สวัสดีครับชาว Overclockzone ทุกท่าน ล่าสุดผมได้มีโอกาสใช้งานสแกนเนอร์รุ่นใหม่จากทาง HP ในชื่อรุ่น HP ScanJet Pro 3000 s3 ซึ่งเป็นรุ่นต่อยอดจาก HP ScanJet Pro 3000 s2 ที่เป็นเครื่องสแกนขนาดเล็ก ที่สามารถตอบสนองการทำงานได้อย่างรวดเร็ว แถมยังให้คุณภาพของงานที่สแกนออกมาได้ในระดับดีเลยทีเดียว เรามาดูไปพร้อมๆกันเลยครับ
สเปกของตัวเครื่อง
แกะกล่องตัวเครื่อง
ทำการเปิดกล่องของเครื่องก็จะพบกับตัวเครื่องสแกนเนอร์ สายไฟพาวเวอร์ และ สาย USB 3.0
การออกแบบ
การออกแบบตัวเครื่องของ HP ScanJet Pro 3000 s3 เลือกใช้โทนสีเป็นสีขาวเป็นหลัก โดยตัวเครื่องนั้นมีขนาดที่เล็กพอสมควร ดีไซน์โดยรวมจัดว่าทันกับสมัยนิยมเลยทีเดียว
สำหรับในส่วนด้านหน้าของตัวเครื่อง จะเป็นเหมือนฝา พร้อมกับมีการบุลายโลโก้ของ HP เป็นสีขาว และสกรีนชื่อรุ่นเป็นสีดำใต้โลโก้อย่างชัดเจน สำหรับส่วนนี้เราสามารถเปิดขึ้นได้โดยใช้มือยกขึ้นมาได้เลย
เมื่อเปิดฝาตัวเครื่องขึ้นมาแล้ว ในส่วนที่ถูกยกขึ้นมานี้เองจะทำหน้าที่เป็น Tray สำหรับใส่กระดาษขาเข้านั่นเอง
ในส่วนของที่ใส่กระดาษขาเข้านี้ สามารถรองรับขนาดกระดาษได้ใหญ่ที่สุดคือ A4 โดยเราสามารถเลื่อนปรับสเกลได้ตามขนาดที่เราต้องการ
มาดูในส่วนของที่โดนฝาปิดทับ โดยที่เมื่อฝาชั้นแรกถูกเปิดขึ้นและทำหน้าที่เป็นที่สำหรับใส่กระดาษแล้ว เราก็จะพบกับอีก 1 ส่วน ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับฝาชิ้นแรก โดยในส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ถูกติดตั้งปุ่มควบคุมต่างๆ อีกทั้งยังมีโลโก้ HP ในวงกลมสีเงินอย่างเด่นสง่าเลยทีเดียว
สำหรับปุ่มสั่งงานจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ปุ่มดังนี้
1. ปุ่มเปิด-ปิดเครื่องพร้อมไฟ LED ที่ตัวปุ่ม
2. ปุ่มยกเลิกหรือหยุดการทำงาน
3. ปุ่มสำหรับสั่งให้เครื่องเริ่มทำงานหรือเริ่มสแกน
4. ไฟแสดงสถานะการทำงาน
และในส่วนของฝาที่มีปุ่มสั่งงานเครื่องนี้นั้น เราสามารถเปิดขึ้นมาได้ เมื่อเครื่องมีปัญหา เช่นกระดาษติด โดยสามารถเปิดได้ด้วยการใช้มือดึงปุ่มยาวด้านซ้ายมือบน (ตามรูปด้านบน) ซึ่งสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เมื่อเปิดขึ้นมาก็จะพบกับลูกกลิ้งสำหรับดูดกระดาษ และแผ่นยาวๆใสๆ ที่มีลักษณะคล้ายกระจกสำหรับใช้สแกนเอกสารหรือรูปภาพนั่นเอง
มาดูในส่วนของ Tray สำหรับรองรับกระดาษขาออกที่ทำการสแกนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะสามารถดึงออกมาได้จากหน้าตัวเครื่อง ซึ่งสามารถดึงออกมาได้ 3 ระดับ ตามรูปด้านบนครับ
ส่วนสุดท้ายจะเป็นด้านหลังของตัวเครื่อง ด้านหลังของตัวเครื่องจะมีช่องสำหรับระบายความร้อน และที่สำคัญเลยคือพอร์ตสำหรับเสียบสายพาวเวอร์ สาย USB 3.0 Hi-Speed และพอร์ต USB 2.0 สำหรับเสียบ Wi-Fi Adapter
มุมมองด้านหน้าและด้านข้างของตัวเครื่องเมื่อพร้อมใช้งาน จะเป็นตามรูปด้านบนครับ
การใช้งานเบื้องต้น
สำหรับการใช้งาน ในเบื้องต้นผู้ใช้งานจำเป็นต้องโหลด Driver มาติดตั้งที่เครื่องคอมพิวเตอร์ก่อน โดยผมได้ทำการใช้งานผ่านโน้ตบุ๊ค ระบบปฏิบัติการ Windows 10 X64 ซึ่งไดร์เวอร์นั้นก็สามารถหาดาวน์โหลดได้จากเว็บ HP ได้โดยตรง
เริ่มต้นวิธีที่ 1 เป็นการใช้งานแบบง่ายที่สุดเลยคือ ใส่เอกสารที่ต้องการจะทำการสแกน แล้วสั่งให้เครื่องเริ่มสแกนโดยกดที่ปุ่ม เริ่มสแกนที่ตัวเครื่อง เมื่อสแกนเสร็จเรียบร้อยเครื่องจะทำการบันทึกไฟล์ที่ได้เป็นไฟล์ PDF อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราโดยอัตโนมัติ
ถัดมาเป็นวิธีที่ 2 เป็นการใช้งานผ่านซอฟท์แวร์ที่ถูกติดตั้งมาพร้อมกับไดร์เวอร์ชื่อว่า HP Scanner Assistant โดยเราสามารถสั่งงานผ่านตัวซอฟท์แวร์นี้ได้โดยตรง
ในการใช้งาน ตัวซอฟท์แวร์จะมี Option ให้เลือกใช้งานอยู่หลายส่วนด้วยกัน ซึ่งจุดนี้ผมขอสรุปรวมเป็นข้อๆ ให้เห็นชัดเจน ดังนี้ครับ
1. สามารถเลือกบันทึกชนิดของไฟล์เอกสารที่ทำการสแกนได้
2. สามารถเลือกบันทึกไฟล์ที่ได้ไปยังระบบคลาวด์ได้ เช่น Google Drive, Dropbox
3. สามารถเลือกโหมดสีสำหรับการสแกนได้ เลือกได้ 5 โหมด คือ Color, Gray, Halftone, Black/White และ Auto Detect Color
4. สามารเลือกได้ว่าจะสแกนแบบหน้าเดียว หรือสองหน้า
สำหรับการสแกน ก็ให้ทำการคลิกที่ปุ่มคำว่า Scan ในตัวโปรแกรม หลังจากนั้นเครื่องก็จะทำการสแกนเอกสาร และแสดงตัวอย่างงานที่สแกนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในส่วนนี้เราสามารถหมุนภาพ หรือปรับความสว่างของภาพได้อีกด้วย
** ในการสแกนงาน ไม่ว่าจะเป็นการสแกนแบบหน้าเดียว หรือแบบหน้า-หลัง เครื่องจะทำการสแกนเพียงครั้งเดียว (ใส่กระดาษฝั่งขาเข้าเพียงครั้งเดียว) ผู้ใช้จึงจำเป็นต้องตั้งค่าในส่วน Page Sides ให้ดีว่าต้องการแบบใด
สำหรับคุณภาพของงานที่สแกนออกมานั้น ถือว่ามีความคมชัดในระดับดีเลยทีเดียว แม้ว่าเครื่องจะใช้เวลาในการสแกนที่รวดเร็วมาก แต่คุณภาพของงานก็ยังจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
สรุป
ถือเป็นเครื่องสแกนที่ตอบโจทย์การทำงานได้เป็นอย่างดีทีเดียว และก็ยังคงรักษามาตรฐานไว้ได้เป็นอย่างดีสำหรับทาง HP ที่สามารถทำอุปกรณ์ประเภทเครื่องพิมพ์ หรือเครื่องสแกน ออกมาสู่ท้องตลาดอย่างต่อเนื่อง และสำหรับเครื่อง HP ScanJet Pro 3000 s3 นั้นมีสนนราคาอยู่ที่ 17,900 บาท พร้อมด้วยการรับประกัน 1 ปีเต็มจากทาง HP สำหรับใครที่สนใจ สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าชั้นนำไอทีทั่วไปครับ
สเปกของตัวเครื่อง
แกะกล่องตัวเครื่อง
ทำการเปิดกล่องของเครื่องก็จะพบกับตัวเครื่องสแกนเนอร์ สายไฟพาวเวอร์ และ สาย USB 3.0
การออกแบบ
การออกแบบตัวเครื่องของ HP ScanJet Pro 3000 s3 เลือกใช้โทนสีเป็นสีขาวเป็นหลัก โดยตัวเครื่องนั้นมีขนาดที่เล็กพอสมควร ดีไซน์โดยรวมจัดว่าทันกับสมัยนิยมเลยทีเดียว
สำหรับในส่วนด้านหน้าของตัวเครื่อง จะเป็นเหมือนฝา พร้อมกับมีการบุลายโลโก้ของ HP เป็นสีขาว และสกรีนชื่อรุ่นเป็นสีดำใต้โลโก้อย่างชัดเจน สำหรับส่วนนี้เราสามารถเปิดขึ้นได้โดยใช้มือยกขึ้นมาได้เลย
เมื่อเปิดฝาตัวเครื่องขึ้นมาแล้ว ในส่วนที่ถูกยกขึ้นมานี้เองจะทำหน้าที่เป็น Tray สำหรับใส่กระดาษขาเข้านั่นเอง
ในส่วนของที่ใส่กระดาษขาเข้านี้ สามารถรองรับขนาดกระดาษได้ใหญ่ที่สุดคือ A4 โดยเราสามารถเลื่อนปรับสเกลได้ตามขนาดที่เราต้องการ
มาดูในส่วนของที่โดนฝาปิดทับ โดยที่เมื่อฝาชั้นแรกถูกเปิดขึ้นและทำหน้าที่เป็นที่สำหรับใส่กระดาษแล้ว เราก็จะพบกับอีก 1 ส่วน ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับฝาชิ้นแรก โดยในส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ถูกติดตั้งปุ่มควบคุมต่างๆ อีกทั้งยังมีโลโก้ HP ในวงกลมสีเงินอย่างเด่นสง่าเลยทีเดียว
สำหรับปุ่มสั่งงานจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ปุ่มดังนี้
1. ปุ่มเปิด-ปิดเครื่องพร้อมไฟ LED ที่ตัวปุ่ม
2. ปุ่มยกเลิกหรือหยุดการทำงาน
3. ปุ่มสำหรับสั่งให้เครื่องเริ่มทำงานหรือเริ่มสแกน
4. ไฟแสดงสถานะการทำงาน
และในส่วนของฝาที่มีปุ่มสั่งงานเครื่องนี้นั้น เราสามารถเปิดขึ้นมาได้ เมื่อเครื่องมีปัญหา เช่นกระดาษติด โดยสามารถเปิดได้ด้วยการใช้มือดึงปุ่มยาวด้านซ้ายมือบน (ตามรูปด้านบน) ซึ่งสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เมื่อเปิดขึ้นมาก็จะพบกับลูกกลิ้งสำหรับดูดกระดาษ และแผ่นยาวๆใสๆ ที่มีลักษณะคล้ายกระจกสำหรับใช้สแกนเอกสารหรือรูปภาพนั่นเอง
มาดูในส่วนของ Tray สำหรับรองรับกระดาษขาออกที่ทำการสแกนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะสามารถดึงออกมาได้จากหน้าตัวเครื่อง ซึ่งสามารถดึงออกมาได้ 3 ระดับ ตามรูปด้านบนครับ
ส่วนสุดท้ายจะเป็นด้านหลังของตัวเครื่อง ด้านหลังของตัวเครื่องจะมีช่องสำหรับระบายความร้อน และที่สำคัญเลยคือพอร์ตสำหรับเสียบสายพาวเวอร์ สาย USB 3.0 Hi-Speed และพอร์ต USB 2.0 สำหรับเสียบ Wi-Fi Adapter
มุมมองด้านหน้าและด้านข้างของตัวเครื่องเมื่อพร้อมใช้งาน จะเป็นตามรูปด้านบนครับ
การใช้งานเบื้องต้น
สำหรับการใช้งาน ในเบื้องต้นผู้ใช้งานจำเป็นต้องโหลด Driver มาติดตั้งที่เครื่องคอมพิวเตอร์ก่อน โดยผมได้ทำการใช้งานผ่านโน้ตบุ๊ค ระบบปฏิบัติการ Windows 10 X64 ซึ่งไดร์เวอร์นั้นก็สามารถหาดาวน์โหลดได้จากเว็บ HP ได้โดยตรง
เริ่มต้นวิธีที่ 1 เป็นการใช้งานแบบง่ายที่สุดเลยคือ ใส่เอกสารที่ต้องการจะทำการสแกน แล้วสั่งให้เครื่องเริ่มสแกนโดยกดที่ปุ่ม เริ่มสแกนที่ตัวเครื่อง เมื่อสแกนเสร็จเรียบร้อยเครื่องจะทำการบันทึกไฟล์ที่ได้เป็นไฟล์ PDF อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราโดยอัตโนมัติ
ถัดมาเป็นวิธีที่ 2 เป็นการใช้งานผ่านซอฟท์แวร์ที่ถูกติดตั้งมาพร้อมกับไดร์เวอร์ชื่อว่า HP Scanner Assistant โดยเราสามารถสั่งงานผ่านตัวซอฟท์แวร์นี้ได้โดยตรง
ในการใช้งาน ตัวซอฟท์แวร์จะมี Option ให้เลือกใช้งานอยู่หลายส่วนด้วยกัน ซึ่งจุดนี้ผมขอสรุปรวมเป็นข้อๆ ให้เห็นชัดเจน ดังนี้ครับ
1. สามารถเลือกบันทึกชนิดของไฟล์เอกสารที่ทำการสแกนได้
2. สามารถเลือกบันทึกไฟล์ที่ได้ไปยังระบบคลาวด์ได้ เช่น Google Drive, Dropbox
3. สามารถเลือกโหมดสีสำหรับการสแกนได้ เลือกได้ 5 โหมด คือ Color, Gray, Halftone, Black/White และ Auto Detect Color
4. สามารเลือกได้ว่าจะสแกนแบบหน้าเดียว หรือสองหน้า
สำหรับการสแกน ก็ให้ทำการคลิกที่ปุ่มคำว่า Scan ในตัวโปรแกรม หลังจากนั้นเครื่องก็จะทำการสแกนเอกสาร และแสดงตัวอย่างงานที่สแกนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในส่วนนี้เราสามารถหมุนภาพ หรือปรับความสว่างของภาพได้อีกด้วย
** ในการสแกนงาน ไม่ว่าจะเป็นการสแกนแบบหน้าเดียว หรือแบบหน้า-หลัง เครื่องจะทำการสแกนเพียงครั้งเดียว (ใส่กระดาษฝั่งขาเข้าเพียงครั้งเดียว) ผู้ใช้จึงจำเป็นต้องตั้งค่าในส่วน Page Sides ให้ดีว่าต้องการแบบใด
สำหรับคุณภาพของงานที่สแกนออกมานั้น ถือว่ามีความคมชัดในระดับดีเลยทีเดียว แม้ว่าเครื่องจะใช้เวลาในการสแกนที่รวดเร็วมาก แต่คุณภาพของงานก็ยังจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
สรุป
ถือเป็นเครื่องสแกนที่ตอบโจทย์การทำงานได้เป็นอย่างดีทีเดียว และก็ยังคงรักษามาตรฐานไว้ได้เป็นอย่างดีสำหรับทาง HP ที่สามารถทำอุปกรณ์ประเภทเครื่องพิมพ์ หรือเครื่องสแกน ออกมาสู่ท้องตลาดอย่างต่อเนื่อง และสำหรับเครื่อง HP ScanJet Pro 3000 s3 นั้นมีสนนราคาอยู่ที่ 17,900 บาท พร้อมด้วยการรับประกัน 1 ปีเต็มจากทาง HP สำหรับใครที่สนใจ สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าชั้นนำไอทีทั่วไปครับ