Announcement

Collapse
No announcement yet.

จะช่วยกันหรือปล่อยไป ร่างพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คนไทยต้องเลือก ก่อนที่ร่างนี้จะผ่าน

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • จะช่วยกันหรือปล่อยไป ร่างพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คนไทยต้องเลือก ก่อนที่ร่างนี้จะผ่าน

    ตัวกฏหมาย http://ilaw.or.th/node/857

    ประเด็นที่1 เพิ่มนิยาม ?ผู้ดูแลระบบ?

    มาตรา4 เพิ่ม นิยามคำว่า ?ผู้ดูแลระบบ? หมายความว่า ?ผู้มีสิทธิเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการแก่ผู้อื่นในการเข้าสู่อิน เทอร์เน็ต หรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการอื่น โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น?

    ใน กฎหมายเดิมมีการกำหนดโทษของ ?ผู้ให้บริการ? ซึ่งหมายถึงผู้ที่ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต หรือให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่า การพยายามเอาผิดผู้ให้บริการซึ่งถือเป็น ?ตัวกลาง? ในการสื่อสาร จะส่งผลต่อความหวาดกลัวและทำให้เกิดการเซ็นเซอร์ตัวเอง อีกทั้งในแง่ของกฎหมายคำว่าผู้ให้บริการก็ตีความได้อย่างกว้างขวาง คือแทบจะทุกขั้นตอนที่มีความเกี่ยวข้องในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารก็ล้วนเป็น ผู้ให้บริการทั้งสิ้น

    สำหรับ ร่างฉบับใหม่ที่เพิ่มนิยามคำว่า ?ผู้ดูแลระบบ? ขึ้นมานี้ อาจหมายความถึงเจ้าของเว็บไซต์ เว็บมาสเตอร์ แอดมินระบบเครือข่าย แอดมินฐานข้อมูล ผู้ดูแลเว็บบอร์ด บรรณาธิการเนื้อหาเว็บ เจ้าของบล็อก ขณะที่ ?ผู้ให้บริการ? อาจหมายความถึงผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต

    ตาม ร่างกฎหมายนี้ ตัวกลางต้องรับโทษเท่ากับผู้ที่กระทำความผิด เช่น หากมีการเขียนข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง กระทบกระเทือนต่อความมั่นคง ผู้ดูแลระบบและผู้ให้บริการที่จงใจหรือยินยอมมีความผิดทางอาญาเท่ากับผู้ที่ กระทำความผิด และสำหรับความผิดต่อระบบคอมพิวเตอร์ เช่นการเจาะระบบ การดักข้อมูล หากผู้กระทำนั้นเป็นผู้ดูแลระบบเสียเอง จะมีโทษ1.5 เท่าของอัตราโทษที่กำหนดกับคนทั่วไป

    ประเด็นที่ 2 คัดลอกไฟล์ จำคุกสูงสุด 3 ปี

    สิ่ง ใหม่ในกฎหมายนี้ คือมีมาตรา16 ที่ เพิ่มมาว่า ?ผู้ใดสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ?

    ทั้งนี้ การทำสำเนาคอมพิวเตอร์ อาจหมายถึงการคัดลอกไฟล์ การดาว์นโหลดไฟล์จากเว็บไซต์ต่างๆ มาตรานี้อาจมีไว้ใช้เอาผิดกรณีการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์หรือเพลง แต่แนวทางการเขียนเช่นนี้อาจกระทบไปถึงการแบ็กอัปข้อมูล การเข้าเว็บแล้วเบราว์เซอร์ดาว์นโหลดมาพักไว้ในเครื่องโดยอัตโนมัติหรือที่ เรียกว่า ?แคช? (cache เป็น เทคนิคที่ช่วยให้เรียกดูข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น โดยเก็บข้อมูลที่เคยเรียกดูแล้วไว้ในเครื่อง เพื่อให้การดูครั้งต่อไป ไม่ต้องโหลดซ้ำ) ซึ่งผู้ใช้อาจมิได้มีเจตนาหรือกระทั่งรับรู้ว่ามีกระทำการดังกล่าว

    ประเด็นที่ 3 มีไฟล์ลามกเกี่ยวกับเด็ก ผิด

    ในมาตรา25 ?ผู้ ใดครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งมีลักษณะอันลามกที่เกี่ยวข้องกับเด็กหรือ เยาวชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ?

    เป็นครั้งแรกที่มีการระบุขอบเขตเรื่อง ลามกเด็กหรือเยาวชนโดยเฉพาะขึ้น แต่อย่างไรก็ดี ยังมีความคลุมเครือว่า ลักษณะอันลามกที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนนั้นหมายความอย่างไร นอกจากนี้ มาตราดังกล่าวยังเป็นการเอาผิดที่ผู้บริโภค ซึ่งมีความน่ากังวลว่า การชี้วัดที่ ?การครอบครอง? อาจทำให้เกิดการเอาผิดที่ไม่เป็นธรรม เพราะธรรมชาติการเข้าเว็บทั่วไป ผู้ใช้ย่อมไม่อาจรู้ได้ว่าการเข้าชมแต่ละครั้งดาว์นโหลดไฟล์ใดมาโดย อัตโนมัติบ้าง และหากแม้คอมพิวเตอร์ถูกตรวจแล้วพบว่ามีไฟล์โป๊เด็ก ก็ไม่อาจหมายความได้ว่าผู้นั้นเป็นเจ้าของ หรือเป็นผู้ดูผู้ชม

    ประเด็นที่ 4 ยังเอาผิดกับเนื้อหา

    มาตรา24 (1) นำ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่ไม่ตรงต่อความเป็นจริง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความ ตื่นตระหนกแก่ประชาชน

    เนื้อความข้างต้น เป็นการรวมเอาข้อความในมาตรา14 (1) และ (2) ของ กฎหมายปัจจุบันมารวมกัน ทั้งนี้ หากย้อนไปถึงเจตนารมณ์ดั้งเดิมก่อนจะเป็นข้อความดังที่เห็น มาจากความพยายามเอาผิดกรณีการทำหน้าเว็บเลียนแบบให้เข้าใจว่าเป็นหน้าเว็บ จริงเพื่อหลอกเอาข้อมูลส่วนบุคคล (phishing) จึง เขียนกฎหมายออกมาว่า การทำข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมถือเป็นความผิด แต่เมื่อแนวคิดนี้มาอยู่ในมือนักกฎหมายและเจ้าหน้าที่ ได้ตีความคำว่า ?ข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม? เสียใหม่ กลายเป็นเรื่องการเขียนเนื้อหาอันเป็นเท็จ และนำไปใช้เอาผิดฟ้องร้องกันในเรื่องการหมิ่นประมาท ความเข้าใจผิดนี้ยังดำรงอยู่และต่อเนื่องมาถึงร่างนี้ซึ่งได้ปรับถ้อยคำใหม่ และกำกับด้วยความน่าจะเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่น ตระหนกแก่ประชาชน มีโทษจำคุกสูงสุด ห้าปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    หาก พิจารณาจากประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐในการดำเนินคดีคอมพิวเตอร์ที่ผ่านมา ปัญหานี้ก่อให้เกิดการเอาผิดประชาชนอย่างกว้างขวาง เพราะหลายกรณี รัฐไทยเป็นฝ่ายครอบครองการนิยามความจริง ปกปิดความจริง ซึ่งย่อมส่งผลให้คนหันไปแสดงความคิดเห็นในอินเทอร์เน็ตแทน อันอาจถูกตีความได้ว่ากระทบต่อความไม่มั่นคงของ ?รัฐบาล? ข้อความกฎหมายลักษณะนี้ยังขัดต่อสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการแสดงความคิด เห็นโดยไม่จำเป็น

    ประเด็นที่5 ดูหมิ่น ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

    มาตรา26 ผู้ ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพ ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น หรือข้อมูลอื่นใด โดยประการที่น่าจะทำให้บุคคลอื่นเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย หรือเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นข้อมูลที่แท้จริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    ที่ผ่านมามีความพยายามฟ้องคดีหมิ่น ประมาทซึ่งกันและกันโดยใช้พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์จำนวนมาก แต่การกำหนดข้อหายังไม่มีมาตราใดในพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ที่จะใช้ได้อย่างตรงประเด็น มีเพียงมาตรา 14 (1) ที่ระบุเรื่องข้อมูลอันเป็นเท็จดังที่กล่าวมาแล้ว และมาตรา 16 ว่าด้วยภาพตัดต่อ ในร่างพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับใหม่ได้สร้างความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ใช้ตั้งข้อ หาการดูหมิ่นต่อกันได้ง่ายขึ้นข้อสังเกตคือ ความผิดตามร่างฉบับใหม่นี้กำหนดให้การดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาทมีโทษจำคุกสามปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท ทั้งที่การหมิ่นประมาทในกรณีปกติ ตามประมวลกฎหมายอาญามีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท

    ประเด็นที่6 ส่งสแปม ต้องเปิดช่องให้เลิกรับบริการ

    มาตรา21 ผู้ ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เป็นจำนวนตามหลักเกณฑ์ที่ รัฐมนตรีประกาศกำหนด เพื่อประโยชน์ทางการค้าจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นเดือดร้อนรำคาญ และโดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้รับข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ สามารถบอกเลิกหรือแจ้งความประสงค์เพื่อปฏิเสธการตอบรับได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    จากที่กฎหมายเดิมกำหนดเพียงว่า การส่งจดหมายรบกวน หากเป็นการส่งโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มา ถือว่าผิดกฎหมาย ในร่างฉบับใหม่แก้ไขว่า หากการส่งข้อมูลเพื่อประโยชน์ทางการค้า โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้รับสามารถบอกเลิกหรือแจ้งความประสงค์เพื่อปฏิเสธการ บอกรับได้ ทั้งนี้อัตราโทษลดลงจากเดิมที่กำหนดโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท มาเป็นจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

    ทั้ง นี้ ยังต้องตั้งข้อสังเกตด้วยว่า หากการส่งข้อมูลดังกล่าว แม้จะเป็นเหตุให้บุคคลอื่นเดือดร้อนรำคาญ แต่ไม่ได้ทำไปเพื่อประโยชน์ทางการค้า ก็จะไม่ผิดตามร่างฉบับใหม่นี้

    ประเด็นที่7 เก็บโปรแกรมทะลุทะลวงไว้ คุกหนึ่งปี

    มาตรา23 ผู้ ใดผลิต จำหน่าย จ่ายแจก ทำซ้ำ มีไว้ หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ชุดคำสั่ง หรืออุปกรณ์ที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความ ผิดตามมาตรา 15 มาตรา 16 มาตรา 17 มาตรา 18 มาตรา 19 และมาตรา 20 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    น่าสังเกตว่า เพียงแค่ทำซ้ำ หรือมีไว้ซึ่งโปรแกรมที่ใช้เจาะระบบ การก๊อปปี้ดาวน์โหลดไฟล์อย่างทอร์เรนท์ การดักข้อมูล การก่อกวนระบบ ก็มีความผิดจำคุกไม่เกินหนึ่งปี ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท เรื่องนี้น่าจะกระทบต่อการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์โดยตรง

    ประเด็นที่ 8 เพิ่มโทษผู้เจาะระบบ

    สำหรับ กรณีการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ เดิมกำหนดโทษจำคุกไว้ไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ร่างกฎหมายใหม่เพิ่มเพดานโทษเป็นจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท(เพิ่มขึ้น 4 เท่า)

    ประเด็นที่ 9 ให้หน้าที่หน่วยใหม่ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)

    ร่าง กฎหมายนี้กำหนดหน้าที่ให้หน่วยงานซึ่งมีชื่อว่า ?สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)? เรียกโดยย่อว่า ?สพธอ.? และให้ใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า ?Electronic Transactions Development Agency (Public Organization)? เรียกโดยย่อว่า ?ETDA? เป็นองค์การมหาชนภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงไอซีที

    หน่วยงานนี้ เพิ่งตั้งขึ้นเป็นทางการ ประกาศผ่าน ?พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็คทรอนิสก์ พ.ศ. 2554? เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 54 โดยเริ่มมีการโอนอำนาจหน้าที่และจัดทำระเบียบ สรรหาประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 มี.ค. 54

    ใน ร่าง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับใหม่นี้ กำหนดให้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) มีบทบาทเป็นฝ่ายเลขานุการของ ?คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์? ภายใต้ร่างพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับที่กำลังร่างนี้

    นอกจากนี้ หากคดีใดที่ต้องการสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดซึ่งอยู่ในต่างประเทศ จะเป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุด ในร่างกฎหมายนี้กำหนดว่า พนักงานสอบสวนอาจร้องขอให้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์(องค์การ มหาชน) เป็นผู้ประสานงานกลางให้ได้ข้อมูลมา

    ประเด็นที่10 ตั้งคณะกรรมการ สัดส่วน 8 ? 3 ? 0 : รัฐตำรวจ-ผู้ทรงคุณวุฒิ-ประชาชน

    ร่าง กฎหมายนี้เพิ่มกลไก?คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทาง คอมพิวเตอร์? ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นรองประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ผู้ อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งโดยระบุตัวบุคคลจากผู้มี ความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ในด้านกฎหมาย วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ การเงินการธนาคาร หรือสังคมศาสตร์จำนวนสามคน โดยให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปี

    คณะกรรมการชุด นี้ ให้ผู้แทนจากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์(องค์กรมหาชน), สำนักงานกำกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (สังกัดกระทรวงไอซีที), สำนักคดีเทคโนโลยี (สังกัดกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม), และ กลุ่มงานตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำความผิดทางเทคโนโลยี กองบังคับการสนับสนุนทางเทคโนโลยี (บก.สสท.) (สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) เป็นเลขานุการร่วมกัน

    คณะกรรมการชุดนี้มีอำนาจหน้าที่แต่งตั้ง พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ออกระเบียบ ประกาศ ตามที่กำหนดในพ.ร.บ.นี้ และมีอำนาจเรียกบุคคลมาให้ถ้อยคำหรือส่งเอกสารหลักฐาน รวมถึง ?ปฏิบัติการอื่นใด? เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ โดยให้ถือว่าคณะกรรมการและอนุกรรมการเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

    จดหมายเปิดผนึกถึงประชาชนและผู้ใช้อินเทอร์เน็ต
    เรื่อง ขอให้ร่วมกันแสดงออกเพื่อ ?หยุด? การนำร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฉบับใหม่
    เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน


    วันที่ 18 เมษายน 2554



    เรียน ประชาชนและผู้ใช้อินเทอร์เน็ต
    สำเนาถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.กระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร

    เรื่อง ขอให้ร่วมกันแสดงออกเพื่อร่วมกัน ?หยุด? การนำร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฉบับใหม่ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยไม่ฟังเสียงประชาชน


    เนื่องด้วยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ กระทรวงไอซีที ได้จัดทำร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ขึ้นมาใหม่ โดยมีแนวโน้มว่าจะเสนอร่างกฎหมายนี้เข้าสู่วาระที่หนึ่ง ซึ่งเป็นการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีให้ทันก่อนยุบสภาสมัยนี้

    ประเด็นสำคัญในร่างกฎหมายดังกล่าวถูกนำเสนอในสื่อมวลชนและเว็บไซต์ต่างๆ [ http://ilaw.or.th/node/857 ] พบว่าสาระสำคัญของร่างกฎหมายสร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้เล่นอินเทอร์เน็ตและ ผู้ให้บริการที่อาจได้รับผลกระทบจากกฎหมาย มีเนื้อหาที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพเกินความจำเป็น นอกจากจะไม่ได้แก้ไขปัญหาเดิมที่เคยเกิดขึ้นในพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 แล้ว ยังเพิ่มสาระสำคัญที่ยิ่งสวนทางกับการแก้ปัญหาอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์

    ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ฉบับปัจจุบัน ได้แก่ ความพยายามเอาผิดกับตัวกลางผู้ให้บริการ ซึ่งส่งเสริมวัฒนธรรมการจับแพะและการเซ็นเซอร์ตัวเอง เจ้าหน้าที่ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ไม่ต้องมีความรู้ความสามารถแต่มีอำนาจสูง และมีอำนาจควบคุมข่าวสารและการแสดงความคิดเห็นของประชาชน นอกจากนี้ยังมีหลายมาตราที่เขียนไม่ชัดเจน เปิดช่องให้ตีความได้กว้างขวาง

    ร่างกฎหมายฉบับใหม่นั้น พบว่าไม่ได้แก้ปัญหาเดิม แต่กลับยิ่งเพิ่มเนื้อหาหลายมาตราอันจะส่งผลให้ผู้ดูแลระบบซึ่งเป็นตัวกลาง มีความเสี่ยงต่อโทษอาญาสูงขึ้น โปรแกรมหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและเข้าถึงข้อมูลอาจกลายเป็น โปรแกรมผิดกฎหมาย การสำเนาข้อมูลก็เสี่ยงต่อการถูกตีความว่าผิดกฎหมาย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ก็ไม่มีสัดส่วนและที่มาที่เชื่อมโยงกับประชาชนเลยแม้แต่น้อย ตัวบทหลายมาตราไม่ชัดเจนเปิดช่องให้ตีความได้กว้างขวางตามดุลยพินิจ ของผู้บังคับใช้กฎหมายฝ่ายเดียว จนสามารถกล่าวได้ว่า ร่างกฎหมายนี้จะทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกคนมีโอกาสทำผิดกฎหมายโดยไม่รู้ ตัว


    กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ เป็นกฎหมายสำคัญที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชน ไม่ควรดำเนินการอย่างเร่งรีบ การไม่เปิดพื้นที่ให้เกิดการมีส่วนร่วมชวนให้ตั้งคำถามได้ว่า ผลประโยชน์ที่แท้จริงตกแก่ฝ่ายใด ซึ่งการสร้างความชอบธรรมในกฎหมายสามารถทำได้โดยเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม แก้ไขกฎหมายอย่างเต็มที่

    แม้อาจกล่าวได้ว่า กว่ากฎหมายจะออกมาได้ต้องผ่านอีกหลายขั้นตอนที่อาจเปิดโอกาสให้ประชาชนมี ส่วนร่วมได้ก็ตาม แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้วก็ไม่สามารถแก้ไขในหลักการและสาระสำคัญได้ การสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่วมเสนอแก้ไขกฎหมาย สามารถทำได้ตั้งแต่วันนี้ โดยไม่ต้องผัดวันประกันพรุ่งให้เป็นภาระของอนาคต

    บุคคลและองค์กรซึ่งมีรายชื่อลงนามในท้ายจดหมายฉบับนี้ ขอเรียกร้องให้ยุติการเสนอร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์พ.ศ....เข้าสู่กระบวนการ ทั้งนี้ ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมเสนอข้อแก้ไขหรือทำประชาพิจารณ์

    ร่วมกันแสดงความคิดเห็นได้ที่ เพื่อพวกเราและตัวของเราเอง ไปแคร์ทำไมคนต่างชาติได้ที่ ลงชื่อเพื่อคัดค้าน หรือเห็นด้วย


    จะ Ban ผมก็ไม่ว่ากัน ถ้า Ban ขออย่างให้กระทู้นี้อยู่ต่อไป
    Last edited by ball; 26 Apr 2011, 01:29:20.

  • #2
    ประเด็นที่ 2 คัดลอกไฟล์ จำคุกสูงสุด 3 ปี

    สิ่ง ใหม่ในกฎหมายนี้ คือมีมาตรา16 ที่ เพิ่มมาว่า ?ผู้ใดสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ?

    ทั้งนี้ การทำสำเนาคอมพิวเตอร์ อาจหมายถึงการคัดลอกไฟล์ การดาว์นโหลดไฟล์จากเว็บไซต์ต่างๆ มาตรานี้อาจมีไว้ใช้เอาผิดกรณีการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์หรือเพลง แต่แนวทางการเขียนเช่นนี้อาจกระทบไปถึงการแบ็กอัปข้อมูล การเข้าเว็บแล้วเบราว์เซอร์ดาว์นโหลดมาพักไว้ในเครื่องโดยอัตโนมัติหรือที่ เรียกว่า ?แคช? (cache เป็น เทคนิคที่ช่วยให้เรียกดูข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น โดยเก็บข้อมูลที่เคยเรียกดูแล้วไว้ในเครื่อง เพื่อให้การดูครั้งต่อไป ไม่ต้องโหลดซ้ำ) ซึ่งผู้ใช้อาจมิได้มีเจตนาหรือกระทั่งรับรู้ว่ามีกระทำการดังกล่าว

    ข้อนี้รับไม่ได้อย่างแรง

    Comment


    • #3
      ไม่มีผลหรอกมั้ง 3gยังกินไ่ลงตัวจะเอาปัญญาไปร่างอันไหนอีก แถมถ่ายถอดสดยังเถียงกันให้เด็กดู

      Comment


      • #4
        Originally posted by amstel View Post
        ไม่มีผลหรอกมั้ง 3gยังกินไ่ลงตัวจะเอาปัญญาไปร่างอันไหนอีก แถมถ่ายถอดสดยังเถียงกันให้เด็กดู
        +100 ชอบตรง3gเนี้นละครับกินกันไม่ลงตัว

        Comment


        • #5
          พรบ. คอมพิวเตอร์โดยคนไม่รู้คอมพิวเตอร์เหรอ ตูจะบร้าาา

          รับไม่ได้ตรง ลดโทษ spam ที่ทำเพื่อการค้า
          เดี๋ยวนี้ถนน ปูน ทราย หาแดกไม่ค่อยได้ เลยมาแดกฮาร์ดดิสก์แทน
          Last edited by maquidkzy; 26 Apr 2011, 09:57:05.

          Comment


          • #6
            ต่อไปเรา download Movies จาก internet แล้วผิดนี้ก็รับไม่ได้แล้วครับ
            spam ออกจะโหดเกินไปด้วย

            Comment


            • #7
              มันก้อเป็นแบบนี้ล่ะครับประเทศไทยได้ผู้นําเด็กๆๆก้อคิดแบบเด็กๆๆ......ไXเด็กเมื่อวานซืนดีแต่พูดแต่ทําไม่เป็น......เหอ........เหอ

              Comment


              • #8
                ไอ้ที่มีอยู่มันใช้หากินกันไม่พอหรือไง.. ออกนู่นนี่นั่นมาอยู่ได้.. ปัญญาอ่อน.. - -*

                Comment


                • #9
                  เท่าที่ผมดูมาอันนี้พอรับได้

                  ประเด็นที่ 4 ยังเอาผิดกับเนื้อหา

                  มาตรา24 (1) นำ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่ไม่ตรงต่อความเป็นจริง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความ ตื่นตระหนกแก่ประชาชน


                  ประเด็นที่5 ดูหมิ่น ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

                  มาตรา26 ผู้ ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพ ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น หรือข้อมูลอื่นใด โดยประการที่น่าจะทำให้บุคคลอื่นเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย หรือเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นข้อมูลที่แท้จริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

                  เท่านี้ครับ นอกนั้น ไม่ได้เรื่อง มันเหมือนจะไม่ให้เราทำอะไรเลยงั้นแหละ

                  Comment


                  • #10
                    Originally posted by FF7IX View Post
                    เท่าที่ผมดูมาอันนี้พอรับได้

                    ประเด็นที่ 4 ยังเอาผิดกับเนื้อหา

                    มาตรา24 (1) นำ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่ไม่ตรงต่อความเป็นจริง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความ ตื่นตระหนกแก่ประชาชน


                    ประเด็นที่5 ดูหมิ่น ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

                    มาตรา26 ผู้ ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพ ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น หรือข้อมูลอื่นใด โดยประการที่น่าจะทำให้บุคคลอื่นเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย หรือเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นข้อมูลที่แท้จริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

                    เท่านี้ครับ นอกนั้น ไม่ได้เรื่อง มันเหมือนจะไม่ให้เราทำอะไรเลยงั้นแหละ
                    ถ้าจะตีความจริงๆ มันค่อนข้างละเอียดอ่อนมากนะ "การให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกต่อประชาชน"
                    บางอย่างก็เป็นแค่ความเห็นส่วนบุคคล มันจะตรงหรือไม่ตรง ก็เป็นแค่ความเห็น ผู้อ่าน ผู้ฟัง ก็ต้องพิจารณาเอาเอง
                    เช่นถ้าผมบอกว่า "ดูจากสถานการณ์โดยรวมแล้ว น่าจะมีการปฏิวัติ" แค่นี้ก็ถือว่าผมมีความผิดตามมาตรานี้แล้วสิ

                    ผมว่าอันนี้เอาไว้เป็นเครื่องมือทางการเมืองโดยเฉพาะหรือป่าว?

                    Comment

                    Working...
                    X