กรมสรรพสามิตเล็งเก็บภาษีเครื่องมือถือ-ภาษีโทรคมนาคม
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิตให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ถึงแผนการปรับโครงสร้างภาษีในแง่มุมต่างๆ ซึ่งในแผนมีการเก็บภาษีตัวเครื่องโทรศัพท์มือถือ และภาษีโทรคมนาคมที่จะเก็บจากโอเปอเรเตอร์อยู่ด้วย
ในส่วนของภาษีเครื่องโทรศัพท์มือถือจะเป็นภาษีด้านสิ่งแวดล้อม
ท่าที่สำรวจมีมือถือ 67 ล้านเครื่อง ที่นำเข้ามาในไทย เกินกว่าจำนวนประชากรด้วยซ้ำ และพวกนี้พอเลิกใช้ก็ทำลายไม่ได้ เป็นขยะพิษ วิธีการคือมือถือเป็นสินค้านำเข้า 100% เราก็เก็บจากนำเข้าอย่างเดียว แต่เก็บเฉพาะของใหม่ ที่จริงเราเก็บได้ถึง 20% ของราคา แต่คงไม่เก็บแรงขนาดนั้น ตอนนี้ไม่ได้เก็บเลย เราเก็บเฉพาะ VAT 7% ตอนนำเข้า แต่ในใจผมอยากเก็บตามปริมาณ เพราะไม่ว่าราคาเท่าไรก็เป็นขยะเหมือนกัน เบื้องต้นคิดว่าจะเก็บเครื่องละ 200-300 บาท
ส่วนของภาษีโทรคมนาคม กรมสรรพสามิตเคยเก็บระหว่าง พ.ส. 2549-2550 แต่ถูกยกเลิกไป ตอนนี้จึงมีไอเดียจะนำกลับมาใช้อีกครั้ง โดยมีอัตราจัดเก็บที่ 10% ของรายรับของผู้ให้บริการ
ส่วนภาษีชนิดอื่นๆ อ่านรายละเอียดตามลิงก์กันเองนะครับ แผนการปรับโครงสร้างภาษีนี้เกิดจากรัฐบาลเก็บรายได้ไม่ตามเป้า และภาษีบางชนิดก็ใช้มานานจนล้าสมัยแล้ว
ที่มา http://www.blognone.com/news/20115
อ่วม! สรรพสามิตเล็งเก็บภาษีมือถือ-SMS 3%
รีบขยายแผนรีดภาษีเอสเอ็มเอส3% ฟันขุมทรัพย์เอกชน2หมื่นล้าน (ไทยโพสต์)
"สรรพสามิต" ชงแผนรีดภาษี 3% "โทรมือถือ-เอสเอ็มเอส" หวังโกยรายได้ 2 หมื่นล้าน แฉเอกชนฟาดเอสเอ็มเอสครั้งละ 6 บาท ด้านผู้ประกอบการรีบประสานเสียงค้านแหลก ผลักภาระผู้บริโภค สงสัยรัฐบาลถังแตกรีบหาเงินเลือกตั้ง
แหล่งข่าวกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ภายในสิ้นปีนี้กรมสรรพสามิตจะเสนอให้นายกรณ์ จาติกวณิช รม ว.คลัง เก็บภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมจากการใช้โทรศัพท์มือถือ และบริการส่งข้อความ (เอสเอ็มเอส) ในอัตรา 3% จากฐานภาษีที่ให้เก็บได้ถึง 10% ซึ่งที่ผ่านมา ในช่วงปี 2549-2550 กรมสรรพสามิตเก็บภาษีสรรพสามิตจากการใช้โทรศัพท์มือถือในอัตรา 10% มีรายได้ภาษีปีละ 1.5 หมื่นล้านบาท แต่ยกเลิกเพราะมีปัญหาทางการเมือง และข้อกฎหมายที่เอกชนไม่สามารถนำค่าสัมปทานมาจ่ายเป็นค่าภาษีสรรพสามิตได้
สำหรับ การเสนอเก็บภาษีสรรพสามิตจากค่าบริการใช้โทรศัพท์มือถือในครั้งนี้ ได้ขยายไปถึงการเก็บภาษีสรรพสามิตบริการเอสเอ็มเอสด้วย เพราะเป็นการใช้โทรศัพท์มือถือรูปแบบหนึ่งและมีการใช้จำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กนักเรียน นักศึกษา ที่อาจใช้เกินความจำเป็น จึงเสนอเก็บภาษีเพื่อควบคุมการใช้ นอกจากนี้ เอสเอ็มเอสถูกใช้ในการพาณิชย์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการทายผลฟุตบอล การทายผลการแข่งขันประกวดต่าง ๆ ซึ่งมีค่าบริการต่อครั้งสูงถึง 6 บาท ในจำนวนนี้ผู้ให้บริการมือถือได้เพียง 1 บาท และบริษัทผู้จัดรายการได้ 5 บาท
"การเก็บภาษีสรรพสามิตโทรศัพท์มือถือทำได้ง่าย ไม่ต้องแก้ไขกฎหมาย เพียงแค่คลังเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบก็ดำเนินการได้ทันที" แหล่งข่าวกล่าว และว่า แม้การเก็บภาษีสรรพสามิตจากมือถือครั้งนี้มีอัตราลดลง แต่การขยายครอบคลุมเอสเอ็มเอสด้วยจะสามารถเก็บภาษีได้ถึง 2 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวจากวงการโทรคมนาคม กล่าวต่อว่า อดสงสัยไม่ได้ว่า แนวทางของกรมสรรพสามิตเป็นการส่งสัญญาณว่า รัฐบาลนี้อยู่ในภาวะถังแตกหรือไม่ เพื่อเร่งหารายได้รองรับกับการเลือกตั้งครั้งต่อไป ทั้งที่ในทางปฏิบัติหน่วยงานของรัฐ คือ บมจ.ทีโอที และบมจ.กสท โทรคมนาคมได้จัดเก็บและมีรายได้จากกิจการนี้อยู่แล้ว ซึ่งการจัดเก็บภาษีโทรคมนาคมในต่างประเทศ อยู่ภายใต้ระบบใบอนุญาตทำให้อัตราการจัดเก็บน้อยกว่าไทยมาก เมื่อไทยอยู่ภายใต้สัมปทานการจัดเก็บจึงสูงอยู่แล้ว หากเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมอีกก็ถือว่าสูงมาก
ขณะที่นายวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า รัฐ ควรศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้าน และกิจการโทรคมนาคมไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย แต่เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคแล้ว การเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ภาระย่อมตกอยู่กับผู้บริโภค ซึ่งรัฐบาลควรมุ่งจัดเก็บภาษีบาปจากสินค้าที่อยู่ใต้ดินให้ถูกต้องตามกฎหมาย จะดีกว่า ขณะที่อุตสาหกรรมโทรคมนาคมจ่ายภาษีให้รัฐในอัตราสูงอยู่แล้ว ทั้งส่วนแบ่งรายได้สัมปทาน ค่าใบอนุญาตให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.)
เช่นเดียวกับนายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มกลยุทธ์และกิจการองค์กร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค ที่กล่าวว่า อยากให้ รัฐบาลหารือหรือขอความเห็นจากภาคเอกชน นักวิชาการและประชาชนก่อน เนื่องจากอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยบอบช้ำอยู่แล้ว ถ้าการจัดเก็บนี้รัฐบาลต้องการให้คนใช้งานลดลง เพราะเป็นของฟุ่มเฟือย คงไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง ปัจจุบัน บริษัทจ่ายภาษีให้รัฐหลายทาง ได้แก่ ส่วนแบ่งรายได้สัมปทานในสัดส่วน 25% และจะเพิ่มเป็น 30% ในปี 2554 ภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) 7% ค่าอัตราเลขหมาย 2 บาทต่อเดือนต่อเบอร์ให้กับ กทช. และภาษีนิติบุคคล ซึ่งรวมแล้วสูงกว่าภาษีสุรา
ที่มา ไทยโพสน์
เอกชนค้านเก็บภาษีสรรพสามิตมือถือ แนะไปจัดเก็บภาษีบาปที่อยู่ใต้ดินเหมาะกว่า
เอกชนข้องใจ สรรพสามิตเล็งรื้อโครงสร้างภาษีทั้งระบบ ส่งสัญญาณรัฐบาลถังแตก เร่งหารายได้ตุนเงินใช้ช่วงเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง กลุ่มธุรกิจมือถือค้านเก็บภาษีโทรคมนาคม โดนเรียกเก็บสูงแล้ว ชี้ปรับเพิ่มภาระตกกับประชาชนผู้ใช้บริการ กลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หนุน 100% จัดเก็บตามดีกรี เป็นธรรม
กรณีกรมสรรพสามิตมีนโยบายจะปรับโครงสร้างภาษีใหม่ทั้งระบบ ทั้งภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภาษีโทรคมนาคม ปรากฏว่าภาคเอกชนมีทั้งเสียงสนับสนุนและคัดค้าน โดยผู้ประกอบการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างสนับสนุนการจัดเก็บภาษี ตามดีกรี จากปัจจุบันจัดเก็บสองขาคือตามปริมาณแอลกอฮอล์และดีกรี ขณะที่ผู้ประกอบการธุรกิจโทรคมนาคมไม่เห็นด้วย
นายปริญ มาลากุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดเบียร์ไฮเนเก้น, ไทเกอร์ และเชียร์ กล่าวว่า แนวคิดจัดเก็บภาษีตามดีกรี เป็นไปตามทิศทางสากลเพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการผลิตสินค้าที่มีส่วนผสมของ แอลกอฮอล์ที่ต่ำลง จากปัจจุบันโครงสร้างภาษีมีความบิดเบี้ยว เก็บภาษีไม่เท่ากัน เอื้อให้กลุ่มรากหญ้าบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ สูงแต่มีราคาถูก
แหล่งข่าวจากบริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า เห็นด้วย เพราะการจัดเก็บภาษีตามดีกรีจะไม่ต้องจัดเซ็กเมนต์เบียร์เป็นอีโคโนมี สแตนดาร์ด และเบียร์ พรีเมียม และทำให้เกิดความเท่าเทียมกัน
แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มแอกอฮอล์เปิดเผยว่า มีประเด็นที่น่าพิจารณาคือ ยังไม่ได้ปรับโครงสร้างภาษีในส่วนของเหล้ากลั่น เท่ากับไม่ได้ปรับโครงสร้างภาษีที่แท้จริง ยังอุ้มเหล้ากลั่นและเป็นการส่งเสริมให้คนไทยบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ มีส่วนผสมของดีกรีแอลกอฮอล์สูงต่อไป
นายวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า รัฐควรศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้าน และต้องยอมรับว่าปัจจุบันกิจการโทรคมนาคมไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย แต่เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันแล้ว การเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ภาระย่อมตกอยู่กับผู้บริโภค
"ที่เรียกเก็บกับกิจการโทรคมนาคม เพราะต้องการหาทางออกเมื่อไม่สามารถเก็บเงินเข้ารัฐได้โดยตรง ทางออกที่ถูกต้องสรรพสามิตและรัฐบาลควรมุ่งจัดเก็บภาษีบาปจากสินค้าที่อยู่ ใต้ดิน นำขึ้นมาทำให้มันถูกต้องทางกฎหมายจะดีกว่า"นายวิเชียรกล่าว และว่า ปัจจุบันธุรกิจโทรคมนาคมได้จ่ายภาษีในอัตราที่ถือว่าสูงอยู่แล้ว ทั้งนี้จะรอดูความชัดเจนเรื่องดังกล่าวก่อน
นายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มกลยุทธ์และกิจการองค์กร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลหารือภาคเอกชน นักวิชาการ และประชาชน ก่อนประกาศใช้แผนดังกล่าวจริง เนื่องจากเวลานี้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยบอบช้ำอยู่แล้ว
แหล่งข่าวจากวงการโทรคมนาคมกล่าวว่า อดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลอยู่ในภาวะถังแตกหรือไม่ จึงได้ออกแนวคิดนี้มา เพื่อเร่งหารายได้รองรับกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น
ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detai...id=03&catid=03
งานนี้ใครรับกรรม แค่ภาษีน้ำมันทุกวันนี้ก็แย่แล้ว ไม่มีวิธีที่หาจะหาเงินอย่างอื่นแล้วเหรอ เอะอะรีดภาษีตลอดเลย ทีเหล้าขาวขึ้นภาษีนิดเดียว
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิตให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ถึงแผนการปรับโครงสร้างภาษีในแง่มุมต่างๆ ซึ่งในแผนมีการเก็บภาษีตัวเครื่องโทรศัพท์มือถือ และภาษีโทรคมนาคมที่จะเก็บจากโอเปอเรเตอร์อยู่ด้วย
ในส่วนของภาษีเครื่องโทรศัพท์มือถือจะเป็นภาษีด้านสิ่งแวดล้อม
ท่าที่สำรวจมีมือถือ 67 ล้านเครื่อง ที่นำเข้ามาในไทย เกินกว่าจำนวนประชากรด้วยซ้ำ และพวกนี้พอเลิกใช้ก็ทำลายไม่ได้ เป็นขยะพิษ วิธีการคือมือถือเป็นสินค้านำเข้า 100% เราก็เก็บจากนำเข้าอย่างเดียว แต่เก็บเฉพาะของใหม่ ที่จริงเราเก็บได้ถึง 20% ของราคา แต่คงไม่เก็บแรงขนาดนั้น ตอนนี้ไม่ได้เก็บเลย เราเก็บเฉพาะ VAT 7% ตอนนำเข้า แต่ในใจผมอยากเก็บตามปริมาณ เพราะไม่ว่าราคาเท่าไรก็เป็นขยะเหมือนกัน เบื้องต้นคิดว่าจะเก็บเครื่องละ 200-300 บาท
ส่วนของภาษีโทรคมนาคม กรมสรรพสามิตเคยเก็บระหว่าง พ.ส. 2549-2550 แต่ถูกยกเลิกไป ตอนนี้จึงมีไอเดียจะนำกลับมาใช้อีกครั้ง โดยมีอัตราจัดเก็บที่ 10% ของรายรับของผู้ให้บริการ
ส่วนภาษีชนิดอื่นๆ อ่านรายละเอียดตามลิงก์กันเองนะครับ แผนการปรับโครงสร้างภาษีนี้เกิดจากรัฐบาลเก็บรายได้ไม่ตามเป้า และภาษีบางชนิดก็ใช้มานานจนล้าสมัยแล้ว
ที่มา http://www.blognone.com/news/20115
อ่วม! สรรพสามิตเล็งเก็บภาษีมือถือ-SMS 3%
รีบขยายแผนรีดภาษีเอสเอ็มเอส3% ฟันขุมทรัพย์เอกชน2หมื่นล้าน (ไทยโพสต์)
"สรรพสามิต" ชงแผนรีดภาษี 3% "โทรมือถือ-เอสเอ็มเอส" หวังโกยรายได้ 2 หมื่นล้าน แฉเอกชนฟาดเอสเอ็มเอสครั้งละ 6 บาท ด้านผู้ประกอบการรีบประสานเสียงค้านแหลก ผลักภาระผู้บริโภค สงสัยรัฐบาลถังแตกรีบหาเงินเลือกตั้ง
แหล่งข่าวกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ภายในสิ้นปีนี้กรมสรรพสามิตจะเสนอให้นายกรณ์ จาติกวณิช รม ว.คลัง เก็บภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมจากการใช้โทรศัพท์มือถือ และบริการส่งข้อความ (เอสเอ็มเอส) ในอัตรา 3% จากฐานภาษีที่ให้เก็บได้ถึง 10% ซึ่งที่ผ่านมา ในช่วงปี 2549-2550 กรมสรรพสามิตเก็บภาษีสรรพสามิตจากการใช้โทรศัพท์มือถือในอัตรา 10% มีรายได้ภาษีปีละ 1.5 หมื่นล้านบาท แต่ยกเลิกเพราะมีปัญหาทางการเมือง และข้อกฎหมายที่เอกชนไม่สามารถนำค่าสัมปทานมาจ่ายเป็นค่าภาษีสรรพสามิตได้
สำหรับ การเสนอเก็บภาษีสรรพสามิตจากค่าบริการใช้โทรศัพท์มือถือในครั้งนี้ ได้ขยายไปถึงการเก็บภาษีสรรพสามิตบริการเอสเอ็มเอสด้วย เพราะเป็นการใช้โทรศัพท์มือถือรูปแบบหนึ่งและมีการใช้จำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กนักเรียน นักศึกษา ที่อาจใช้เกินความจำเป็น จึงเสนอเก็บภาษีเพื่อควบคุมการใช้ นอกจากนี้ เอสเอ็มเอสถูกใช้ในการพาณิชย์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการทายผลฟุตบอล การทายผลการแข่งขันประกวดต่าง ๆ ซึ่งมีค่าบริการต่อครั้งสูงถึง 6 บาท ในจำนวนนี้ผู้ให้บริการมือถือได้เพียง 1 บาท และบริษัทผู้จัดรายการได้ 5 บาท
"การเก็บภาษีสรรพสามิตโทรศัพท์มือถือทำได้ง่าย ไม่ต้องแก้ไขกฎหมาย เพียงแค่คลังเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบก็ดำเนินการได้ทันที" แหล่งข่าวกล่าว และว่า แม้การเก็บภาษีสรรพสามิตจากมือถือครั้งนี้มีอัตราลดลง แต่การขยายครอบคลุมเอสเอ็มเอสด้วยจะสามารถเก็บภาษีได้ถึง 2 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวจากวงการโทรคมนาคม กล่าวต่อว่า อดสงสัยไม่ได้ว่า แนวทางของกรมสรรพสามิตเป็นการส่งสัญญาณว่า รัฐบาลนี้อยู่ในภาวะถังแตกหรือไม่ เพื่อเร่งหารายได้รองรับกับการเลือกตั้งครั้งต่อไป ทั้งที่ในทางปฏิบัติหน่วยงานของรัฐ คือ บมจ.ทีโอที และบมจ.กสท โทรคมนาคมได้จัดเก็บและมีรายได้จากกิจการนี้อยู่แล้ว ซึ่งการจัดเก็บภาษีโทรคมนาคมในต่างประเทศ อยู่ภายใต้ระบบใบอนุญาตทำให้อัตราการจัดเก็บน้อยกว่าไทยมาก เมื่อไทยอยู่ภายใต้สัมปทานการจัดเก็บจึงสูงอยู่แล้ว หากเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมอีกก็ถือว่าสูงมาก
ขณะที่นายวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า รัฐ ควรศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้าน และกิจการโทรคมนาคมไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย แต่เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคแล้ว การเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ภาระย่อมตกอยู่กับผู้บริโภค ซึ่งรัฐบาลควรมุ่งจัดเก็บภาษีบาปจากสินค้าที่อยู่ใต้ดินให้ถูกต้องตามกฎหมาย จะดีกว่า ขณะที่อุตสาหกรรมโทรคมนาคมจ่ายภาษีให้รัฐในอัตราสูงอยู่แล้ว ทั้งส่วนแบ่งรายได้สัมปทาน ค่าใบอนุญาตให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.)
เช่นเดียวกับนายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มกลยุทธ์และกิจการองค์กร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค ที่กล่าวว่า อยากให้ รัฐบาลหารือหรือขอความเห็นจากภาคเอกชน นักวิชาการและประชาชนก่อน เนื่องจากอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยบอบช้ำอยู่แล้ว ถ้าการจัดเก็บนี้รัฐบาลต้องการให้คนใช้งานลดลง เพราะเป็นของฟุ่มเฟือย คงไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง ปัจจุบัน บริษัทจ่ายภาษีให้รัฐหลายทาง ได้แก่ ส่วนแบ่งรายได้สัมปทานในสัดส่วน 25% และจะเพิ่มเป็น 30% ในปี 2554 ภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) 7% ค่าอัตราเลขหมาย 2 บาทต่อเดือนต่อเบอร์ให้กับ กทช. และภาษีนิติบุคคล ซึ่งรวมแล้วสูงกว่าภาษีสุรา
ที่มา ไทยโพสน์
เอกชนค้านเก็บภาษีสรรพสามิตมือถือ แนะไปจัดเก็บภาษีบาปที่อยู่ใต้ดินเหมาะกว่า
เอกชนข้องใจ สรรพสามิตเล็งรื้อโครงสร้างภาษีทั้งระบบ ส่งสัญญาณรัฐบาลถังแตก เร่งหารายได้ตุนเงินใช้ช่วงเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง กลุ่มธุรกิจมือถือค้านเก็บภาษีโทรคมนาคม โดนเรียกเก็บสูงแล้ว ชี้ปรับเพิ่มภาระตกกับประชาชนผู้ใช้บริการ กลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หนุน 100% จัดเก็บตามดีกรี เป็นธรรม
กรณีกรมสรรพสามิตมีนโยบายจะปรับโครงสร้างภาษีใหม่ทั้งระบบ ทั้งภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภาษีโทรคมนาคม ปรากฏว่าภาคเอกชนมีทั้งเสียงสนับสนุนและคัดค้าน โดยผู้ประกอบการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างสนับสนุนการจัดเก็บภาษี ตามดีกรี จากปัจจุบันจัดเก็บสองขาคือตามปริมาณแอลกอฮอล์และดีกรี ขณะที่ผู้ประกอบการธุรกิจโทรคมนาคมไม่เห็นด้วย
นายปริญ มาลากุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดเบียร์ไฮเนเก้น, ไทเกอร์ และเชียร์ กล่าวว่า แนวคิดจัดเก็บภาษีตามดีกรี เป็นไปตามทิศทางสากลเพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการผลิตสินค้าที่มีส่วนผสมของ แอลกอฮอล์ที่ต่ำลง จากปัจจุบันโครงสร้างภาษีมีความบิดเบี้ยว เก็บภาษีไม่เท่ากัน เอื้อให้กลุ่มรากหญ้าบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ สูงแต่มีราคาถูก
แหล่งข่าวจากบริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า เห็นด้วย เพราะการจัดเก็บภาษีตามดีกรีจะไม่ต้องจัดเซ็กเมนต์เบียร์เป็นอีโคโนมี สแตนดาร์ด และเบียร์ พรีเมียม และทำให้เกิดความเท่าเทียมกัน
แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มแอกอฮอล์เปิดเผยว่า มีประเด็นที่น่าพิจารณาคือ ยังไม่ได้ปรับโครงสร้างภาษีในส่วนของเหล้ากลั่น เท่ากับไม่ได้ปรับโครงสร้างภาษีที่แท้จริง ยังอุ้มเหล้ากลั่นและเป็นการส่งเสริมให้คนไทยบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ มีส่วนผสมของดีกรีแอลกอฮอล์สูงต่อไป
นายวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า รัฐควรศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้าน และต้องยอมรับว่าปัจจุบันกิจการโทรคมนาคมไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย แต่เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันแล้ว การเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ภาระย่อมตกอยู่กับผู้บริโภค
"ที่เรียกเก็บกับกิจการโทรคมนาคม เพราะต้องการหาทางออกเมื่อไม่สามารถเก็บเงินเข้ารัฐได้โดยตรง ทางออกที่ถูกต้องสรรพสามิตและรัฐบาลควรมุ่งจัดเก็บภาษีบาปจากสินค้าที่อยู่ ใต้ดิน นำขึ้นมาทำให้มันถูกต้องทางกฎหมายจะดีกว่า"นายวิเชียรกล่าว และว่า ปัจจุบันธุรกิจโทรคมนาคมได้จ่ายภาษีในอัตราที่ถือว่าสูงอยู่แล้ว ทั้งนี้จะรอดูความชัดเจนเรื่องดังกล่าวก่อน
นายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มกลยุทธ์และกิจการองค์กร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลหารือภาคเอกชน นักวิชาการ และประชาชน ก่อนประกาศใช้แผนดังกล่าวจริง เนื่องจากเวลานี้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยบอบช้ำอยู่แล้ว
แหล่งข่าวจากวงการโทรคมนาคมกล่าวว่า อดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลอยู่ในภาวะถังแตกหรือไม่ จึงได้ออกแนวคิดนี้มา เพื่อเร่งหารายได้รองรับกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น
ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detai...id=03&catid=03
งานนี้ใครรับกรรม แค่ภาษีน้ำมันทุกวันนี้ก็แย่แล้ว ไม่มีวิธีที่หาจะหาเงินอย่างอื่นแล้วเหรอ เอะอะรีดภาษีตลอดเลย ทีเหล้าขาวขึ้นภาษีนิดเดียว
Comment