มาไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วผม สรุปบทสัมภาษณ์ทีม Apple เกี่ยวกับชิป M1 จาก Arstechnica ซักหน่อย
Craig Federighi : Hair Force One VP ฝ่าย Software เป็นลูกน้อง Jobs สาย Software มาตั้งแต่ Jobs ตั้ง NeXT Computer จนย้ายมา Apple พร้อม ๋นิห
Johny Srouji : VP ของฝ่าย Hardware Technology, อดีตแกอยู่ Intel Israel ที่เทพๆ เรื่องออกแบบ CPU นะแหละครับ เคยเป็น Candidate CEO intel ในปี 2019 ด้วย
และ Greg Joswiak: VP Marketing
สรุป..
1 Apple วางแผนเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว และเป็นการวางแผนแบบประมาณว่าจะเปิดตัววันไหน ซึ่งการเปิดตัว M1 มันก็ตรงไปตามแผนที่วางไว้มาหลายปีแล้ว "kind of drew an X on the calendar and said, 'We're going to do this.'" He added that years later, the goal was met "pretty much the day we picked."
2 ที่ต้องทำไม่ใช่เพราะ Intel มันแย่ไปซ่ะหมด แต่เป็นเรื่องของ การอยากทำ Product ที่ดีที่สุด (ตอบแบบ Apple Style) Jos ตอบว่า "นี่มันสิ่งที่เราสามารถทำได้ ไม่ใช่เกี่ยวข้องกับคนอื่น หรือสิ่งที่เขาทำได้" (งงไปนิดไหมครับ) ซึ่งทาง CF ยกตัวอย่างให้เห็นว่า "ทุกบริษัทมี Agenda บ. Software ต้องการทำเพื่องสิ่งหนึ่ง ส่วน บ. Hardware ก็คิดว่า OS น่าจะทำแบบนี้ได้'" "แต่ Apple มันจะไม่มี Conflict แบบนี้ เพราะทำได้ทั้งสองอย่างเลย" Srouji เสริมเรื่องนี้ไว้ว่า "Apple อยู่ในสถาณะอันพิเศษ (special position) ที่จะทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ เพราะ Apple ไม่ได้ออกแบบชิพมาเพื่อขายให้เจ้าอื่น ออกแบบเพื่อใช้เองทั้งหมด ฉะนั้นทั้ง software และ system และ product จะ Integrated กันสมบูรณ์แบบที่สุด"
3 CF เพิ่มว่า การ Design M1 ไม่ใช่แค่การจับ A14 มาอัปคอร์ อัป CPU แต่ M1 คือ Superset คือตัวชิปของ Mac มันต้องมีการรองรับ Mac Workload หลายๆ แบบที่มันมีเฉพาะ Mac เลยไม่อยู่ใน iDevices อย่าง เช่น virtualization กับ Thunderbolt มันไม่ใช่การวาง A14 แล้วอัปคอร แต่ Design Chip ด้วย Capability ให้ครบแล้วจัดให้เหมาะสมกับงานแต่ล่ะอย่างมากกว่า
4 ในเมื่อใช้ M1 หมดทั้ง MacBook Pro และ Air อะไรที่แยกจาก Pro และ Air ส่วนนี้ Srouji ตอบว่า "มันเป็นเรื่องของ Performance per watt, Power Efficiency" ตัว Srouji อธิบายว่าเรื่องเกี่ยวกับ Thermal Budget ที่ถูกออบแบบมาให้เหมาะสมสำหรับ Chassis นั้นแหละที่จะเป็นตัวแบ่งแยก ซึ่งมันหมายถึง Workload ที่คุณรันมันด้วย (ประมาณว่า MacBook Air ถูกออกแบบมาให้ใช้กับงานแบบขอเร็วสุดนิดเดียว เช่นประมาณ เปิดแอปขึ้น แต่ MacBook Pro คือขอรันแล้ว Peak สุดนานๆ อย่างพวก Render Video)
5 เรื่องนี้ Federighi เสริมว่าไอกราฟที่เอาไปพรีเช้นท์น่ะไม่ใช่แค่เอาไว้ทำ Marketing น่ะเว้ยย มันเป็น Chart จริงจังเลย ไอตัวที่ตัดสินระหว่าง MacBook Pro และ MacBook Air คือเส้น 10 Watt (TDP ของ M1 หรือ?????)

กราฟที่ว่า
6 เรื่อง Windows On Mac (Peak มากๆ) ตัว Federighi บอกว่า ตอนนี้ทาง Apple ก็ Support การรัน แอป Windows แบบ X86 และ X64 ผ่านทาง Wine Emulation (CrossOver) ในส่วนของการรัน Windows แบบ Native บนเครื่อง M1 Mac ทาง Federighi ก็บอกว่า ทั้งหมดขึ้นอย่กับ Microsoft ทางฝั่ง Apple นั้นมี Technology รองรับไว้ให้หมดอยู่แล้ว อยู่ที่ Microsoft ว่าจะยอมเรื่องนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เครื่อง Mac ตอนนี้ โครตจะ Capable ในการรัน Windows (on Arm) (ประมาณว่า Federighi ขอโม้ว่า M1 mac แรงเกินพอ ที่จะรัน Windows on Arm)
กราฟที่ว่า
Craig Federighi : Hair Force One VP ฝ่าย Software เป็นลูกน้อง Jobs สาย Software มาตั้งแต่ Jobs ตั้ง NeXT Computer จนย้ายมา Apple พร้อม ๋นิห
Johny Srouji : VP ของฝ่าย Hardware Technology, อดีตแกอยู่ Intel Israel ที่เทพๆ เรื่องออกแบบ CPU นะแหละครับ เคยเป็น Candidate CEO intel ในปี 2019 ด้วย
และ Greg Joswiak: VP Marketing
สรุป..
1 Apple วางแผนเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว และเป็นการวางแผนแบบประมาณว่าจะเปิดตัววันไหน ซึ่งการเปิดตัว M1 มันก็ตรงไปตามแผนที่วางไว้มาหลายปีแล้ว "kind of drew an X on the calendar and said, 'We're going to do this.'" He added that years later, the goal was met "pretty much the day we picked."
2 ที่ต้องทำไม่ใช่เพราะ Intel มันแย่ไปซ่ะหมด แต่เป็นเรื่องของ การอยากทำ Product ที่ดีที่สุด (ตอบแบบ Apple Style) Jos ตอบว่า "นี่มันสิ่งที่เราสามารถทำได้ ไม่ใช่เกี่ยวข้องกับคนอื่น หรือสิ่งที่เขาทำได้" (งงไปนิดไหมครับ) ซึ่งทาง CF ยกตัวอย่างให้เห็นว่า "ทุกบริษัทมี Agenda บ. Software ต้องการทำเพื่องสิ่งหนึ่ง ส่วน บ. Hardware ก็คิดว่า OS น่าจะทำแบบนี้ได้'" "แต่ Apple มันจะไม่มี Conflict แบบนี้ เพราะทำได้ทั้งสองอย่างเลย" Srouji เสริมเรื่องนี้ไว้ว่า "Apple อยู่ในสถาณะอันพิเศษ (special position) ที่จะทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ เพราะ Apple ไม่ได้ออกแบบชิพมาเพื่อขายให้เจ้าอื่น ออกแบบเพื่อใช้เองทั้งหมด ฉะนั้นทั้ง software และ system และ product จะ Integrated กันสมบูรณ์แบบที่สุด"
3 CF เพิ่มว่า การ Design M1 ไม่ใช่แค่การจับ A14 มาอัปคอร์ อัป CPU แต่ M1 คือ Superset คือตัวชิปของ Mac มันต้องมีการรองรับ Mac Workload หลายๆ แบบที่มันมีเฉพาะ Mac เลยไม่อยู่ใน iDevices อย่าง เช่น virtualization กับ Thunderbolt มันไม่ใช่การวาง A14 แล้วอัปคอร แต่ Design Chip ด้วย Capability ให้ครบแล้วจัดให้เหมาะสมกับงานแต่ล่ะอย่างมากกว่า
4 ในเมื่อใช้ M1 หมดทั้ง MacBook Pro และ Air อะไรที่แยกจาก Pro และ Air ส่วนนี้ Srouji ตอบว่า "มันเป็นเรื่องของ Performance per watt, Power Efficiency" ตัว Srouji อธิบายว่าเรื่องเกี่ยวกับ Thermal Budget ที่ถูกออบแบบมาให้เหมาะสมสำหรับ Chassis นั้นแหละที่จะเป็นตัวแบ่งแยก ซึ่งมันหมายถึง Workload ที่คุณรันมันด้วย (ประมาณว่า MacBook Air ถูกออกแบบมาให้ใช้กับงานแบบขอเร็วสุดนิดเดียว เช่นประมาณ เปิดแอปขึ้น แต่ MacBook Pro คือขอรันแล้ว Peak สุดนานๆ อย่างพวก Render Video)
5 เรื่องนี้ Federighi เสริมว่าไอกราฟที่เอาไปพรีเช้นท์น่ะไม่ใช่แค่เอาไว้ทำ Marketing น่ะเว้ยย มันเป็น Chart จริงจังเลย ไอตัวที่ตัดสินระหว่าง MacBook Pro และ MacBook Air คือเส้น 10 Watt (TDP ของ M1 หรือ?????)
กราฟที่ว่า
6 เรื่อง Windows On Mac (Peak มากๆ) ตัว Federighi บอกว่า ตอนนี้ทาง Apple ก็ Support การรัน แอป Windows แบบ X86 และ X64 ผ่านทาง Wine Emulation (CrossOver) ในส่วนของการรัน Windows แบบ Native บนเครื่อง M1 Mac ทาง Federighi ก็บอกว่า ทั้งหมดขึ้นอย่กับ Microsoft ทางฝั่ง Apple นั้นมี Technology รองรับไว้ให้หมดอยู่แล้ว อยู่ที่ Microsoft ว่าจะยอมเรื่องนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เครื่อง Mac ตอนนี้ โครตจะ Capable ในการรัน Windows (on Arm) (ประมาณว่า Federighi ขอโม้ว่า M1 mac แรงเกินพอ ที่จะรัน Windows on Arm)
กราฟที่ว่า
Comment