Announcement

Collapse
No announcement yet.

[นอกเรื่อง] หาเพื่อนคุยเรื่องวิทยาศาสตร์ครับ [หมวดดาราศาสตร์]

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • #16
    อืม เป็นความรู้ครับ แปลกจริงๆๆ

    Comment


    • #17
      Originally posted by X3STeNLiTE View Post
      นักวิทยาศาสตร์บอกว่า หากเราเดินทางเท่าความเร็วแสง เราก็ยังต้องใช้เวลาเป็นหมื่นปี ถึงจะได้พบกับกาแล็คซี่อื่น.. ดังนั้นเราจึงต้องใช้วิธีอื่นแทนในการเดินทาง

      วิธีที่ผมทราบมาก็คือ แทนที่เราจะเดินทางผ่านเวลา ก็ให้เวลาเดินผ่านเราไปแทน (แล้วเราอยู่เฉย ๆ)
      โอ้ แหล่มไปเลย ทฤษฎี นี้ ........... ลองไปเสนอ NASA ดิ่ ....

      Comment


      • #18
        ถ้าจะไปเที่ยวกาเล็คซี่อื่น ก็หายานอวกาศลำใหญ่ๆ
        แบบปลุกผักปลูกข้าวเลี้ยงสัตว์ทำมาหากินได้ไปครับ
        Small Megallanic Galaxy ใช้เวลาเดินทาง 179,000 ปีแสง
        เราก็ใช้เวลานั่งไปประมาณ 2238 ชั่วโคตรคับ อิอิ เป็นบุญตาโคตรของโคตรๆเหลน
        แล้วให้โคตรๆเหลนถ่ายรูปกลับมาลงไฮไฟฟ์ให้ชาวโลกดูในอีก 358000 ปีแสงข้างหน้า
        ความคิดดีมะคับ อิอิ

        Comment


        • #19
          เท่าที่รู้ นาซ่า ตอนนี้พบดาวเคราะห์ที่มีสภาพคล้ายโลกเรา 2 ดวงแล้ว และใหญ่กว่าโลกเราหลายเท่าด้วย
          อนาคตคิดว่าคงเหมือนในหนัง มนุดย้ายไปอยู่ดาวอื่น

          Comment


          • #20
            ชอบดาราศาสตร์มากเลยครับ คนเรานั้นแสนวุ่นวายแท้จริงแล้วก็แก่งแย่งกันเพราะเรื่องเล็กนิดเดียว

            ปล.คุณ Firedevilz คิดว่าจุดกำเนิดของจักรวาลคือ Big Bang รึเปล่าครับ

            Comment


            • #21
              Originally posted by iamx View Post
              ชอบดาราศาสตร์มากเลยครับ คนเรานั้นแสนวุ่นวายแท้จริงแล้วก็แก่งแย่งกันเพราะเรื่องเล็กนิดเดียว

              ปล.คุณ Firedevilz คิดว่าจุดกำเนิดของจักรวาลคือ Big Bang รึเปล่าครับ
              ส่วนตัวผมว่า ไม่ใช่อ่ะ ........ ผมว่า มันน่าจะเป็นอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้น .... คือ อาจจะลึกไปหน่อยนะครับ แต่ขอพูดถึง ทฤษฎี ต่างมิติ ครับ .....
              ว่าง่ายๆคือ ก่อนหน้านี้ จักรวาล ไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่เป็นอีกมิตินึง ที่ซับซ้อนกว่านี้ และเกิดเหตุการ์ณบางอย่างขึ้น ทำให้เป้นจักรวาลในปัจจบันนี้ ผมเชื่อแบบนี้นะ

              Comment


              • #22
                อัพโหลดข่าวสารเพิ่มเติมครับ

                ดาวฤกษ์ที่ใหญ่ที่สุดตอนนี้ที่มนุษย์ค้นพบ ชื่อว่า VY Canis Majoris นะครับ .... ขนาดใหญ่แค่ไหนหรอ ดูภาพเอาละกัน

                ที่เห็นจุดเล็กๆนั่น คือดวงอาทิตย์ครับ ... ส่วนขวามือ คือภาพแค่ส่วนหนึ่งของดาว (เอามาเทียบขนาดกัน)
                Attached Files
                Last edited by Firedevilz; 17 Jun 2009, 17:07:10.

                Comment


                • #23
                  ชอบครับผม

                  Comment


                  • #24
                    มีอีกก็โพสอีกนะคับ ชอบๆ

                    Comment


                    • #25
                      งั้นก็มาเล่าต่อนะครับ ...........

                      ผมเคยบอกไปว่า กาแล็คซี่แมกเจลเนลเล็ก (Small Magallenic) เป็น กาแล็คซี่ที่ใกล้ที่สุด (179,000 ปีแสง) ถูกไหม ... กาแล็คซี่แมกเจลเลน ทั้งใหญ่และเล็ก ก็เป็นกาแล็คซี่ขนาดเล็กนะครับ ...

                      ถ้ากาแล็คซี่ที่มีขนาดพอๆก่ะเรา หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเป็นกาแล็คซี่เพื่อนบ้านของเราก็คือ แอนโดรเมดา .... ขนาดๆพอกัน และอยู่******งออกไปประมาณ 2,200,000 ปีแสง

                      รู้หรือไม่ว่า อีกประมาณ ไม่กี่พันล้านปี กาแล็คซี่ของเราและของแอนโดรเมดา จะมาชนกัน ..... และจะเกิดอะไรขึ้นน่ะหรอ .... พวกเราก็ไม่เป็นไรหรอก (ถ้าตอนนั้นมนุษย์ยังอยู่นะ) แต่พวกดาวที่เราเคยเห็นต่างๆในกาแล็คซี่เราจะเปลี่ยนไป เราจะเห็นดาวเยอะกว่เดิม (ถ้าทั้ง 2 กาแล็คซี่ชนกัน แล้วไม่ได้แยกจากกัน และรวมกันเป็นกาแล็คซี่เดียว)

                      และในขณะที่กาแล็คซี่แอนโดรเมดา เข้าใกล้เรามากๆ หากเรามองท้องฟ้าตอนกลางคืน เราจะเห็นดาวเต็มฟ้า ส่องสว่างไปทั่ว หมายความว่า กลางคืนของเราจะไม่เป็นแบบเดิม จะมีแถบสีขาวโพลนไปทั่วท้องฟ้า น่าจะเป็นภาพที่สวยงามมากนะ ผมคิดว่า ...

                      บางคนอาจจะสงสัยว่า อ้าว ถ้าชนกัน แบบนี้ดาวก็ชนกันมั่วไปหมดสิ .... เป็นไปได้ยากครับ เพราะว่า อย่างที่ผมบอกไป ถ้าเทียบก็เหมือนเอาคนจำนวนมากๆ มายืนบนทุ่งกว้าง และแต่ละคน******งกันราว 1,000 กิโลเมตร .... การที่คนทั้งหมดจะเดินมาเจอหรือชนกันได้นั้นยากมากๆ เพราะงั้น ไม่ตองห่วง เราไม่โดนอะไรแน่ .... ( แต่ถ้าซวยจริงๆก็ไม่แน่)

                      ขอจบเรื่องกาแล็คซี่ชนกันแค่นี้ก่อนนะครับ

                      //////////////////////////////

                      มาต่อเรื่องนี้ดีกว่า เป้นเรื่องที่บูมขึ้นมาครั้งนึงแล้ว แต่หลายคนอาจจะพลาดไป นั่นคือ
                      ดาวเคราะห์ชื่อ นิบิรุ

                      หากเรื่องทั้งหมดที่หลายๆคนกังวลเป็นจริงคือ นิบิรุ มีวงโคจรที่จะเข้ามาใกล้โลกทุกๆ 3,600 ปี ....
                      มันจะมาเยือนเราในปี 2012 ครับ ........... (ซวยจริงๆ ชนตอนไหนไม่ชน มาชนตอนกุมีชีวิตอยู่ - -")

                      กล่าวจริงๆ คือ มันไม่ได้ชนหรอกครับ แต่มันมา'เฉียด' มากกว่า

                      แต่มันก็เป็นหายนะแล้วครับ เพราะว่า ดาวนิบิรุ มีขนาดโดยประมาณเท่า ดาวเสาร์ หรือ ดาวพฤหัส โดยประมาณ (ดาวพฤหัส มีขนาดประมาณโลก 100 ใบ)

                      บางคนอาจจะบอกว่า "เฉียดก็คงไม่เป้นไร" ... ไม่จริงแน่นอนครับ เพราะว่า ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ทุกๆดวง มีสนามแม่เหล็กครับ ....... และยิ่งดาวมีขนาดใหญ่ สนามแม่เหล็กยิ่งแรงตามไปด้วย

                      แล้วมันเป็นยังไงหรอ ก็แบบว่า
                      -ที่น้ำทะเลเรามีการเดินทางเป็นกระแสที่มั่นคงทุกๆปี ก็เพราะสนามแม่เหล็ก
                      -ที่เรามีชั้นบรรยากาศที่เหมาะกับสิ่งมีชีวิตจะดำรงอยู่ได้ ก็เพระแม่เหล็ก หากไม่มี เราก็เป็นมะเร็งตายครับ เซลล์เราไม่อาจจะพัฒนาตัวได้ เพราะโดนรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต
                      -หากแรงดึงดูดของโลกเรา มีหน่วยเป็น 1 ดาวนิบิรุที่มีขนาดเท่าดาวพฤหัส ก็น่าจะเป็นประมาณ 15 (อันนี้ผมไม่ชัวร์นะ เพราะคำนวนเอง) ถ้ามันมาใกล้เรา แรงดึงดูดของมันจะทำลายสมดุลของโลกทั้งหมด ... ดาวเทียมไม่อาจโคจรได้ วัตถุอาจจะโดนดึงออกนอกอวกาศ (โดนดาวนิบิรุดึงไป)

                      นี่แค่ตัวอย่างคร่าวๆครับ แต่ก่อนหน้านั้น พวกเราก็คงตายกันสิ้นแล้วครับ เพราะอะไรหรอ ก็เพราะว่าเมื่อสมดุลธรรมชาติไม่มี น้ำก็จะท่วมโลก มีฟ้าผ่าทั่วทั้งโลก แผ่นดินแยกออกจากกัน .. และอีกมากมาย

                      และสุดท้ายนี้ ถามว่า มันจะเป็นไปได้ไหม หรือก็แค่เรื่องงี่เง่าข่าวลืออีก ผมก็จะบอกว่า ให้เชื่อไว้ 50/50 นะครับ

                      เพราะว่า มีหลายเหตุผลครับ

                      -ทำไม เมืองแอตแลนติส ถึงจมน้ำไปได้ทั้งเมือง????
                      -ปฎิทินชาวสุเมเรียน (ชาว Mayan ในภาษาอังกฤษ) มีบอกว่า มีดาวที่เห็นได้บนฟ้าทั้งหมด 12 (หรือ 13 นะ ไม่แน่ใจ) ดวง (รวม ดวงจันทร์+ดวงอาทิตย์) ซึ่ง .... มันเกินมาจากไหน ชาวสุเมเรียนก็มีชีวิตอยู่ช่วง 3,600 ปีที่แล้วเหมือนกัน

                      จากรูป จะเห็นได้ว่า มันใกล้เข้ามาจริงๆแล้วนะครับ .... (ในปี 2011 เราจะเห็นมันเท่าดวงจันทร์ (ในระยะที่ไกลกว่าดวงจันทร์)

                      ปล.ลองหาข้อมูลหนังเรื่อง 2012 หนังฟอร์มยักษ์ที่กำลังจะเข้าโรง จากผู้สร้าง The Day After Tomorrow ดูนะครับ มันคือเรื่องเดียวกัน
                      Attached Files

                      Comment


                      • #26
                        นั้นแหละคือสิ่งที่ผมกัว มันจะเกิดขึ้นเหมือนที่ว่ามาไหมอันนี้50/50 เช่นกัน แต่ด้วยข้อมูลที่เปิดเผยมาเรื่อยๆ มันอาจจะเป็นไปได้
                        ซึ่งหลายๆคนเห็นว่ามันเป็นเรื่องตลกเรื่องไร้สาระ ระวังจะตลกไม่ออกเหมือนชาวบางขุนเทียนที่อยู่ริมทะเลอ่าวไทย โดนน้ำทะเลหนุนขึ้นมาจนเห็นแต่ยอดเสาไฟฟ้าแล้ว วัดจมน้ำไปแล้ว ทุกวันนี้กทม สูงกว่าระดับน้ำทะเลแค่ 1 เมตรเท่านั้น แล้วคิดดูสภาพอากาศในตอนนี้ หน้าฝนแปลกกว่าในหลายๆปี ลมแรงยังกะพายุ เมฆดำก้อนใหญ่มาก ยังกะฟ้าจะถล่ม เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

                        รณรงค์เข้าไปเถอะไองดโลกร้อนอะ มันไม่ทันแล้ว และมาทำตอนนี้ไม่มีประโยน์อะไร ผมไม่เห็นจะมีใครสนใจช่วยรณรงค์เลย ยังคงเห็นการใช้กล่องโฟม ถุงพลาสติก ปล่อยของเสียลงน้ำ รถยนต์ที่ขยันซื้อกันจัง ทั้งๆที่ก็รู้ว่ามันแพงและทุกวันนี้รถก็ติดมากขึ้นจนตอนนี้ถนนใน กทม จะมีที่วิ่งไม่พออยู่แล้ว ใครว่าคนไทยจน ผมแหละคนนึงที่ไม่เชื่อ

                        ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่มีข่าวออกมาเตือนชาวโลกเกี่ยวกับภัยพิบัติ 2012 ครั้งนี้ หรือคิดว่ากัวจะตื่นตูม เกิดจราจลเหมือนที่เราเคยเห็นในหนัง หรือเค้ากัวผู้คนหัวเราะเยาะถ้าถึงเวลาแล้วมันไม่ได้เกิดขึ้นมาจิงๆ อย่างน้อยๆก็น่าจะให้คนได้เตรียมพร้อมกันกการเผชิญหน้า 2012 ครั้งนี้

                        Comment


                        • #27
                          มีอีกมั้ยเอ่ย

                          Comment


                          • #28
                            พัลซ่าส์คืออะไรเหรอครับ อยากรู้มานานละ

                            Comment


                            • #29
                              Originally posted by linkinzeal View Post
                              พัลซ่าส์คืออะไรเหรอครับ อยากรู้มานานละ
                              ถามมา จัดไปครับ

                              พัลซาร์ และ ดาวนิวตรอน คือสิ่งเดียวกันครับ เพียงแต่ว่า ช่วงแรกของการค้นพบ นักดาราศาสตร์ยังไม่รู้ว่ามันคือสิ่งเดียวกัน

                              อาจจะสงสัยว่า ทำไมนักดาราศาสตร์ที่ค้นพบในช่วงแรกถึงคิดว่ามันคือคนละอย่าง ... ก็เพราะว่า วัตถุพวกนี้ ไม่สามารถจะส่องหาได้ด้วยกล้องธรรมดา ... จึงมีวิธีค้นหาโดยการใช้คลื่นวิทยุ

                              ต้องขอพาดพิงไปถึงเรื่อง สนามแม่เหล็กก่อนครับ ไม่งั้นจะงง

                              ดาวทุกๆดวง มีสนมแม่เหล็กเป็นของตนเอง โดยส่วนมาก หากมีมวลมาก (มวลคือความหนาแน่นของพื้นที่นะ ไม่เกี่ยวกับขนาด) สนามแม่เหล็กก็จะยิ่งสูง .... ทีนี้ มันก็เหมือนโลกเราครับ สนามแม่เหล็กจะอยู่ที่ขั้วโลกเหนือและใต้ .... เช่นกันครับ ดาวนิวตรอนและพัลซาร์ ก็อยู่ตรงนั้น ...

                              ตอนค้นพบพัลซาร์ก็คือ จับคลื่นความถี่สูงได้จากวัตถุบางอย่าง .... ซึ่งจริงๆแล้ว พัลซาร์ก็คือดาวนิวตรอนครับ เพียงแต่ พัลซาร์หันขั้วของมัน (เหนือ หรือ ใต้) ตรงมาที่โลกพอดี ทำให้มันยิงลำแสงอนุภาคสูงที่เกิดจากสนามแม่เหล็กอันมหาศาลของมัน ตรงมาที่โลกพอดี จึงทำให้เราเห็นว่า มันมีความถี่สูงมากๆ ส่วนดาวนิวตรอนก็หันด้านข้างของมันมาที่โลก เลยจับได้ต่ำกว่า แค่นั้นเองครับ จริงๆมันคืออันเดียวกัน

                              ถ้าถามว่า ดาวนิวตรอน คืออะไร .... ดาวนิวตรอน คือ ดาวฤกษ์ที่มีมวลมหาศาล (ส่วนมากจะมีขนาดใหญ่และเผาผลาญพลังงานเยอะมากๆ) ที่ดับลงแล้ว ... เราต้องเข้าใจนะครับว่า ดาวฤกษ์ทั้งหลายเป็นก๊าซนะครับ ไม่มีผิวดาวเป็นของแข็งแต่อย่างไร ... ทีนี้ ดาวฤกษ์คงอยู่ได้ด้วยการเผาผลาญก๊าซภายในตัวมัน ให้มีอุณหภูมิสูงมากๆ (วัตถุบนโลกที่ร้อนสุด มีความร้อนประมาณ 3000 เคลวิน แต่ดาวฤกษ์มีความร้อนอย่างน้อย หลายล้านเคลวิน) เมื่อมันเผาผลาญก๊าซจนหมด มันจะยุบตัว เป็นกฎของธรรมชาติครับ เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ เมื่อดาวฤกษ์มวลมหาศาลยุบตัว มันจะเกิดซุเปอร์โนวาครับ (ดาวฤกษ์ทุกดวง เมื่อดับ จะไม่ได้เป็นซุเปอร์โนวาทุกดวงนะครับ แล้วแต่มวลของมัน) หลังจากเกิดซุปเปอร์โนวาไปแล้ว ดาวจะกลายเป็นดาวนิวตรอน ที่มีขนาดแค่ประมาณ 10-20 กิโลเมตร แต่มีมวลเยอะมากๆ (มวลนั้นมาจากซากก๊าซที่เผาผลาญไป) อย่างที่ผมบอกไป ดาวหรือวัตถุใดๆก็ตาม มีมวลยิ่งเยอะ สนามแม่เหล็กก็ยิ่งสูง แรงกดดัน แรงดึงดูด ก็จะยิ่งสูง ... เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะไปสำรวจดาวนิวตรอน เพราะเพียงแค่เราเข้าใจไปใกล้ เราจะก็ถูกแรงกดดัน บีบอัดจนกลายเป็นปุ๋ยในพริบตา อาจจะกล่าวได้ว่า ทุกๆอะตอมของดาวนิวตรอน ไม่มีพื้นที่ว่างเหลือให้อะไรเข้าไปแทรกได้เลย และหากเราตักตวงมวลของดาวนิวตรอนปริมาตร 1 ช้อนชามาแตกออก จะมีปริมาตรเท่ากับพื้นที่ขนาดรถเมล์หลายสิบ-ร้อย คันเลยครับ

                              ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว มาต่อกันอีกเรื่องเลยดีก่า นั่นคือ ควอซาร์ เบลซาร์ และ กาแล็คซี่เซย์เฟิร์ท


                              ควอซาร์ ค้นพบโดยนักดาราศาตสร์ เมื่อประมาณ ปี 1950 (มั๊งนะ จำไม่ได้ชัวร์ๆ)

                              นักดาราศาสตร์พบว่า ควอซาร์ มีแหล่งกำเนิดพลังงานมหาศาลกว่า กาแล็คซี่ทั่วไปหลายพันเท่า ...

                              ซึ่งจริงๆแล้ว ควอซาร์ เบลซาร์ และ กาแล็คซี่เซยเฟิร์ท เป็นสิ่งเดียวกัน ... แต่ว่า กาแล็คซี่พวกนี้ มีหลุมดำขนาดยักษ์ อยู่ใจกลาง ... ซึ่ง อย่างที่ผมบอกไปแล้วในตอนดาวนิบิรุและเบลซาร์ว่า ดาวต่างๆในอวกาศ หากมีมวลมาก จะยิ่งมีสนามแม่เหล็กพลังงานสูงตามไปด้วย ทีนี้ หลุมดำเนี่ย เป็นที่รู้กันว่า ไม่มีปริมาตร แต่มีมวลไร้จำกัด ..... ยิ่งหลุมดำที่ใจกลางกาแล็คซี่เซย์เฟิร์ท ที่ดูดพลังงานมหาศาลมากมาย (มีสาเหตุและต้นกำเนิดมาจากอะไร อันนี้ยังไม่มีใครทราบนะ) ก็จะยิงอนุภาคพลังงานสูงมามากเท่านั้น (ตามพลังงานจากสนามแม่เหล็กครับ) เราก็เลยค้นพบอนุภาคพลังงานสูงจาก วัตถุเหล่านี้ อีกแล้วคับพี่น้อง

                              ซึ่ง เบลซาร์ก็คือ กาแล็คซี่เซย์เฟิร์ท ที่หันขั้วเหนือหรือใต้ มาตรงกับโลกพอดี
                              และ ควอซาร์ก็คือ กาแล็คซี่เซย์เฟิร์ท ที่หันข้างประมาณ 45 องศา มาที่โลก
                              และท้ายสุด กาแล็คซี่เซย์เฟิร์ท หันด้านข้างให้โลกพอดีครับ

                              Comment


                              • #30
                                Originally posted by arito View Post
                                นั้นแหละคือสิ่งที่ผมกัว มันจะเกิดขึ้นเหมือนที่ว่ามาไหมอันนี้50/50 เช่นกัน แต่ด้วยข้อมูลที่เปิดเผยมาเรื่อยๆ มันอาจจะเป็นไปได้
                                ซึ่งหลายๆคนเห็นว่ามันเป็นเรื่องตลกเรื่องไร้สาระ ระวังจะตลกไม่ออกเหมือนชาวบางขุนเทียนที่อยู่ริมทะเลอ่าวไทย โดนน้ำทะเลหนุนขึ้นมาจนเห็นแต่ยอดเสาไฟฟ้าแล้ว วัดจมน้ำไปแล้ว ทุกวันนี้กทม สูงกว่าระดับน้ำทะเลแค่ 1 เมตรเท่านั้น แล้วคิดดูสภาพอากาศในตอนนี้ หน้าฝนแปลกกว่าในหลายๆปี ลมแรงยังกะพายุ เมฆดำก้อนใหญ่มาก ยังกะฟ้าจะถล่ม เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

                                รณรงค์เข้าไปเถอะไองดโลกร้อนอะ มันไม่ทันแล้ว และมาทำตอนนี้ไม่มีประโยน์อะไร ผมไม่เห็นจะมีใครสนใจช่วยรณรงค์เลย ยังคงเห็นการใช้กล่องโฟม ถุงพลาสติก ปล่อยของเสียลงน้ำ รถยนต์ที่ขยันซื้อกันจัง ทั้งๆที่ก็รู้ว่ามันแพงและทุกวันนี้รถก็ติดมากขึ้นจนตอนนี้ถนนใน กทม จะมีที่วิ่งไม่พออยู่แล้ว ใครว่าคนไทยจน ผมแหละคนนึงที่ไม่เชื่อ

                                ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่มีข่าวออกมาเตือนชาวโลกเกี่ยวกับภัยพิบัติ 2012 ครั้งนี้ หรือคิดว่ากัวจะตื่นตูม เกิดจราจลเหมือนที่เราเคยเห็นในหนัง หรือเค้ากัวผู้คนหัวเราะเยาะถ้าถึงเวลาแล้วมันไม่ได้เกิดขึ้นมาจิงๆ อย่างน้อยๆก็น่าจะให้คนได้เตรียมพร้อมกันกการเผชิญหน้า 2012 ครั้งนี้

                                ก้อเหมือนซึนามิไง ..... เตือนกี่ทีไม่เคยเชื่อ มาทีเดียวตายเปนเบือ ไม่รู้ตายไปกี่หมื่น

                                Comment

                                Working...
                                X