดาคงตามทันยาก

แต่ส่วนใหญ่ก็ระดับสามัญชนกันก็ไม่แปลกหรอกความคิดไม่เหมือนกัน แต่ประเภทจิตหลอนก็มีเยอะครับ
เช่น การ เบิร์นนั่นนี่ บางอย่างมันก็สมเหตุผล คือมันต้องใช้งานบ้างถึงจะเข้าที่เข้าทาง แต่การเบิร์นตัวเอง
คือฟังจนชินแล้วเพราะไปเองก็มีครับอันนี้เรียกจิตหลอนแต่ก็ดีนะครับเป็นข้อดีของมนุษย์เลยไม่งั้นคงไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี

ps. ผมก็สามัญชนหูเหล็กนะครับอิอิ...

[newbie66]

คุณ namek เป็นสาวก ดิโอฬาร นั่นเอง ^-^

[ssk]

เรื่องเสียงสั้นง่ายได้ใจความ เชื่อหูและความชอบของเรา อย่าไปเชื่อหูและขี้ปากคนอื่น
พอใจแล้วมีความสุขแล้วก็จบซะอย่าไปดิ้นรนมากมันจะเดือดร้อนกระเป๋า
การวัดผลเอาเครื่องมือเป็นที่ตั้ง หูเอาไว้ทำการตลาด อันนี้มันเป็ยสัจธรรมของผู้ผลิต
ผมบอกตรงๆนะ เครื่องเสียงราคาเป็นล้านๆยังสู้หูฟังอันละ 50000 กับเครื่องเปรียบเทียบเสียงตัวละล้านกว่าๆ ที่ใช้ในเรือดำน้ำยังไม่ได้เลย
เพราะมันไม่เที่ยงตรงน่ะ ลักษณะเสียงเป็นการจูนให้เพี้ยนเพื่อเอาใจตลาดอย่าไปคิดมาก
สิ่งทีเป็น DIGITAL เกิดมาเพื่อคงความเที่ยงตรงท้ากาลเวลา เขาบอกว่า LOSSLESS ก็คือเหมือนต้นฉบับ จะ FORMAT ใหนมันก็เหมือนกันแหละต่างกันเหมือนเลือกเลี้ยวซ้ายขวา
ของเขาทดลองในห้องทดลองที่มีแต่เครื่องมือวัด ไม่ใช่หู

[mambobeer]

ฮ่ะๆ อ่านไปไอ้นี่ก็ถูก ไอ้นั่นก็มีเหตุผล -..-

[newbie66]

เรื่องเสียงสั้นง่ายได้ใจความ เชื่อหูและความชอบของเรา อย่าไปเชื่อหูและขี้ปากคนอื่น
พอใจแล้วมีความสุขแล้วก็จบซะอย่าไปดิ้นรนมากมันจะเดือดร้อนกระเป๋า
การวัดผลเอาเครื่องมือเป็นที่ตั้ง หูเอาไว้ทำการตลาด อันนี้มันเป็ยสัจธรรมของผู้ผลิต
ผมบอกตรงๆนะ เครื่องเสียงราคาเป็นล้านๆยังสู้หูฟังอันละ 50000 กับเครื่องเปรียบเทียบเสียงตัวละล้านกว่าๆ ที่ใช้ในเรือดำน้ำยังไม่ได้เลย
เพราะมันไม่เที่ยงตรงน่ะ ลักษณะเสียงเป็นการจูนให้เพี้ยนเพื่อเอาใจตลาดอย่าไปคิดมาก
สิ่งทีเป็น DIGITAL เกิดมาเพื่อคงความเที่ยงตรงท้ากาลเวลา เขาบอกว่า LOSSLESS ก็คือเหมือนต้นฉบับ จะ FORMAT ใหนมันก็เหมือนกันแหละต่างกันเหมือนเลือกเลี้ยวซ้ายขวา
ของเขาทดลองในห้องทดลองที่มีแต่เครื่องมือวัด ไม่ใช่หู

ผมว่ากระทู้นี้จะเป็นการพูดคุยในแง่ของคุณภาพเสียงที่เปลี่ยนไป ต่อการเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ในการบันทึกเสียง ซึ่งที่สุดแล้ว แม้จะได้คำตอบออกมาเป็นแบบไหน สุดท้ายผู้ฟังก็เป็นคนที่จะเลือกตัดสินเองครับว่าต้องการแบบไหน จึงไม่ต้องกังวลครับว่าถ้าคนอื่นบอกว่าดีแล้วจะเราจะต้องไปไขว่คว้าหามาอย่างเขา คิดเสียว่าเป็นข้อมูลส่วนหนึ่งที่มีน้ำหนักเพื่อช่วยให้เราได้ตัดสินใจในการเลือกซื้ออุปกรณ์ (อาจจะง่ายลงหรือยากขึ้นก็ได้) อันนี้เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันมากกว่าครับ

[sleipnir]

เรื่องเสียงสั้นง่ายได้ใจความ เชื่อหูและความชอบของเรา อย่าไปเชื่อหูและขี้ปากคนอื่น
พอใจแล้วมีความสุขแล้วก็จบซะอย่าไปดิ้นรนมากมันจะเดือดร้อนกระเป๋า
การวัดผลเอาเครื่องมือเป็นที่ตั้ง หูเอาไว้ทำการตลาด อันนี้มันเป็ยสัจธรรมของผู้ผลิต
ผมบอกตรงๆนะ เครื่องเสียงราคาเป็นล้านๆยังสู้หูฟังอันละ 50000 กับเครื่องเปรียบเทียบเสียงตัวละล้านกว่าๆ ที่ใช้ในเรือดำน้ำยังไม่ได้เลย
เพราะมันไม่เที่ยงตรงน่ะ ลักษณะเสียงเป็นการจูนให้เพี้ยนเพื่อเอาใจตลาดอย่าไปคิดมาก
สิ่งทีเป็น DIGITAL เกิดมาเพื่อคงความเที่ยงตรงท้ากาลเวลา เขาบอกว่า LOSSLESS ก็คือเหมือนต้นฉบับ จะ FORMAT ใหนมันก็เหมือนกันแหละต่างกันเหมือนเลือกเลี้ยวซ้ายขวา
ของเขาทดลองในห้องทดลองที่มีแต่เครื่องมือวัด ไม่ใช่หู

เอ่อ เข้าใจผิดนะครับ

Lossless มีหลายเเบบ เเละบางเเบบมันก็ไม่ได้เท่าต้นฉบับ

เอาง่ายๆเเล้ว lossless ที่มันเท่าต้นฉบับจริงๆ มันมีเเค่ FLAC, WAV นะคับ ส่วน Apple Lossless, Window Media Lossless เเละอีกหลายๆชนิด เเม้ว่าจะเป็น Lossless เเต่ไฟล์ที่ได้ ไม่เท่าต้นฉบับนะครับ ทั้งความถี่ ต่อวินาที การวัด Peak เเละเเอมปลิจูดกราฟหลายๆอย่าง ที่สำคัญคือจำนวนคลื่นที่วัดต่อหนึ่งวินาที

Lossless บางชนิดมันไม่เท่าต้นฉบับจริงๆ ตามทฤษฎีเนี่ยเลยครับ ไม่ได้เชื่อหูหรอกนะ - -"

ที่เถียงกันนี่ก็ไม่ได้เชื่อหูอย่างเดยวหรอกครับ มันก็ต้องมีทฤษฎีร่วมด้วย

ผมว่า ที่เถียงกันนี่คือ สำหรับผม เอาความรู้เข้าตัวมากกว่านะ เพราะด้วยความสัตย์จริง เพลงใน itunes ของผม 6599�เพลงตอนนี้ เป็น Apple lossless 95%

เเต่ผมไม่ได้เถียงเข้าข้าง apple lossless เลยนะครับ เพราะความจริงมันก็คือความจริงอะ

ผมได้ไปอ่านเจอมานะครับว่า Flac ก็มีความผิดเพี้ยนของการอัด Rerecord เช่นกัน เเต่น้อยมากๆ เเละเเน่นอน คนฟังไม่ออกครับ