Announcement

Collapse
No announcement yet.

Review DAC PCM1794 Hi-end "Dual Chip Dual MONO" + Discrete Regurator VS Edifier S530D

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • Review DAC PCM1794 Hi-end "Dual Chip Dual MONO" + Discrete Regurator VS Edifier S530D

    มาแล้วจ้า Review DAC PCM1794 Hi-end "Dual Chip Dual MONO" + Discrete Regurator
    VS Edifier S530D

    ใครมาอ่านอย่าพึ่งตกใจว่าทำไมเอา DAC มาสู้กับลำโพงได้ เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ
    S530D มี DAC ในตัวและผมกับท่านผู้นึงที่ใช้ S530D ก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะไปได้แบบไหน
    ถ้าได้ใช้ DAC แยกตาหาก ก็เลยตามหา DAC ที่ถูกใจซักตัว ทีนี้ผมกับท่านผู้นั้นก็เห็นตรงกันสนใจตัวเดียวกัน
    และผมได้มีความคิดจะเอา DAC ตัวนี้มาใช้กับลำโพงชุดในอนาคตของผมอยู่แล้ว
    ก็เลยสอยมาลองให้รู้ซะก่อนเลย อิอิ

    ขอประวัติพอสังเขบละกันนะครับ
    DAC 1794 (ชื่อเล่น) เป็น DAC สัญชาติไทย ทำโดยคนไทย แต่คุณภาพเค้าว่ากันว่าดีกรีของฝรั่งราคาต้อง Up ไปอีก 6-10 เท่า
    อันนี้ผมไม่ขอยืนยันนะครับ ไม่เคยลองของนอกราคาเป็นหมื่น แต่อยากสนับสนุนของคนไทยด้วยกันครับ ^^
    ส่วน S530D (ชื่อเล่น) ลำโพงสัญชาติ Canada เป็นลำโพงคอม 2.1 แต่ให้เสียงที่ดีเอามากๆ โดยเฉพาะการฟังเลง

    มาดู System เล็กๆของผมกันดีกว่า ทีใช้ในการทดสอบครั้งนี้เริ่มด้วย
    CPU เอ้ย ไม่ใช่ Overclock หรือ Brenchmark นะเฟ้ย
    เริ่มด้วย Software : Foobar 1.0.3 + wasapi + Tube sound + Noise Sharpening + Resample (SoX)
    เนื่องจากหลายไฟล์ที่ใช้ในการทดสอบเป็น 24bit - 192k เลยเลือกใช้ของ SoX ละกันนะครับ จะได้ขับออกมาได้สุดเลย
    มาที่ DAC 1794 ใช้สายไฟธรรมดา เส้นละไม่กี่สิบบาท
    แต่ตัวนี้ผมขอให้ท่าน Time เปลี่ยนลำไส้ให้เป็นสาย Kimber และผ่าตัดศัลกรรมหน้าตาให้ออกมาเป็นสีเงิน
    พร้อมใส่คอนแทคเลนสี ข้างนึงฟ้า ข้างนึงขาว และยังขอให้เพิ่ม USB Input เพื่อจะใช้ฟังเพลงกับ Notebook ในยามแก้ขัด

    หน้าตาแบบนี้ดูเรียบๆ ไม่มีอะไรเลย ใครมาเห็นคงนึกว่ากล่องเหล็กธรรมดา


    วางคู่กันก็ดูไปด้วยกันได้ดี


    รูปนี้สาย Coax เป็นของผมเองอีกเส้นนึง ถ่ายไว้ตั้งแต่ได้มาและ พอดีขี้เกียจถ่ายใหม่ แหะๆ ^^
    สวิชเปิดปิด หรือตัวเลือก Input อยู่ด้านหลังใช้โยกเอา ดูย้อนยุคดี


    สายสัญญาณ
    Coax : QED Reference Digital Audio ขอขอบคุณท่าน Samad ด้วยที่ให้ยืมสายมาทดลอง
    RCA : The Green ด้วยตัวผมเอง เหตุผลเพราะว่า ตอนนี้ผมมี RCA ชุดนี้ดีสุดแล้วเท่าที่มีในบ้าน

    ก่อนอื่นเมื่อแรกเริ่มยังไม่ได้เบินผมก็ลองเปิดฟัง เปิดปุ๊บ เกิดคำบอกในใจว่า หลอนมากๆ
    ก็เริ่มบอกตัวเองอย่าพึ่งดีใจไป ลองฟังเพลอื่นก่อน ก็ลองเปลี่ยนไปอีกซัก 4-5 เพลง
    ความรู้สึกบอกได้เลยว่า หลอน เหมือนเดิมครับ ไม่ใช่มันเลวร้าย
    แต่มันดีจนผมขนลุกเลย ถ้าได้จับคู่กับลำโพงบ้านผมว่าไปได้ไกลกว่านี้อีก

    ตอนนี้ก็เบินมาได้ประมาณ 120ชม. ก็เห็นว่ามันคงไปไกลกว่านี้ไม่มากเท่าไหร่แล้ว(มั้ง)
    ก็เลยขอมาเริ่มกันเลยดีกว่านะครับ
    ผมขอแบ่งการรีวิวและการทดสอบเป็นส่วนๆไปนะครับ โดยการฟังจะเปิดฟังสลับกันระหว่าง
    S530D และ 1794 เป็นช่วงๆไป เพื่อให้ฟังความต่างออก และไม่ฟังนานจนเกินไปเดี๋ยวหูจะล้า
    และแน่นอนตื่นมาปุ๊บ ทานอาหารเช้าเสร็จปั๊บ ก็เริ่มฟังเลย เพราะพึ่งตื่นคงทำให้ประสาทหูเราตื่นตัว

    เพลงร้อง
    มีบรรยากาศการโอบล้อมมากขึ้น มีมิติการแยกซ้ายขวาที่ชัดเจน เวทีเสียงนั่นเขยิบมาข้างหน้ามากขึ้น
    มีโฟกัสและการแยกซ้ายขวาที่ดีขึ้น เสียงนักร้อง S530D เหมือนอยู่ที่ลำคอออกมาสุดที่รอยต่อระหว่างฟันและเหงือก
    แต่ 1794 เสียงร้องได้ทะยานออกมาจากปากของนักร้อง เสียงเบสนั้นกังวาลขึ้นมากกว่า มีมวลมากขึ้น และที่เหมือนจะมากเกินไปคือ
    มันลงได้ลึกมากขึ้น คงเป็นอย่างท่าน Time บอกคือเหมาะกับลำโพงบ้าน(วางหิ้ง) เอามาเจอลำโพง 2.1 มีตู้เบส
    ทีนี้เบสลึก หัวใจสั่นตามเลย T_T (สั่นเพราะหลงไหลใน DAC ตัวนี้ น้ำเน่าซะไม่มีเลยเรา 555+) สั่นจริงๆนะครับไม่ได้เล่นมุข

    เพลงคอนเสริต บรรเลงสด หรือพวก Version Live
    นิยามของคำว่าสมจริง เวทีการแสดงและบริเวณทีนั่งผู้ชมกว้างขวางกว่า S530D อยู่พอสมควร
    เสียงผู้ชมปรบมือและเสียงผู้คนกรี๊สๆๆๆๆ ทำได้ดีเอามากๆ เหมือนจริงมาก ทำให้ผมมีอารมณ์ร่วมเหมือนไปนั่งฟังตรงนั้นด้วยจริงๆ
    มันมีน้ำหนักสูงต่ำหนักเบา ซ้ายขวา ไกลใกล้ได้ดีกว่า S530D แบบชัดเจนเลยทีเดียว
    และที่สำคัญเลยการใช้ 1794 เหนือกว่า S530D ตรงที่ได้นั่งบัตรแถวหน้าโซนติดเวที
    แต่ S530D ได้นั่งแค่หน้าๆของโซนกลาง ในส่วนนี้ผมขอพูดถึงบรรยากาศอย่างเดียวละกันนะครับ
    เพลงเพราะสดคงฟังกันถึงจุดนี้เป็นสำคัญ จุดอื่นขอพูดใน Part ต่อๆไป

    เพลง บรรเลง เครื่องดนตรีน้อยชิ้น
    เสียงเครื่องสายทั้งดีดและสี ได้ยินชัดเจนถึงการดีดตัวของสายแต่ละเส้น
    ความลื่นไหลทำได้ดีกว่าเยอะ ที่สำคัญคือบางเพลงที่เสียงต่ำคอยบรรเลงอย่างเบาๆ
    และมี Melody เป็นเสียงที่ค่อนข้างสูงถึงสูง S530D ฟังแล้วมีความขัดแย้งอยู่บ้าง เหมือนไม่ค่อยไปด้วยกันซักเท่าไหร่
    แต่ 1794 ทำให้มันอยู่ด้วยกันได้อย่างกลมกลืนมากกว่า อาจเป็นเพราะบรรยากาศที่โอบล้อมและเสียงต่ำที่มีความกังวาล
    หรือมีเนื้อเสียงช่วง Upper Bass มากกว่า และมีความอบอุ่นมากกว่า
    deep bass ประมาณ 0 - 40 Hz
    mid bass ประมาณ 40 - 80 Hz
    upper bass ประมาณ 80 – 200 Hz

    เพลง บรรเลงวงใหญ่ (รวมถึงเดี่ยว Piano)
    พูดง่ายๆว่า S530D บรรเลงอยู่ในหอประชุมโรงเรียน เสียงที่ได้จะอับหน่อย เพราะว่าความโอ่โถงของสถานที่มันไม่มี
    เสียงมันก็เลยไม่ค่อยโล่งซักเท่าไหร่นัก มิติก็ถูกลดลงไปด้วย แต่เมื่อเปรียบกับ 1974 เหมือนเล่นอยู่ใน
    ศุนย์วัฒนธรรมแห่งชาติ อะไรประมาณนั้น สถานที่โอ่อ่า กว้างขวาง ด้านบนเปิดโล่ง ทำให้เสียงที่ถูกปิดกัน
    ทำให้เสียงที่ออกมาได้ความเป็นธรรมชาติมากกว่า มิติที่มากกว่า ความเข้ากันของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นแต่ละเครื่อง
    เสียงกลองใหญ่ในวง Symphony บอกได้ชัดเจนว่าอยู่ตรงไหน และลงได้ลึกมาจริงๆ ถึงจะเบาแต่ก็มีความไพเราะมากๆ
    ใครเล่นดนตรีคงเคยได้ยินคำที่ว่า " เล่นให้เบาแล้วเพราะนั้นเล่นยาก " S530D ทำพอได้
    แต่ 1794 ทำได้ค่อนข้างเนียนเลยทีเดียว อย่างพวกเสียงพวกเครื่องดนตรีที่เป็นตัวประกอบทั้งหลาย อย่างเช่นเครื่องเคาะ
    เครื่องดีด หรือจะเครื่องเป่า ก็เก็บรายละเอียด และน้ำหนักของตัวโน๊ตได้ดี เสียงกลองคองโก รับรู้ได้ถึงน้ำหนักที่ลงบนหลังกลอง
    ถ้าฟังดีๆฟังให้จับผิด(แต่ขอให้ฟังแบบสบายดีกว่า จะได้ไม่เครียดและผ่อนคลาย) ก็จะพอแยกออกว่าใช้ไม้หรือใช้มือ
    อะไรประมาณนั้นเลยทีเดียว เสียดายผมเลิกเล่นดนตรีมานาน ไม่งั้ยคงแยกแยะได้ดีกว่านี้

    ต่อมาเปียโน ผมฟังจาก Lossless Chopin นะครับ
    การกดคีเปียโนแต่ละตัวแม่นและรับรู้ได้ถึงน้ำหนักการลงนิ้วเป็นอย่างดี ความต่อเนื่องและไหลลื่นมีความสมดุลอย่างดี
    ฟังแล้วเคลิ้มมากๆ ซึ่งต่างจาก S530D ตรงที่ S530D จะมีความขุ่นมัวของเสียงมากกว่า ความต่อเนื่องและลื่นไหล
    ทำได้น้อยกว่าไม่มากเท่าใดนัก

    เครื่องเป่า
    เสียงเครื่องเป่าของ 1794 เหมือนนักดนตรีที่วิ่งหรือว่ายน้ำและมีการบริหารปอดทุกวันอย่างสม่ำเสมอ
    เสียงที่ได้มีพลังมากกว่า และแน่นอนว่ารายละเอียดีะยิบระยิบของเทคนิคต่างๆของนักดนตรี
    ก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างดี และแน่นอนคุณภาพเสียงนอกจากทรงพลัง และเปิดโล่งมากกว่า
    ยังใสกว่าเหมือนกับว่า S530D เป็น Flute ทองแหลือง แต่ 1974 เป็น Flute เงิน และที่สำคัญ Open Hold ซะด้วย
    แต่คงยังไม่ถึงขั้น Flute ไม้ แน่นอนว่าผมไม่เคยมีปัญญาได้ลองแตะหรือมีปัญญาได้ลองฟังจากที่ไหน
    เพราะค่าตัว Flute ไม้ยี่ห้อบ้านๆอย่าง Yamaha ยังอยู่ที่ 3แสนกว่าในรุ่นกลางๆ
    ซึ่ง Flute เงินรุ่น Top ราคาอยู่ราว 70k-150k ถ้า Hand made ก็อยู่ราว 100k-200k

    เสียง Trumpet Solo
    1974 ฟังแล้วรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ส่งออกมาจากนักดนตรี ความสงัดที่มาจากหื้นหลังทำให้ขนลุกเอาได้ง่ายๆ
    ใครเล่นเครื่องทองเหลืองจะรู้ว่า เวลาเป่าเสียงสูงๆนั้นทำได้อยากยิ่ง มือชั้นเซียนยังพลาดได้
    S530D ทำได้ไปถึง แต่เหมือนจะหมดลมเป่าแต่ยังฝืนเล่นได้ แต่ 1794 เหมือนรุ่นพี่เล่นมามากกว่า 5-10 ปี
    ขึ้นเสียงสูงไปได้ง่ายกว่า ให้เสียงที่ไม่อึดอัด เป่าออกมาอย่างธรรมชาติมากกว่า แต่ปลายเสียงสุดท้ายก็ยังมีแหบแห้งเล็กน้อย
    (ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นลีลาของผู้เป่าจริงๆ หรือว่าเป็นที่ System ผมมันไม่ถึง)

    เพลง Pop และ Rock ตามฉบับชาวบ้าน อิอิ
    บอกไว้ก่อนตรงนี้ 192 และ 320 ล้วนๆ ไม่มี Flac หรือ Lossless ใดๆทั้งสิ้น
    เบสลงได้ลึกขึ้น เสียงสูงทอดตัวได้ยาวขึ้น รายละเอียดได้ยินชัดเจนขึ้น
    เรียกง่ายๆ กริ้งกริ๊งมากขึ้น แต่ความไพเราะในการฟัง แทบจะไม่ต่างกับ S530D ซักเท่าไหร่เลย



    สรุป
    1794 ให้พื้นหลังที่สงัดกว่า มีจังหวะจะโคนที่ดีกว่า รายละเอียดเรียกว่ายอดเยี่ยม
    เสียงเบสลงได้ลึกมากๆเก็บตัวได้ไวแต่จะทิ้งหางเสียงให้มีความชุ่มชื้น
    เสียงกลางมีมวลเสียงที่อิ่มและอุ่น เสียงสูงพริ้วไหวมีปลายทอดยาวไพเราะเสนาะหู
    น้ำเสียงมีความใสไม่ขุ่นมัว
    หากท่านต้องการ DAC ไว้เพิ่มประสิทธิภาพ System เพื่อการฟังเพลงเพราะๆ
    ผมมองว่าคุ้มค่ามากๆ ยิ่งถ้าเล่นลำดพงบ้านรับรองว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
    แต่หากเล่นลำโพงคอมรุ่นเล็กๆ ไม่คุ้มอย่างแน่นอน
    แต่หากเป็นลำโพงคอมรุ่นบนๆ อย่าง S530D ก็ถือว่าอาจต้องจ่ายเกินความสามารถอยู่แต่ไม่มาก
    ก็เรียกได้ว่าอาจจะคุ้มหรือไม่คุ้ม ตรงนี้แล้วแต่วิจารณญาณละกันครับ
    ไว้มีโอกาสหน้าได้ลองกับชุดวางหิ้งเมื่อไหร่ ตัวผมเองถึงจะได้รู้ว่ามันไปได้ไกลกว่านี้ขนาดไหน
    และถ้าท่านฟังเพลงแนวตลาดๆก็ไม่เหมาะที่จะเอามาใช้แต่อย่างใด
    จะไฟล์ MP3 192 หรือ 320 ก็ไม่เกี่ยว
    เพราะเพลงที่ผมได้ทำการทดสอบนั้นมีทั้ง Lossless / Mp3 192 และ 320

    สุดท้ายก็ต้องขอบคุณท่าน Samad ที่ให้ยืมสายมาลอง
    ท่าน HiddenDragon ที่ให้คำแนะนำบางอย่างกับผม
    ท่าน Tiger X-fi และอีกหลายๆท่านในนี้ที่คอยอยู่เป็นเพื่อนพูดคุยกัน และคอยหนับหนุนผม
    ทางครอบครัว ที่ไม่เคยมาบ่นเวลาผมเปิดเพลงแล้วดังออกไปนอกห้อง ก้แน่นอนละอยู่คนละชั้น ฮ่าๆ
    ท่านแฟนสุดที่รัก ที่ไม่ขัดข้องแถม DAC ตัวนี้ คุณแฟนผมก็มีเอี่ยวด้วย น่าชื่นใจสุดๆ
    Last edited by TroRuwA; 6 Aug 2010, 19:43:30.

  • #2
    ท่านลอง Indian's Sacred Spirit - Vol.2 อีกทีว่าเห็นความความแตกต่างบรรยากาศหรือป่าว

    Comment


    • #3
      ขอถามแบบ noobๆ
      dac ตัว นี้ต่อ usb ตรงเข้าคอมเลยได้มั้ยอ่ะ?
      แล้วมันจะได้กี่ bit กี่ khz?

      Comment


      • #4
        รีวิวได้ดีมากคับ

        ตินิดนึง ไม่อยากแนะนำให้ใช้ DSP ในการรีวิว เพราะ DSP มันเข้าไปปรุงแต่งเสียงเรียบร้อยแล้วคับ

        Comment


        • #5
          ยังอ่านไม่จบ แต่ขอลงชื่อไว้ก่อน -*-

          Comment


          • #6
            Originally posted by sierra View Post
            รีวิวได้ดีมากคับ

            ตินิดนึง ไม่อยากแนะนำให้ใช้ DSP ในการรีวิว เพราะ DSP มันเข้าไปปรุงแต่งเสียงเรียบร้อยแล้วคับ
            ขอรับคำชี้แนะครับ
            จริงๆทราบอยู่ แต่ชอบน่ะครับ แหะๆ แบบว่ารีวิวตามใจฉัน
            ว่าแต่ถ้าไมใช้ DSP เลยจะทำยังไงให้ได้ 24bit อะครับ
            คือบางเพลงมันก็มา 24bit อยู่แล้ว จะเล่น 16bit มัันก็กระไรๆอยู่

            ปล.เป็นปลิ้มมากครับ ^^

            Originally posted by ManiacMaew View Post
            ขอถามแบบ noobๆ
            dac ตัว นี้ต่อ usb ตรงเข้าคอมเลยได้มั้ยอ่ะ?
            แล้วมันจะได้กี่ bit กี่ khz?
            ต่อได้เลยครับ แต่กี่ bit ต้องถามท่าน time ผู้ผลิตดูครับ

            Comment


            • #7
              โหวตเห็นด้วยนะครับ
              เรื่อง DSP เอา Tube Amp กับ Noise Sharpening ออกดีบ่อ

              แต่ก็เหอะ ถ้าคุึณฟังแบบนี้เป็นประจำ และใช้ DSP เหล่านี้ ทั้งการ Test ฝั่ง A และ B
              ไปเอา ออก ไม่ชินเสียง เดี๋ยวจะพาลแกว่งอีกอะเนาะ

              ว่าแต่ว่า ให้ความเห็นเชิงบวกหมดเลยเหรอครับ

              ถ้ามันกรุ๊งกริ๊งขึ้น
              เสียงกลางอิ่มขึ้นอีก
              เบสลงลึกกว่าเดิม

              มันน่าจะกระทบความเป็นเชิงเส้นบ้างแหละน่า
              ฟังอีกครับ หาข้อนินทามันให้เจอซักข้อสิครับ

              Comment


              • #8
                Originally posted by TroRuwA View Post
                ขอรับคำชี้แนะครับ
                จริงๆทราบอยู่ แต่ชอบน่ะครับ แหะๆ แบบว่ารีวิวตามใจฉัน
                ว่าแต่ถ้าไมใช้ DSP เลยจะทำยังไงให้ได้ 24bit อะครับ
                คือบางเพลงมันก็มา 24bit อยู่แล้ว จะเล่น 16bit มัันก็กระไรๆอยู่

                ปล.เป็นปลิ้มมากครับ ^^
                DSP ที่ว่าคือ Tube sound กับ Noise Sharpening คับผม

                ส่วน 24 bit จะเล่นได้ก็ต่อเมื่อไฟล์เพลงเป็น 24bit และตัว Soundcard หรือ DAC รองรับการรับ-ส่งข้อมูล 24Bit
                อย่าง DAC ท่านไม่ต้องกังวลคับว่าจะเล่นไม่ได้ ไม่จำเป็นต้อง Resampling เลยด้วยซ้ำ ถ้าเล่นไม่ได้มันจะขึ้น Error message มาบอกเองคับ

                Comment


                • #9
                  ฟังท่านเทพๆเค้าคุยยกันอิอิ

                  Comment


                  • #10
                    ขอบคุณรีวิวครับ
                    ผมว่าจะจัดมาเข้าชุด c3 เหมือนกันครับ รอก่อนอีกนิด
                    อ่านรีวิวยิ่งอยากเข้าไปใหญ่

                    Comment


                    • #11
                      Originally posted by Non-Slim View Post
                      โหวตเห็นด้วยนะครับ
                      เรื่อง DSP เอา Tube Amp กับ Noise Sharpening ออกดีบ่อ

                      แต่ก็เหอะ ถ้าคุึณฟังแบบนี้เป็นประจำ และใช้ DSP เหล่านี้ ทั้งการ Test ฝั่ง A และ B
                      ไปเอา ออก ไม่ชินเสียง เดี๋ยวจะพาลแกว่งอีกอะเนาะ

                      ว่าแต่ว่า ให้ความเห็นเชิงบวกหมดเลยเหรอครับ

                      ถ้ามันกรุ๊งกริ๊งขึ้น
                      เสียงกลางอิ่มขึ้นอีก
                      เบสลงลึกกว่าเดิม

                      มันน่าจะกระทบความเป็นเชิงเส้นบ้างแหละน่า
                      ฟังอีกครับ หาข้อนินทามันให้เจอซักข้อสิครับ
                      ก็ไม่เชิงบวกหมดเลยหรอกครับ ผมว่าเบสมันมาลึกไป เพราะ มี Sub woofer นี่แหละครับ
                      ลึกเกินไปสำหรับการฟังเพงจริงๆ ผมเองเล่นดนตรีมาเองในวงใหญ่ๆ
                      ยังไม่เคยเจอเบสที่ลึกและลงต่ำได้ขนาดนี่เลย แต่ด้านอื่นสำหรับผมผมก็ชอบหมดนะครับ
                      มันก็ความเห็นส่นตัวด้วยน่ะครับ อยากรู้ของแบบนี้ต้องลองเอง ส่วนสายพรุ่งนี้ส่งให้แน่นอนฮะ ไม่ต้องห่วง
                      แต่คงเป็นตอนเที่ยงนะครับ แหะๆ

                      แล้วก็ด้วยการที่เวทีเสียงมันเขยิบมาข้างหน้าอีก เกรงว่าผมจะต้องขยับเก้าอี้ และหา โฟกัสที่เหมาะกว่าเดิม T_T
                      พวกนี้แหละ จูนยากจริงๆ Manual หมด

                      Originally posted by sierra View Post
                      DSP ที่ว่าคือ Tube sound กับ Noise Sharpening คับผม

                      ส่วน 24 bit จะเล่นได้ก็ต่อเมื่อไฟล์เพลงเป็น 24bit และตัว Soundcard หรือ DAC รองรับการรับ-ส่งข้อมูล 24Bit
                      อย่าง DAC ท่านไม่ต้องกังวลคับว่าจะเล่นไม่ได้ ไม่จำเป็นต้อง Resampling เลยด้วยซ้ำ ถ้าเล่นไม่ได้มันจะขึ้น Error message มาบอกเองคับ
                      อ่อ กระจ่างขึ้นเยอะครับ
                      จริงๆผมก็รู้ว่ามันแต่งน่ะครับ แหะๆ แต่ก็ชอบและฟังแบบนี้ติดดูมาแล้ว
                      เลยจะทำให้แยกแยะกับ S530D ปกติง่ายกว่าน่ะครับ
                      แต่ผมก็น้อมรับคำติ และในโอกาสหน้าจะปรับปรุงในจุดนี้ ถ้ามีโอกาสมารีวิวอีกครับ ^^
                      ครับ

                      Comment


                      • #12
                        "แต่คุณภาพเค้าว่ากันว่าดีกรีของฝรั่งราคาต้อง Up ไปอีก 6-10 เท่า"

                        มีคนเคยเอามาเทียบกันจริงๆหรือเปล่าหว่า
                        อ่านเจอบ่อยๆแล้วมันยังไงไม่รู้ครับ

                        ไม่ได้ติงเรื่องคุณภาพหรอกนะครับ เพราะเท่าที่ดูอุปกรณ์ของเค้าดีจริง ในอนาคตบางทีผมอาจสั่งมาใช้บ้างเหมือนกัน
                        แต่รีวิวใส่ข้อดีมากเกินจนขาดความเป็นกลางไปนิดครับ ลองฟังแบบจับผิดแล้วอัพเดทเพิ่มดูครับ จะรออ่านต่อนะครับ

                        ขออภัยล่วงหน้าถ้าความเห็นมีส่วนให้ท่านใดรู้สึกไม่ดีครับ

                        Comment


                        • #13
                          ของผมกะจะใช้ digital out โดย hiface อยู่เหมือนกันต้นเสียงอาจจะดีขึ้นอีกหลายเท่าตัว
                          และเปลีย่น opamp เป็น realflow เห็นเค้าว่า opamp ตัวเดิม TL071 มิติมันแคบ
                          ขนาดแคบนะนี่ O_o''
                          อะจึ๋ย ตู้ซัพกระโดดได้ mx6021 เรา หุหุ

                          Comment


                          • #14
                            Originally posted by milestone View Post
                            "แต่คุณภาพเค้าว่ากันว่าดีกรีของฝรั่งราคาต้อง Up ไปอีก 6-10 เท่า"

                            มีคนเคยเอามาเทียบกันจริงๆหรือเปล่าหว่า
                            อ่านเจอบ่อยๆแล้วมันยังไงไม่รู้ครับ

                            ไม่ได้ติงเรื่องคุณภาพหรอกนะครับ เพราะเท่าที่ดูอุปกรณ์ของเค้าดีจริง ในอนาคตบางทีผมอาจสั่งมาใช้บ้างเหมือนกัน
                            แต่รีวิวใส่ข้อดีมากเกินจนขาดความเป็นกลางไปนิดครับ ลองฟังแบบจับผิดแล้วอัพเดทเพิ่มดูครับ จะรออ่านต่อนะครับ

                            ขออภัยล่วงหน้าถ้าความเห็นมีส่วนให้ท่านใดรู้สึกไม่ดีครับ
                            คือตรงนี้ผมก็พูดตามที่เค้าว่ากันมาครับ ไม่ได้เป็นการฟันธง
                            ส่วนข้อเสียจะให้ผมพูดยังไงดี คือการรีวิวครั้งนี้ผมเทียบกับ S530D ซึ่งมันก็ออกมาทำได้ดีกว่าหมดเลย
                            มีแต่เบสซึ่งลึกมาเกินน่ะครับ กับที่ผมใส่พวก DSP ลงไป ซึ่ง System ที่ดีกว่านี้ผมก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้ลอง
                            เลยไม่รู้จะให้จับผิดตรงไหนน่ะครับ ท่านติได้ผมไม่ซีเรียสครับ
                            น้อบรับฟังเพื่อปรับปรุงตัวเองครับ ผมก็พยายามทำให้ออกมาดีที่สุด ผมก้พยายามหาข้อเสียของมันแล้วเขียนออกมาเหมือนกัน ซึ่งก็พบว่าเบสลึกเกินไป คงเพราะเจอตู้ซับ
                            กับฟังเพลงแนวตลาดแล้วไม่คุ้มกับการลงทุน เหตุนี้อาจเป็นเพราะ
                            ด้วยลำโพงชุดเดิมแต่ DAC ดีขึ้น หากอ่านแล้วคิดว่าไม่เป็นกลางก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจ้า
                            อะไรประมาณนั้นครับ

                            Comment


                            • #15
                              แวะมาอ่าน เพราะใช dac ตัวเดียวกัน แถมสายเขียวแบบเดียวกันอีกเหอ

                              Comment

                              Working...
                              X