เอาล่ะครับ รีวิวแบบกระชากใจ เพราะใช้มากระจุยกระจาย
ตอนนี้ ขอบอกตรงๆ ว่ามี 2 เซ็ตไว้ใช้ ซึ่ง เซ็ตแรกที่ใช้ คือ งูเขียวหางกระดิ่ง เจ้า Razer Death Adder + Lycossa Mirror และ Goliathus + Megalodon ครับ
ส่วนอีกเซ็ตคือ เจ้าแมวหิน ยกทีมเลย ซึ่ง นำมาด้วย
Roccat Kone+ + Sota + Arvo + Kave + Apuri ครับผม
รูปเจ้า เขียวกระดิ่ง ยกชุด คงต้องขออภัยด้วย เพราะว่าผมยกให้น้องชายผมไปแล้ว แต่ว่านี่จะเป็นความรู้สึก จากที่ได้ใช้งานจริงๆ ซึ่งผมคงต้องบอกว่า
มันดูอาจไม่น่าเชื่อถือ แต่หากเป็นคนที่ใช้ของเหล่านี้มาแล้วจริงๆ เค้าจะบอกได้เลยว่า "เออ มันใช้มาจริง"
ผมจะซัดเป็นชุดๆไปเลยนะครับ โดยจะเป็น
เม้าส์ VS เม้าส์
Razer Death Adder + Goliathus CT + SP 2 เนื้อไปเลย
เอาล่ะ มาดูที่ งูเขียวหางกระดิ่งก่อน
ขั้นแรก เจ้า DA 3500 DPI คงต้องบอกว่า เป็น 1 ใน เม้าส์ในตำนาน สำหรับหลายๆคนเลยก็ว่าได้ครับ ทั้งความไว การคอนโทรล และความนิ่ง
แต่ทว่า เจ้าตัวนี้นั้น ข้อดี คงหาไม่ยาก เพราะ รีวิวส์ ดีๆมีเยอะ
แต่จุดด้อยของเจ้านี่ มันมีครับ ซึ่ง อันดับแรกก็คือ
ด้วยความที่มันเป็นเม้าส์ที่ใหญ่ อ้วน ล่ำ โหนกนูนตรงกลาง (เม้าส์นะ) มาพร้อมยางด้านๆ กันลื่นด้านบน ที่ผมบอกตรงๆว่า ถ้ามือเราแห้งๆ สนิทๆ นะ มันจะลำบากมากๆเลย เพราะมันไม่หนึบเลยซักกะติ้ด
จุดที่เป็นจุดด้อยของเจ้านี่ คงจะเป็น ปุ่มคลิกข้าง 2 ปุ่ม นั่นแหละครับ ข้อเสียก็คือ มันใหญ่เว่อร์ไปหน่อย และความ***งของปุ่มหน้าและหลังครับ
มัน***งไปหน่อยหากเทียบแล้ว ที่ว่า***งก็คือ ปุ่มมันใหญ่ไงครับ ด้วยความใหญ่เว่อร์ นั่แนหละ ทำให้ ปุ่ม 4-5 มันมีระยะ***งมากไปหน่อย
นิ้วโป้งเราจะไปโดนเจ้าปุ่ม 4 บ่อยๆ ครับ ในขณะทีปุ่ม 5 ถ้าไม่เขยิบมือตาม (ปล่อยเม้าส์) มันกดแทบไม่ถึงครับ
และ ข้อเสียอีกอันก็คือ ตัวเม้าส์ มีลักษณะ โค้งเป็นท้องเรือในช่วงล่างครับ แต่ว่ามันดันเป็นบอดี้เงาๆ ลื่นๆ นั่นเอง ทำให้เวลากวาดเม้าส์แล้วจะยกมันทันที หากมือเราลื่นๆ มันๆ
มีเหวี่ยงเม้าส์ตกโต๊ะคอมพ์ครับผม อันนี้ ผมเคยเหวี่ยงแล้วหลุดมือ ดีว่าดึงสายมันกลับมาทันนะครับ ไม่งั้นมีปลิวหล่นไปโดนพื้น พังแน่ๆ
ส่วนระบบ No Drift Control คงต้องชมมันบ้างเพราะว่ามันโอเคขึ้นหน่อยที่มันปรับมาให้เป็น Passive ไปเลย
แต่จุดเหวอๆ อีกอย่างคือเวลายกเม้าส์ลอยครับ เซ็นเซอร์มัน เอาแน่เอานอนไม่ได้อีตอนลอยเหนือแผ่นรองเม้าส์เนี่ยแหละ บางทีก็วิ่ง บางทีก็หลอนครับ แต่ถ้าหาก มัน นาบสนิท แนบแน่น ติดเข้ากับแผ่นรองเม้าส์ (อย่าไปไกลนะเว้ยพี่น้อง)
นิ่งครับ นิ่งจนน่าเตะ
ข้อเสียอีกอย่างคือ DPI ล้อค ครับ มันดันปรับมาตายตัว(หรือผมปรับไม่เป็น) คือ มันมี 450 800 1200 1800 3500 ไปเลยน่ะครับ ทำให้เวลาเราปรับ DPI จะเล่นแบบเล่นเองไม่ได้เลย เช่น อยากใช้ DPI ซัก 1600 1400 หรือ 1000 ไม่ได้เลย
และถ้าจะเอาแน่เอานอนที่สุด คงต้องปรับ ที่ 450 DPI ครับผม ส่วน Poling Rate ของเจ้านี่ หากท่านๆ เล่นเกมส์ ออนไลน์ ให้ปรับไปที่ 500 ครับ มันจะยิงได้แม่นแป๊ะเลย แต่ถ้าปรับไปที่ 1000 มันดันยิงวืดครับ (เกมส์ออนไลน์มันมี Ping มั้ง เลยมีผลกับเม้าส์ความไวในการตอบสนองสูงๆ)
ส่วนความนิ่งของกลุ่มกระสุน ขอบอกว่า ยอดเยี่ยมครับ ไปเป็นกลุ่มๆ ดี
สรุุปว่าเจ้า Death Adder นั้น สำหรับผม 3500 DPI ดันกลายเป็นไม่ได้ใช้ เพราะว่าถ้าใช้ Sensitivity ของโปรแกรมปรับให้สูงๆ แล้ว เซ็ต DPI เม้าส์ที่ค่าต่ำ ๆ เวลาเล่นยิงแข่งกับชาวบ้าน เจ้านี่ แม่นกว่าครับ
และ หากจับคู่เจ้า DA กับ Goliathus ผมแนะนำว่า จับมันเข้าคู่กับ Speed Edition จะเวิร์คกว่าครับ เพราะ Control Edition นั้น เวลาที่ลากไปลื่นๆ จะมีอาการหลอนครับ และอีกอย่าง เจ้า Death Adder บน DPI สูงๆ มันยังหลอนอยู่ครับ ไม่สู้เวลาเล่น DPI ต่ำๆ
ดังนั้น หากใช้แผ่นรองเนื้อ Speed จะช่วยลดจุดด้อยในเรื่อง DPI ไปได้เลย หากจะเอา Control Edition มาใช้ ผมว่า จับไปใช้กับเจ้า Lechasis จะแจ๋วกว่าเยอะเลยครับ
ต่อมา
Roccat Kone+ + Sota & Taito
เจ้าแมวหินที่บอกได้เลยว่า ตอนที่ได้จับมัน โดนใจมากๆครับ และผมได้เอาตัว Plus มาใช้ด้วย แต่ว่า บอกแล้วว่า
"บ่นแบบเช็ดเม็ด"
ดังนั้น ไม่มีการยั้งนิ้วมือไว้ไมตรีครับ ขอซัดกันไปเลยแล้วกัน
เจ้า Kone + นั้น แม้จะบอกว่า อัพเกรด สารพัดมาแล้วก็ตาม แต่จุดดีเรื่องเดียวที่ผมเห็นว่ามัน ยอดเยี่ยมขึ้นหน่อยก็คือ
ไอ้ตัวใส่ตุ้มน้ำหนักครับ เพราะรุ่น Kone แรกนั้น ตัวใส่ตุ้มน้ำหนัก จะเป็นแบบ เม็ดให้เลือกตามน้ำหนักเลย แล้วกดเข้าไป แต่มันดันมีเขี้ยวล้อคเล็กกะเปี๊ยกเดียว เรียกได้ว่า ลองถอดๆ ใส่ๆ ไม่เกิน 30-40 ครั้งดูครับ มีสึก มีล้อคไม่อยู่ล่ะ
แต่เจ้า Kone+ นั้นได้พัฒนาไปเยอะครับ
ทำให้เป็นลักษณะ ตัวล้อคเลย และมีร่องให้ใส่ได้เลย (เอ่อ ร่องใส่เม็ดนะ)
แต่ว่า ไอ้เม็ดที่ให้เนี่ย ถ้าใส่ไปแล้วจะเอาออก ผมบอกตรงๆ เสียวเม้าส์พังครับ มีเคาะกันปั๊กๆ เลยล่ะ
มาว่ากันต่อ เจ้า Kone + นั้น ข้อเสียอีกเรื่องคือ "ไดรเว่อร์เมิงใหญ่มาก" เม้าส์บ้าอะไร ไดรเว่อร์ปาไป 64 Mb
แต่ว่ามันเว่อร์ขนาดนั้นเพราะลูกเล่นครับ ลูกเล่นมันเว่อร์ครับ มีทั้งเสียงที่บอกเลยว่าเซ็ต DPI เท่าไร (ตอนแรกผมคิดว่าเปิด Crysis โหมดเปลี่ยนชุด น่ะ )และไฟเลี้ยงหลายเฉดสีครับ
แต่ว่าในการใช้งานจริงนั้น เจ้านี่มันออกแนวเหวี่ยงๆ ครับ ถ้าจะเอาให้นิ่งๆ ผมบอกเลย 20g ที่มันให้มา (5g 4 เม็ด) ไม่พอว่ะ แต่ว่าก็นั่นแหละพอใส่ไปครบๆ มันดันมาหนักอีตอนยกเม้าส์อีก
ไอ้ยางกันลื่นมัน ลองมือแห้งสนิทๆ ดูครับ นรกดีๆเลยล่ะ จับไม่อยู่ แต่ถ้าเหงื่อออกมือเมื่อไหร่ล่ะก็ อย่าได้เผลอโผล่หน้ามาเชียว ได้ยิงหัวหลุดครับ
ส่วนความนิ่งผมบอกเลย อย่าไปคาดหวัง มันไม่ใช่เม้าส์แนว Control ครับ แม้แต่จับคู่กับ Taito ก็ตามเถอะ ยิ่งจับกับ SOTA ยิ่งแล้วใหญ่เลยครับ บินไปไหนไม่รู้ มันเร็วมากๆครับ เร็วเว่อร์ๆ เลย แต่นั่นเพราะผมไม่ได้ Caribate มันครับ ซึ่งผมพลาดเอง
เพราะมันมี TCU ครับ ผมบอกเลยว่า หากคุณๆใช้เจ้านี่ ให้เปิด TCU ครับ ตอนนั้นแหละเทพกำเนิด ล่ะ
เพราะจะต้องไปคู่กันครับ แต่จำไว้ว่า ห้ามตกเลยนะเซ็นเซอร์มีเอ๋อครับ
เรื่องความเร็วในการลั่นกระสุน ยอดเยี่ยมากๆครับ ยิงเป็นชุดใหญ่ๆได้เลย รัวยังได้ครับ ตัวเม้าส์จะเซ็ตการเกาะกลุ่มให้เราด้วย (นี่เรื่องจริงนะ) ผมลองยิงรัวๆ แบบชุดใหญ่ และลองคุมดู เราแค่ขยับมือกดปืนนิดเดียวเองครับ แต่เวลาจับมันยิงทีละ 3 นัดนี่สิ นรกดีๆเลย เพราะถ้ามือขยับนิดเดียว มันวิ่งไปไปไหนไม่รู้เลยครับ
คงเพราะเซ็นเซอร์ที่นิ่งมากๆ เกินไปนั่นเอง มันตอบสนองไวครับ ไวเว่อร์
ส่วนการจับคู่ หากให้พูดกันจริงๆ การจับเจ้านี่ ผมว่าการกับตีคู่ Taito เป็นการเพิ่มความแม่นยำให้มันครับ และเมื่อเปิด TCU ด้วยก็สุดยอดครับ บอกได้แค่ว่า นิ่งเทพๆ เลยล่ะ
แต่ไปขัดจุดเด่นเว่อร์ๆ ของมันแทนก็คือความไว แต่หากจะเอาดีกับ SOTA ซึ่งเป็นเนื้อ Speed ล่ะก็
ผมบอกเลยถ้าท่านคุมมันอยู่ได้ ทั้งเกมส์คงหาคนเอาท่านลงยากล่ะครับ แต่จะคุมเจ้าแมวพยศนี่ไหวหรือเปล่า คงต้องไปปรับตัวเอาเองครับ แต่บอกได้แค่ว่าถ้าเอาอยู่ล่ะก็ อาวุธในตำนาน คงไม่ไกลจากมือท่านๆครับ
Result
Razer Death Adder
เอาล่ะ เมื่อมาถึงทั้ง 2 ตัวนี้ ผมอยากจะบอกตรงๆว่า Death Adder มีภาษีดีกว่าในเรื่องการคอนโทรลครับ คือ เซ็นเซอร์มันไม่ไวเว่อร์เกินไป คือบางทีเรายังพอขยับแบบสั่นเบาๆได้นิดหน่อย (เวลามือสั่นๆ มันยังนิ่งๆบ้าง) แต่ว่าจุดด้อยเจ้านี่จะเป็นตอนยกเม้าส์ครับ ที่หลอนสิ้นดีเลยล่ะ แค่ลองยกๆ แล้วเอียงมุมผิด มันบินไปไหนๆ เลยล่ะครับ และอีกอย่าง เวลาที่ยิงจนตกขอบ ต้องยกเม้าสกลับนี่แหละ มันลื่นไปครับ ตัวช้อนท้องร่องมัน ถ้ามันทำช่วงคอดให้รับกับนิ้วมือหน่อย คงจะสุดยอดกว่านี้มากๆครับ
ถ้าจะเล่นเจ้า Razer Death Adder จับมันคู่กับ Control ก็ไม่เลวครับ แต่หากจับกับ Speed Edition ผมว่ามันจะเหมาะกว่านะ เพราะว่าเจ้านี่ เซ็นเซอร์มันช้าไปหน่อย จับกับผ้าแบบ Speed ก็คงจะทำให้เจ้าอุ้ยอ้ายนี่กลายเป็น อสรพิษประจำสนามได้เลยล่ะครับ
Result
Roccat Kone+
ส่วนเจ้า แมวหิน Kone พลัส นั้น ผมบอกได้แค่ว่า ถ้าท่านยังเป็นมือไหม่ ยังไม่นิ่งพอ จับมันคู่กับ Taio ครับ ส่วน SOTA อย่าเอามันไปใช้เลยครับ เพราะว่ามันไวมากๆ มันไวชนิดที่ว่า เม้าส์บ้านๆ ตามมันไม่ทันครับ ใน DPI เท่ากัน ผมขอบอกตรงๆ เจ้า KONE + นี่ เซ็นเซอร์ไวที่สุดเลยครับ ขยับนิดเดียวล่ะเป็นไปไหนต่อไหนเลย ยิ่งจับมันเข้าคู่กับ Sota นะ นรกดีๆเลย
แต่ถ้าท่านคุมมันอยู่มือได้ล่ะก็ ไม่ยากครับ
แต่เจ้าแมวหินนี่ ห่วยมากกับ สไนเปอร์ ก็จริง แต่ว่าถ้า โยกยิงด้วยปืนกล และชอบการ ตะลุมบอนแล้วล่ะก็ Kone+ + SOTA ไอ้นี่แหละ คำตอบเลยครับ (ซึ่งนิสัยผมก็แนวโยกก่อนยิง(เอ่อเวลาเล่นเกมส์นะ)
Keyboard
Lycossa Mirror VS ARVO
LCS Mirror
เจ้านี่คงต้องบอกว่าเป็น คีย์บอร์ดในฝันของหลายๆคนเลยครับ และแน่นอน สำหรับผม มันก็เคยเป็นหนึ่งในตัวเลือก แต่ว่า จะเชื่อมั้ยว่า เป็นคีย์บอร์ดที่ผมใช้งาน น้อยที่สุด หลังจากที่จับมันมา
2 ชม เท่านั้นครับ ผมเก็บกลับกล่องเลย
เจ้า Lycossa Mirror นั้นเรื่องความสวยงาม ผมขอบอกเลยว่ามันเจ๋งครับ ใครได้เห็นเป็นต้องเหลียวหลังล่ะ แต่ว่า
ปุ่มมันนุ่มไปครับ ผมบอกตรงๆ มันนุ่มเกินครับ นุ่มจนแทบจะเป้น Touch screen ไปแล้วครับ ซึ่งผมชอบปุ่มที่มันเด้งๆหน่อย (ปุ่มคียบอร์ดนะ)คือข้อเสียของเจ้านี่คือ วางนิ้วไม่ได้เลยครับ แตะปุ่มไปเผลอกดลงไปแค่แตะๆ เท่านั้นแหละ
ปรี๊ดเลย ผมบอกตรงๆว่าเดี้ยงๆฟรีๆ เพราะไอ้คีย์บอร์ดบ้านี่ไปหลายรอบครับ คือกำลังรอดีๆนะ มือไปแตะโดนนิดเดียวเท่านั้นแหละ อ้าว ล่อเป้ากลางวงเลยตู
หลุดจากที่กำบังแล้วอะไรจะเหลือล่ะครับ
ส่วนเรื่อง Poling Rate ผมยกให้เลยนะครับว่าไวใช้ได้ แต่ถ้าปุ่มมันจะเด้งสู้(ปุ่มคีย์บอร์ดนะ) หรือสปริงแข็งกว่านี้หน่อย คงจะเป็นสวรรค์น้อยๆ ไปเลยล่ะ มันออกแนว โน็ตบุ้ค ไปหน่อยอ่ะ
ดังนั้นเจ้านี่ ปุ่มนุ่มสบายมือครับ แต่เวลาเล่น เมื่อมือครับ ต้องเกร็งนิ้วเพราะพักนิ้วไม่ได้เลย เผลอแตะไปนิดเดียวเท่านั้นแหละ โอ๊ว หันมากันอื้อเลย ....
ดังนั้นกับเจ้านี่ ถ้าใครชอบคีย์บอร์ดที่กดแล้วได้อารมณ์เถื่อนๆหน่อย ตัดออกไปดีกว่าครับ มันเหมาะกับคนที่ต้องการความนุ่มนวลขั้นเทพมากกว่า
ส่วนเรื่อง Macro ผมว่านะ Razer Aurantia ยังจะเจ๋งกว่าอีก มันเซ็ตได้ทุกปุ่มเลยกับเจ้านั่น แต่ Lycossa ผมว่ามันยังกั๊กๆครับ เซ็ตได้ไม่เต็มเท่า
Roccat ARVO
ตัวเล็กแบบ Ria Sakurai (เอาล่ะเตรียมออกอ่าวได้) แต่ว่า ผมบอกเลยนะครับ จะว่าอวยก็ยอมครับ ใครได้กดปุ่มมันมีหลงรักครับ (อารมณ์เดียวกับเห็น ริเอะ เล่นหนัง..)
ผมบอกเลยประทับใจมากๆ ครับ มันเด้งมันสู้มือ มันไวในการตอบสนอง อารมณ์มันน้องๆ 7G ดีๆ เลยล่ะครับผม แต่จะนุ่มกว่าด้วย ซึ่งเจ้า 7 G นั้น ข้อเสียคงจะเป้นเรื่องปุ่มที่สูงไปหน่อย เวลากดมันเร็วๆ (ลากนิ้วเปลี่ยนปุ่ม) มันจะมีอาการขัดๆ บ้าง
แต่ Roccat ARVO ไม่ใช่ครับ ปุ่มมันเตี้ยกว่านิดหน่อยครับ ทำให้ยอดเยี่ยมมากๆ ในการเปลี่ยนและเดินไปมาครับ เหมือนว่ามันแก้ไขข้อด้อยของสุดยอด คีย์บอร์ดไปเลยก็ว่าได้
แต่ทว่า......
มันก็แค่สัมผัสครับ แม้ว่าปุ่มจะยอดเยี่ยมเพียงใด การตอบสนองนิ้ว(เวลากดคียบอร์ดนะ) จะเด้งได้ดีแค่ไหน(ปุ่มมันเด้งกลับที่) และแม้จะสามารถรัวนิ้วได้เลยแบบไม่ต้องยั้ง(เอ่อ รัวกดปุ่มนะ) เพราะมันเด้งสวนได้ไวมาก(ปุ่มมันนั่นแหละ)
แต่ด้วยความที่มันเล็กไปครับ(ขนาดคีย์บอร์ด) และ ไอ้การสลับปุ่มด้วยการกด Mode เพื่อใช้งาน Num Pad นั่นแหละ ที่ผมบอกเลยว่า Fail สำหรับคนที่จะเอามาใช้งานด้วยและเล่นเกมส์ด้วย เพราะบางครั้งเวลาที่ต้องกดปุ่ม Numpad ช่วย หรือเล่นเกมส์ที่ต้องใช้ทั้ง คีย์ลูกศรและ Numpad ร่วมกัน
มันใช้ไม่ได้.... ปุ่ม F1- F12 ก็เล็กจนแทบไม่รู้ ความชิดปุ่มมีมากไปครับกดผิดหลายทีเลยล่ะ ยิ่งเรื่อง Macro ผมบอกเลย โยนมันทิ้งไปเถอะ ให้มาทำไม เซ็ตได้แค่ 5 ปุ่ม.. เอาเวลาแบบนั้นไปทำอย่างอื่นดีกว่า
แต่ก้ยังดีที่มันตอบสนองนิ้วดีครับ ผมบอกจริงๆ นะ ผมยอมรับครับว่าผมชอบการเด้งรับของ Arvo ครับ ประทับใจสุดๆ จากที่เคยใช้คีย์บอร์ด และลองเล่นมาหลายๆตัว เจ้านี่แก้ข้อด้อยของคียบอร์ดเทพๆ ไปได้ครับ แต่ Anti Ghost มัน ผมว่ายัง***งชั้นครับ ถ้าเทียบกับ 7G มันยังมีหลอนๆ ครับ
Result
Razer Lycossa
กับเจ้านี่ผมบอกเลย การเซ็ตปุ่ม การวางปุ่ม การออกแบบ ดีไซน์ ผมยกนิ้วครับ ขนาดปุ่มก็เต็มนิ้วดี ยอดเยี่ยมเลย ที่สำคัญคือ ระยะ***งปุ่มที่ทำได้ดีมากๆครับ ทำให้ลดโอกาสกดหลอนไปเยอะเลย
แต่ด้วย ข้อด้อยเดียวคือ สัมผัสปุ่มมันไวมากไปหน่อย และ ปุ่มนุ่มเกิืน จนบางครั้งแค่วางนิ้วก็วิ่งปรี๊ดแล้วนี่แหละ ที่เป็นข้อด้อยของมันครับ เพราะแม้เราจะไม่เมื่อยเวลากดปุ่ม แต่เราจะเมื่อยอีตอนวางมือบนปุ่มแทนครับ เพราะต้องเกร็งนิดๆ ไม่ให้ออกน้ำหนักลงไป
ทำให้เวลาเล่นนานๆ จะล้าได้นั่นเอง แต่ว่า นอกจากข้อเสียตรงนี้แล้ว นอกนั้นผมว่าเจ้านี่ก็น่าสนใจครับ ยิ่งหากเป็นคนชอบลากนิ้วเล่นล่ะก้ เจ้านี่คงเป้นคีย์บอร์ดที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุดเลยก้ว่าได้ครับผม
Result
Roccat ARVO
เจ้านี่ ยอดเยี่ยมมากครับ มันเอาข้อดีของ 7 G มาผสมผสานกับ Gaming Keyboard ได้อย่างลงตัวมากๆ สัมผัสที่กดไปบอกได้แค่ว่าเพลินจนไม่อยากยกมืออกครับ เสียงก็หวานหู สัมผัสแนว mechanical เลยก็ว่าได้ แต่มันก็ไม่ใช่อยู่ดี ยังไงก็ยังยากนักที่จะเทียบกับ Mec แท้ๆ อย่าง 7G หรือ 6gV2 ไปได้
แต่ว่าด้วยความที่มันออกแบบมาได้สวยงาม และปุ่มกลางสูง(ไม่สูงเท่า 7 G ) ทำให้การเดินและสลับนิ้วไวๆ ทำได้ดีครับ สำหรับคนที่ชินกับการยกนิ้วสูงๆ อาจจะไม่รู้ แต่ถ้าหากท่านเป้นคนที่ชอบลากนิ้วแทนการยกนิ้วล่ะก็ 7G จะเป็นจุดด้อยไปเลยในเรื่องนี้ หากท่านลากตามเนวท้องร่องคงไม่เจอปัญหา แต่ลองลากใในแนวขวางเส้นดูครับอาการติดปุ่ม ขัดปุ่ม ออกเลย แต่เจ้า ARVO ไม่ครับ ปุ่มมันชิดกันและมีระยะที่ดีทำให้สามารถลากนิ้วเล่นได้เลย
แต่ข้อติก็คงอย่างที่บอกครับ ไอ้ การ Mode Numpad นั่นแหละครับ ที่เป็นตัวก่อปัญหาล่ะ หากมีเกมส์ที่ต้อง คอนโทรล คู่กัน ตอนนั้นคงลำบากครับผม ส่วนนอกนั้นก็ไม่มีแล้วครับ
ดังนั้น หากเป็นคนงบน้อยหน่อย แต่อยากลองสัมผัสปุ่มแบบ Mechanical กลายๆ ล่ะก็ ลองกดมันดูครับ ผมบอกได้แค่ว่าแค่กดก็หลงรักเลยล่ะ
Headset
Megalodon VS KAVE
มาแบบนี้ ผมบอกเลย คงไม่แฟร์เท่าไร ที่จะเอา 7.1 กับ 5.1 มาวัดใจกัน
แต่ว่าถ้าให้บอกตรงๆ หากเป็นหูฟังล่ะก็ 2 ตัวนี้ ผมคงไม่ต้อง รีวิวส์ ยืดยาวนัก เพราะ 2 รุ่นนี้ มีจุดเด่น จุดด้อยที่ชัดเจนดีครับ
Razer Megalodon
7.1 ที่หลอนที่สุดในประวัติศาสตร์ครับ ผมขอบอกเลยว่าหลอนโคตรพ่อ มันแยกเสียงได้หลอนจริงๆ คือยังไงดีล่ะ มันเป็น 7.1 จำลอง จะให้เท่าของแท้ก็คงยาก แต่ว่า เจ้า Sound controller มันนั่นแหละครับ ที่เรียกได้ว่า ตัวหลอนเลยล่ะ ลองเจอบางครั้งที่เสียง สะท้อนไปๆ มาๆ ทำให้จับทางผิดก็มีครับ และที่ผมบอกว่ามันหลอนที่สุดในประวัติศาสตร์
ก็เพราะว่า บางเกมส์ที่เล่นมันไม่รับกับระบบ 7.1 ของมัน เสียงเลยเหวี่ยงมั่วซั่วเลยครับ ผมขอบอกเลยว่าเอามาเล่นเกมส์ ออนไลน์นี่ นรกดีๆครับ
อย่าได้เอามาเล่นเชียว มันเก็บรายละเอียดได้เว่อร์มาก มากเกินไปจนบางที เสียงทีมเราเดิน ก็หลงผิดว่าเป็นศัตรูไปก็มีครับ แล้วผมก็ออกไปให้เค้าส่องกบฟรีๆ อยู่ตั้งหลายรอบเพราะไอ้หูฟัง 7.1 ซาวนด์หลอน บ้านี่แหละ
แต่หากเป็นเกมส์ ออฟไลน์ ที่มีระบบเสียงที่ดี และมีการรองรับ 7.1 แล้วล่ะก็ เจ้านี่เป็นหูฟังที่แยกทางได้เว่อร์ที่สุด เท่าที่เคยใช้มาครับ และที่สำคัญ มันได้ยิน "โคตรไกล"
ไกลชนิดที่ว่า เมิงจะไกลอะไรนักหนาวะ ผมเคยเอ๋อหลายทีเลยกับ COD 4 เพราะมันได้ยินเสียงศัตรูไกลเว่อร์มากๆครับ ผมก็หาตั้งนานไหนวะ จะส่องซะหน่อย ที่ไหนได้ โห อยู่ซะสุดเลนส์กรูเลย
แต่ว่า จุดดีของเจ้านี่ คงจะเป็นเรื่องของ เบสครับ ที่ผมว่ามันเป็นหูฟังเล่นเกมส์ที่เอามาฟังเพลงใช้ได้เลย อย่างน้อยๆ เบสมันก็หนาพอให้รู้สึกได้เลยครับ ซึ่งผมว่ามันมาจาก ซาวนด์ นอก มันนั่นเองล่ะครับ ผมว่าอย่างน้อยมันก็ประหยัดเงินค่าซาวนด์ไปเหมือนกันล่ะ เพราะจะต่อจากซาวนด์ดีๆ หรือ ออนบอร์ด "มันก็ไอ้ค่าเท่ากัน"
Roccat Kave
กับหูฟังใหญ่ยักษ์ที่หนักเอาเรื่อง แต่ว่า มันเป็น
5.1 แท้ๆ ที่ใครๆก็บอกว่าเจ๋งที่สุด แต่ผมขอบอกเลยว่า "กับการเล่นเกมส์นะ" แต่ถ้าเอามาฟังเพลงล่ะก็ ผมพูดจริงๆ หูฟังบ้านๆ ยี่ห้อไรไม่รู้(เห็นเขียนว่า Tomahawk) แฟนผมมันไปซื้อมาอันละ 150 ฟังเพลงยังได้เบสหนักกว่ามันอีก .....![Smellie Tongue](https://forum.overclockzone.com/forums/core/images/smilies/smellies/smellie_tongue.gif)
เบสห่วยโคตรครับ ถ้าเอามาต่อ ซาวนด์เห่ยๆ น่ะ แต่ถ้าเอามาต่อกับซาวนด์ดีๆ ล่ะก็ มาเป็นลูกๆ ครับ แต่ก็ยังไม่หนักอยู่ดีครับ เชื่อมั้ยว่า Oker Super Bass มันยังได้เบสหนักกว่าอีก
ส่วนไอ้เรื่อง ระบบสั่น นั้น โอเคครับ แต่ต้องเป็นย่านความถี่ต่ำๆ ครับ ตอนนั้นล่ะ สั่นจนรู้สึกเลย
แต่ว่า สิ่งหนึ่งที่ผมขอยกให้มันจากใจครับ ไม่มีหูฟังตัวไหนเทียบติดเลย เสียงแหลมมันครับ
"คมที่สุด" เท่าที่ผมเคยใช้มาเลย
คมมากๆครับ มากจน หากดูหนังเรื่อง Transformer ท่านจะไม่อยากให้มันแปลงร่างกันบ่อยๆเลยครับ มันใสจริงๆ Sprinter Cell มันทำให้ผมเลิกยิงกระจกหรือทุบกระจก ไปเลยครับผม
แต่ว่า การแยกเสียง 5.1 นั้น ยังมีข้อเสียครับ
มันมีจุดบอดเสียงอยู่ครับ ในช่วงที่เสียงมันอยู่ข้างๆเราพอดีๆเลยเนี่ยแหละ คือมันจะแยกไปเป็น หลัง- ซ้าย,ขวา หรือ หน้า- ซ้าย,ขวา แล้วหากมันอยู่กึ่งกลางขวาเป๊ะๆ พอดีเนี่ยแหละครับ
นรกเลย.... มันเบาไปเลยครับ เบาจนรู้สึกได้ว่าเป็นจุดบอดของเสียงเลย (ซึ่งตรงนี้ Megalodon ไม่เป็น แต่มันดันหลอนแทน คือ แยกทิศไม่ถูกครับ มันหลงทิศเพราะมันวิ่งไป-มาได้หมดเลย)
ซึ่งหากจับดีๆ เจ้า KAVE นี่มีจุดด้อยตรงนี้เท่านั้นเองครับ แต่ว่า การแยกเสียง รอบตัวนั้น ยอดเยี่ยมเกินบรรยายจริงๆ ผมว่าการแยกเสียงเจ้านี่ เหนือกว่า Megalodon อีกนะ แต่ว่า มันต้องได้ ซาวนด์ดีๆ ด้วย นั่นแหละ เพราะถ้าต่อมันกับ ซาวนด์เห่ยๆ ล่ะก็
โคตรเน่าเลย...
Result
Razer Megalodon VS Roccat KAVE
ผมขอบอกตรงๆนะ ถ้าเรื่องแยกเสียง ผมยกให้เจ้า Kave ครับ แต่ว่า มันมีข้อแม้คือ ต้องต่อซาวนด์ที่ดีๆ นะครับ ความหลอนน้อยมาก แต่ว่าถ้าซาวนด์ ออนบอร์ดล่ะก็ เก็บเงิน เกือบๆ 4000 ท่านไปซื้อ ซาวนด์ดีๆมาใส่ แล้วหาหูฟัง กลางๆมาใช้ดีกว่าครับ
แต่ว่าถ้าหากท่านมีซาวนด์ที่ดีๆ อยู่แล้ว เจ้า KAVE คงเป็นตัวเลือกชั้นดีเลยก็ว่าได้ แต่ข้อด้อยของมัน ถ้าเทียบกับ Megalodon ล่ะก็ เบสครับ เบสไม่หนัก
แต่ใช่ว่า Megalodon จะยอดเยี่ยม เพราะ หูฟังนั้น หากเป็นพวก เบสหนัก Pre จะถ่อยครับ เสียงแหลมมันไม่ใสครับ มันแตกๆ คือไม่มีความรู้สึกบาดหูเลย ผมบอกตรงๆ เสียงกระจกแตก เจ้า Kave ทำให้คุณใจเต้นตุบๆ ได้เลยครับ เพราะมันแหลมมากๆ ใสมากๆ ผมบอกได้แค่ว่ามันใสจริงๆ กับเสียงแหลม
ดังนั้น หาก หูฟัง สองตัวนี้ล่ะก็ ผมคงต้องบอกว่า
ถ้าท่านมี ซาวนด์ออนบอร์ด ธรรมดาๆ ล่ะก็ เอา Megalodon ไปใช้ ยังรู้สึกได้ว่าซื้อของแพงมาใช้ครับ แต่ถ้าเป็น Kave ล่ะก็ เก็บเงินไปดีกว่า
แต่
ถ้าท่านมีซาวนด์ที่ดีๆ ขับได้แน่นๆ แล้วล่ะก็ Roccat Kave คงเตะ Megalodon ไปจากทางได้ไม่ยากครับ เรื่องการแยกเสียง ทิศทาง ผมขอบอกตรงๆ จากใจผมเลยนะ Kave ทำได้เหนือกว่าครับ แบบรู้สึกได้เลยครับ แต่มีข้อติก็คงเรื่องของ ทิศทางเสียงที่ยังมี "จุดอับ" เสียง อยู่ ซึ่ง 5.1 จะด้อยมากกับเสียง ขวาเต็ม ซ้ายเต็ม ครับ มันจะมีอาการบอด แบบชัดเจนเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันแยกเสียงได้แม่นจริงๆครับ Megalodon ไม่สู้เลยก็ว่าได้ แม้ว่า Kave จะเป็นแค่ 5.1 ก็ตาม แต่มันเป็น 5.1 แท้ น่ะครับผม
และเสียงใสที่ผมบอกไปแล้วว่าคมจริงๆ ผมบอกได้แค่ว่า ท่านแทบจะไม่อยากยิงปืนครับ มันได้ยินชัดเว่อร์ครับ ใสมาก คมจนผมถึงกับ ซี้ดปากเลยบางครั้งน่ะ
ส่วน Megalodon ผมคงยกให้เรื่องเบสครับ เล่นเกมส์เวลาได้ยินเสียงระเบิดนี่หนัก มันเข้าถึงกึ๋นกว่าครับ แต่ทว่า หาก KAVE อยู่กับ ซาวนด์ดีๆล่ะก็ ผมคงไม่อยากพูดมาก ไปลองดูดีกว่าครับ
แต่จุดด้อยที่สุดของ KAVE คือ ฟังเพลงครับ ถ้าผมจะเขียนว่า "ห่วยแตกสิ้นดี" คงไม่แรงเกินไปครับ เพราะว่า แม้เสียงจะใสเทพแค่ไหน แต่เบสไม่มี ทำให้การฟังเพลง เข้าขั้น "หมดอารมณ์" เหมือนกันครับผม ถึงจะได้ ซาวนด์ดีๆ ช่วยขับแล้วก็ตามเถอะ เรื่องฟังเพลงนี่ ผมว่า Megalodon ทำได้ดีกว่าครับ
แต่ถ้าเป็นดูหนัง กับเล่นเกมส์ Kave ครับ แต่มีข้อแม้ก็คือ ซาวนด์คุณต้องดีนะ แล้วจะสนุกมากๆครับ
เอาล่ะครับ บ่นกันแบบเช็ดเม็ดกันไป เอาไว้เดี๋ยวจะหาโอกาสอัพรูปมาลงให้ครับ ตอนนี้ หลักฐานยืนยันผมคงมีแค่ รูป ไดรเว่อร์ หน้าจอ น่ะครับ เพราะถ้าไม่เสียบ มันลงแล้วจะ อัพ เฟรมแวร์ไม่ได้ จริงๆ และก็เปิดหน้า ไดรเว่อร์ไม่ขึ้นด้วย
ตอนนี้ ขอบอกตรงๆ ว่ามี 2 เซ็ตไว้ใช้ ซึ่ง เซ็ตแรกที่ใช้ คือ งูเขียวหางกระดิ่ง เจ้า Razer Death Adder + Lycossa Mirror และ Goliathus + Megalodon ครับ
ส่วนอีกเซ็ตคือ เจ้าแมวหิน ยกทีมเลย ซึ่ง นำมาด้วย
Roccat Kone+ + Sota + Arvo + Kave + Apuri ครับผม
รูปเจ้า เขียวกระดิ่ง ยกชุด คงต้องขออภัยด้วย เพราะว่าผมยกให้น้องชายผมไปแล้ว แต่ว่านี่จะเป็นความรู้สึก จากที่ได้ใช้งานจริงๆ ซึ่งผมคงต้องบอกว่า
มันดูอาจไม่น่าเชื่อถือ แต่หากเป็นคนที่ใช้ของเหล่านี้มาแล้วจริงๆ เค้าจะบอกได้เลยว่า "เออ มันใช้มาจริง"
ผมจะซัดเป็นชุดๆไปเลยนะครับ โดยจะเป็น
เม้าส์ VS เม้าส์
Razer Death Adder + Goliathus CT + SP 2 เนื้อไปเลย
เอาล่ะ มาดูที่ งูเขียวหางกระดิ่งก่อน
ขั้นแรก เจ้า DA 3500 DPI คงต้องบอกว่า เป็น 1 ใน เม้าส์ในตำนาน สำหรับหลายๆคนเลยก็ว่าได้ครับ ทั้งความไว การคอนโทรล และความนิ่ง
แต่ทว่า เจ้าตัวนี้นั้น ข้อดี คงหาไม่ยาก เพราะ รีวิวส์ ดีๆมีเยอะ
แต่จุดด้อยของเจ้านี่ มันมีครับ ซึ่ง อันดับแรกก็คือ
ด้วยความที่มันเป็นเม้าส์ที่ใหญ่ อ้วน ล่ำ โหนกนูนตรงกลาง (เม้าส์นะ) มาพร้อมยางด้านๆ กันลื่นด้านบน ที่ผมบอกตรงๆว่า ถ้ามือเราแห้งๆ สนิทๆ นะ มันจะลำบากมากๆเลย เพราะมันไม่หนึบเลยซักกะติ้ด
จุดที่เป็นจุดด้อยของเจ้านี่ คงจะเป็น ปุ่มคลิกข้าง 2 ปุ่ม นั่นแหละครับ ข้อเสียก็คือ มันใหญ่เว่อร์ไปหน่อย และความ***งของปุ่มหน้าและหลังครับ
มัน***งไปหน่อยหากเทียบแล้ว ที่ว่า***งก็คือ ปุ่มมันใหญ่ไงครับ ด้วยความใหญ่เว่อร์ นั่แนหละ ทำให้ ปุ่ม 4-5 มันมีระยะ***งมากไปหน่อย
นิ้วโป้งเราจะไปโดนเจ้าปุ่ม 4 บ่อยๆ ครับ ในขณะทีปุ่ม 5 ถ้าไม่เขยิบมือตาม (ปล่อยเม้าส์) มันกดแทบไม่ถึงครับ
และ ข้อเสียอีกอันก็คือ ตัวเม้าส์ มีลักษณะ โค้งเป็นท้องเรือในช่วงล่างครับ แต่ว่ามันดันเป็นบอดี้เงาๆ ลื่นๆ นั่นเอง ทำให้เวลากวาดเม้าส์แล้วจะยกมันทันที หากมือเราลื่นๆ มันๆ
มีเหวี่ยงเม้าส์ตกโต๊ะคอมพ์ครับผม อันนี้ ผมเคยเหวี่ยงแล้วหลุดมือ ดีว่าดึงสายมันกลับมาทันนะครับ ไม่งั้นมีปลิวหล่นไปโดนพื้น พังแน่ๆ
ส่วนระบบ No Drift Control คงต้องชมมันบ้างเพราะว่ามันโอเคขึ้นหน่อยที่มันปรับมาให้เป็น Passive ไปเลย
แต่จุดเหวอๆ อีกอย่างคือเวลายกเม้าส์ลอยครับ เซ็นเซอร์มัน เอาแน่เอานอนไม่ได้อีตอนลอยเหนือแผ่นรองเม้าส์เนี่ยแหละ บางทีก็วิ่ง บางทีก็หลอนครับ แต่ถ้าหาก มัน นาบสนิท แนบแน่น ติดเข้ากับแผ่นรองเม้าส์ (อย่าไปไกลนะเว้ยพี่น้อง)
นิ่งครับ นิ่งจนน่าเตะ
ข้อเสียอีกอย่างคือ DPI ล้อค ครับ มันดันปรับมาตายตัว(หรือผมปรับไม่เป็น) คือ มันมี 450 800 1200 1800 3500 ไปเลยน่ะครับ ทำให้เวลาเราปรับ DPI จะเล่นแบบเล่นเองไม่ได้เลย เช่น อยากใช้ DPI ซัก 1600 1400 หรือ 1000 ไม่ได้เลย
และถ้าจะเอาแน่เอานอนที่สุด คงต้องปรับ ที่ 450 DPI ครับผม ส่วน Poling Rate ของเจ้านี่ หากท่านๆ เล่นเกมส์ ออนไลน์ ให้ปรับไปที่ 500 ครับ มันจะยิงได้แม่นแป๊ะเลย แต่ถ้าปรับไปที่ 1000 มันดันยิงวืดครับ (เกมส์ออนไลน์มันมี Ping มั้ง เลยมีผลกับเม้าส์ความไวในการตอบสนองสูงๆ)
ส่วนความนิ่งของกลุ่มกระสุน ขอบอกว่า ยอดเยี่ยมครับ ไปเป็นกลุ่มๆ ดี
สรุุปว่าเจ้า Death Adder นั้น สำหรับผม 3500 DPI ดันกลายเป็นไม่ได้ใช้ เพราะว่าถ้าใช้ Sensitivity ของโปรแกรมปรับให้สูงๆ แล้ว เซ็ต DPI เม้าส์ที่ค่าต่ำ ๆ เวลาเล่นยิงแข่งกับชาวบ้าน เจ้านี่ แม่นกว่าครับ
และ หากจับคู่เจ้า DA กับ Goliathus ผมแนะนำว่า จับมันเข้าคู่กับ Speed Edition จะเวิร์คกว่าครับ เพราะ Control Edition นั้น เวลาที่ลากไปลื่นๆ จะมีอาการหลอนครับ และอีกอย่าง เจ้า Death Adder บน DPI สูงๆ มันยังหลอนอยู่ครับ ไม่สู้เวลาเล่น DPI ต่ำๆ
ดังนั้น หากใช้แผ่นรองเนื้อ Speed จะช่วยลดจุดด้อยในเรื่อง DPI ไปได้เลย หากจะเอา Control Edition มาใช้ ผมว่า จับไปใช้กับเจ้า Lechasis จะแจ๋วกว่าเยอะเลยครับ
ต่อมา
Roccat Kone+ + Sota & Taito
เจ้าแมวหินที่บอกได้เลยว่า ตอนที่ได้จับมัน โดนใจมากๆครับ และผมได้เอาตัว Plus มาใช้ด้วย แต่ว่า บอกแล้วว่า
"บ่นแบบเช็ดเม็ด"
ดังนั้น ไม่มีการยั้งนิ้วมือไว้ไมตรีครับ ขอซัดกันไปเลยแล้วกัน
เจ้า Kone + นั้น แม้จะบอกว่า อัพเกรด สารพัดมาแล้วก็ตาม แต่จุดดีเรื่องเดียวที่ผมเห็นว่ามัน ยอดเยี่ยมขึ้นหน่อยก็คือ
ไอ้ตัวใส่ตุ้มน้ำหนักครับ เพราะรุ่น Kone แรกนั้น ตัวใส่ตุ้มน้ำหนัก จะเป็นแบบ เม็ดให้เลือกตามน้ำหนักเลย แล้วกดเข้าไป แต่มันดันมีเขี้ยวล้อคเล็กกะเปี๊ยกเดียว เรียกได้ว่า ลองถอดๆ ใส่ๆ ไม่เกิน 30-40 ครั้งดูครับ มีสึก มีล้อคไม่อยู่ล่ะ
แต่เจ้า Kone+ นั้นได้พัฒนาไปเยอะครับ
ทำให้เป็นลักษณะ ตัวล้อคเลย และมีร่องให้ใส่ได้เลย (เอ่อ ร่องใส่เม็ดนะ)
แต่ว่า ไอ้เม็ดที่ให้เนี่ย ถ้าใส่ไปแล้วจะเอาออก ผมบอกตรงๆ เสียวเม้าส์พังครับ มีเคาะกันปั๊กๆ เลยล่ะ
มาว่ากันต่อ เจ้า Kone + นั้น ข้อเสียอีกเรื่องคือ "ไดรเว่อร์เมิงใหญ่มาก" เม้าส์บ้าอะไร ไดรเว่อร์ปาไป 64 Mb
แต่ว่ามันเว่อร์ขนาดนั้นเพราะลูกเล่นครับ ลูกเล่นมันเว่อร์ครับ มีทั้งเสียงที่บอกเลยว่าเซ็ต DPI เท่าไร (ตอนแรกผมคิดว่าเปิด Crysis โหมดเปลี่ยนชุด น่ะ )และไฟเลี้ยงหลายเฉดสีครับ
แต่ว่าในการใช้งานจริงนั้น เจ้านี่มันออกแนวเหวี่ยงๆ ครับ ถ้าจะเอาให้นิ่งๆ ผมบอกเลย 20g ที่มันให้มา (5g 4 เม็ด) ไม่พอว่ะ แต่ว่าก็นั่นแหละพอใส่ไปครบๆ มันดันมาหนักอีตอนยกเม้าส์อีก
ไอ้ยางกันลื่นมัน ลองมือแห้งสนิทๆ ดูครับ นรกดีๆเลยล่ะ จับไม่อยู่ แต่ถ้าเหงื่อออกมือเมื่อไหร่ล่ะก็ อย่าได้เผลอโผล่หน้ามาเชียว ได้ยิงหัวหลุดครับ
![Smellie Evil](https://forum.overclockzone.com/forums/core/images/smilies/smellies/smellie_evil.gif)
ส่วนความนิ่งผมบอกเลย อย่าไปคาดหวัง มันไม่ใช่เม้าส์แนว Control ครับ แม้แต่จับคู่กับ Taito ก็ตามเถอะ ยิ่งจับกับ SOTA ยิ่งแล้วใหญ่เลยครับ บินไปไหนไม่รู้ มันเร็วมากๆครับ เร็วเว่อร์ๆ เลย แต่นั่นเพราะผมไม่ได้ Caribate มันครับ ซึ่งผมพลาดเอง
เพราะมันมี TCU ครับ ผมบอกเลยว่า หากคุณๆใช้เจ้านี่ ให้เปิด TCU ครับ ตอนนั้นแหละเทพกำเนิด ล่ะ
เพราะจะต้องไปคู่กันครับ แต่จำไว้ว่า ห้ามตกเลยนะเซ็นเซอร์มีเอ๋อครับ
เรื่องความเร็วในการลั่นกระสุน ยอดเยี่ยมากๆครับ ยิงเป็นชุดใหญ่ๆได้เลย รัวยังได้ครับ ตัวเม้าส์จะเซ็ตการเกาะกลุ่มให้เราด้วย (นี่เรื่องจริงนะ) ผมลองยิงรัวๆ แบบชุดใหญ่ และลองคุมดู เราแค่ขยับมือกดปืนนิดเดียวเองครับ แต่เวลาจับมันยิงทีละ 3 นัดนี่สิ นรกดีๆเลย เพราะถ้ามือขยับนิดเดียว มันวิ่งไปไปไหนไม่รู้เลยครับ
คงเพราะเซ็นเซอร์ที่นิ่งมากๆ เกินไปนั่นเอง มันตอบสนองไวครับ ไวเว่อร์
ส่วนการจับคู่ หากให้พูดกันจริงๆ การจับเจ้านี่ ผมว่าการกับตีคู่ Taito เป็นการเพิ่มความแม่นยำให้มันครับ และเมื่อเปิด TCU ด้วยก็สุดยอดครับ บอกได้แค่ว่า นิ่งเทพๆ เลยล่ะ
แต่ไปขัดจุดเด่นเว่อร์ๆ ของมันแทนก็คือความไว แต่หากจะเอาดีกับ SOTA ซึ่งเป็นเนื้อ Speed ล่ะก็
ผมบอกเลยถ้าท่านคุมมันอยู่ได้ ทั้งเกมส์คงหาคนเอาท่านลงยากล่ะครับ แต่จะคุมเจ้าแมวพยศนี่ไหวหรือเปล่า คงต้องไปปรับตัวเอาเองครับ แต่บอกได้แค่ว่าถ้าเอาอยู่ล่ะก็ อาวุธในตำนาน คงไม่ไกลจากมือท่านๆครับ
Result
Razer Death Adder
เอาล่ะ เมื่อมาถึงทั้ง 2 ตัวนี้ ผมอยากจะบอกตรงๆว่า Death Adder มีภาษีดีกว่าในเรื่องการคอนโทรลครับ คือ เซ็นเซอร์มันไม่ไวเว่อร์เกินไป คือบางทีเรายังพอขยับแบบสั่นเบาๆได้นิดหน่อย (เวลามือสั่นๆ มันยังนิ่งๆบ้าง) แต่ว่าจุดด้อยเจ้านี่จะเป็นตอนยกเม้าส์ครับ ที่หลอนสิ้นดีเลยล่ะ แค่ลองยกๆ แล้วเอียงมุมผิด มันบินไปไหนๆ เลยล่ะครับ และอีกอย่าง เวลาที่ยิงจนตกขอบ ต้องยกเม้าสกลับนี่แหละ มันลื่นไปครับ ตัวช้อนท้องร่องมัน ถ้ามันทำช่วงคอดให้รับกับนิ้วมือหน่อย คงจะสุดยอดกว่านี้มากๆครับ
ถ้าจะเล่นเจ้า Razer Death Adder จับมันคู่กับ Control ก็ไม่เลวครับ แต่หากจับกับ Speed Edition ผมว่ามันจะเหมาะกว่านะ เพราะว่าเจ้านี่ เซ็นเซอร์มันช้าไปหน่อย จับกับผ้าแบบ Speed ก็คงจะทำให้เจ้าอุ้ยอ้ายนี่กลายเป็น อสรพิษประจำสนามได้เลยล่ะครับ
Result
Roccat Kone+
ส่วนเจ้า แมวหิน Kone พลัส นั้น ผมบอกได้แค่ว่า ถ้าท่านยังเป็นมือไหม่ ยังไม่นิ่งพอ จับมันคู่กับ Taio ครับ ส่วน SOTA อย่าเอามันไปใช้เลยครับ เพราะว่ามันไวมากๆ มันไวชนิดที่ว่า เม้าส์บ้านๆ ตามมันไม่ทันครับ ใน DPI เท่ากัน ผมขอบอกตรงๆ เจ้า KONE + นี่ เซ็นเซอร์ไวที่สุดเลยครับ ขยับนิดเดียวล่ะเป็นไปไหนต่อไหนเลย ยิ่งจับมันเข้าคู่กับ Sota นะ นรกดีๆเลย
แต่ถ้าท่านคุมมันอยู่มือได้ล่ะก็ ไม่ยากครับ
แต่เจ้าแมวหินนี่ ห่วยมากกับ สไนเปอร์ ก็จริง แต่ว่าถ้า โยกยิงด้วยปืนกล และชอบการ ตะลุมบอนแล้วล่ะก็ Kone+ + SOTA ไอ้นี่แหละ คำตอบเลยครับ (ซึ่งนิสัยผมก็แนวโยกก่อนยิง(เอ่อเวลาเล่นเกมส์นะ)
Keyboard
Lycossa Mirror VS ARVO
LCS Mirror
เจ้านี่คงต้องบอกว่าเป็น คีย์บอร์ดในฝันของหลายๆคนเลยครับ และแน่นอน สำหรับผม มันก็เคยเป็นหนึ่งในตัวเลือก แต่ว่า จะเชื่อมั้ยว่า เป็นคีย์บอร์ดที่ผมใช้งาน น้อยที่สุด หลังจากที่จับมันมา
2 ชม เท่านั้นครับ ผมเก็บกลับกล่องเลย
เจ้า Lycossa Mirror นั้นเรื่องความสวยงาม ผมขอบอกเลยว่ามันเจ๋งครับ ใครได้เห็นเป็นต้องเหลียวหลังล่ะ แต่ว่า
ปุ่มมันนุ่มไปครับ ผมบอกตรงๆ มันนุ่มเกินครับ นุ่มจนแทบจะเป้น Touch screen ไปแล้วครับ ซึ่งผมชอบปุ่มที่มันเด้งๆหน่อย (ปุ่มคียบอร์ดนะ)คือข้อเสียของเจ้านี่คือ วางนิ้วไม่ได้เลยครับ แตะปุ่มไปเผลอกดลงไปแค่แตะๆ เท่านั้นแหละ
ปรี๊ดเลย ผมบอกตรงๆว่าเดี้ยงๆฟรีๆ เพราะไอ้คีย์บอร์ดบ้านี่ไปหลายรอบครับ คือกำลังรอดีๆนะ มือไปแตะโดนนิดเดียวเท่านั้นแหละ อ้าว ล่อเป้ากลางวงเลยตู
![Smellie Oooo](https://forum.overclockzone.com/forums/core/images/smilies/smellies/smellie_oooo.gif)
หลุดจากที่กำบังแล้วอะไรจะเหลือล่ะครับ
ส่วนเรื่อง Poling Rate ผมยกให้เลยนะครับว่าไวใช้ได้ แต่ถ้าปุ่มมันจะเด้งสู้(ปุ่มคีย์บอร์ดนะ) หรือสปริงแข็งกว่านี้หน่อย คงจะเป็นสวรรค์น้อยๆ ไปเลยล่ะ มันออกแนว โน็ตบุ้ค ไปหน่อยอ่ะ
ดังนั้นเจ้านี่ ปุ่มนุ่มสบายมือครับ แต่เวลาเล่น เมื่อมือครับ ต้องเกร็งนิ้วเพราะพักนิ้วไม่ได้เลย เผลอแตะไปนิดเดียวเท่านั้นแหละ โอ๊ว หันมากันอื้อเลย ....
ดังนั้นกับเจ้านี่ ถ้าใครชอบคีย์บอร์ดที่กดแล้วได้อารมณ์เถื่อนๆหน่อย ตัดออกไปดีกว่าครับ มันเหมาะกับคนที่ต้องการความนุ่มนวลขั้นเทพมากกว่า
ส่วนเรื่อง Macro ผมว่านะ Razer Aurantia ยังจะเจ๋งกว่าอีก มันเซ็ตได้ทุกปุ่มเลยกับเจ้านั่น แต่ Lycossa ผมว่ามันยังกั๊กๆครับ เซ็ตได้ไม่เต็มเท่า
Roccat ARVO
ตัวเล็กแบบ Ria Sakurai (เอาล่ะเตรียมออกอ่าวได้) แต่ว่า ผมบอกเลยนะครับ จะว่าอวยก็ยอมครับ ใครได้กดปุ่มมันมีหลงรักครับ (อารมณ์เดียวกับเห็น ริเอะ เล่นหนัง..)
ผมบอกเลยประทับใจมากๆ ครับ มันเด้งมันสู้มือ มันไวในการตอบสนอง อารมณ์มันน้องๆ 7G ดีๆ เลยล่ะครับผม แต่จะนุ่มกว่าด้วย ซึ่งเจ้า 7 G นั้น ข้อเสียคงจะเป้นเรื่องปุ่มที่สูงไปหน่อย เวลากดมันเร็วๆ (ลากนิ้วเปลี่ยนปุ่ม) มันจะมีอาการขัดๆ บ้าง
แต่ Roccat ARVO ไม่ใช่ครับ ปุ่มมันเตี้ยกว่านิดหน่อยครับ ทำให้ยอดเยี่ยมมากๆ ในการเปลี่ยนและเดินไปมาครับ เหมือนว่ามันแก้ไขข้อด้อยของสุดยอด คีย์บอร์ดไปเลยก็ว่าได้
แต่ทว่า......
มันก็แค่สัมผัสครับ แม้ว่าปุ่มจะยอดเยี่ยมเพียงใด การตอบสนองนิ้ว(เวลากดคียบอร์ดนะ) จะเด้งได้ดีแค่ไหน(ปุ่มมันเด้งกลับที่) และแม้จะสามารถรัวนิ้วได้เลยแบบไม่ต้องยั้ง(เอ่อ รัวกดปุ่มนะ) เพราะมันเด้งสวนได้ไวมาก(ปุ่มมันนั่นแหละ)
แต่ด้วยความที่มันเล็กไปครับ(ขนาดคีย์บอร์ด) และ ไอ้การสลับปุ่มด้วยการกด Mode เพื่อใช้งาน Num Pad นั่นแหละ ที่ผมบอกเลยว่า Fail สำหรับคนที่จะเอามาใช้งานด้วยและเล่นเกมส์ด้วย เพราะบางครั้งเวลาที่ต้องกดปุ่ม Numpad ช่วย หรือเล่นเกมส์ที่ต้องใช้ทั้ง คีย์ลูกศรและ Numpad ร่วมกัน
มันใช้ไม่ได้.... ปุ่ม F1- F12 ก็เล็กจนแทบไม่รู้ ความชิดปุ่มมีมากไปครับกดผิดหลายทีเลยล่ะ ยิ่งเรื่อง Macro ผมบอกเลย โยนมันทิ้งไปเถอะ ให้มาทำไม เซ็ตได้แค่ 5 ปุ่ม.. เอาเวลาแบบนั้นไปทำอย่างอื่นดีกว่า
แต่ก้ยังดีที่มันตอบสนองนิ้วดีครับ ผมบอกจริงๆ นะ ผมยอมรับครับว่าผมชอบการเด้งรับของ Arvo ครับ ประทับใจสุดๆ จากที่เคยใช้คีย์บอร์ด และลองเล่นมาหลายๆตัว เจ้านี่แก้ข้อด้อยของคียบอร์ดเทพๆ ไปได้ครับ แต่ Anti Ghost มัน ผมว่ายัง***งชั้นครับ ถ้าเทียบกับ 7G มันยังมีหลอนๆ ครับ
Result
Razer Lycossa
กับเจ้านี่ผมบอกเลย การเซ็ตปุ่ม การวางปุ่ม การออกแบบ ดีไซน์ ผมยกนิ้วครับ ขนาดปุ่มก็เต็มนิ้วดี ยอดเยี่ยมเลย ที่สำคัญคือ ระยะ***งปุ่มที่ทำได้ดีมากๆครับ ทำให้ลดโอกาสกดหลอนไปเยอะเลย
แต่ด้วย ข้อด้อยเดียวคือ สัมผัสปุ่มมันไวมากไปหน่อย และ ปุ่มนุ่มเกิืน จนบางครั้งแค่วางนิ้วก็วิ่งปรี๊ดแล้วนี่แหละ ที่เป็นข้อด้อยของมันครับ เพราะแม้เราจะไม่เมื่อยเวลากดปุ่ม แต่เราจะเมื่อยอีตอนวางมือบนปุ่มแทนครับ เพราะต้องเกร็งนิดๆ ไม่ให้ออกน้ำหนักลงไป
ทำให้เวลาเล่นนานๆ จะล้าได้นั่นเอง แต่ว่า นอกจากข้อเสียตรงนี้แล้ว นอกนั้นผมว่าเจ้านี่ก็น่าสนใจครับ ยิ่งหากเป็นคนชอบลากนิ้วเล่นล่ะก้ เจ้านี่คงเป้นคีย์บอร์ดที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุดเลยก้ว่าได้ครับผม
Result
Roccat ARVO
เจ้านี่ ยอดเยี่ยมมากครับ มันเอาข้อดีของ 7 G มาผสมผสานกับ Gaming Keyboard ได้อย่างลงตัวมากๆ สัมผัสที่กดไปบอกได้แค่ว่าเพลินจนไม่อยากยกมืออกครับ เสียงก็หวานหู สัมผัสแนว mechanical เลยก็ว่าได้ แต่มันก็ไม่ใช่อยู่ดี ยังไงก็ยังยากนักที่จะเทียบกับ Mec แท้ๆ อย่าง 7G หรือ 6gV2 ไปได้
แต่ว่าด้วยความที่มันออกแบบมาได้สวยงาม และปุ่มกลางสูง(ไม่สูงเท่า 7 G ) ทำให้การเดินและสลับนิ้วไวๆ ทำได้ดีครับ สำหรับคนที่ชินกับการยกนิ้วสูงๆ อาจจะไม่รู้ แต่ถ้าหากท่านเป้นคนที่ชอบลากนิ้วแทนการยกนิ้วล่ะก็ 7G จะเป็นจุดด้อยไปเลยในเรื่องนี้ หากท่านลากตามเนวท้องร่องคงไม่เจอปัญหา แต่ลองลากใในแนวขวางเส้นดูครับอาการติดปุ่ม ขัดปุ่ม ออกเลย แต่เจ้า ARVO ไม่ครับ ปุ่มมันชิดกันและมีระยะที่ดีทำให้สามารถลากนิ้วเล่นได้เลย
แต่ข้อติก็คงอย่างที่บอกครับ ไอ้ การ Mode Numpad นั่นแหละครับ ที่เป็นตัวก่อปัญหาล่ะ หากมีเกมส์ที่ต้อง คอนโทรล คู่กัน ตอนนั้นคงลำบากครับผม ส่วนนอกนั้นก็ไม่มีแล้วครับ
ดังนั้น หากเป็นคนงบน้อยหน่อย แต่อยากลองสัมผัสปุ่มแบบ Mechanical กลายๆ ล่ะก็ ลองกดมันดูครับ ผมบอกได้แค่ว่าแค่กดก็หลงรักเลยล่ะ
Headset
Megalodon VS KAVE
มาแบบนี้ ผมบอกเลย คงไม่แฟร์เท่าไร ที่จะเอา 7.1 กับ 5.1 มาวัดใจกัน
แต่ว่าถ้าให้บอกตรงๆ หากเป็นหูฟังล่ะก็ 2 ตัวนี้ ผมคงไม่ต้อง รีวิวส์ ยืดยาวนัก เพราะ 2 รุ่นนี้ มีจุดเด่น จุดด้อยที่ชัดเจนดีครับ
Razer Megalodon
7.1 ที่หลอนที่สุดในประวัติศาสตร์ครับ ผมขอบอกเลยว่าหลอนโคตรพ่อ มันแยกเสียงได้หลอนจริงๆ คือยังไงดีล่ะ มันเป็น 7.1 จำลอง จะให้เท่าของแท้ก็คงยาก แต่ว่า เจ้า Sound controller มันนั่นแหละครับ ที่เรียกได้ว่า ตัวหลอนเลยล่ะ ลองเจอบางครั้งที่เสียง สะท้อนไปๆ มาๆ ทำให้จับทางผิดก็มีครับ และที่ผมบอกว่ามันหลอนที่สุดในประวัติศาสตร์
ก็เพราะว่า บางเกมส์ที่เล่นมันไม่รับกับระบบ 7.1 ของมัน เสียงเลยเหวี่ยงมั่วซั่วเลยครับ ผมขอบอกเลยว่าเอามาเล่นเกมส์ ออนไลน์นี่ นรกดีๆครับ
อย่าได้เอามาเล่นเชียว มันเก็บรายละเอียดได้เว่อร์มาก มากเกินไปจนบางที เสียงทีมเราเดิน ก็หลงผิดว่าเป็นศัตรูไปก็มีครับ แล้วผมก็ออกไปให้เค้าส่องกบฟรีๆ อยู่ตั้งหลายรอบเพราะไอ้หูฟัง 7.1 ซาวนด์หลอน บ้านี่แหละ
แต่หากเป็นเกมส์ ออฟไลน์ ที่มีระบบเสียงที่ดี และมีการรองรับ 7.1 แล้วล่ะก็ เจ้านี่เป็นหูฟังที่แยกทางได้เว่อร์ที่สุด เท่าที่เคยใช้มาครับ และที่สำคัญ มันได้ยิน "โคตรไกล"
ไกลชนิดที่ว่า เมิงจะไกลอะไรนักหนาวะ ผมเคยเอ๋อหลายทีเลยกับ COD 4 เพราะมันได้ยินเสียงศัตรูไกลเว่อร์มากๆครับ ผมก็หาตั้งนานไหนวะ จะส่องซะหน่อย ที่ไหนได้ โห อยู่ซะสุดเลนส์กรูเลย
แต่ว่า จุดดีของเจ้านี่ คงจะเป็นเรื่องของ เบสครับ ที่ผมว่ามันเป็นหูฟังเล่นเกมส์ที่เอามาฟังเพลงใช้ได้เลย อย่างน้อยๆ เบสมันก็หนาพอให้รู้สึกได้เลยครับ ซึ่งผมว่ามันมาจาก ซาวนด์ นอก มันนั่นเองล่ะครับ ผมว่าอย่างน้อยมันก็ประหยัดเงินค่าซาวนด์ไปเหมือนกันล่ะ เพราะจะต่อจากซาวนด์ดีๆ หรือ ออนบอร์ด "มันก็ไอ้ค่าเท่ากัน"
Roccat Kave
กับหูฟังใหญ่ยักษ์ที่หนักเอาเรื่อง แต่ว่า มันเป็น
5.1 แท้ๆ ที่ใครๆก็บอกว่าเจ๋งที่สุด แต่ผมขอบอกเลยว่า "กับการเล่นเกมส์นะ" แต่ถ้าเอามาฟังเพลงล่ะก็ ผมพูดจริงๆ หูฟังบ้านๆ ยี่ห้อไรไม่รู้(เห็นเขียนว่า Tomahawk) แฟนผมมันไปซื้อมาอันละ 150 ฟังเพลงยังได้เบสหนักกว่ามันอีก .....
![Smellie Tongue](https://forum.overclockzone.com/forums/core/images/smilies/smellies/smellie_tongue.gif)
เบสห่วยโคตรครับ ถ้าเอามาต่อ ซาวนด์เห่ยๆ น่ะ แต่ถ้าเอามาต่อกับซาวนด์ดีๆ ล่ะก็ มาเป็นลูกๆ ครับ แต่ก็ยังไม่หนักอยู่ดีครับ เชื่อมั้ยว่า Oker Super Bass มันยังได้เบสหนักกว่าอีก
ส่วนไอ้เรื่อง ระบบสั่น นั้น โอเคครับ แต่ต้องเป็นย่านความถี่ต่ำๆ ครับ ตอนนั้นล่ะ สั่นจนรู้สึกเลย
แต่ว่า สิ่งหนึ่งที่ผมขอยกให้มันจากใจครับ ไม่มีหูฟังตัวไหนเทียบติดเลย เสียงแหลมมันครับ
"คมที่สุด" เท่าที่ผมเคยใช้มาเลย
คมมากๆครับ มากจน หากดูหนังเรื่อง Transformer ท่านจะไม่อยากให้มันแปลงร่างกันบ่อยๆเลยครับ มันใสจริงๆ Sprinter Cell มันทำให้ผมเลิกยิงกระจกหรือทุบกระจก ไปเลยครับผม
แต่ว่า การแยกเสียง 5.1 นั้น ยังมีข้อเสียครับ
มันมีจุดบอดเสียงอยู่ครับ ในช่วงที่เสียงมันอยู่ข้างๆเราพอดีๆเลยเนี่ยแหละ คือมันจะแยกไปเป็น หลัง- ซ้าย,ขวา หรือ หน้า- ซ้าย,ขวา แล้วหากมันอยู่กึ่งกลางขวาเป๊ะๆ พอดีเนี่ยแหละครับ
นรกเลย.... มันเบาไปเลยครับ เบาจนรู้สึกได้ว่าเป็นจุดบอดของเสียงเลย (ซึ่งตรงนี้ Megalodon ไม่เป็น แต่มันดันหลอนแทน คือ แยกทิศไม่ถูกครับ มันหลงทิศเพราะมันวิ่งไป-มาได้หมดเลย)
ซึ่งหากจับดีๆ เจ้า KAVE นี่มีจุดด้อยตรงนี้เท่านั้นเองครับ แต่ว่า การแยกเสียง รอบตัวนั้น ยอดเยี่ยมเกินบรรยายจริงๆ ผมว่าการแยกเสียงเจ้านี่ เหนือกว่า Megalodon อีกนะ แต่ว่า มันต้องได้ ซาวนด์ดีๆ ด้วย นั่นแหละ เพราะถ้าต่อมันกับ ซาวนด์เห่ยๆ ล่ะก็
โคตรเน่าเลย...
Result
Razer Megalodon VS Roccat KAVE
ผมขอบอกตรงๆนะ ถ้าเรื่องแยกเสียง ผมยกให้เจ้า Kave ครับ แต่ว่า มันมีข้อแม้คือ ต้องต่อซาวนด์ที่ดีๆ นะครับ ความหลอนน้อยมาก แต่ว่าถ้าซาวนด์ ออนบอร์ดล่ะก็ เก็บเงิน เกือบๆ 4000 ท่านไปซื้อ ซาวนด์ดีๆมาใส่ แล้วหาหูฟัง กลางๆมาใช้ดีกว่าครับ
แต่ว่าถ้าหากท่านมีซาวนด์ที่ดีๆ อยู่แล้ว เจ้า KAVE คงเป็นตัวเลือกชั้นดีเลยก็ว่าได้ แต่ข้อด้อยของมัน ถ้าเทียบกับ Megalodon ล่ะก็ เบสครับ เบสไม่หนัก
แต่ใช่ว่า Megalodon จะยอดเยี่ยม เพราะ หูฟังนั้น หากเป็นพวก เบสหนัก Pre จะถ่อยครับ เสียงแหลมมันไม่ใสครับ มันแตกๆ คือไม่มีความรู้สึกบาดหูเลย ผมบอกตรงๆ เสียงกระจกแตก เจ้า Kave ทำให้คุณใจเต้นตุบๆ ได้เลยครับ เพราะมันแหลมมากๆ ใสมากๆ ผมบอกได้แค่ว่ามันใสจริงๆ กับเสียงแหลม
ดังนั้น หาก หูฟัง สองตัวนี้ล่ะก็ ผมคงต้องบอกว่า
ถ้าท่านมี ซาวนด์ออนบอร์ด ธรรมดาๆ ล่ะก็ เอา Megalodon ไปใช้ ยังรู้สึกได้ว่าซื้อของแพงมาใช้ครับ แต่ถ้าเป็น Kave ล่ะก็ เก็บเงินไปดีกว่า
แต่
ถ้าท่านมีซาวนด์ที่ดีๆ ขับได้แน่นๆ แล้วล่ะก็ Roccat Kave คงเตะ Megalodon ไปจากทางได้ไม่ยากครับ เรื่องการแยกเสียง ทิศทาง ผมขอบอกตรงๆ จากใจผมเลยนะ Kave ทำได้เหนือกว่าครับ แบบรู้สึกได้เลยครับ แต่มีข้อติก็คงเรื่องของ ทิศทางเสียงที่ยังมี "จุดอับ" เสียง อยู่ ซึ่ง 5.1 จะด้อยมากกับเสียง ขวาเต็ม ซ้ายเต็ม ครับ มันจะมีอาการบอด แบบชัดเจนเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันแยกเสียงได้แม่นจริงๆครับ Megalodon ไม่สู้เลยก็ว่าได้ แม้ว่า Kave จะเป็นแค่ 5.1 ก็ตาม แต่มันเป็น 5.1 แท้ น่ะครับผม
และเสียงใสที่ผมบอกไปแล้วว่าคมจริงๆ ผมบอกได้แค่ว่า ท่านแทบจะไม่อยากยิงปืนครับ มันได้ยินชัดเว่อร์ครับ ใสมาก คมจนผมถึงกับ ซี้ดปากเลยบางครั้งน่ะ
ส่วน Megalodon ผมคงยกให้เรื่องเบสครับ เล่นเกมส์เวลาได้ยินเสียงระเบิดนี่หนัก มันเข้าถึงกึ๋นกว่าครับ แต่ทว่า หาก KAVE อยู่กับ ซาวนด์ดีๆล่ะก็ ผมคงไม่อยากพูดมาก ไปลองดูดีกว่าครับ
แต่จุดด้อยที่สุดของ KAVE คือ ฟังเพลงครับ ถ้าผมจะเขียนว่า "ห่วยแตกสิ้นดี" คงไม่แรงเกินไปครับ เพราะว่า แม้เสียงจะใสเทพแค่ไหน แต่เบสไม่มี ทำให้การฟังเพลง เข้าขั้น "หมดอารมณ์" เหมือนกันครับผม ถึงจะได้ ซาวนด์ดีๆ ช่วยขับแล้วก็ตามเถอะ เรื่องฟังเพลงนี่ ผมว่า Megalodon ทำได้ดีกว่าครับ
แต่ถ้าเป็นดูหนัง กับเล่นเกมส์ Kave ครับ แต่มีข้อแม้ก็คือ ซาวนด์คุณต้องดีนะ แล้วจะสนุกมากๆครับ
เอาล่ะครับ บ่นกันแบบเช็ดเม็ดกันไป เอาไว้เดี๋ยวจะหาโอกาสอัพรูปมาลงให้ครับ ตอนนี้ หลักฐานยืนยันผมคงมีแค่ รูป ไดรเว่อร์ หน้าจอ น่ะครับ เพราะถ้าไม่เสียบ มันลงแล้วจะ อัพ เฟรมแวร์ไม่ได้ จริงๆ และก็เปิดหน้า ไดรเว่อร์ไม่ขึ้นด้วย
Comment