บ่าย ๆ ครับ
Announcement
Collapse
No announcement yet.
โมให้ดีกันเยอะแล้ว มาม๊ะ....มาโมให้"เจ๊ง"กันดีกว่า
Collapse
X
-
Originally posted by Pink CPU View Postส่วนมากฟังเพลงลูกทุ่งช้า..ท่วงทำนองเย็นๆ ปล่อยอารมณ์ตามเพลง (เพราะฟังแค่3-4 เพลงเท่านั้น)
เพลงเป็น Wave และ Mini MD ครับ แต่เสียงเบส ,กระเดื่อง มันบางๆ ยังไงไม่รู้ครับ
แต่ขอขอบคุณ.สำหรับคำแนะนำครับ (เห็นทีต้องปล่อยเดิมๆ ดีกว่าจ้า)
Comment
-
ยี่ห้อ Spargue ครับ
(Markใช้Spargue ส่วนKrellใช้Mallory ของเกรดเดียวกัน ให้เสียงแนวเดียวกัน แต่ต่างกันที่ลักษณะของเสียงเบส)
แต่ยังไม่ใช่อุปกรณ์ที่จะใส่จริงน่ะครับ เพราะผมใส่เพื่อทดสอบเป็นพื้นฐานก่อน พูดง่ายๆ ใส่เข้าไปเพื่อให้มีเสียงก่อนแค่นั้น
ที่เลือกใช้ยี่ห้อนี้ก่อน เพราะเราควรจะใช้อุปกรณ์ที่เราคุ้นเคยกับเสียงของมันมากที่สุด
เพราะ เมื่อเราได้ยินเสียงก็จะคาดเดาได้ว่า เสียงที่ได้ยินนั้น เสียงไหนเป็นเสียงของอุปกรณ์ เสียงไหนเป็นเสียงของตัววงจรของตัวDS
สุดท้ายแล้ว อาจจะเป็นยี่ห้ออื่นก็ได้ เพราะจะดูโทนบาล๊านซ์โดยรวมอีกที แต่ละจุดเหมาะกับยี่ห้อไร รุ่นไร
-----------------------------
ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นว่าผมลองเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่หลายตัว เพื่อทดสอบฐานเสียงของตัววงจรที่DSเลือกใช้
- ผมได้ทดลองเปลี่ยนตัวต้านทานไป2ตัว (ตัวต้านทานของเดิมเป็นแบบSMD ขนาดไม่ถึง1มิลลิเมตร)
- เปลี่ยนตะกั่วเป็นWBT ทุกจุดที่เป็นเส้นทางของสัญญาณเสียง / ภาคจ่ายไฟ / ไอซีทุกตัว
- ในรูปจะไม่เห็นอุปกรณ์บางตัว เพราะ วางด้านบนไม่ได้ ก็จับไปอยู่อีกด้านของPCB
-----------------------------
ล่าสุดก็ หลังจากเปิดเบิร์นด้วยแผ่นเบิร์นไป2วัน จนเสียงเริ่มเข้าที่ ก็เริ่มซุกซนต่อ
- ไฟเลี้ยงออปแอมป์ภาตขยายเสียง ดึงไฟ+-12โวลท์จากPCI Busโดยตรง โดยที่ไม่มีไอซีเรกกูเลเตอร์มาควบคุมแรงดันไฟฟ้า
- ไอซีตัวอื่นที่เหลือ ใช้ไฟคนละชุดกับไฟที่จ่ายให้ออปแอมป์ภาคขยาย โดยมีไอซีเรกกูเลเตอร์มาควบคุมแรงดันไฟฟ้าให้คงที่ โดยใช้ไอซีเรกกูเลเตอร์7805ที่จ่ายกระแสได้1,000มิลลิแอมป์
- ตอนนี้กำลังเปลี่ยนไอซีเรกกูเลเตอร์ จาก7805ตัวธรรมดาที่จ่ายกระแสได้1,000มิลลิแอมป์ เป็น78M05ตัวเหล็กTO-39แบบขาทองที่จ่ายกระแส500มิลลิแอมป์
(ถึงจะน้อยกว่าเดิมครึ่งนึง แต่ก็ยังเหลือๆ ทำงานได้สบาย)Last edited by keang; 23 Jan 2012, 10:41:40.
Comment
-
ตัว DS เปลี่ยน opamp เป็น LME 49720 HA กับ cap ประมาณ ฟ้า 3 ตัว แดง 4 ตัว
เสียงจะไปได้ขนาดไหนครับ เทียบกับ X-Fi Extrememusic ที่เปลี่ยน opamp เบอร์เดียวกับ
และ cap 3 ตัว (วันศุกร์ไปบ้านหม้อ ได้ไปหา cap 22uf/16vdc Nichicon แต่ของหมด แต่ได้ 7805แลละ 7905 มาแต่ยังไม่
ได้เปลี่ยน เลย คิดว่าหยุดไว้ก่อน มาลองทำตัว DS เปรียบเทียบกัน)
Comment
-
Project Design PCB เป็น PCI SLOT มาเสียบแทนนี่เคยคิดจะทำอยู่ครับ
การ์ดมันไม่ช้ำมากด้วย ไม่ค่อยเสี่ยงด้วยเพราะจั้ม output มาจาก DAC มาเข้าก็จบไปเลย
ถ้าจำไม่ผิด ใน Altium จะมี profile ขนาดของ การ์ด PCI อยู่แล้วด้วยมีใครสนใจจะทำไหมหว่า
Pinout ของขาไฟ PCI ดูได้ที่
http://www.interfacebus.com/Design_PCI_Pins.html
Comment
-
Originally posted by blue View PostProject Design PCB เป็น PCI SLOT มาเสียบแทนนี่เคยคิดจะทำอยู่ครับ
การ์ดมันไม่ช้ำมากด้วย ไม่ค่อยเสี่ยงด้วยเพราะจั้ม output มาจาก DAC มาเข้าก็จบไปเลย
ถ้าจำไม่ผิด ใน Altium จะมี profile ขนาดของ การ์ด PCI อยู่แล้วด้วยมีใครสนใจจะทำไหมหว่า
Pinout ของขาไฟ PCI ดูได้ที่
http://www.interfacebus.com/Design_PCI_Pins.html
ทำไมไม่ทำวงจรแล้วจ้างเค้าทำปริ้นมาใส่เอง เลยอะครับ น่าจะถูกกว่าด้วยซ้ำ
Comment
-
Originally posted by mujaarm View Postตัว DS เปลี่ยน opamp เป็น LME 49720 HA กับ cap ประมาณ ฟ้า 3 ตัว แดง 4 ตัว
เสียงจะไปได้ขนาดไหนครับ เทียบกับ X-Fi Extreme Music ที่เปลี่ยน opamp เบอร์เดียวกัน
เน้นเสียงช่วงกลางไปถึงแหลม เบส(พอมีบ้าง)เป็นแบบให้จังหวะแต่ไม่เน้นปริมาณ กลางถึงแหลมเน้นที่ให้รายละเอียด จุดเด่นอีกอันคือเป็นการ์ดที่ฮาดแวร์ซัพพอร์ท192KHz
X-Fi ราคาปานกลาง ใช้ชิบDSPของตัวเอง
เน้นเสียงช่วงเบสไปถึงกลาง เบสเป็นแบบเน้นปริมาณและเก็บตัวเร็ว ตั้งแต่กลางไปถึงแหลมมีอาการคมนิดหน่อย (ฟังนานๆอาจจะรู้สึกล้าหูได้)
AUZEN X-Fi Prelude ราคาสูง เอาชิบX-Fiมาใช้ในสไตล์ของAUZENเอง
ไม่เน้นปริมาณเบสกลางหรือแหลม เป็นแบบฟังเรื่อยๆสบายๆมากกว่า ฟังได้ทุกแนวเพียงแต่จะไม่เด่นที่แนวไหนเป็นพิเศษ
---------------------------------
ASUS XONAR DS กับ Creative Sound Blaster X-Fi ให้เสียงคนละแนวกันครับ เอามาเปรียบเทียบแบบนั้นไม่ได้
คุณชอบชีวิตที่ตื่นเต้น..คุณต้องใช้รถสปอร์ต
คุณชอบชีวิตที่ภูมิฐานและดูหรู..คุณต้องใช้รถลีมูซีน
ที่คุณถาม ถ้าเปลี่ยนคำถามใหม่ เป็น
ใช้ลีมูซีนอยู่แต่อยากให้มันออกตัวเร็วดีขึ้น อุปกรณ์ตามนั้นจะช่วยให้ออกตัวดีขึ้นไม๊
ตอบง่ายๆก็คือ
ทำได้ครับ ออกตัวดีขึ้น แต่อย่าลืมว่ารถที่คุณใช้มันคือลีมูซีน สไตล์ในการขับยังงัยมันก็ยังเป็นแบบลีมูซีนเหมือนเดิมน่ะครับ
ถ้าคุณ mujaarm เปลี่ยนคำถามเป็นแบบนี้
"ตอนนี้เบิร์นDSเสร็จแล้ว ฟังแล้วชอบสียงตรงไหนบ้าง ไม่ชอบตรงไหนบ้าง อยากจะเปลี่ยนตรงที่ไม่ชอบให้เป็นแบบไหน"
แบบนี้ผมก็ยังพอจะแสดงความเห็นได้ง่ายกว่า
เพราะอย่าลืมว่า ที่ผมชอบ คุณอาจจะไม่ชอบก็ได้ ฉะนั้นการใช้อุปกรณ์ตามทั้งหมดอาจจะไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการก็ได้น่ะครับ
แต่ถ้าหวังเพียงแค่ อุปกรณ์เกรดที่ดีขึ้น จะช่วยให้อายุการใช้งานของการ์ดนานขึ้น ก็ตอบได้ว่า อุปกรณ์ทุกยี่ห้อทุกรุ่นที่เกรดสูงกว่าที่เค้าใส่มา จะช่วยคุณได้แน่Last edited by keang; 3 Jan 2010, 17:28:45.
Comment
-
Originally posted by blue View PostProject Design PCB เป็น PCI SLOT มาเสียบแทนนี่เคยคิดจะทำอยู่ครับ
การ์ดมันไม่ช้ำมากด้วย ไม่ค่อยเสี่ยงด้วยเพราะจั้ม output มาจาก DAC มาเข้าก็จบไปเลย
ถ้าจำไม่ผิด ใน Altium จะมี profile ขนาดของ การ์ด PCI อยู่แล้วด้วยมีใครสนใจจะทำไหมหว่า
Pinout ของขาไฟ PCI ดูได้ที่
http://www.interfacebus.com/Design_PCI_Pins.html
แต่ถ้าคุณจะทำ ก็น่าสนใจครับ
ขอให้มีเอ้าพุทเป็น หูฟัง กับ RCA ด้วยครับ
ส่วนลายทองแดงของตัววงจร จะเป็นแบบอนเกประสงค์ หรือจะใช้วงจรไหนเป็นฐานก็ไม่น่ามีปัญหา ผมได้ทั้งนั้น
Comment
-
เตรียมตัวก่อนโม
ฮาดแวร์ที่คุณจะนำมาโมนั้น ไม่ว่าจะเป็นของใหม่แกะกล่องหรือจะเป็นของมือ2ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว คุณควรให้ฮาดรแวร์ชิ้นนั้นผ่านการเบิร์นเสียก่อน
ฮาดแวร์ถึงแม้จะเป็นของมือ2 ผ่านการใช้งานมาแล้ว อย่าคิดว่าฮาดแวร์จะถูกเบิร์นครบตลอดย่านความถี่เสียงแล้ว
เพราะส่วนใหญ่ใช้การเบิร์นฮาดแวร์ด้วยการเปิดเพลงฟังตามปรกติ เพลงแต่ละเพลงไม่ได้มีเครื่องดนตรีครบทุกความถี่ ปริมาณความมากน้อยของแต่ละช่วงความถี่ก็มีไม่เท่ากัน
ดังนั้นจึงกลายเป็นว่าบางความถี่นั้นอาจจะยังไม่ได้เข้าที่เข้าทางก็ได้
ขอยกตัวอย่างคำพูดที่เคยได้ยิน
" แหม๋...ฮาดแวร์ตัวนี้ให้เสียงร้องดีจัง แต่เสียงเบสเสียงทุ้มยังฟังแล้วคลุมเครือ เสียงยังไม่เปิดเหมือนเสียงนักร้อง สงสัยต้องเบิร์นต่ออีกหน่อย "
ประโยคเหล่านี้ เป็นผลมาจากการเบิร์นที่ไม่ตรงประเด็น เบิร์นแล้วก็เหมือนไม่ได้เบิร์น เพราะสุดท้ายยังงัยก็ต้องมาเปิดเบิร์นใหม่อยู่ดี วนลูปแบบนี้ไม่รู้จบ
---------------------------------------
เหตุใดจึงมีการผลิตแผ่นเพื่อการเบิร์นโดยเฉพาะ
หากเราเคยมีโอกาสฟังเสียงจากไฟล์เบิร์น จะรู้ได้ว่า เสียงที่ใช้ในการเบิร์นนั้น จะมีความถี่ที่ถูกใช้งานตลอดช่วงความถี่เสียง มีเสียงสูงมีเสียงต่ำสลับไปมา มีการไล่โทนเสียงสูงเสียงต่ำ มีทั้งเสียงดังบ้างเสียงเบาบ้างสลับไปมาหรือไล่ระดับจากเบาไปดัง
พฤติกรรมของสัญญาณเสียงแบบนี้ จะมีผลช่วยลดระยะเวลาเบิร์นจากแบบปรกติให้เหลือสั้นลงกว่าเดิมมาก
สมัยก่อนยังไม่มีใครผลิตไฟล์ออดิโอสำหรับการเบิร์นเสียงโดยเฉพาะ เปลี่ยนอุปกรณ์1ตัว กว่าเสียงจะเข้าที่ก็ร่วมอาทิตย์ เพราะเบิร์นด้วยการเปิดเพลงใช้งานตามปรกติ แต่ถ้าเปลี่ยนพวกแจ็คRCAหรืออุปกรณ์ที่เป็นเนื้อโลหะหนาหน่อยก็ต้องใช้เวลาร่วมเดือน
แต่พอมีไฟล์เบิร์นเสียงโดยเฉพาะ ช่วยลดเวลาในส่วนนี้ลงมาก เพียงแค่เปิดเล่นติดต่อกันสัก3วัน3คืน(ห้ามปิดเครื่อง)ก็เข้าที่เข้าทาง รู้แนวเสียงรู้ฐานเสียงของฮาดแวร์ชิ้นนั้นๆแล้ว แต่ถ้าคิดว่า3วันติดต่อกันมันโหดร้ายเกินไป ดุแล้วเหมือนพวกซ่ดิสชอบทารุณกรรมกับเครื่อง จะใช้วิธีเบิร์นแบบเบาๆค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ ก่อนเข้านอนก็เปิดเบิร์นทิ้งไว้ ตื่นเช้ามาก็ปิด สักอาทิตย์นึงก็เริ่มเข้าที่แล้ว (แต่สู้วิธีเบิร์น3วันติดต่อกันไม่ได้น่ะ)
บางคนอาจเข้าใจว่า เบิร์นครั้งเดียวก็พอแล้ว มันผ่านเบิร์นมาแล้วต่อไปก็ไม่ต้องเบิร์นอีกแล้ว ขอบอกว่า คุณเข้าใจผิดครับ ควรเปิดไฟล์เบิร์นอย่างน้อย1-2เดือนต่อครั้ง
บางคนบอกเบิร์นต้องเบิร์นเท่านั้นชั่วโมงเท่านี้ชั่วโมง โดยส่วนตัวผมว่ามันยังไม่ใช่มันยังไม่ตรงประเด็น เพราะปัจจุบันมีไฟล์เบิร์นจากผู้ผลิตมากกว่า10แผ่น คุณภาพและจุดประสงค์ของแต่ละค่ายแต่ละแผ่นก็จะมีความแตกต่างกันไปตามความเจนจัดของผู้ผลิต แต่โดยปรกติวิธีที่จะตัดสินได้ว่าของค่ายไหนดีกว่ากัน ก็ให้ดูว่าแผ่นของค่ายไหนช่วยลดเวลาในการเปิดเบิร์นให้เหลือน้อยที่สุด
รักการโมดิฟาย รักเครื่องเสียง ต้องรักการเบิร์นด้วยครับ
เมื่อไหร่ที่คุณรักการเบิร์น ขยันเบิร์นเป็นช่วงๆ ซิสเต็มของคุณก็จะแสดงประสิทธิภาพออกมาได้มาเต็มที่มากที่สุด ฟังเมื่อไหร่ก็เสียงดีคงที่ตลอดเวลา
---------------------------------------
ประเด็นสำคัญ
เมื่อฮาดแวร์เบิร์นจนได้ที่แล้ว จนเสียงไม่มีอาการเปลี่ยนแปลงมากแล้ว จะทำให้คุณรู้ว่า ฮาดแวร์ชิ้นนั้น มีเสียงอะไรทีถูกใจคุณ และ มีเสียงอะไรที่ไม่ถูกใจคุณ
เมื่อถึงเวลาที่คุณต้องการจะโม เพื่อเปลี่ยนแปลงเสียงที่ไม่ชอบ ให้ดูดีขึ้น ให้น่าฟังมากขึ้น คุณจะได้รู้ว่าโจทย์ของคุณ คือ คุณต้องการแก้ไขอะไรกับฮาดแวร์ชิ้นนั้นบ้าง
คุณจะได้มีข้อมูลเพื่อตัดสิจเลือกใช้อุปกรณ์ยี่ห้อไรรุ่นไรเพื่อตอบโจทย์ที่คุณตั้งไว้
Comment
-
-
ก่อนเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่เข้าไป ได้ลองฟังเสียงเดิมให้คุ้นหู ก่อนรึป่าว ???
จากรูปที่โพส
- C2ตัวที่อยู่ริมบนซ้าย ของเดิมค่า100ไมโคร > 2ตัวนี้ทำหน้าที่ในส่วนของวงจรปรีไมค์น่ะ
- C2ตัวที่อยุ่ด้านขวาของออปแอมปื ของเดิมค่า47ไมโคร > 2ตัวนี้เป็นCอินพุทของออปแอมป์ ตรงนี้ควรใส่แบบไบโพล่าร์ (ทางผ่านของสัญญาณเสียงไม่ควรใช้Cมีขั้ว)
* ทั้ง2จุดนี้ ผมเปลี่ยนค่าไม่ตรงกับของเดิม และที่คืนก่อนผมยังไม่ตอบในPM เพราะยังหาลองหาค่าที่พอดีสำหรับDSอยู่) *
ใส่ไปแบบนี้ ถ้าผมให้ทำเพิ่มอีกบางจุด คุณเชื่อไม๊...คุณต้องถอดCที่ใส่เข้าไปออกอีกรอบ
วัยรุ่นใจร้อนจริงๆท่าน
ไหนๆท่านก็ได้ทำไปแล้ว รบกวนช่วยบอกหน่อยว่า
หลังจากเปลี่ยนC+ออปแอมป์ มีไรต่างจากของเดิมบ้างLast edited by keang; 21 Dec 2009, 22:43:24.
Comment
-
-
Comment