Announcement

Collapse
No announcement yet.

กระทู้คุยกัน .... สนุก ๆ ครับ

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • รถถัง ต้องเมืองไทยแล้วล่ะครับ ..คุณเอ

    ตอน Jobs เป็นวัยรุ่น ผมยาว ฮิปปี้ครับ...หาเงินได้นิดหน่อยก็ต้องหาที่เที่ยวแล้ว ....
    ทำงานหาเงินจากการเก็บผลไม้ Apple ได้เงินจำนวนหนึ่งก็หาที่เที่ยว....แล้วที่เที่ยวของ Jobs ก็คือ อินเดีย...
    Jobs ไปอินเดียเจออะไรหลายอย่าง พบอะไรหลายสิ่ง แต่ก็ทึ่งในความเป็น อินเดีย
    อินเดียมีศาสนาต่าง ๆ เยอะมาก สิ่งหนึ่งที่ สั่งเกตุได้คือการแต่งกาย แต่ละนิกายจะแต่งกายคล้าย ๆ กัน...(เดี้ยวมาคุยเรื่องนี้ต่อนะครับ..)
    อีกอย่างหนึ่งคือ เสือ อินเดียเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่ามีเสือเยอะนะครับ ....Jobs เอาจุดนี้นี่เองมาตั้งชื่อเป็น codename ของ operating system อันใหม่อันนี้นี่เองที่เป็นที่มาของ Tiger ที่ Jobs ปล่อยออกมา
    ฮือฮามากครับ ....เจ๋งมากเลย...ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอคอยอยากจะจับผลงานชิ้นนี้...

    Comment


    • รออ่านต่อ.....เนตเล่นไม่ได้4วันใจจะขาดรอนๆ...........เพิ่งเล่นได้พายุเข้าซะอ่วมเลยครับ

      Comment


      • Originally posted by drprachya View Post
        รถถัง ต้องเมืองไทยแล้วล่ะครับ ..คุณเอ

        ตอน Jobs เป็นวัยรุ่น ผมยาว ฮิปปี้ครับ...หาเงินได้นิดหน่อยก็ต้องหาที่เที่ยวแล้ว ....
        ทำงานหาเงินจากการเก็บผลไม้ Apple ได้เงินจำนวนหนึ่งก็หาที่เที่ยว....แล้วที่เที่ยวของ Jobs ก็คือ อินเดีย...
        Jobs ไปอินเดียเจออะไรหลายอย่าง พบอะไรหลายสิ่ง แต่ก็ทึ่งในความเป็น อินเดีย
        อินเดียมีศาสนาต่าง ๆ เยอะมาก สิ่งหนึ่งที่ สั่งเกตุได้คือการแต่งกาย แต่ละนิกายจะแต่งกายคล้าย ๆ กัน...(เดี้ยวมาคุยเรื่องนี้ต่อนะครับ..)
        อีกอย่างหนึ่งคือ เสือ อินเดียเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่ามีเสือเยอะนะครับ ....Jobs เอาจุดนี้นี่เองมาตั้งชื่อเป็น codename ของ operating system อันใหม่อันนี้นี่เองที่เป็นที่มาของ Tiger ที่ Jobs ปล่อยออกมา
        ฮือฮามากครับ ....เจ๋งมากเลย...ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอคอยอยากจะจับผลงานชิ้นนี้...
        มองอีกมุมนึง Code Name ของ Big cat ก็เป็นชื่อของรถถังครับอาจารย์

        ไว้หาเจอจะเอาบทความที่เค้าวิเคราะห์อีกอันมาให้ดู

        Comment


        • Originally posted by axdaman View Post
          มองอีกมุมนึง Code Name ของ Big cat ก็เป็นชื่อของรถถังครับอาจารย์

          ไว้หาเจอจะเอาบทความที่เค้าวิเคราะห์อีกอันมาให้ดู
          จริง ๆ ด้วยครับคุณเอ

          ขึ้นเวทีทุกครั่้ง Jobs ต้องแต่งตัวเหมือนกันทุกครั้ง....
          คิดดูสิ เค้ามีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า ?

          Comment


          • Originally posted by drprachya View Post
            จริง ๆ ด้วยครับคุณเอ

            ขึ้นเวทีทุกครั่้ง Jobs ต้องแต่งตัวเหมือนกันทุกครั้ง....
            คิดดูสิ เค้ามีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า ?
            ไม่ต้องขึ้นเวทีหรอกครับ ออกรายการ ออกงานประชุม นั่งกินกาแฟคุยกับเกตต์ ก็แต่งตัวเหมือนเดิม ยืดดำแขนยาวพับแขน ยีนส์ฟ้า เหมือนเดิม


            มีอะไรแอบแฝงครับอาจารย์

            Comment


            • Jobs เป็นฮิปปี้มาก่อนครับ
              ถ้าไม่แต่งตัวเซ่อ ๆ ไปเลย ก็ต้งรุ่มร่ามไปเลย..หรือแต่งตัวแบบง่าย ๆ ไปเลย
              ทีนี้จะต้องขึ้นเวที Keynote นี่มันเรื่องใหญ่นะครับ....
              นอกจากนั้น จากการที่ Jobs ไปอินเดียมา เค้าได้เห็นว่า ศาสดาของนิกายต่าง ๆ จะมีเอกลักษณ์ของการแต่งกาย รวมทั้งสาวกด้วย...
              อย่างไรก็ตาม...อย่าไปนึกนะครับว่า Jobs จะสร้างนิกาย หรือศาสนาขึ้นมา เพียงแต่เค้าคิดว่า ถ้ามีคนเยอะ ๆ มาชอบสิ่งเดียวกัน เค้าน่าจะมีอะไรที่ทำให้คนพวกนี้จำเค้าได้ง่ายขึ้น...
              อีกอย่างหนึ่ง Jobs เป็นคนที่เกลียด เน็คไทด์ มาก เค้าไม่เคยผูกเน็คไทด์นะครับ...
              ครั้งสุดท้ายที่ใช้ ก็เป็นงานที่เค้าต้องไปแสดงความยินดี และเป็นแขกให้กับ อดีตรองประธานาธิบดี Al Gore ที่ได้รับรางวัลโนเบล...
              คุณเอน่าจะหารูปนี้ได้นะครับ...ฮิ ๆ

              Comment


              • เอามาให้อ่านขำๆครับ ฝรั่งก็คิดไปเรื่อย คนตอบได้จริงๆว่าทำไมเอาชื่อ Big cat มาก็คงคนทำนะครับ ^^



                During this summer, I realized that Apple's naming of versions seems a tad odd... Background We were sitting around a table in the beautiful Swedish archipelago, having a drink and chatting a little. Big men talk about big guns, right? So, we were discussing different German tank models. Not being just a man, but a


                อันที่ผมเชื่อว่าน่าจะจริงก็อันนี้ครับ

                Mac News is your go-to source for the latest updates, reviews, and insights on Apple's Mac computers.


                แนะนำให้อ่านอันสุดท้ายครับ

                Comment


                • รูปที่เจอกับอัลกอร์ เป็นรูปที่ใส่ทักซิโดแต่จ๊อบส์ไม่ได้ผูกหูกระต่ายครับ



                  รูปผูกไทจะเป็นภาพนี้ แปลกตามากๆ



                  ส่วนรูปสุดท้ายตอนแกอ้วนๆครับ เราเห็นแต่ตอนป่วยจนชินตาไปซะแล้ว



                  ผมยังแค่แฟนฉาบฉวยครับ สาวกตัวจริงต้องอาจารย์ ผมรอฟังต่อนะครับ

                  Comment


                  • เจ๋งมากเลยคุณเอ...

                    Jobs เป็นมะเร็งชนิดหนึ่งนะครับ เข้าใจว่าเป็นบริเวณตับอ่อน Pancrease
                    ถ้าอยู่เมืองไทยนี่ ผมขอเจาะเลือดตรวจแล้ว..ฮิ ๆ
                    จริง ๆ แล้ว Jobs ยังไม่เคยมาเมืองไทย (เป็นทางการ..มั้ง?)
                    ผมเคยนั่งทานอาหารกลางวันกับผู้บริหารของ Apple Thailand (ภภ.) ก็คุยกันหลายเรื่อง ผมก็บอกว่าน่าจะเชิญ Jobs มาเที่ยวเมืองไทย...
                    ปรากฎว่า ผู้บริหารท่านนั้นบอกว่า...อย่างเลยครับอจ. พวกผมยุ่งตายเลยยยย
                    ก่อนจะเป็น Keynote Speech ของ Jobs แต่ละครั้งนั้น คนเตรียมงานนี่เครียดไปตาม ๆ กันเลย
                    ทุกคนต้องรักษาความลับ (ที่ไม่ค่อยจะรักษาได้สักเท่าไหร่) ของผลิตภัณฑ์ที่จะพูดในงาน โดยให้ Jobs เป็นคนเดียวที่พูดคนแรก....
                    ที่สำคัญคือ Jobs จะเป็นคนแสดง functions ต่าง ๆ เบื้องต้นให้เห็นกันจะ ๆ เลย....
                    กลยุทธ์อันหนึ่งที่ Jobs ชอบใช้คือชอบพูดคำว่า...บูม...(Boom) และชอบการเปรียบเทียบมาก...
                    ยกตัวอย่างเช่น....

                    Comment


                    • Steve jobs + Boom

                      Paramount Network is home to boundary-pushing scripted and non-scripted shows, featuring unforgettable characters and immersive stories on Yellowstone, Bar Rescue, Ink Master and more.


                      If you had three and a half hours and absolutely nothing better to do, you could edit together a video of all the times Steve Jobs says "boom" in his


                      มาเป็นกองหนุนให้อาจารย์ครับ ผมนี่นักเสิร์จกูเกิลตัวพ่อเลยครับอาจารย์ ^^

                      Comment


                      • เข้มข้นขึ้นทุกทีแล้วครับ น่าติดตามจริงๆ

                        Comment


                        • เข้มข้นขึ้นทุกทีแล้วครับ น่าติดตามจริงๆ

                          Comment


                          • มาดันรออาจารย์ครับ

                            Comment


                            • ภาพจ๊อบส์เมื่อปี 1984 ก็เท่ากับปี 2527 ผมอายุ 10ขวบพอดีเลย หล่อไหมครับ ^^

                              Comment


                              • เนื่องด้วย ช่วงนี้ผมไม่ว่างมากๆ คงจะเขียนทีล่ะนิดๆ น่ะครับ อย่างไรก็อย่าเพิ่งเบื่อกันน่ะ 555

                                The Dream of Mac

                                ความพยายามในการนำเอา Mac OS X มาใช้บน PC ถือได้ว่าเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในวงการคอมพิวเตอร์เลย ซึ่งความพยายามเหล่านี้
                                มีมานานพอสมควรแล้ว เมื่อสมัยก่อนที่ Mac ใช้ CPU ตระกูล Power PC ก็จะเห็นได้ว่ามีการใช้ Emulator จำลองสถาปัตยกรรม Power PC
                                มาเพื่อให้สามารถลง Mac OS X ได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลยคือ โปรแกรม Pear PC ซึงเป็น Emulator ตัวแรกสุดที่สามารถรัน Mac OS X
                                ได้ สมัยนั้นผมก็ได้ใช้เจ้า Pear PC เพื่อจะได้ลองเล่น Mac OS X กับเค้าเหมือนกัน (อยู่ ม. 5 ได้มั้ง 555)
                                Why We Dream about Using Mac On X86 ?

                                ทำไมถึงมีความพยายามในการรัน Mac บน PC ทั่วๆไปมากนักน่ะ ? ถ้าหากถามคำถามนี้ในมุมของคนใช้ทั่วไปก็อาจจะตอบว่า
                                เพราะ Mac แท้ๆนั้นมันแพงเหลือเกิน อยากใช้ Mac บน PC ที่ถูกๆบ้าง. ประมาณนี้

                                แต่ถ้าถามในมุมของนักคอมพิวเตอร์ชั้นเซียนทั้งหลายว่าทำไมถึงอยากนำ Mac มารันบน PC ทั่วๆไป ก็คงจะต้องตอบว่า
                                เพราะมันมีความเป็นไปได้ในการทำน่ะสิ !

                                ถ้าจะให้ย้อนถึงเรื่องราวของการนำ Mac มารันบน PC ทั่วๆไปนั้น จะต้องย้อนหลังไปอีกนานเลยทีเดียว

                                ย้อนไปในวันที่ 31 พฤษภาคม 1985 วันนั้นเป็นวันที่ สตีฟ จ็อปส์ ถูกไล่ออกจากบริษัท Apple บริษัทที่เขาสร้างขึ้นมากับมือ
                                แต่ถึงกระนั้น คนอย่างจ็อปส์ไม่ได้ตายง่ายๆในวงการไอที เขาก็ได้มีความคิดใหม่ขึ้นในการบางสิ่งที่จะเรียกได้ว่า "next big thing" ขึ้น
                                ผลที่ได้คือการตั้งบริษัทใหม่ที่ชื่อว่า NeXT Computer, Inc. ขึ้น ซึ่งภาระกิจหลักๆของบริษัทนี้คือการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ในระดับ
                                Workstation ซึ่งระบบปฏิบัติการที่จะเหมาะที่สุดสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์เหล่านี้ก็คือพวก UNIX แต่ UNIX นั้นใช้งานยากเหลือเกิน

                                บริษัทของตาจ็อปส์เลยสร้างระบบปฏิบัติการที่ชื่อ NeXTSTEP ขึ้น...

                                NeXTSTEP For Apple Mac OS

                                NeXTSTEP นั้นเป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากบรรดานักวิจัยทั้งหลาย อันเนื่องมาจากการที่
                                NeXTSTEP นั้นเป็น UNIX ที่ใช้งานได้ง่ายมากๆ ที่ NeXTSTEP นั้นใช้งานได้ง่ายเพราะมันมีพื้นฐานจาก Mach kernel
                                และ BSD โดยเฉพาะอย่างยิ่งกานใช้ Mach kernel ที่เป็น microkernel กล่าวคือ ใน Kernel นั้นจะมีแต่ส่วนประกอบ
                                ที่สำคัญมากๆเท่านั้น ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้อง Compile Kernel ใหม่บ่อยๆ

                                NeXTSTEP นั้นมีการใช้ Display Postscript ซึ่งพัฒนาจากภาษา Postscript ที่ใช้ในการสั่งงานเครื่องพิมพ์แบบ
                                Postscript มาใช้ในการสร้างกราฟฟิกติดต่อกับผู้ใช้ การใช้ Display Postscript นี้ทำให้ ภาพที่อยู่บนจอกับภาพที่พิมพ์
                                นั้นตรงกันมากๆ

                                นี้คือจุดแข็งทั้ง 2 ของ NeXTSTEP ก่อนที่จะมาเป็นจุดแข็งของ Mac OS X อย่างแท้จริง
                                The Apple Crisis

                                ย้อนกลับมาที่ตัวบริษัท Apple เองซึ่งกำลังมีปัญหาทางธุรกิจอย่างหนัก การที่มีคู่แข่งที่น่ากลัวอย่าง Microsoft นั้นที่พัฒนา
                                Windows 3.11 และพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาถึง Windows NT4.1 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ดีมากๆในเวลานั้น (เช่นระบบ
                                Networking , WIN32 API เป็นต้น) และจนในที่สุดได้ออก Windows 95 ขึ้นทำให้ตัว Apple เองจำเป็นต้องออกระบบ
                                ปฏิบัติการที่ไม่น้อยหน้า Windows 95 มาด้วยแต่ Apple ก็ล้มเหลวมาตลอดทั้ง โครงการ Star Trek , Raptor , NuKernel ,
                                Taligent , TalOS และ Pink OS โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการ Copland ที่เรียกได้ว่า Apple พยายามปรับปรุงมาได้ดีที่
                                สุดแล้ว (มีทั้งระบบ Symmetric Multiprocessing, Preemptive Multitasking, Virtual Memory และอื่นๆ) ต่าง
                                ล้มเหลวทั้งหมด

                                Apple ล้มเหลวกับการสร้างระบบปฏิบัติการของตนเองจนทำให้ต้องมองหาระบบปฏิบัติการของบริษัทอื่นมาใช้ โดยที่ Apple
                                ได้มองนั้นมีหลายตัวด้วยกันอย่าง Windows NT , Solaris จนมาถึง BeOS ซึ่ง CEO ของ Apple ในตอนนั้นอย่าง Gil Amelio
                                เองก็สนใจ BeOS เป็นอย่างมาก จนกระทั่งสายโทรศัพท์หนึ่งดังขึ้นในห้องทำงานของ Gil Amelio

                                เจ้าของเสียงนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน หากเป็นเสียงของ สตีฟ จ็อปส์ นั้นเอง...
                                Return of the kings
                                สตีฟ จ็อปได้ต่อสายตรงไปยัง กิลล์ เอมิลิโอ CEO ของ Apple ว่าเจ้า BeOS ที่กำลังจะชื้อนั้น
                                ไม่ได้เหมาะสมกับการใช้งานบน Macintosh หรอก เนื่องด้วยเหตุผลหลายประการ เช่นความ
                                ไม่ยืดหยุ่น เป็นต้น และก็ได้ขายของตัวเองซ่ะเลยโดยแนะนำ กิลล์ ไปว่า OS ที่เหมาะกว่านั้น
                                คือ NeXTSTEP นั้นเอง

                                จนในที่สุดเดือนกุมภาพันธ์ปี 1997 Apple ก็ได้ชื้อบริษัท NeXT ที่ราคา 427 ล้านเหรียญ
                                และได้จ็อปส์เข้ามาเป็น ที่ปรึกษา ว่ากันว่า ดีลนี้แอ็ปเปิ้ลไม่ใช่อากชื้อ NeXT แต่อยากชื้อตัว
                                สตีฟ มากกว่าซ่ะอีกอย่างไรก็ดีคำแนะนำของ จ็อปส์นั้นก็ยังไม่ได้เป็นที่ต้องการของบอรด์
                                บริหาร Apple อยู่ดีจนจ็อปส์เริ่มเบื่อและทุ่มเทให้กับการสร้างบริษัท PIXAR

                                แต่ทว่าสถาณะการณ์ของบริษัท Apple ก็เริ่มย่ำแย่ลง โดยเฉพาะเรื่องการเงินที่มีการทุ่มทุน
                                ในหลายๆโครงการแต่ไม่ได้มีผลงานออกมาจนในที่สุดบอรด์บริหารก็ได้สั่งปลด กิลล์ เอมิลิโอ
                                ออกจากตำแหน่ง CEO

                                และแต่งตั้งสตีฟกลับมาเป็น CEO ชั่วคราว และต่อมาเป็น CEO เต็มตัวของบริษัท...
                                Why ! History

                                จากที่เล่าประวัติอย่างยืดยาวของบริษัท Apple มานั้น ลายคนอาจจะมีคำถามว่า เอาแล้วทำไมหล่ะ มันเกี่ยวกันอย่างไรกับวงการ
                                แม็คเท่ห์หล่ะ ผมก็จะย้้อนไปกับความคิดที่ว่าก็ การติดตั้ง Mac OS X บน PC ทั่วๆไปมันมีความเป็นไปได้ จะเห็นได้ว่า Steve
                                นั้นได้นำเอาระบบปฏิบัติการที่ยืดหยุ่นอย่าง NeXTSTEP เข้ามายัง Apple และได้พัฒนาจาก NeXTSTEP นี้มาจนกลายเป็น
                                Rhapsody และกลายเป็น Mac OS X ในที่สุด ซึ่ง NeXTSTEP จากที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้นนั้นจะเห็นได้ว่า NeXTSTEP
                                เป็นระบบปฏิบัติการแบบ UNIX Based ทำให้มันเป็นไปได้อย่างมากในการที่จะ Compile kernel ให้รันบนสถาปัตยกรรมต่างๆ
                                ทำให้หลายคนมีความหวังในการติดตั้ง Mac OS X บน PC จนมีข่าวลือว่ามีโครงการลับๆในแค้มป์ของ Apple ที่มีชื่อว่า Marklar
                                ในการ Port Mac OS X มาให้ใช้งานบนสถาปัตยกรรม์ X86 ได้

                                ซึ่งภายหลังนั้นได้ถูกยืนยันจากปากของสตีฟเองว่าโครงการที่ว่านั้น มีอยู่จริง...
                                Light at the end of turnel

                                การพัฒนา Mac OS X นั้นก็ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องจาก Mac OS X Cheetah (10.0) Puma (10.1),
                                Jaguar (10.2), Panther (10.3) และจนในที่สุด Tiger (10.4) Mac OS X พัฒนามาจนอยู่ในจุดที่เหนือ
                                กว่าตัว Windows แล้ว แต่ทว่าปัญหาตอนนี้เกิดขึ้นที่ตัว CPU PowerPC เองที่เริ่มพัฒนาได้ช้า (G5 ไม่ถึงหลัก
                                3GHz) กินไฟมาก (จนเอาลง PowerBook ไม่ได้) ก็เลยมีข่าวลืออย่างหนาหูว่า Apple จะเปลี่ยนไปใช้ CPU
                                Intel ซึ่งเป็น CPU ในสถาปัตยกรรม X86 แทน

                                จนกระทั่งในงาน WWDC ปี 2005 สตีฟ จ็อปส์นั้นได้ประกาศถึงกรเปลี่ยนแปลงการผลิต Mac มาใช้สถาปัตยกรรม์
                                ของ Intel หรือ X86 ทั้งหมด

                                ซึ่งนั้นคือแสงสว่างที่เจิดจ้าที่สุดของการนำ Mac OS X มาลงบี PC ทั่วๆไปแล้ว..
                                WWDC 2005 : The First Intel Mac
                                แสงสว่างที่ ซาน ฟรานซิสโก ในเช้าวันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2005 สว่าขึ้นเท่ากับเป็นการประกาศการมาถึงของงานใหญ่ที่
                                สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทแอ็ปเปิ้ลงานหนึ่ง WWDC 2005

                                ในวันศุกร์อาทิตย์ก่อนหน้านั้นข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วอินเตอร์เน็ท ข่าวลือที่ว่า Apple แปรผันจากการใช้ CPU PowerPC
                                ไปเป็น Intel นั้นสร้างความปั่นป่วนไปทั่ว เว็ปไซต์เกี่ยวกับแม็คหลายๆแห่ง อย่าง MacRumors , AppleInsider เกิด
                                การโต้เถียงกันอย่างกว้างขวาง ความครุมเครือในข่าวนี้นั้นทำให้งาน WWDC 2005 นั้นกลายเป็นจุดสนใจมากที่สุด
                                มากกว่าครั้งใดๆ ที่เคยจัดมาของบริษัท Apple

                                "สวัสดีตอนเช้า ขอต้อนรับสู่ WWDC 2005" สิ้นเสียงนั้นสตีฟก็ได้พูดเกี่ยวกับ iTunes และ Mac OS X Tiger ที่เพิ่ง
                                ออกสู่ตลาดเมื่อไม่นานก่อนหน้านั้น หากแต่สิ่งที่ทุกคนในฮอลลนั้นสนใจไม่ใช่สิ่งที่ สตีฟ กำลังพูดอยู่เลยแม้แต่น้อย

                                สิ่งที่ทุกคนสนใจคือเรื่องการย้ายสายการผลิตแม็คจากการใช้ CPU Power PC มาเป็น CPU Intel ซึ่งเป็นคำถามค้าง
                                คาใจของพวกเขาต่างหาก

                                "It's true" ทันใดนั้นเองสตีฟก็ได้ยืนยันว่ามีการวางแผนในเรื่องนี้จริงและมันกำลังจะเกิดขึ้น..
                                The Developer Transition
                                ในงาน WWDC 2005 นั้นเนื้อหาหลักๆก็คือการย้ายสายการผลิตแม็คจากการใช้ CPU Power PC มาเป็น CPU Intel
                                โดยที่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป กล่าวคือ แมคตัวแรกที่เป็นอินเทลจะออกในเดือนมิถุนายนปี 2006
                                และแมคทุกรุ่นที่วางขายจะใช้ CPU Intel เมื่อจบปี 2007

                                "สำหรับลูกค้าการเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มต้นปีหน้า ส่วนพวกคุณนักพัฒนาโปรแกรมมันเริ่มขึ้นแล้ววันนี้" สตีฟได้บอกกับ
                                เหล่านักพัฒนาโปรแกรมในงาน WWDC 2005 สิ้นเสียงนั้นสตีฟ ก็ได้บอกเหตุผลว่าทำไมถึงต้องเปลี่ยน สตฟ ได้ชี้
                                ให้เห็นถึงสินค้า 2 ตัว ตัวแรกคือ PowerMac G5 ซึ่งสตีฟได้สัญญาว่าจะต้องมีความเร็วถึงระดับ 3 GHz แต่ก็ยังไม่ถึง และ
                                PowerBook ที่ยังไม่มีรุ่นที่ใช้ CPU G5 ซ่ะที ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมาจากสถาปัตย์กรรมของตัว PowerPC นั้นเอง
                                จึงต้องเปลี่ยนมาเป็น Intel

                                จากนั้นจึงได้ยืนยันถึงความที่ Mac OS X นั้นมีการดีไซน์แบบ Cross Platform ตลอดเวลาที่พัฒนาอยู่แล้ว ตั้งแต่ 10.0
                                มา Mac รันได้ทั้งบน Intel และ PowerPC มาตลอด การย้ายครั้งนี้จึงไม่มีปัญหาอันใดเลย

                                จากนั้นจึงได้เปิดตัว Mac ที่ใช้ซีพียูของ Intel ตัวแรกสุดนั้นก็คือ Developer Transition Kit Mac (ADP2,1 ใครที่ใช้
                                แม็คเท่ห์มาตั้งแต่แรกๆคงจะคุ้นกับรหัสนี้ใน About this mac) ซึ่งก็เป็น PC ทั่วๆไปแบบที่เรานำมาประกอบใช้กันนั้นแหละ
                                มี CPU Intel Pentium 4 660 3.6 GHz แรม DDRII 1 GB กราฟฟิกออนบอรด์ GMA900

                                นั้นจึงเป็นสิ่งที่บอกกับเหล่านักแฮ็คว่ามาเลยมาลองดู ในเมื่อฮารด์แวรของแม็คนั้นเป็น PC ทั่วๆไปแล้วทำไมไม่มาลองแฮ็คลง
                                เครื่องคุณๆกันหล่ะ

                                และด้วยความคิดนั้นแหละครับความสำเร็จก็มาถึง...
                                In the end We got it but..
                                ภายหลังจากงาน WWDC 2005 แล้วนั้นความหวังที่จะนำเอา OS X มาใช้บน PC นั้นเจิดจ้ามากๆ
                                มีการตั้งเว็ปไซต์แห่งหนึ่งขึ้นชื่อว่า OS X 86 Project (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Insanely Mac)
                                เริ่มตั้นนั้นมีไม่น่าเกิน 20 คนได้มั้ง (ผมก็ไปตะแล๊ดแต๊ดแต๋ กะเค้าเหมือนกัน) ก็มีการศึกษาถึงความ
                                เป็นไปได้ในการติดตั้ง Mac OS X บน PC และก็ได้พบปัญหาว่าบน Developer Transition Kit
                                Mac (ต่อไปจะเรียกว่า DTK น่ะครับ) นั้นมีการติดตั้งชิป TPM ซึ่งจะมีการเช็คกับตัว Kernel ของ
                                Mac OS X อยู่ จึงมีการบายพาสตัว Kernel ของ OS X ขึ้นโดดยการ Compile Kernel ใหม่
                                จนกระทั่งในที่สุด

                                เราก็เอา Mac OS X มารันบน PC ทั่วๆไปได้ (จากจุดนั้นผมก็จึงเปิดเว็ป MacMafia 555)

                                แต่ทว่า.......
                                NeXTSTEP for both our mac , and hack
                                จากความหวังในตอนแรก คือ Mac OS X เป็น Unix Based สร้าง Emulator ขึ้นมารัน Mac OS X
                                มาจนถึงความหวังมากที่สุดหลังงาน WWDC 2005 ในี่สุดเราก็ได้ติดตั้ง Mac OS X บนพีซีได้สำเร็จ.

                                เราได้ทำการติดตั้ง Mac OS X บน PC ได้แล้วแต่ทว่าคำถามคาใจต่ออนาคตของแม็คเท่ห์นั้นยังคงมีอยู่...
                                ต่อไป 10.4.3 มาจะยังลงได้อีกมั้ย 10.4.4 หล่ะถ้า Mac Intel แท้ๆเครื่องแรกออกหล่ะหรือ 10.6
                                ในอนาคตหล่ะยังจะลงได้หรือไม่ สิ่งเหล่านั้นเป็นคำถามาใจเหล่า Mac Hacker มาเสมอ ทั้งๆที่เราผ่านพ้น
                                มาทั้งหมด 10.4.4 ที่ออกพร้อมกับ Mac Intel ตัวแรกที่ออกขายในตลาดทั่วๆไป Intel iMac และ
                                MacBook Pro ที่เราเคยเจอปัญหา EFI Boot เราก็ผ่านพ้นมาได้โดยวิธีการทำ Darwin bootloader
                                10.5 ที่เราคิดว่า Apple คงจะต้องป้องกันให้มากขึ้นมากขึ้น เราก็ผ่านมันมาได้ 10.5.2 ก็ผ่าน ตอนนี้
                                10.5.6 เราก็ยังลงได้ หรือแม้แต่แผ่นแท้ๆเลยไม่มีแการแก้ไข Kernel ตอนนี้เราก็ลงได้.. มันก็เหมือน
                                กับเหรียญที่มี 2 ด้านแหละครับ มีคนผูกก็มีคนแก้

                                ส่วนตัวผมการที่ได้เติบโตไปพร้อมกับการเรียนรู้สถาปัตย์กรรมระบบปฏิบัติการที่ดีที่สุดในโลกนั้นเป็นสิ่ง
                                ที่มีคุณค่ามากๆต่อชีวิตผม ทั้งในด้านสาขาอาชีพที่ผมจะเดินต่อไป การแบ่งปันให้กับพี่น้องทุกๆคนในเว็ป
                                แห่งนี้ทุกสิ่งมีคุณค่าทั้งนั้น

                                บทความนี้ผมไม่อยากเขียนตอนจบครับ เพราะมันไม่มีตอนจบ เราก็คงต้องเดินทางต่อไปเรื่อยๆ เรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆ
                                มีมุขใหม่ๆมาเรื่อยๆ ผมอยากให้มองว่าความพยายามในการติดตั้ง Mac OS X บน PC นั้นเป็นความท้าทาย
                                อย่างหนึ่ง แม้ว่าที่บ้านผมตอนนี้จะมี Mac แท้ๆมากกว่า PC แล้ว (Mac Pro , MacBook Pro , MacBook
                                Air , Mac mini ในขณะที่มี PC 3 เครื่อง) ผมก็ยังคงลอง Mac เท่ห์อย่างสม่ำเสมอ ได้รู้เทคนิคใหม่ๆที่เขาใช้กัน
                                มันได้กำไรทุดเม็ดทุกหน่วยเลยหล่ะครับ ทั้งได้ใช้ Mac OS X และในแง่ของการพัฒนาความรู้ในด้านสถาปัตย์กรรม
                                ระบบปฏิบัติการด้วย

                                ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันครับ..
                                เขียนขึ้นโดย คุณ Amethyst ที่ http://www.digiplankton.com
                                ก๊อบมาวางโดย hartmk

                                Comment

                                Working...
                                X