Announcement

Collapse
No announcement yet.

D.I.Y.ตอน เครื่องขยายเสียง

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • ไมใช้ bJT /J-Fet ทำบัฟล่ะครับ ถ้าอยากได้กระแสสูง
    ------------
    ถ้าไม่สูง เอาหลอดทำบัฟ ก็ได้ หลักการเดียวกันหมด


    ใช้ R กำหนด idle current
    Originally posted by tiger X-fi View Post
    น่าทำดีเหมือนกัน....เหมาะสำหรับหัดทำ

    The MOSFET can be any power MOSFET, so long as the voltage and current ratings are adequate. MOSFETs have the ?soft? overload characteristics of vacuum tubes and are preferred in this type of application over bipolars. The gate resistor helps to stabilize the MOSFET. The VDS spec should be at least twice the idle voltage. If the MOSFET idles at 1/2 the total supply voltage, then VDS should be at least the value of the total supply or higher. Rs is a power resistor. Starting with an idle current Id of about 100mA and -V = -12V, then RS = 12/.1 = 120 ohms. The resistor?s power rating should be much greater than 12 * 0.1 = 1.8W (at least 3.6W to be safe). Also make sure that the MOSFET is heatsinked to dissipate a similar amount of power.

    เครดิต
    http://headwize.com/?page_id=147
    ---------------
    โหดดี..ถูกใจ
    Last edited by tiger X-fi; 20 May 2014, 17:27:51.

    Comment


    • = =" มันก็บวกด้วยเสียงbufferอะไรที่ตามมันมา
      วงจรBJT/FETตัวเดียวทำemitter follower/source followerมันก็คงมีก็แนวเสียงของมัน

      จะใช้หลอดทำbufมันก็ต้องเพิ่มหลอด ไม่รู้หลอดอะไรได้บ้าง+อยากใช้หลอดเพิ่ม ก็เสียตังค์ค่าหลอดเพิ่มอีก
      เอาหลอดPOWERมาทำbufferได้มั้ยเนี้ย

      คืองงไม่รู้จะไปแนวไหนอยู่ ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองชอบแบบไหน หลงทางแหล่ะ มึน

      Comment


      • กำจะเอาหลอดไดโอดมาทำบัฟเลยหรือครับ
        ----------
        6dj8/12au7
        cathode น่าจะราว 20ma
        วงจรที่เคยทำเคาตั้ง 3ma
        หลอดมีอยู่แล้ว ลองทำดูก้ได้ครับ
        gx]
        เปลี่ยน ไฟเท่าที่ใช้กับ ตัวเดิม (ไม่ต้องทำชุดไฟใหม่)
        เปลี่ยน 10k คิดตามไฟลบ ที่ใช้ ตั้งที่2-5 ma
        นาจะใช้งานได้ครับ
        V +15/0/-15
        R cathode 3K =5ma

        ----------------
        http://www.datasheet4u.com/datasheet...8_ETC.pdf.html
        6dj8
        cathode DC 22ma max
        peak 330ma
        (พีค ความเข้าใจน่าจะเป็น AC รอพวกพี่โก้-พีdracoV มายืนยันครับ)
        ตั้งที่5 นาจะได้ครับ
        Last edited by tiger X-fi; 20 May 2014, 19:31:29.

        Comment


        • ไม่ใช้หลอดrectifierครับ หมายถึงพวกหลอดpower แบบKT88 EL84 อะไรเทือกนั้นที่ปรกติเขาใช้ทำoutput stageของpower amp. ให้ลำโพงบ้าน
          หลอดrecitfierโครงสร้างภายในคนละแบบกัน

          Comment


          • นาจะทำได้ หลอด pentode แต่ต่อแบบ triode
            แต่ผมยังไมเข้าใจ
            --------------



            http://www.htg2.net/index.php?topic=21590.0
            ----------
            Pentode-based followers
            http://www.tubecad.com/2007/04/blog0104.htm
            ----------
            Pentode buffer
            http://www.diyaudio.com/forums/tubes...de-buffer.html
            Last edited by tiger X-fi; 20 May 2014, 21:19:26.

            Comment


            • @คุณแมว

              จากวงจรนี้ ถ้าต้องการใช้ขับหูฟังก็คงต้องใช้บัฟเฟอร์น่ะครับ ใช้หลอดตรงๆคงขับไม่ไหว จะโหลดหลอดมากไป
              ก็เวลาทำจริง RCA ที่จะใช้ต่อ power amp ก็ต่อจากหลังส่วน C output ได้ ก็จะได้สุ้มเสียงหลอดไปให้ power amp
              ส่วนแจ๊คต่อหูฟังก็ต่อจากส่วน buffer เอา

              ถ้าต้องการใช้หลอดขับหูฟัง วงจรคงต้องการไฟ B+ สูงกว่านี้มากหน่อยเพื่อกำหนดกระแสได้สูงขึ้น และเพื่อไม่ให้โหลดหลอดมากเกินก็คงต้องอาศัย Output transformer มาใช้ช่วย(แทน C ouput) ก็อีกพอควรน่ะถ้าจะใช้หลอดเพียวๆ

              ลองเล่นเทียบๆกันไปเรื่อยๆก่อน หาจุดที่ชอบ/ลงตัว ก่อนก็ได้น่ะ
              ส่วนเวลาทำจริงถ้าอยากลองใช้ discrete buffer ที่ผมลงไว้ให้ก็บอกได้นะ ไว้จะส่ง PCB ไปให้
              สั่งทำมาแล้วยังเหลืออยู่

              Comment


              • Originally posted by dracoV View Post
                @คุณแมว

                จากวงจรนี้ ถ้าต้องการใช้ขับหูฟังก็คงต้องใช้บัฟเฟอร์น่ะครับ ใช้หลอดตรงๆคงขับไม่ไหว จะโหลดหลอดมากไป
                ก็เวลาทำจริง RCA ที่จะใช้ต่อ power amp ก็ต่อจากหลังส่วน C output ได้ ก็จะได้สุ้มเสียงหลอดไปให้ power amp
                ส่วนแจ๊คต่อหูฟังก็ต่อจากส่วน buffer เอา

                ถ้าต้องการใช้หลอดขับหูฟัง วงจรคงต้องการไฟ B+ สูงกว่านี้มากหน่อยเพื่อกำหนดกระแสได้สูงขึ้น และเพื่อไม่ให้โหลดหลอดมากเกินก็คงต้องอาศัย Output transformer มาใช้ช่วย(แทน C ouput) ก็อีกพอควรน่ะถ้าจะใช้หลอดเพียวๆ
                ก็คงจะแยกoutputหูฟังกับrcaออกจากกันน่ะครับ
                คิดไปคิดมา เพาเวอร์แอมป์มันก็ชิพแอมป์
                preหลอด>>power amp(chip)>>ลำโพง
                preหลอด>>ชุดbuffer(ว่าจะทำdiscrete)>>หูฟัง
                ก็น่าจะไปแนวเดียวกัน

                ลองเอาปรีหลอด ไม่ผ่านbufferไปผ่านแอมป์หูฟังsimply(op-amp +tr emitter follower) แล้วเสียงมันแปลกๆ หลอนๆ
                ขยายซ้อนขยายผมว่ามันชอบกลอยู่แล้ว gainมันก็จะทวีคูณเกินกันเยอะไปหน่อย

                ไม่งั้น ชุดนี้ ไม่ใช้กับหูฟังไปเลยดีกว่า

                มีpcb discrete bufferเหลือเหรอครับ ดีๆ
                แต่เดี๊ยวขอทดลองหลอดให้หน่ำใจก่อน

                อยากจะเทียบหลายๆอย่าง
                -วิธีbiasแบบ R กับfet+lm334
                -ไฟ+ 0 -กับ + 0
                -จุดไส้หลอดแบบAC ,DCแบบ+ กับแบบ-
                -ภาคจ่ายไฟแบบต่าง ic 723 , discreteของคุณdracov , unregulate , 78xx 79xx , etc.
                -c coupling
                -หลอดต่างๆ
                -etc.


                เยอะแหะ - -. สงสัยเสร็จปีหน้า

                Comment


                • พี่ๆพอมีวงจร Signal Audio Gennerator 1kHz แบบปรับระดับแรงดันสัญญาณเอาตต์พุตซัก 1V 2V ขอแบบเรียบๆง่ายๆมีประสิทธิภาพอ่ะครับ ใช้ OPAMP ได้ยิ่งดีเลยครับ

                  ขอบคุณ ล่วงหน้าครับ

                  Comment


                  • ทำไมพวก soundcard หรือ ไม่ก็ dac เอาต์พุตต์ที่มี ซีคัปปิ้ง เสียงมันนุ่มและน่าฟังกว่า(ไม่ชัดเท่าเท่าวงจรไฟ + -) เอาต์พุตต์ที่เป็น Opamp ใช้ไฟ + - ทั้งๆที่ไม่ผ่านอะไรเลยเสียงน่าจะดี(เท่าที่ผมฟังมันออกชัดกระจ่างใสกว่าจนติดคมขึ้นขอบเลย และมันขาดเรื่องน้ำหนักเสียงและพลัง มันเป็นเพราะอะไรครับ)

                    ใช้ Opamp เป็นเอาต์พุต ผมต่อแบบเป็นบัพเฟอร์นะครับ
                    Last edited by carbon_za; 23 May 2014, 01:05:15.

                    Comment


                    • The complete DAC D/A converter list
                      http://www.dutchaudioclassics.nl/the...verter_list/#S

                      Comment


                      • @ carbon_za
                        ไม่เกี่ยวกับ "ใช้ไฟเลี้ยงแบบไหน" หรือ "ใช้ไอซี,ทรานซิสเตอร์,เฟ็ท,หลอด ทำบัฟเฟอร์" หรอกครับ
                        เพราะ แต่ละอย่างแต่ละแบบมันก็ไม่ได้สมบูรณ์100%สักอย่าง มีดีมีเสียผสมปนกัน

                        ถ้าชอบสไตล์เสียงแบบมีCเอ้าท์พุท หลังบัฟเฟอร์ก็ใส่Cเพิ่มเข้าไปได้ครับ
                        Last edited by keang; 23 May 2014, 10:02:16.

                        Comment


                        • Originally posted by keang View Post
                          @ carbon_za
                          ไม่เกี่ยวกับ "ใช้ไฟเลี้ยงแบบไหน" หรือ "ใช้ไอซี,ทรานซิสเตอร์,เฟ็ท,หลอด ทำบัฟเฟอร์" หรอกครับ
                          เพราะ แต่ละอย่างแต่ละแบบมันก็ไม่ได้สมบูรณ์100%สักอย่าง มีดีมีเสียผสมปนกัน

                          ถ้าชอบสไตล์เสียงแบบมีCเอ้าท์พุท หลังบัฟเฟอร์ก็ใส่Cเพิ่มเข้าไปได้ครับ
                          แปลว่า มี C ตรงเอาต์พุต ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณภาพมันจะแย่เสมอไปใช่ปะครับ แถมยังมีข้อดีกันไป DC รั่วออกมาด้วย

                          Comment


                          • มันอยู่ที่ว่า เราให้คำจำกัดความของคำว่า"คุณภาพ"คืออะไรครับ

                            ตัวอย่าง :
                            - ต้นทางมีเสียงมาครบ ต้นเสียง/หางเสียง/ไดนามิคเสียง : แต่ปลายทาง มีแต่ต้นเสียง มีหางเสียงด้วย แต่ขาดไดนามิค ... จะเรียกว่ามันมีคุณภาพได้รึเปล่าละ?
                            - ต้นทางมีเสียงมาครบ ต้นเสียง/หางเสียง/ไดนามิคเสียง : แต่ปลายทาง มีแต่ต้นเสียง มีไดนามิค แต่ขาดหางเสียง ... จะเรียกว่ามันมีคุณภาพได้รึเปล่าละ?
                            - ต้นทางมีเสียงมาครบ ต้นเสียง/หางเสียง/ไดนามิคเสียง : แต่ปลายทาง มีแต่ต้นเสียง แต่ขาดหางเสียง ขาดไดนามิค ... จะเรียกว่ามันมีคุณภาพได้รึเปล่าละ?

                            ------------------------------------------------------

                            - ใช้ R ได้สไตล์เสียงแบบR ... แต่ขาด สไตล์เสียงแบบ L/C
                            - ใช้ L ได้สไตล์เสียงแบบL ... แต่ขาด สไตล์เสียงแบบ R/C
                            - ใช้ C ได้สไตล์เสียงแบบC ... แต่ขาด สไตล์เสียงแบบ R/L

                            - ใช้ IC ได้สไตล์เสียงแบบIC ... แต่ขาด สไตล์เสียงแบบ ทรานซิสเตอร์/เฟ็ท/หลอด
                            - ใช้ ทรานซิสเตอร์ ได้สไตล์เสียงแบบทรานซิสเตอร์ ... แต่ขาด สไตล์เสียงแบบ IC/หลอด/เฟ็ท
                            - ใช้ เฟ็ท ได้สไตล์เสียงแบบเฟ็ท ... แต่ขาด สไตล์เสียงแบบ IC/ทรานซิสเตอร์/หลอด
                            - ใช้ หลอด ได้สไตล์เสียงแบบหลอด ... แต่ขาด สไตล์เสียงแบบ IC/ทรานซิสเตอร์/เฟ็ท

                            เราไปยึดติดกับทฤษฎีที่มันเป็นเรื่องอุดมคติ
                            จนลืมคิดถึงเรื่องความเป็นจริงในทางปฏิบัติ ที่"สสาร/ตัวนำ/ฉนวน"ที่ใช้ทำใช้สร้างส่วนประกอบอิเลคทรอนิคส์ต่างๆ มันไม่สามารถทำตามทฤษฎีได้ทั้งหมด

                            -- แม้แต่อะหลั่ยหรืออุปกรณ์ทางการทหารหรือแม้กระทั่งอวกาศ มันก็ไม่สามารถทำได้ตามทฤษฎีได้ทั้งหมดเหมือนกัน --
                            Last edited by keang; 23 May 2014, 10:59:15.

                            Comment


                            • Originally posted by carbon_za View Post
                              ทำไมพวก soundcard หรือ ไม่ก็ dac เอาต์พุตต์ที่มี ซีคัปปิ้ง เสียงมันนุ่มและน่าฟังกว่า(ไม่ชัดเท่าเท่าวงจรไฟ + -) เอาต์พุตต์ที่เป็น Opamp ใช้ไฟ + - ทั้งๆที่ไม่ผ่านอะไรเลยเสียงน่าจะดี(เท่าที่ผมฟังมันออกชัดกระจ่างใสกว่าจนติดคมขึ้นขอบเลย และมันขาดเรื่องน้ำหนักเสียงและพลัง มันเป็นเพราะอะไรครับ)

                              ใช้ Opamp เป็นเอาต์พุต ผมต่อแบบเป็นบัพเฟอร์นะครับ
                              Originally posted by carbon_za View Post
                              แปลว่า มี C ตรงเอาต์พุต ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณภาพมันจะแย่เสมอไปใช่ปะครับ แถมยังมีข้อดีกันไป DC รั่วออกมาด้วย
                              ผมไม่พูดซ้ำเรื่องเดียวกับคุณkeangล่ะกัน

                              -เท่าที่ลองมาC coupling ในจุดทางเดินสัญญาณหรือfeed back loop เสียงมันก็จะลดอาการสดลง+ลักษณะของเสียงcไปด้วย
                              แต่ถ้าลองใช้cที่มีเสียงสด ชัด หรือคมขึ้นขอบ มาcouplingก็ให้เสียงสด ชัดหรือคมขึ้นขอบเหมือนเดิมนั้นแหล่ะ
                              เช่น พวกnichicon fw หรือsilmicตัวที่เคลือบเป็นเงาๆหน่อยหรือceramic+ใช้ค่าน้อยๆเอาแค่เพียงพอที่ต้องการ(ถ้าค่ามาก เสียงมันก็ฟังดูช้าลง ลดอาการที่ว่ามาไปบ้าง)

                              -c outputถ้าแบบelectrolyteยังมี leaking currentเล็กน้อยน่ะ แล้วแต่คุณภาพด้วย ยุคนี้คงน้อยแล้ว
                              แต่ผมหรือบางท่านในเน็ตเคยเจอของเก่าเก็บบางตัวรั่วกระจาย


                              ปัญหาของพวกsound cardหรือdacที่มี c output
                              -ผมมองเป็นเรื่องเวลาต่อตรงหูฟัง แล้วจะมีปัญหาเรื่องจุดroll offความถี่ต่ำมากกว่าน่ะ
                              เพราะc outputสัมพันธ์กับR load ถ้าต่อปรีแอมป์ เพาเวอร์แอมป์ สเตจต่อจากc outputมันก็มองเห็น impedanceเป็นค่ามากซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร
                              แต่ต่อตรงหูฟัง ยิ่งโอห์มต่ำมากเท่าไร จุดroll offมันก็ขึ้นสูงขึ้น เบสก็จะยิ่งหาย
                              อย่างไปเจอin-ear 16-32 ohmที่sensitivityหูฟังมันก็สูง ไม่ได้ต้องการกำลัง(power)เท่าไร แต่ทำไมเบสเบ้อหายหมด
                              ถ้ากลัวจะเจออย่างงั้นก็ใช้ค่ามากหน่อย470ufขึ้นไปมั้ง(จำตัวเลขที่คำนวณไม่ได้แม่นเท่าไรน่ะ) ตัวมันก็จะใหญ่ ถ้าใช้ของดีมันก็แพงขึ้นอีก

                              sound creativeเก่าๆบางตัวหรือ sound card usbตัวเล็กที่มีพื้นจำกัด บางตัว ผมเห็นใช้แค่100-220ufเอง

                              -ชิพdacบางตัวที่มีแรงน้อย แต่มีoutputสำหรับต่อตรงหูฟังได้ คือถ้าไปเร่งoutput powerให้มันเยอะ(เยอะของมันก็ยังแค่นิดเดียว)
                              ค่าทางstatมันอย่างthd snrมันก็เยอะตาม แย่ตาม
                              บางคนก็เลยทำbufferหรือใช้op-ampเป็นoutputคั่น เพื่อลดโหลดด้านนู้นลง

                              -ทำbuffer ยังอยากใช้c ก็ใช้ได้น่ะ จะไปใช้ที่ฝั่งinputมันก็ได้ ใช้ค่าน้อยๆก็ยังได้อีกด้วย ทำให้เอาพวกc filmเกรดดีๆมาใช้ได้( ยิ่งค่าน้อยมันก็ยังยิ่งถูกน่ะ)
                              แต่มันก็ไม่ได้สไตล์เสียง c electrolyteน่ะ ถ้าชอบมาก จะกลับไปใช้ c electrolyte ในฝั่งin-putของopampก็ได้น่ะ
                              Last edited by ManiacMaew; 23 May 2014, 12:59:02.

                              Comment


                              • c output มันก็หลักการ high pass -roll off (high pass Filter)
                                (ผานควมถีสูง-ตัดความถีตำ)
                                ตัวโหลด เทากับ R คุม Impedance ครับ

                                Comment

                                Working...
                                X