Tweet
มาต่อกันที่นี่ดีกว่า....จะได้ไม่โดนคุณ nrat ว่าเอา
-
Last edited by drprachya; 19 Apr 2010, 05:20:43. -
มาปูเสื่อรอข้อสอง ให้อาจารย์เล่าให้ฟังต่อครับ คนไม่รู้จะได้ทราบโดยทั่วถึงกัน
ยกมาจากกระทู้นี่้ครับ
-
อิอิ แอบเซ็งเหมือนกัน
เพิ่งถอย mbp13" มาเมื่อกลางปีที่แล้ว
เห็น spec ตัวใหม่ ก็ทำเซ็งเหมือนกันComment
-
ดีครับ
ก่อนอื่นต้องขอโทษคุณ BOokz ด้วย ไม่มีเจตนาว่าคนขายแมคที่หน้าร้าน iStudio เลย
ผมคิดว่าความหมายคือ ถ้าทำตลาดไม่ได้ดี นะครับ เพราะมีแรงหนุนจาก brand อยู่แล้วนะครับ
คือ ง่ายกว่าขาย no brand นะครับ ยกตัวอย่างเช่น ABC Computer เป็นต้น...
ก่อนไปข้อสอง มีเรื่องเล่าให้ฟังแทรกไว้ นะครับ
Jobs เคยมีนโยบายว่า ....ต้องมีเงินสดอยู่ในบริษัท อย่างน้อย 1 พันล้านเหรียญ ซึ่งสมัยแรกของเค้าก็ทำได้จริง ๆ Apple Computer Inc., มีเงินสดเยอะมาก แล้ว Jobs ก็บอกว่าเป็นนโยบายว่า ...แม้ว่า Apple Computer Inc., จะขายเครื่องไม่ได้สักเครื่องในรอบปี Apple Computer Inc., ก็ยังอยู่ได้ คือสามารถทำการพัฒนาทั้ง Hardware และ Software ต่อไปได้
Apple มีเงินมากจนกระทั่งไปซื้อเอา Super Computer ยี่ห้อ Cray มาใช้ในการคำนวณ และออกแบบ
จนมีเจ้าหน้าที่ของ บริษัท Cray เข้าไปพบกับ Mr Cray ที่เป็นบิดาของ super computer แล้วบอกว่า ...
...Mr Cray ครับ เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ที่บริษัท Apple Computer Inc., ได้สั่ง supercomputer ของเราไปใช้....
Mr Cray หันหลังกลับมา แล้วก็อมยิ้ม พร้อมก้บเอยว่า....เอ้อ..ตลกดีนะ คือฉันกำลังใช้ Macintosh ออกแบบ Cray super computer รุ่นใหม่อยู่เนี้ย....
เรื่องที่ 2 ที่ Jobs พูดในงานรับปริญญาของ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เค้าบอกว่า
เรื่องโชคร้าย และโชคดีเรื่องที่สองคือ ...เค้าเป็นมะเร็ง ซึ่งทำให้เค้าดูซูบผอมไปเยอะมาก มีครั้งหนึ่งเค้าคิดว่าเค้าตายแน่ ๆ แล้ว คือหมดกำลังใจ ไปหาหมอเพื่อตรวจเนื้อร้าย ช่วงที่รอฟังผลนั้น เค้าแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย และไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม แต่โชคดีก็คือ..หมอบอกว่า เป็นมะเร็งที่มีคนเป็นน้อยมาก (เข้าใจว่าเป็นมะเร็งส่วนหนึ่งของตับอ่อน) และได้ตัดมันท้ิงไปแล้ว...แล้ว Jobs ก็ยังสามารถมายืนพูดในงานนี้ได้....
เรื่องที่ 3 คือเรื่อง...Comment
-
ต้องขออภัยคุณ dr prachya ด้วยเช่นกันครับ พอดีแค่มีความคิดที่ต่างออกไปเท่านั้นครับ และนำประสบการณ์ตรงมาเล่าสู่กันฟังครับComment
-
เป็น brand ที่ขายตัวเองได้ตลอดเวลานะคับเนี่ย แต่ก็อย่างว่าเนาะ อยากได้ของแถมบ้างอ่ะComment
-
ผมว่าดูๆไปแอปเปิลชักไม่ใช่ แอปเปิลของIsacc Newtonแล้ว
แต่กลับเป็นแอปเปิลของงู สัญญะของปีศาจชั่วร้าย ในไบเบิลComment
-
@เสี่ยเอ
เป็นเรื่องปกติครับที่ iTunes Store ไทยจะไปไม่รอด ลองคิดดูขนาด Apps iPhone ที่ว่าแครกยากๆแล้ว คนไทยยังพยายามขวนขวายจะลง Crack ให้ได้ ทั้งๆที่ราคา Apps ก็ไม่ได้สูงมาก แล้วนับประสาอะไรกับ เพลงที่ไม่ติด DRM ซึ่งลงง่ายๆโหลดง่ายๆ ยังไงๆก็ไม่รอดแน่นอนครับ ยิ่งมาตรฐานยอดขายที่ต้องการของ Apple ยิ่งสูงกว่าเจ้าอื่นอยู่ด้วย
@คุณบุ๊ค
ผมเข้าใจนะครับว่าคนขาย Mac หลายๆคนก็เหนื่อยกับลูกค้า และลูกค้าก็มีหลายประเภท บางรายก็ไม่ได้เรื่องเอามากๆ แต่ที่สำคัญคือเราเป็นคนขายครับ หน้าที่เราคือรับมือกับลูกค้าให้ได้ ซึ่งนั่นก็เป็นการพิสูจน์ความสามารถของเราไปอีกทางหนึ่ง
ขอเล่าประสบการณ์ให้ฟังนะครับ มีวันนึงผมเข้า iStudio เพื่อจะไปดู Panel IPS ใหม่ของ iMac ทันใดนั้นไม่ถึง 5 วินาทีมีพนักงานชายคนนึงเดินเข้ามาถามว่าให้ช่วยอะไรมั้ย ผมตอบไปว่าไม่เป็นไรจะขอดูจอ iMac หน่อย แล้วพนักงานคนนั้นก็เดินเข้ามาที่เครื่องที่ผมดูเปิดเว็บ iStudio แล้วบอกผมว่าช่วยกรอกข้อมูลให้หน่อย แล้วค่อยดูต่อ ซึ่งตอนนั้นผมกำลังดูจออยู่ดีๆ รู้สึกว่าทำไมต้องมาขัดด้วย
ผมเลยกรอกแค่ชื่อลงไป พนักงานคนนั้นบอกว่าต้องกรอกให้หมด ทั้งชื่อ สกุล เบอร์โทร อีเมล์ สาเหตุที่เข้ามาดู ตอนนั้นงงเลย คิดในใจ อะไร(วะ)แค่จะเข้ามาดู ดันให้กรอกข้อมูลอย่างกะจะเข้าประเทศ ผมเลยบอกไม่เป็นไร ไว้โอกาสหน้าละกัน แล้วเดินออกจากร้านไปเลย
คือผมก็เข้าใจนะว่านโยบายของ Apple เค้าต้องให้พนักงานคุยและเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างน้อย 5 รายต่อวัน แต่มันควรจะมีวิธีที่ดีกว่านี้สิ วิธีที่เค้ามาเก็บข้อมูลจากผมเหมือนไม่ใส่ใจลูกค้า แบบว่าข้าขอแค่จำนวนหัวคิวต่อวันเป็นพอ ถ้าตอนนั้นเค้าตอบผมมาว่า เชิญตามสบายเลยครับ ถ้ามีปัญหาเรียกถามได้ แล้วตอนผมดูเสร็จหรือจะออกจากร้านมาขอให้ผมช่วยกรอกข้อมูล โดยบอกว่าเพื่อนำไปปรับปรุงการบริการอะไรพวกนี้ ผมจะยินดีกรอกให้เลยครับComment
-
ข้อมูลแบบสอบถามตรงนั้น เป็นสิ่งที่ดีต่อ Apple ครับ
ซึ่งการจะได้มาซึ่งข้อมูลตรงนี้ พนักงานต้องสาธิตสินค้า การใช้งาน หรือให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้า
หากคุณ errin รู้สึกถึงความไม่ถูกต้อง สามารถ complain โดยตรง ที่ มุม Contact us ใน เว็บ iStudio.in.th ได้เลยครับComment
-
555 ผมขำแต่ก็แอบเห็นด้วย ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นใช่ไหมเนี่ยที่กัดแอปเปิ้ลเข้าไปแล้ว :OOriginally posted by Tad View PostComment
-
เรื่องที่ 3 เป็นเรื่องที่ Jobs บอกว่าเจ็บปวดมาก คือเรื่องที่เค้าถูกไล่ออกจาก Apple ซึ่งเป็นบริษัทที่เค้าสร้างมากับมือ และคนที่ไล่เค้าออกก็เป็นคนที่เค้าเอาเข้ามาทำงานเอง...Jobs บอกว่ามันเจ็บปวดมากจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม นับว่าเป็นโชคดีที่เค้าออกมาแล้ว ไม่ยอมแพ้ ได้สร้างตำนานขึ้นอีกคือเค้าได้รวบรวมพรรคพวก และคนที่เป็นนายทุน ทำ NeXT ขึ้นมา เค้าบอกว่า จากการที่เค้าได้เรียนวิทยาลัย เค้าชอบเรื่องของ ตัวหนังสือมาก ตัวหนังสือที่เป็นภาพที่คมชัด การจัดเรียงบนจอ และส่ิงนี้เองที่เค้าเอาเข้ามาใช้กับ Mac ทำให้ Mac ในช่วงแรก ๆ เป็นเครื่องมือประจำโรงพิมพ์ และคนที่ใช้ Mac เค้าก็จะเรียกว่าเป็นคนที่มีของเล่น (toy) มากว่า computer เพราะตอนนั้น คนที่เป็นเซียน คอม จริง ๆ ต้องสามารถจำ command line ได้เยอะ ๆ เขียนโปรแกรมได้เก่ง ๆ เป็น พัน ๆ บรรทัด
Jobs บอกว่าจากการที่เค้าถูกบังคับให้เลิกยุ่งกับ Mac OS เค้าก็เลยต้องพัฒนาขึ้นมาใหม่
ตรงนี้ Jobs ฉลาดมาก คือเค้ามีเวลาไม่มาก หมายถึงเค้าอยากให้งานเค้าเสร็จเร็ว ๆ เค้าก็เลยหันไปพัฒนา OS ใหม่จาก Unix Core operating system โดยใช้ BSD เป็นฐาน ทำให้ได้ NeXT ขึ้นมาใช้ และมีคนนำไปพัฒนาขึ้นมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน มหาวิทยาลัย และกองทัพ
และ NeXT นี้เองเป็นเครื่องมือชิ้นเดียวที่คนคิด internet ที่เราใช้ในปัจจุบันนี้ ใช้ในการพัฒนา...
(ผมจำชื่อคนนี้ไม่ได้แล้ว ... ใครจำได้บ้าง ?)
ตอนสุดท้ายที่ Jobs พูดในวันนั้น เป็นส่ิงที่ดีมาก ๆ เลย...เค้าพูดว่า.....Comment
-
ขอเข้ามาดูเงียบครับ ^^Comment
-
http://en.wikipedia.org/wiki/Internet มันคลุมเครือครับอาจารย์เจ้า ARPANET เนี่ยOriginally posted by drprachya View Post
รอฟังอาจารย์ต่อ
ท่านไหนแจมได้นะครับ สังคมแห่งการเรียนรู้จะเกิดจากการแชร์กัน
มันจึงจะเป็น Knowledge sharing community ครับLast edited by axdaman; 15 Apr 2010, 18:30:17.Comment
-
กำลังซึ้ง (ใช่ป่าวเนี่ย)Comment
-
แอบมาดู ว่ามีอารายกานแบบเงียบๆ = =Comment
Comment