ก่อนอื่นให้คุณเข้า Explorer->Tools->Folder Options->View->Advanced Settings->Hidden files and folder ทำเครื่องหมายที่ Show hidden file and folder และยกเลิกเครื่องหมายที่หัวข้อ Hide protect operating system files เสร็จแล้วก็ OK ครับ
Microsoft Windows
ส่วนที่เราจะสามารถเพิ่มพื้นที่ได้อันนี้มีหลายจุดทีเดียวครับ โดยขอเริ่มจาก basic ไป advance นะครับ
-Disk Cleanup : การใช้งานก็เพียงแค่คุณ ไปที่ Start->Run พิมพ์ cleanmgr เพียงเท่านี้ Disk Cleanup ก็จะถูกเรียกขึ้นมา
หน้าที่คุณคือเลือก drive แล้วคลิก OK หลังจากนั้นก็รอสักพัก ก็จะมี ตัวเลือกในหัวข้อต่างๆมาให้คุณเลือกที่ตัวเลือกต่างๆเหล่านี้คุณสามารถเลือกได้ทุกตัวโดยที่ไม่มีผลกระทบใดๆกับระบบครับ นอกจากได้พื้นที่มากขึ้นแล้วไฟล์ยังถือว่าเป็นการลดไฟล์ขยะเหล่านี้ออกจากเครื่องได้อีกวิธี.
-IE TEMP : ไปที่ C:\Documents and Settings\[ชื่อ USER ที่คุณใช้]\Local Settings\Temporary Internet Files \
ที่โฟล์เดอร์นี้จะเก็บ บางส่วนของ web page ที่เราเข้าไปดูเอาไว้ เช่น ภาพ หรือแม้แต่ Stream ต่างๆที่คุณเข้าไปฟังจากเนทและมันจะไม่ลบด้วย จึงเป็นหน้าที่ของคุณแล้วล่ะครับที่ต้องลบมันออกไป
-มีอะไรใน TEMP : ตั้งแต่ Win2K-Win2K3 นั้นต้องบอกก่อนนะครับว่าในส่วนของ Temp นั้นมีอยู่ 2 ส่วนคือในส่วนของ user และ system สิ่งที่เราสนใจในตรงนี้คือในส่วนของ user ครับ จากวิธีแรกนั้นเราสามารถใช้ disk cleanup ในการทำความสะอาดได้ แต่ได้ไม่หมดครับ
ถามว่า temp มีไว้ทำไม คำตอบก็คือเก็บไฟล์ที่ถูกสร้างขึ้นชั่วคราวไม่ว่าจะมาจากการติดตั้งโปรแกรมหรือการทำงานของโปรแกรม เมื่อทำงานเสร็จก็จะถูกลบ แต่โดยมากจะลบไม่หมดและจะถูกเก็บไปเรื่อย
การเข้าถึง temp นั้นคุณสามารถทำได้โดย ไปที่ Start->Run พิมพ์ %temp% แล้ว OK Temp ที่อยู่ในส่วนของ user ก็จะถูกเปิดออกมาครับ และคุณสามารถสั่งลบได้ทุกๆไฟล์และทุกๆโฟล์เดอร์ที่อยู่ในนั้นครับ อาจจะมีบางตัวที่ลบไม่ได้เพราะโปรแกรมกำลังทำงานอยู่ ก็อย่าตกใจนะครับที่มีข้อความเตือน
แล้ว system temp ล่ะ โดยปรกติ จะเป็นไฟล์ที่เกิดจากการทำงานของ Windows ที่จะสร้างไฟล์ชั่วคราวไว้ในส่วนนี้ รวมถึงตัวติดตั้ง driver บางตัวที่ชอบมามั่วรวมอยู่กับเขาด้วย ในนี้คุณสามารถลบได้ทุกไฟล์เช่นเดียวกันครับ
การเข้าถึงทำได้โดย ไปที่ Start->Run พิมพ์ temp แล้ว OK คุณก็จะเจอมันเองครับ
-Update Windows แล้วได้อะไรบ้าง : นอกจากคุณจะได้ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นแล้วสิ่งที่เหลือตามมาในเครื่องคุณคือ ไฟล์ติดตั้งและไฟล์ backup ไฟล์เดิม ซึ่งไม่ว่าคุณจะใช้ AutoPatcher หรือ Windows Update ก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้ก็เหมือนๆกันครับ
ถ้าเครื่องคุณลง hotfix ไปแล้วไม่มีอาการผิดปรกติใดๆแล้วล่ะก็ได้เวลาลบไฟล์เหล่านั้นออกแล้วครับ
ไปที่ C:\Windows ได้เลยครับ เมื่อเข้ามาแล้วคุณจะเจอโฟล์เดอร์คล้ายๆแบบ $NtUninstallKB915865$ เต็มไปหมด[ถ้าคุณไม่เคยลบมาก่อนและคุณ update เป็นประจำ] หน้าที่คุณคือ เลือกโฟล์เดอร์เหล่านั้นแล้วลบมันได้เลยครับ โฟล์เดอร์เหล่านี้จะใช้ในการ uninstall hotfix ที่เราลงไป[สั่งตุว่าจะมี KBxxxxxx นั่นเป็น โฟล์เดอร์ของ hotfix ครับ] ซึ่งถ้าคุณไม่ได้มีปัญหาอะไรหลังจากลงไปแล้วก็ลบออกจะได้พื้นที่เยอะเลยทีเดียว อีกตัวคือ $hf_mig$ อันนี้ก็ลบได้นะครับไม่มีปัญหาเช่นเดียวกัน
สำหรับท่านที่ใช้ Windows Update หรือ Automatic Update ก็ตมที คุณสามารถลบไฟล์ติดตั้งของ hotfix เหล่านั้นได้โดยไปที่ C:\WINDOWS\SoftwareDistribution\Download\ไฟล์ข้างในนั้นคือไฟล์ที่ถูกโหลดมา และเป็นไฟล์ติดตั้งที่ถูกแตกไฟล์ออกมาแล้วถ้าคุณจะเก็บไว้เผื่อลง Windows ใหม่ก็สามารถ write ใส่แผ่นเก็บไว้แล้วค่อย Install ทีหลังก็ได้ครับ แต่คุณต้องใช้ command line ร่วมด้วยนะครับติดตั้งตรงๆอาจจะทำไม่ได้
อีกส่วนที่คุณสามารถลบไฟล์ได้คือ C:\WINDOWS\Downloaded Installations\ ไฟล์ติดตั้งที่อยู่ในนี้เป็นแบบที่
เรียกว่า Web Installation โดยปรกติไฟล์จะถูกแตกไปที่ temp เวลาติดตั้งแต่ web installation จะมีการคัดลอกตัวเองมาไว้ที่นี่ด้วยครับซึ่งคุณลบมันออกได้เล่นกัน
ปล. อย่าพึ่งไปแก้ค่าของ folder options กลับนะครับ ยังจะใช้อีกงาน
-ปิดการทำงานของ System Restore : การำงานของ Sytem restore จะมีการสร้างจุด ย้อนกลับทุกๆครั้งเมื่อมีการติดตั้งโปรแกรม [ที่ใช้ windows installer ในการติดตั้ง ] รวมถึงการติดตั้ง Driver ต่างๆด้วย เผื่อว่ามีปัญหาคุณจะสามารถ ย้อนกลับไปยังจุดก่อนที่จะติดตั้งได้ แต่การทำงานนี้ก็ใช้ HDD เยอะอยู่เหมือนกัน ถ้าเครื่องคุณนิ่งแล้วหมายความว่า ไม่ได้ติดตั้งอะไรเพิ่มบ่อยๆ แนะนำให้ปิดการทำงานของ system restore ครับ เวลาคุณจะติดตั้งโปรแกรม หรือ driver ที่มีความเสี่ยงกับระบบค่อยเปิดมาใช้จะดีกว่า หรือท่านใดที่ใช้โปรแกรม backup ข้อมูลอยู่เสมอ เช่น Norton Ghost, Drive Image,True Image ก็แทบไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องเปิด
คุณสามารถเปิดหรือปิดการทำงานของ System restore ได้โดย คลิกขวาที่ My Computer->Properties->System Restore คุณสามารถใช้ตัวเลือก Turn off system restore on all drive เพื่อปิดการทำงานทุกๆ drive ได้เลยครับ
สำหรับท่านที่ต้องการเปิดแนะนำให้เปิดเฉพาะ drive ที่ติดตั้ง Windows ก็พอครับ drive อื่นๆให้ปิดไปเลยจะดีกว่าเพราะไฟล์ระบบจะอยู่ที่ drive ที่มี Windows เท่านั้น
-Virtual memory สามารถปิดได้ไหม! : ตอบว่าปิดได้ครับแต่ไม่แนะนำ แม้แต่ Microsoft ยังแนะนำไม่ให้ปิดถึงแม้คุณจะมี RAM 2 GB ก็ตาม ถ้าคุณจะทำจริงๆแนะนำให้ลดขนาดของ Virtual Memory ลงมาครับ
ท่านใดที่มี RAM มากกว่า 1 GB ปรับ Virtual ลงมาที่ 500 MB ก็พอแล้วครับอย่าถึงกับปิดไปเลย ถ้ามี RAM น้อยกว่า 1 GB ใช้ค่าที่ตั้งมาแล้วน่าจะดีกว่าครับ
คุณสามารถลดขนาด/เปิด/ปิด Virtual ได้โดย คลิกขวาที่ My Computer ->Properties->Advanced->Performance->Settings->Advanced->Virtual Memory->Change
ที่ช่อง Initial size และ Maximum size ให้คุณใส่ขนาดที่ต้องการและเป็นเลขเดียวกันเลยนะครับ
-SFC มีไว้ทำอะไร! : โดยปรกติเวลาคุณติดตั้ง Windows นั้นจะมีการคัดลอกไฟล์ที่สำคัญๆลงไปสำรองไว้อีก 1 ชุด ซึ่งมีคุณสมบัติเหมือนไฟล์ที่ทำงานอยู่ ซึ่งคุณสามารถใช้ คำสั่ง sfc ในการ restore ไฟล์เหล่านั้นให้กลับมาเหมือนไฟล์เดิมๆหากว่ามีอาการผิดปรกติ
ซึ่งเป็นแนวคิดที่ออกจะดีแต่เมื่อคุณใช้ sfc แทนที่จะไปเอาไฟล์จากที่สำรองไว้มันกลับเรียกใช้จากแผ่นติดตั้งซะงั้น ซึ่งแน่นอนว่าไฟล์เหล่านั้นจึงไม่ได้ถูกใช้อะไรเลย คุณสามารถลบไฟล์สำรองเหล่านั้นออกไป
โดยไปที่ Start->Run พิมพ์ cmd แล้ว OK จากนั้น command line ก็จะถูกเปิดขึ้นมา พิมพ์ sfc /purgecache แล้ว enter เพียงเท่านี้ไฟล์ backup ก็จะถูกลบออกไป และคุณจะได้พื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 300 MB เป็นอย่างต่ำ ครับ และไม่มีผลกระทบกับการทำงานของ Windows แต่อย่างใด
Microsoft Windows
ส่วนที่เราจะสามารถเพิ่มพื้นที่ได้อันนี้มีหลายจุดทีเดียวครับ โดยขอเริ่มจาก basic ไป advance นะครับ
-Disk Cleanup : การใช้งานก็เพียงแค่คุณ ไปที่ Start->Run พิมพ์ cleanmgr เพียงเท่านี้ Disk Cleanup ก็จะถูกเรียกขึ้นมา
หน้าที่คุณคือเลือก drive แล้วคลิก OK หลังจากนั้นก็รอสักพัก ก็จะมี ตัวเลือกในหัวข้อต่างๆมาให้คุณเลือกที่ตัวเลือกต่างๆเหล่านี้คุณสามารถเลือกได้ทุกตัวโดยที่ไม่มีผลกระทบใดๆกับระบบครับ นอกจากได้พื้นที่มากขึ้นแล้วไฟล์ยังถือว่าเป็นการลดไฟล์ขยะเหล่านี้ออกจากเครื่องได้อีกวิธี.
-IE TEMP : ไปที่ C:\Documents and Settings\[ชื่อ USER ที่คุณใช้]\Local Settings\Temporary Internet Files \
ที่โฟล์เดอร์นี้จะเก็บ บางส่วนของ web page ที่เราเข้าไปดูเอาไว้ เช่น ภาพ หรือแม้แต่ Stream ต่างๆที่คุณเข้าไปฟังจากเนทและมันจะไม่ลบด้วย จึงเป็นหน้าที่ของคุณแล้วล่ะครับที่ต้องลบมันออกไป
-มีอะไรใน TEMP : ตั้งแต่ Win2K-Win2K3 นั้นต้องบอกก่อนนะครับว่าในส่วนของ Temp นั้นมีอยู่ 2 ส่วนคือในส่วนของ user และ system สิ่งที่เราสนใจในตรงนี้คือในส่วนของ user ครับ จากวิธีแรกนั้นเราสามารถใช้ disk cleanup ในการทำความสะอาดได้ แต่ได้ไม่หมดครับ
ถามว่า temp มีไว้ทำไม คำตอบก็คือเก็บไฟล์ที่ถูกสร้างขึ้นชั่วคราวไม่ว่าจะมาจากการติดตั้งโปรแกรมหรือการทำงานของโปรแกรม เมื่อทำงานเสร็จก็จะถูกลบ แต่โดยมากจะลบไม่หมดและจะถูกเก็บไปเรื่อย
การเข้าถึง temp นั้นคุณสามารถทำได้โดย ไปที่ Start->Run พิมพ์ %temp% แล้ว OK Temp ที่อยู่ในส่วนของ user ก็จะถูกเปิดออกมาครับ และคุณสามารถสั่งลบได้ทุกๆไฟล์และทุกๆโฟล์เดอร์ที่อยู่ในนั้นครับ อาจจะมีบางตัวที่ลบไม่ได้เพราะโปรแกรมกำลังทำงานอยู่ ก็อย่าตกใจนะครับที่มีข้อความเตือน
แล้ว system temp ล่ะ โดยปรกติ จะเป็นไฟล์ที่เกิดจากการทำงานของ Windows ที่จะสร้างไฟล์ชั่วคราวไว้ในส่วนนี้ รวมถึงตัวติดตั้ง driver บางตัวที่ชอบมามั่วรวมอยู่กับเขาด้วย ในนี้คุณสามารถลบได้ทุกไฟล์เช่นเดียวกันครับ
การเข้าถึงทำได้โดย ไปที่ Start->Run พิมพ์ temp แล้ว OK คุณก็จะเจอมันเองครับ
-Update Windows แล้วได้อะไรบ้าง : นอกจากคุณจะได้ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นแล้วสิ่งที่เหลือตามมาในเครื่องคุณคือ ไฟล์ติดตั้งและไฟล์ backup ไฟล์เดิม ซึ่งไม่ว่าคุณจะใช้ AutoPatcher หรือ Windows Update ก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้ก็เหมือนๆกันครับ
ถ้าเครื่องคุณลง hotfix ไปแล้วไม่มีอาการผิดปรกติใดๆแล้วล่ะก็ได้เวลาลบไฟล์เหล่านั้นออกแล้วครับ
ไปที่ C:\Windows ได้เลยครับ เมื่อเข้ามาแล้วคุณจะเจอโฟล์เดอร์คล้ายๆแบบ $NtUninstallKB915865$ เต็มไปหมด[ถ้าคุณไม่เคยลบมาก่อนและคุณ update เป็นประจำ] หน้าที่คุณคือ เลือกโฟล์เดอร์เหล่านั้นแล้วลบมันได้เลยครับ โฟล์เดอร์เหล่านี้จะใช้ในการ uninstall hotfix ที่เราลงไป[สั่งตุว่าจะมี KBxxxxxx นั่นเป็น โฟล์เดอร์ของ hotfix ครับ] ซึ่งถ้าคุณไม่ได้มีปัญหาอะไรหลังจากลงไปแล้วก็ลบออกจะได้พื้นที่เยอะเลยทีเดียว อีกตัวคือ $hf_mig$ อันนี้ก็ลบได้นะครับไม่มีปัญหาเช่นเดียวกัน
สำหรับท่านที่ใช้ Windows Update หรือ Automatic Update ก็ตมที คุณสามารถลบไฟล์ติดตั้งของ hotfix เหล่านั้นได้โดยไปที่ C:\WINDOWS\SoftwareDistribution\Download\ไฟล์ข้างในนั้นคือไฟล์ที่ถูกโหลดมา และเป็นไฟล์ติดตั้งที่ถูกแตกไฟล์ออกมาแล้วถ้าคุณจะเก็บไว้เผื่อลง Windows ใหม่ก็สามารถ write ใส่แผ่นเก็บไว้แล้วค่อย Install ทีหลังก็ได้ครับ แต่คุณต้องใช้ command line ร่วมด้วยนะครับติดตั้งตรงๆอาจจะทำไม่ได้
อีกส่วนที่คุณสามารถลบไฟล์ได้คือ C:\WINDOWS\Downloaded Installations\ ไฟล์ติดตั้งที่อยู่ในนี้เป็นแบบที่
เรียกว่า Web Installation โดยปรกติไฟล์จะถูกแตกไปที่ temp เวลาติดตั้งแต่ web installation จะมีการคัดลอกตัวเองมาไว้ที่นี่ด้วยครับซึ่งคุณลบมันออกได้เล่นกัน
ปล. อย่าพึ่งไปแก้ค่าของ folder options กลับนะครับ ยังจะใช้อีกงาน
-ปิดการทำงานของ System Restore : การำงานของ Sytem restore จะมีการสร้างจุด ย้อนกลับทุกๆครั้งเมื่อมีการติดตั้งโปรแกรม [ที่ใช้ windows installer ในการติดตั้ง ] รวมถึงการติดตั้ง Driver ต่างๆด้วย เผื่อว่ามีปัญหาคุณจะสามารถ ย้อนกลับไปยังจุดก่อนที่จะติดตั้งได้ แต่การทำงานนี้ก็ใช้ HDD เยอะอยู่เหมือนกัน ถ้าเครื่องคุณนิ่งแล้วหมายความว่า ไม่ได้ติดตั้งอะไรเพิ่มบ่อยๆ แนะนำให้ปิดการทำงานของ system restore ครับ เวลาคุณจะติดตั้งโปรแกรม หรือ driver ที่มีความเสี่ยงกับระบบค่อยเปิดมาใช้จะดีกว่า หรือท่านใดที่ใช้โปรแกรม backup ข้อมูลอยู่เสมอ เช่น Norton Ghost, Drive Image,True Image ก็แทบไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องเปิด
คุณสามารถเปิดหรือปิดการทำงานของ System restore ได้โดย คลิกขวาที่ My Computer->Properties->System Restore คุณสามารถใช้ตัวเลือก Turn off system restore on all drive เพื่อปิดการทำงานทุกๆ drive ได้เลยครับ
สำหรับท่านที่ต้องการเปิดแนะนำให้เปิดเฉพาะ drive ที่ติดตั้ง Windows ก็พอครับ drive อื่นๆให้ปิดไปเลยจะดีกว่าเพราะไฟล์ระบบจะอยู่ที่ drive ที่มี Windows เท่านั้น
-Virtual memory สามารถปิดได้ไหม! : ตอบว่าปิดได้ครับแต่ไม่แนะนำ แม้แต่ Microsoft ยังแนะนำไม่ให้ปิดถึงแม้คุณจะมี RAM 2 GB ก็ตาม ถ้าคุณจะทำจริงๆแนะนำให้ลดขนาดของ Virtual Memory ลงมาครับ
ท่านใดที่มี RAM มากกว่า 1 GB ปรับ Virtual ลงมาที่ 500 MB ก็พอแล้วครับอย่าถึงกับปิดไปเลย ถ้ามี RAM น้อยกว่า 1 GB ใช้ค่าที่ตั้งมาแล้วน่าจะดีกว่าครับ
คุณสามารถลดขนาด/เปิด/ปิด Virtual ได้โดย คลิกขวาที่ My Computer ->Properties->Advanced->Performance->Settings->Advanced->Virtual Memory->Change
ที่ช่อง Initial size และ Maximum size ให้คุณใส่ขนาดที่ต้องการและเป็นเลขเดียวกันเลยนะครับ
-SFC มีไว้ทำอะไร! : โดยปรกติเวลาคุณติดตั้ง Windows นั้นจะมีการคัดลอกไฟล์ที่สำคัญๆลงไปสำรองไว้อีก 1 ชุด ซึ่งมีคุณสมบัติเหมือนไฟล์ที่ทำงานอยู่ ซึ่งคุณสามารถใช้ คำสั่ง sfc ในการ restore ไฟล์เหล่านั้นให้กลับมาเหมือนไฟล์เดิมๆหากว่ามีอาการผิดปรกติ
ซึ่งเป็นแนวคิดที่ออกจะดีแต่เมื่อคุณใช้ sfc แทนที่จะไปเอาไฟล์จากที่สำรองไว้มันกลับเรียกใช้จากแผ่นติดตั้งซะงั้น ซึ่งแน่นอนว่าไฟล์เหล่านั้นจึงไม่ได้ถูกใช้อะไรเลย คุณสามารถลบไฟล์สำรองเหล่านั้นออกไป
โดยไปที่ Start->Run พิมพ์ cmd แล้ว OK จากนั้น command line ก็จะถูกเปิดขึ้นมา พิมพ์ sfc /purgecache แล้ว enter เพียงเท่านี้ไฟล์ backup ก็จะถูกลบออกไป และคุณจะได้พื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 300 MB เป็นอย่างต่ำ ครับ และไม่มีผลกระทบกับการทำงานของ Windows แต่อย่างใด
Comment