NTFS (New Technology File System)
ออกแบบมาเพื่อใช้กับระบบ ปฏิบัติการ Windows NT โดยเฉพาะ
เป็นระบบไฟล์ที่ออกแบบเพื่อให้มีศักยภาพในการประมวลผลข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ และนำมาใช้กับระบบปฏิบัติการเครือข่ายที่ต้องมีการควบคุมระบบความปลอดภัย
สนับสนุนการตั้งชื่อไฟล์หรือ ไดเร็คทอรี่แบบยาว ได้ถึง 255 ตัวอักษร
NTFS มีข้อดีคือ
1.มีความสามารถในการบีบอัดข้อมูล (File Compression)ให้ได้พื้นที่เก็บข้อมูลมากขึ้น โดยไฟล์ที่เก็บข้อมูลเป็นตัวอักษรจะบีบอัดได้ประมาณ 50 % ถ้าเป็นไฟล์แบบ .exe จะประหยัดเนื้อที่ได้ประมาณ 40 %
2.มีความสามารถในการกำหนดสิทธิ์ (Permission) การเข้าถึงข้อมูลให้กับผู้ใช้งานแต่ละคน ว่าให้ใครเข้าถึงข้อมูลไฟล์ไหนได้บ้าง แล้วสามารถอ่านได้อย่างเดียวหรือ แก้ไขได้ด้วย
3.มีความสามารถในการเข้ารหัสข้อมูลได้
4.NTFS สามารถรองรับขนาดของไฟล์และพาร์ติชันได้ใหญ่กว่า แบบ FAT ในทางทฤษฎีสามารถรองรับขนาดของไฟล์และพาร์ติชันรวมกันได้ถึง 16 Exabyte (EB) แต่ในทางปฎิบัติ สามารถรองรับขนาดของไฟล์ได้ 4-64 GB ส่วนขนาดของพาร์ติชันรองรับได้ 2 TB
5.มีความสามารถจัดการกับ Cluster ที่เกิดปัญหา ซึ่งจะใช้วิธีการที่เรียกว่า Bad- Cluster Mapping คือเมื่อระบบพบว่ามี Bad Sector บน Harddisk ก็จะจัดหา Cluster ใหม่แล้วย้ายข้อมูลจาก Cluster เก่ามาใส่ให้โดยอัตโนมัติ จากนั้นจึงกำหนด Cluster เก่าเป็น Bad Sector
ใน ระบบ FAT จะ ไม่สนับสนุนการบีบอัดข้อมูล การเข้ารหัสข้อมูล และไม่มี Feature ในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลด้วยการกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูล ซึ่งต่างกับระบบ NTFS
ข้อเสียของ ของ NTFS ในยุคของ Windows NT คือไม่สามารถมองเห็นฮาร์ดดิสก์ที่เป็น File System แบบ FAT และในทางกลับกันระบบ FAT ก็จะมองฮาร์ดดิสก์ที่เป็น NTFS ไม่เห็นเช่นกัน
แต่เมื่อมีระบบปฏิบัติการ Windows 2000 และ Windows XP ทำให้ฮาร์ดดิสก์ที่มีระบบไฟล์แบบ NTFS สามารถมองฮาร์ดดิสก์ที่มีระบบไฟล์แบบ FAT ได้ เพราะ ระบบปฏิบัติการ Windows 2000 และ Windows XP มีความสามารถในการสนับสนุน File System ทั้งแบบ FAT และ NTFS ทำให้ระบบปฏิบัติการ Windows 2000 และ Windows XP สามารถที่จะมองฮาร์ดดิสก์ทั้งแบบ NTFS และ FAT
ถ้า Shutdown แบบไม่ถูกครรลองประเพณี(FAT32) จะต้องมา check disk กันทุกครั้ง
แต่ถ้าเป็น NTFS มันจะไม่ค่อย check diskยกเว้นกรณีที่ Map และ Index ของ NTFS เกิดเสียหายถึงจะ check disk
File Fat32 ที่ Boot Dos เห็น Ntfs ได้ครับชื่อไฟล์ NtfsDosPro ครับ สุดยอดจริงๆ
ถ้า file ใหญ่กว่า 2G NTFS ดีกว่าจะได้ไม่ต้องตัดแบ่งเป็นหลาย file เหมือนใน fat32
ขอตอบแบบภาษาชาวบ้านนะครับ
1. ถ้าคุณใช้ "Windows Me" ต้องใช้ FAT32 เพราะว่ามันจะมองไม่เห็น NTFS
2. แต่ถ้าคุณใช้ "Windows XP" หรือ "Windows 2000" คุณมีสิทธิ์ที่จะเลือกใช้ ได้ทั้ง NTFS หรือ FAT32
3. ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูจุดประสงค์ในการใช้งานด้วย หากคุณใช้HDD โดยไม่มีโอกาสที่จะนำ HDD ไปต่อพ่วงกับเครื่องอื่นเพื่อถ่ายข้อมูล โดยที่เครื่องอื่นใช้ Windows Me อยู่ก็ใช้ NTFS ก็ได้ โดยข้อดีของ NTFS ทางเทคนิคเหนือกว่า FAT32(ตาม ความเห็น5) แตในทางกลับกัน หากคุณยังมีความจำเป็นในอนาคตที่จะต้องนำHDD ตัวนี้ไปถ่ายข้อมูลกับของเพื่อนๆที่เขายังไม่ได้ใช้ WindowsXP หรือ2000 แล้วละก็ FAT32 ดูจะเป็นทางออกที่ดีกว่า (Compatible กว่าเพราะใครๆก็มองเห็น)
ออกแบบมาเพื่อใช้กับระบบ ปฏิบัติการ Windows NT โดยเฉพาะ
เป็นระบบไฟล์ที่ออกแบบเพื่อให้มีศักยภาพในการประมวลผลข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ และนำมาใช้กับระบบปฏิบัติการเครือข่ายที่ต้องมีการควบคุมระบบความปลอดภัย
สนับสนุนการตั้งชื่อไฟล์หรือ ไดเร็คทอรี่แบบยาว ได้ถึง 255 ตัวอักษร
NTFS มีข้อดีคือ
1.มีความสามารถในการบีบอัดข้อมูล (File Compression)ให้ได้พื้นที่เก็บข้อมูลมากขึ้น โดยไฟล์ที่เก็บข้อมูลเป็นตัวอักษรจะบีบอัดได้ประมาณ 50 % ถ้าเป็นไฟล์แบบ .exe จะประหยัดเนื้อที่ได้ประมาณ 40 %
2.มีความสามารถในการกำหนดสิทธิ์ (Permission) การเข้าถึงข้อมูลให้กับผู้ใช้งานแต่ละคน ว่าให้ใครเข้าถึงข้อมูลไฟล์ไหนได้บ้าง แล้วสามารถอ่านได้อย่างเดียวหรือ แก้ไขได้ด้วย
3.มีความสามารถในการเข้ารหัสข้อมูลได้
4.NTFS สามารถรองรับขนาดของไฟล์และพาร์ติชันได้ใหญ่กว่า แบบ FAT ในทางทฤษฎีสามารถรองรับขนาดของไฟล์และพาร์ติชันรวมกันได้ถึง 16 Exabyte (EB) แต่ในทางปฎิบัติ สามารถรองรับขนาดของไฟล์ได้ 4-64 GB ส่วนขนาดของพาร์ติชันรองรับได้ 2 TB
5.มีความสามารถจัดการกับ Cluster ที่เกิดปัญหา ซึ่งจะใช้วิธีการที่เรียกว่า Bad- Cluster Mapping คือเมื่อระบบพบว่ามี Bad Sector บน Harddisk ก็จะจัดหา Cluster ใหม่แล้วย้ายข้อมูลจาก Cluster เก่ามาใส่ให้โดยอัตโนมัติ จากนั้นจึงกำหนด Cluster เก่าเป็น Bad Sector
ใน ระบบ FAT จะ ไม่สนับสนุนการบีบอัดข้อมูล การเข้ารหัสข้อมูล และไม่มี Feature ในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลด้วยการกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูล ซึ่งต่างกับระบบ NTFS
ข้อเสียของ ของ NTFS ในยุคของ Windows NT คือไม่สามารถมองเห็นฮาร์ดดิสก์ที่เป็น File System แบบ FAT และในทางกลับกันระบบ FAT ก็จะมองฮาร์ดดิสก์ที่เป็น NTFS ไม่เห็นเช่นกัน
แต่เมื่อมีระบบปฏิบัติการ Windows 2000 และ Windows XP ทำให้ฮาร์ดดิสก์ที่มีระบบไฟล์แบบ NTFS สามารถมองฮาร์ดดิสก์ที่มีระบบไฟล์แบบ FAT ได้ เพราะ ระบบปฏิบัติการ Windows 2000 และ Windows XP มีความสามารถในการสนับสนุน File System ทั้งแบบ FAT และ NTFS ทำให้ระบบปฏิบัติการ Windows 2000 และ Windows XP สามารถที่จะมองฮาร์ดดิสก์ทั้งแบบ NTFS และ FAT
ถ้า Shutdown แบบไม่ถูกครรลองประเพณี(FAT32) จะต้องมา check disk กันทุกครั้ง
แต่ถ้าเป็น NTFS มันจะไม่ค่อย check diskยกเว้นกรณีที่ Map และ Index ของ NTFS เกิดเสียหายถึงจะ check disk
File Fat32 ที่ Boot Dos เห็น Ntfs ได้ครับชื่อไฟล์ NtfsDosPro ครับ สุดยอดจริงๆ
ถ้า file ใหญ่กว่า 2G NTFS ดีกว่าจะได้ไม่ต้องตัดแบ่งเป็นหลาย file เหมือนใน fat32
ขอตอบแบบภาษาชาวบ้านนะครับ
1. ถ้าคุณใช้ "Windows Me" ต้องใช้ FAT32 เพราะว่ามันจะมองไม่เห็น NTFS
2. แต่ถ้าคุณใช้ "Windows XP" หรือ "Windows 2000" คุณมีสิทธิ์ที่จะเลือกใช้ ได้ทั้ง NTFS หรือ FAT32
3. ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูจุดประสงค์ในการใช้งานด้วย หากคุณใช้HDD โดยไม่มีโอกาสที่จะนำ HDD ไปต่อพ่วงกับเครื่องอื่นเพื่อถ่ายข้อมูล โดยที่เครื่องอื่นใช้ Windows Me อยู่ก็ใช้ NTFS ก็ได้ โดยข้อดีของ NTFS ทางเทคนิคเหนือกว่า FAT32(ตาม ความเห็น5) แตในทางกลับกัน หากคุณยังมีความจำเป็นในอนาคตที่จะต้องนำHDD ตัวนี้ไปถ่ายข้อมูลกับของเพื่อนๆที่เขายังไม่ได้ใช้ WindowsXP หรือ2000 แล้วละก็ FAT32 ดูจะเป็นทางออกที่ดีกว่า (Compatible กว่าเพราะใครๆก็มองเห็น)
Comment