เป็นเรื่องจริงครับว่า แทบทุกบ้านในปัจจุบันนี้ล้วนมีเครื่องพิมพ์หรือที่เรียกกันติดปากว่า ปริ้นเตอร์ ซึ่งสมัยก่อนนั้นเราจะพบว่า เครื่องพิมพ์นั้นจะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่และราคาแพง ถึงจะสามารถทำงานได้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน แต่สำหรับในสังคม ณ เวลานี้เครื่องพิมพ์นั้นถูกออกแบบมาให้มีขนาดที่เล็กลง ราคาถูก และยังสามารถใช้งานได้ง่ายดาย ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบธรรมดาหรือแบบออลอินวันก็ตาม แต่ก็มีผู้ใช้งานอยู่ไม่น้อยที่ยังคงพบปัญหาจากการใช้งาน ที่ชัดเจนที่สุดคงเป็นเรื่องของตลับหมึกที่แสนจะบอบบาง เสียง่าย ทำให้บ่อยครั้งผู้ใช้งานจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ซึ่งมีราคาที่แพง
ล่าสุด HP แบรนด์ไอทีชั้นนำของโลก ได้ส่งผลิตภัณฑ์ในส่วนของเครื่องพิมพ์สู่ตลาดอีกครั้ง โดยเป็นเครื่องพิมพ์แบบออลอินวัน รุ่น HP Ink Advantage 3635 ที่จะทำให้ผู้ใช้งานหมดความกังวลในเรื่องของงานพิมพ์ พร้อมทั้งยังช่วยตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ สแกน ถ่ายเอกสาร เหมาะสมที่จะเป็นเครื่องพิมพ์ที่ครบทุกอย่างสำหรับงานพิมพ์ในบ้านอย่างแท้จริง
Specifications
การใช้งาน: Print, Scan, Copy
เทคโนโลยีการพิมพ์: HP Thermal Inkjet
ความเร็วในการพิมพ์ขาวดำ (ISO): Up to 8.5 ppm
ความเร็วในการพิมพ์ขาว-ดำ (draft, A4): Up to 20 ppm
ความเร็วในการพิมพ์สี (ISO): to 6 ppm
ความเร็วในการพิมพ์สี (draft, A4): Up to 16 ppm
ความเร็วในการพิมพ์, สี (draft, 4?6 photo): Up to 16 ppm
ความเร็วพิมพ์ขาวดำแผ่นแรก ( A4, ready): As fast as 14 sec
ความเร็วในการพิมพ์สีแผ่นแรก (A4, ready): As fast as 17 sec
ความละเอียด (ขาวดำ): Up to 1200 x 1200 rendered dpi
ความละเอียด (สี): Up to 4800 x 1200 optimized dpi color (when printing from a computer on selected HP photo papers and 1200 input dpi)
ขนาด: 7 segment + icon LCD
ชนิดของหมึกที่ใช้: Dye-based (C, G, M, pK, Y); pigment-based (K)
จำนวนตลับหมึก: 2 (1 black, 1 Tri-color [cyan, magenta, yellow])
หมึกพิมพ์: HP 680 Black Ink Cartridge (~480 pages); HP 680 Tri-color Ink Cartridge (~150 pages)
เชื่อมต่อกับเน็ตเวิร์ก: Standard (built-in WiFi 802.11b/g/n)
รองรับ ePrint: Yes
พอร์ต: 1 Hi-Speed USB 2.0
รูปแบบไฟล์สแกน: pdf, bmp, jpg, gif, tif, tif, png
ความละเอียดในการสแกน, ฮาร์ดแวร์: Up to 1200 x 1200 dpi
ความละเอียดในการสแกน, ออปติคอล: Up to 1200 dpi
โหมดในการสแกน: Scanning via HP Photosmart Software
ถ่ายได้ครั้งละ, สูงสุด: Up to 9 copies
การตั้งค่าถ่ายย่อ/ ขยาย: 25 to 200%
ความเร็วในการถ่ายขาว-ดำ (normal): Up to 5 cpm
ความเร็วในการถ่ายสี (normal): Up to 3.5 cpm
การถ่ายเอกสาร (ตัวหนังสือขาว-ดำ): Up to 600 x 300 dpi
ความละเอียดในการถ่ายเอกสาร (ตัวหนังสือสีและกราฟฟิก): Up to 600 x 300 dpi
กระดาษขาเข้า, standard: 60-sheet input tray
การจัดการกระดาษออก, standard: 60-sheet input tray
พิมพ์หน้า-หลัง อัตโนมัติ: Manually
การพิมพ์แบบไร้ขอบ: ใช่
น้ำหนักสินค้า: 4.17 kg
ดีไซน์การออกแบบ
ก่อนอื่นเริ่มจากรูปลักษณ์ภายนอกคือตัวกล่องซึ่งเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้รู้สึกแปลกตาจากกล่องเครื่องพิมพ์ทั่วๆไป โดยที่ตัวกล่องจะมีรูปตัวอย่างของเครื่อง พร้อมทั้งบอกชื่อรุ่น และรายละเอียดอย่างคร่าวๆของตัวเครื่องพิมพ์
ทำการแกะกล่องออกมาก็จะพบกับตัวเครื่อง HP Ink Advantage 3635 คู่มือการใช้งานเบื้องต้น แผ่นไดร์เวอร์ สายไฟ และสายยูเอสบีทีใช้สหรับต่อใช้งานกับคอมพิวเตอร์
มาดูในส่วนของการออกแบบดีไซน์ สำหรับรูปร่างหน้าตาของเจ้าเครื่อง HP Ink Advantage 3635 อาจจะดูแปลกตาไปมากพอสมควรจากในหลายๆรุ่นก่อนหน้านี้ เพราะตัวเครื่องเองไม่ได้มีลักษณะเป็นรูปทรงกล่องสี่เหลี่ยมเรียบๆโดยทั่วไป ซึ่งเจ้า HP Ink Advantage 3635 มีการออกแบบที่ดูมีส่วนโค้งมนชัดเจน พร้อมทั้งมีการเล่นสี เพื่อความสวยงามและสวยงามไปอีกระดับ โดยสีของตัวเครื่องส่วนใหญ่นั้นจะใช้เป็นโทนสีขาวตัดด้วยสีฟ้าในบางส่วนที่ดูลงตัวและเข้ากันได้เป็นอย่างดีทีเดียว
ด้านบนของตัวเครื่อง ทางด้านซ้ายมือนั้นจะเป็นแผงควบคุมการทำงานของเครื่องพร้อมกับกับหน้าจอแสดงผลขนาดเล็ก พร้อมกันนั้นในแต่ละปุ่มบนแผงควบคุมยังทำสัญลักษณ์บอกไว้อย่างชัดเจน ซึ่งถ้าใครดูแล้วยังไม่เข้าใจ ก็สามารถเปิดดูในคู่มือได้เลย ซึ่งต้องบอกว่าอธิบายไว้อย่างละเอียดและเข้าใจง่ายจริงๆ ประมาณว่าใครที่ไม่เคยใช้ปริ้นเตอร์มาก่อนก็ยังสามารถใช้ได้เลย และถัดมาจะเป็นส่วนของที่สำหรับใช้สแกนเอกสารโดยสามารถยกฝาขึ้นและวางเอกสารหรือรูปภาพที่ต้องการสแกนลงไปได้โดยตรง ซึ่งจะมีขนาดของกระดาษบอกกำกับไว้อย่างชัดเจน
ด้านหน้าของตัวเครื่องจะมีการบอกชื่อรุ่นของเครื่องพิมพ์อยู่เยี้องไปทางขวามือบน
ในส่วนของสีฟ้าที่ยื่นออกมานั้นจะเป็น Tray ที่ใช้สำหรับรองรับกระดาษที่ถูกพิมพ์ออกมาจากตัวเครื่อง โดยมีการออกแบบมาให้สามารถดึงออกมา และพับเก็บเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้จะดูไม่ค่อยแข็งแรงนักแต่ก็สามารถรองรับกระดาษได้มากถึง 60 แผ่น (ตามที่ระบุไว้เลย)
และในส่วนของด้านหน้านี้ผู้ใช้งานยังสามารถที่จะทำการเปิดฝาของตัวเครื่อง ด้วยวิธีการใช้มือดึงระหว่างรอยต่อที่จะมองเห็นในด้านข้างของเครื่องพิมพ์ได้โดยตรง ซึ่งจะสามารถเปิดได้ถึง 2 ระดับชั้น หากจะถามว่าจุดนี้สำคัญยังไง บอกได้เลยครับว่าเราสามารถที่จะจะตลับหมึกได้จากส่วนนี้นั่นเอง และในส่วนด้านหลังก็จะเป็นที่สำหรับเสียบพอร์ต USB และสายไฟสำหรับจ่ายไฟให้กับตัวเครื่องพิมพ์
มาดูในส่วนของตลับหมึกกันครับ สำหรับตลับหมึกของเครื่อง HP Ink Advantage 3635 นั้นเป็นตลับแบบแยก 2 ตลับ คือ ตลับหมึกขาว-ดำ และตลับหมึกสี ซึ่งแรกเริ่มเมื่อเราซื้อเครื่องมา ทาง HP จะมีการแถมมาให้ทั้ง 2 ตลับ โดยตลับหมึกที่ใช้จะเป็นเบอร์ 680 ซึ่งเป็นตลับที่ราคาไม่แพง จะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 300 บาท (ถูกกว่าหลายๆรุ่นในท้องตลาดทีเดียว)
สำหรับการใส่ตลับหมึกนั้นก็ไม่ได้ยากอะไร ทางเครื่องพิมพ์ก็จะมีช่องมาให้ทั้งหมด 2 ช่อง พร้อมทั้งระบุสีไว้อย่างชัดเจน โดยสัญลักษณ์สีชมพูจะเป็นช่องตลับหมึกสี และสัญลักษณ์สีดำก็จะเป็นช่องตลับหมึกขาว-ดำ วิธีการใส่นั้นก็ไม่ได้มีขั้นตอนที่ยุ่งยากเลย เพียงแค่ใส่ตลับหมึกเข้าไปในช่องแบบตรงๆ แล้วทำการงัดขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้หน้าสัมผัสของตลับหมึกและตัวเครื่องสัมผัสกัน (ฟังดูง่าย แต่พอทำจริงๆยิ่งง่ายเลย)
มาถึงในส่วนของพระเอกเลยดีกว่า นั่นคือการใช้งานโดยรวมของเจ้า HP Ink Advantage 3635 ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องพิมพ์แบบออลอินวัน ย่อมต้องมีฟังก์ชั่นการทำงานได้ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ การสแกน การถ่ายเอกสาร หรือแม้แต่การสั่งการการทำงานผ่านสัญญาณไวไฟ ซึ่งต้องบอกเลยครับว่าเป็นจุดเด่นเลยก็ว่าได้ โดยเจ้าเครื่องนี้ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์หรือสแกนแบบไร้สายได้เลยโดยผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน เรียกได้ว่าสะดวกเอามากๆทีเดียวครับ เหมาะกับยุคสมัยปัจจุบันจริงๆ
การใช้งานจริง
ฟังก์ชันการใช้งานหลักๆของเครื่อง HP Ink Advantage 3635 จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ส่วน โดยส่วนแรกจะเป็นการใช้งานผ่านสาย USB ซึ่งจะสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์และใช้งานได้ทันที อาทิเช่นเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรานั่นเอง และอีกหนึ่งส่วนที่เหลือจะเป็นการใช้งานการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ทาง HP ใช้ชื่อเรียกว่า HP wireless direct ซึ่งผู้ใช้จะสามารถสั่งการและใช้งานเครื่องพิมพได้โดยผ่านสมาร์ทโฟนนั่นเอง
การใช้งานผ่านแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ผู้ใช้งานสามารถ สั่งพิมพ์รูปภาพ ไฟล์เอกสาร หรือแม้กระทั่งการสแกนไฟล์ โดยจะใช้แอพที่ชื่อว่า HP ePrint และ HP All in One Remote
เมื่อเริ่มต้นการใช้งานจะต้องทำการเปิดสัญญาณไวไฟที่ตัวเครื่องพิมพ์ก่อน โดยที่ตำแหน่งของปุ่มจะอย่ที่ด้านล่างของปุ่มเครื่องหมายกากบาท จะมีลักษณะเป็นเสาที่แสดงถึงการปล่อยสัญญาณ หลังจากนั้นให้ทำการเปิดไวไฟที่โทรศัพท์มือถือและทำการเชื่อมต่อกับสัญญาณของตัวเครื่องพิมพ์ หากมีการถามรหัสผ่านซึ่งเราไม่ได้ตั้งไว้ตั้งแต่ต้น ให้ลองกดที่ปุ่ม i บนตัวเครื่อง จะมีเอกสารที่บอก Password พิมพ์ออกมาให้
มาดูกันที่หน้าแอพฯ สำหรับ HP ePrint นั้นจะเป็นแอพฯที่สามารถใช้สั่งปริ้นไฟล์รูปภาพหรือเอกสารเท่านั้น ส่วน HP All in One Remote จะครอบคลุมมากกว่า เพราะจะเพิ่มความสามารถในสแกนสื่อได้ด้วย โดยสิ่งที่เรานำมาปริ้นได้นั้นไฟล์ดังกล่าวจะต้องอยู่ในตัวเครื่องสมาร์ทโฟนของเรา หรือจะอยู่บนระบบคลาวน์ต่างๆ เช่น Google Drive
สำหรับความคมชัดของงานท่พิมพ์ออกมา ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเอกสารหรือแม้แต่รูปภาพ ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ อาจจะไม่คมชัดมากเท่ากับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ แต่ถ้า Inkjet ด้วยกันแล้วล่ะก็ไม่เป็นลองใครอย่างแน่นอนครับ นอกจากนี้ยังสะดวกที่จะนำออกไปใช้ในสถานที่อื่นๆได้อีก เพราะเท่าที่ผมได้ลองใช้งานแล้ว ตัวเครื่องมีขนาดที่ไม่ใหญ่มาก ประกอบกับมีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบา แถมยังมีฟังก์ชันการใช้งานครบถ้วนอีก เรียกได้ว่าครบครันจริงๆ สำหรับราคาของเครื่องนั้นอยู่ที่ ประมาณ 3,190 บาท ซึ่งผมต้องบอกเลยครับว่าถ้าเทียบกับประสบการณ์การใช้งานที่จะได้รับแล้ว รับรองว่าคุ้มค่าเงินที่ลงทุนไปอย่างแน่นอน
ล่าสุด HP แบรนด์ไอทีชั้นนำของโลก ได้ส่งผลิตภัณฑ์ในส่วนของเครื่องพิมพ์สู่ตลาดอีกครั้ง โดยเป็นเครื่องพิมพ์แบบออลอินวัน รุ่น HP Ink Advantage 3635 ที่จะทำให้ผู้ใช้งานหมดความกังวลในเรื่องของงานพิมพ์ พร้อมทั้งยังช่วยตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ สแกน ถ่ายเอกสาร เหมาะสมที่จะเป็นเครื่องพิมพ์ที่ครบทุกอย่างสำหรับงานพิมพ์ในบ้านอย่างแท้จริง
Specifications
การใช้งาน: Print, Scan, Copy
เทคโนโลยีการพิมพ์: HP Thermal Inkjet
ความเร็วในการพิมพ์ขาวดำ (ISO): Up to 8.5 ppm
ความเร็วในการพิมพ์ขาว-ดำ (draft, A4): Up to 20 ppm
ความเร็วในการพิมพ์สี (ISO): to 6 ppm
ความเร็วในการพิมพ์สี (draft, A4): Up to 16 ppm
ความเร็วในการพิมพ์, สี (draft, 4?6 photo): Up to 16 ppm
ความเร็วพิมพ์ขาวดำแผ่นแรก ( A4, ready): As fast as 14 sec
ความเร็วในการพิมพ์สีแผ่นแรก (A4, ready): As fast as 17 sec
ความละเอียด (ขาวดำ): Up to 1200 x 1200 rendered dpi
ความละเอียด (สี): Up to 4800 x 1200 optimized dpi color (when printing from a computer on selected HP photo papers and 1200 input dpi)
ขนาด: 7 segment + icon LCD
ชนิดของหมึกที่ใช้: Dye-based (C, G, M, pK, Y); pigment-based (K)
จำนวนตลับหมึก: 2 (1 black, 1 Tri-color [cyan, magenta, yellow])
หมึกพิมพ์: HP 680 Black Ink Cartridge (~480 pages); HP 680 Tri-color Ink Cartridge (~150 pages)
เชื่อมต่อกับเน็ตเวิร์ก: Standard (built-in WiFi 802.11b/g/n)
รองรับ ePrint: Yes
พอร์ต: 1 Hi-Speed USB 2.0
รูปแบบไฟล์สแกน: pdf, bmp, jpg, gif, tif, tif, png
ความละเอียดในการสแกน, ฮาร์ดแวร์: Up to 1200 x 1200 dpi
ความละเอียดในการสแกน, ออปติคอล: Up to 1200 dpi
โหมดในการสแกน: Scanning via HP Photosmart Software
ถ่ายได้ครั้งละ, สูงสุด: Up to 9 copies
การตั้งค่าถ่ายย่อ/ ขยาย: 25 to 200%
ความเร็วในการถ่ายขาว-ดำ (normal): Up to 5 cpm
ความเร็วในการถ่ายสี (normal): Up to 3.5 cpm
การถ่ายเอกสาร (ตัวหนังสือขาว-ดำ): Up to 600 x 300 dpi
ความละเอียดในการถ่ายเอกสาร (ตัวหนังสือสีและกราฟฟิก): Up to 600 x 300 dpi
กระดาษขาเข้า, standard: 60-sheet input tray
การจัดการกระดาษออก, standard: 60-sheet input tray
พิมพ์หน้า-หลัง อัตโนมัติ: Manually
การพิมพ์แบบไร้ขอบ: ใช่
น้ำหนักสินค้า: 4.17 kg
ดีไซน์การออกแบบ
ก่อนอื่นเริ่มจากรูปลักษณ์ภายนอกคือตัวกล่องซึ่งเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้รู้สึกแปลกตาจากกล่องเครื่องพิมพ์ทั่วๆไป โดยที่ตัวกล่องจะมีรูปตัวอย่างของเครื่อง พร้อมทั้งบอกชื่อรุ่น และรายละเอียดอย่างคร่าวๆของตัวเครื่องพิมพ์
ทำการแกะกล่องออกมาก็จะพบกับตัวเครื่อง HP Ink Advantage 3635 คู่มือการใช้งานเบื้องต้น แผ่นไดร์เวอร์ สายไฟ และสายยูเอสบีทีใช้สหรับต่อใช้งานกับคอมพิวเตอร์
มาดูในส่วนของการออกแบบดีไซน์ สำหรับรูปร่างหน้าตาของเจ้าเครื่อง HP Ink Advantage 3635 อาจจะดูแปลกตาไปมากพอสมควรจากในหลายๆรุ่นก่อนหน้านี้ เพราะตัวเครื่องเองไม่ได้มีลักษณะเป็นรูปทรงกล่องสี่เหลี่ยมเรียบๆโดยทั่วไป ซึ่งเจ้า HP Ink Advantage 3635 มีการออกแบบที่ดูมีส่วนโค้งมนชัดเจน พร้อมทั้งมีการเล่นสี เพื่อความสวยงามและสวยงามไปอีกระดับ โดยสีของตัวเครื่องส่วนใหญ่นั้นจะใช้เป็นโทนสีขาวตัดด้วยสีฟ้าในบางส่วนที่ดูลงตัวและเข้ากันได้เป็นอย่างดีทีเดียว
ด้านบนของตัวเครื่อง ทางด้านซ้ายมือนั้นจะเป็นแผงควบคุมการทำงานของเครื่องพร้อมกับกับหน้าจอแสดงผลขนาดเล็ก พร้อมกันนั้นในแต่ละปุ่มบนแผงควบคุมยังทำสัญลักษณ์บอกไว้อย่างชัดเจน ซึ่งถ้าใครดูแล้วยังไม่เข้าใจ ก็สามารถเปิดดูในคู่มือได้เลย ซึ่งต้องบอกว่าอธิบายไว้อย่างละเอียดและเข้าใจง่ายจริงๆ ประมาณว่าใครที่ไม่เคยใช้ปริ้นเตอร์มาก่อนก็ยังสามารถใช้ได้เลย และถัดมาจะเป็นส่วนของที่สำหรับใช้สแกนเอกสารโดยสามารถยกฝาขึ้นและวางเอกสารหรือรูปภาพที่ต้องการสแกนลงไปได้โดยตรง ซึ่งจะมีขนาดของกระดาษบอกกำกับไว้อย่างชัดเจน
ด้านหน้าของตัวเครื่องจะมีการบอกชื่อรุ่นของเครื่องพิมพ์อยู่เยี้องไปทางขวามือบน
ในส่วนของสีฟ้าที่ยื่นออกมานั้นจะเป็น Tray ที่ใช้สำหรับรองรับกระดาษที่ถูกพิมพ์ออกมาจากตัวเครื่อง โดยมีการออกแบบมาให้สามารถดึงออกมา และพับเก็บเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้จะดูไม่ค่อยแข็งแรงนักแต่ก็สามารถรองรับกระดาษได้มากถึง 60 แผ่น (ตามที่ระบุไว้เลย)
และในส่วนของด้านหน้านี้ผู้ใช้งานยังสามารถที่จะทำการเปิดฝาของตัวเครื่อง ด้วยวิธีการใช้มือดึงระหว่างรอยต่อที่จะมองเห็นในด้านข้างของเครื่องพิมพ์ได้โดยตรง ซึ่งจะสามารถเปิดได้ถึง 2 ระดับชั้น หากจะถามว่าจุดนี้สำคัญยังไง บอกได้เลยครับว่าเราสามารถที่จะจะตลับหมึกได้จากส่วนนี้นั่นเอง และในส่วนด้านหลังก็จะเป็นที่สำหรับเสียบพอร์ต USB และสายไฟสำหรับจ่ายไฟให้กับตัวเครื่องพิมพ์
มาดูในส่วนของตลับหมึกกันครับ สำหรับตลับหมึกของเครื่อง HP Ink Advantage 3635 นั้นเป็นตลับแบบแยก 2 ตลับ คือ ตลับหมึกขาว-ดำ และตลับหมึกสี ซึ่งแรกเริ่มเมื่อเราซื้อเครื่องมา ทาง HP จะมีการแถมมาให้ทั้ง 2 ตลับ โดยตลับหมึกที่ใช้จะเป็นเบอร์ 680 ซึ่งเป็นตลับที่ราคาไม่แพง จะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 300 บาท (ถูกกว่าหลายๆรุ่นในท้องตลาดทีเดียว)
สำหรับการใส่ตลับหมึกนั้นก็ไม่ได้ยากอะไร ทางเครื่องพิมพ์ก็จะมีช่องมาให้ทั้งหมด 2 ช่อง พร้อมทั้งระบุสีไว้อย่างชัดเจน โดยสัญลักษณ์สีชมพูจะเป็นช่องตลับหมึกสี และสัญลักษณ์สีดำก็จะเป็นช่องตลับหมึกขาว-ดำ วิธีการใส่นั้นก็ไม่ได้มีขั้นตอนที่ยุ่งยากเลย เพียงแค่ใส่ตลับหมึกเข้าไปในช่องแบบตรงๆ แล้วทำการงัดขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้หน้าสัมผัสของตลับหมึกและตัวเครื่องสัมผัสกัน (ฟังดูง่าย แต่พอทำจริงๆยิ่งง่ายเลย)
มาถึงในส่วนของพระเอกเลยดีกว่า นั่นคือการใช้งานโดยรวมของเจ้า HP Ink Advantage 3635 ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องพิมพ์แบบออลอินวัน ย่อมต้องมีฟังก์ชั่นการทำงานได้ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ การสแกน การถ่ายเอกสาร หรือแม้แต่การสั่งการการทำงานผ่านสัญญาณไวไฟ ซึ่งต้องบอกเลยครับว่าเป็นจุดเด่นเลยก็ว่าได้ โดยเจ้าเครื่องนี้ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์หรือสแกนแบบไร้สายได้เลยโดยผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน เรียกได้ว่าสะดวกเอามากๆทีเดียวครับ เหมาะกับยุคสมัยปัจจุบันจริงๆ
การใช้งานจริง
ฟังก์ชันการใช้งานหลักๆของเครื่อง HP Ink Advantage 3635 จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ส่วน โดยส่วนแรกจะเป็นการใช้งานผ่านสาย USB ซึ่งจะสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์และใช้งานได้ทันที อาทิเช่นเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรานั่นเอง และอีกหนึ่งส่วนที่เหลือจะเป็นการใช้งานการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ทาง HP ใช้ชื่อเรียกว่า HP wireless direct ซึ่งผู้ใช้จะสามารถสั่งการและใช้งานเครื่องพิมพได้โดยผ่านสมาร์ทโฟนนั่นเอง
การใช้งานผ่านแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ผู้ใช้งานสามารถ สั่งพิมพ์รูปภาพ ไฟล์เอกสาร หรือแม้กระทั่งการสแกนไฟล์ โดยจะใช้แอพที่ชื่อว่า HP ePrint และ HP All in One Remote
เมื่อเริ่มต้นการใช้งานจะต้องทำการเปิดสัญญาณไวไฟที่ตัวเครื่องพิมพ์ก่อน โดยที่ตำแหน่งของปุ่มจะอย่ที่ด้านล่างของปุ่มเครื่องหมายกากบาท จะมีลักษณะเป็นเสาที่แสดงถึงการปล่อยสัญญาณ หลังจากนั้นให้ทำการเปิดไวไฟที่โทรศัพท์มือถือและทำการเชื่อมต่อกับสัญญาณของตัวเครื่องพิมพ์ หากมีการถามรหัสผ่านซึ่งเราไม่ได้ตั้งไว้ตั้งแต่ต้น ให้ลองกดที่ปุ่ม i บนตัวเครื่อง จะมีเอกสารที่บอก Password พิมพ์ออกมาให้
มาดูกันที่หน้าแอพฯ สำหรับ HP ePrint นั้นจะเป็นแอพฯที่สามารถใช้สั่งปริ้นไฟล์รูปภาพหรือเอกสารเท่านั้น ส่วน HP All in One Remote จะครอบคลุมมากกว่า เพราะจะเพิ่มความสามารถในสแกนสื่อได้ด้วย โดยสิ่งที่เรานำมาปริ้นได้นั้นไฟล์ดังกล่าวจะต้องอยู่ในตัวเครื่องสมาร์ทโฟนของเรา หรือจะอยู่บนระบบคลาวน์ต่างๆ เช่น Google Drive
สำหรับความคมชัดของงานท่พิมพ์ออกมา ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเอกสารหรือแม้แต่รูปภาพ ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ อาจจะไม่คมชัดมากเท่ากับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ แต่ถ้า Inkjet ด้วยกันแล้วล่ะก็ไม่เป็นลองใครอย่างแน่นอนครับ นอกจากนี้ยังสะดวกที่จะนำออกไปใช้ในสถานที่อื่นๆได้อีก เพราะเท่าที่ผมได้ลองใช้งานแล้ว ตัวเครื่องมีขนาดที่ไม่ใหญ่มาก ประกอบกับมีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบา แถมยังมีฟังก์ชันการใช้งานครบถ้วนอีก เรียกได้ว่าครบครันจริงๆ สำหรับราคาของเครื่องนั้นอยู่ที่ ประมาณ 3,190 บาท ซึ่งผมต้องบอกเลยครับว่าถ้าเทียบกับประสบการณ์การใช้งานที่จะได้รับแล้ว รับรองว่าคุ้มค่าเงินที่ลงทุนไปอย่างแน่นอน
Comment