สวัสดีครับ
วันนี้ผมมีของมา Review ให้เพื่อนๆได้ชมกัน
นั่นคือ CFI TOWERRAID : CFI-B4023 (Combo RAID enclosure)
สำหรับตัวอุปกรณ์ชิ้นนี้ผมคิดว่าน่าจะถูกใจเพื่อนๆที่ต้องการเก็บข้อมูลเยอะๆ (สาวก BIT) หรือไว้สำหรับ Backup data เยอะๆ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล
เพราะเจ้าตัว CFI-B4023 นี้สามารถรองรับ Harddisk 3.5" (SATA1 และ SATA2) ได้ถึง 2TB (1TB x 2)
แถมยังสามารถปรับใช้ RAID 0, RAID 1 ได้ง่ายๆด้วย Dip Switch ที่อยู่ด้านหลัง
เชื่อมต่อกับ PC หรือ Notebook ผ่าน USB2.0 และ eSATA (สะดวกดี แค่จิ้มเสียบๆ)
ที่สำคัญยังสามารถใช้ Hot Swap ได้ด้วย ช่วยให้สามารถถอดหรือเปลี่ยน Harddisk ได้สะดวกรวดเร็วเข้าไปอีก
(Review ครั้งนี้หากผมผิดพลาดประการใด หรือ เืพื่อนๆมีข้อเสนอแนะก็บอกได้นะครับ )
มาดูตัวกล่องกันก่อน จะเห็นได้ว่าเน้นสีดำเทา ดูเข้ม เรียบหรู สวยงามใช้ได้
ด้านข้างกล่องก็ระบุ Specifications ของตัวอุปกรณ์ไว้พอสมควร
ด้านหลังกล่องก็มีรายละเอียดการติดตั้ง ชนิดของ RAID และ อุปกรณ์ที่มีภายในกล่อง
พอเปิดกล่องมาก็จะเห็นการห่อหุ้มตัวอุปกรณ์อย่างดี
อุปกรณ์ต่างๆที่มีภายในกล่องก็มี
1.แผ่น CD คู่มือและ Driver 2.สาย USB 3.สาย eSATA 4.eSATA RAID Card 5.Adapter 6.Screws หรือ น็อต นั่นเอง
โฉมหน้าเจ้า CFI-B4023 เป็นสีดำทั้งตัวเลยครับ ซึ่งสีที่เคลือบมานั้นเงามากแค่นิ้วสัมผัสก็เห็นรอยนิ้วมือเลยครับ
ด้านหลังก็จะเห็นช่องหรือรูเสียบสำหรับใช้งานต่างๆ
จะเห็นที่ด้านขวาของภาพจะมี รูปอธิบายการปรับ Dip Switch สำหรับปรับ RAID Mode ต่างๆ
มาเปิดดูข้างในกัน จะเห็นว่าตัว CFI-B4023 นี้รองรับ Harddisk 3.5" ได้ 2 ลูก และช่องวางระว่างชั้นวาง Harddisk นั้นไม่แออัด ไม่ต้องกลัวเรื่องการระบายความร้อน เพราะภายในมีพัดลมขนาด 3" รองรับอยู่
โฉมหน้า Harddisk ที่ใช้ทดสอบในครั้งนี้ ขนาด 250GB ทั้งคู่ (เนื่องเจ้า CFI-B4023 ไม่ได้แถม Harddisk มาด้วย ต้องซื้อมาใส่เอง)
ขอพักเหนื่อยแป๊บนึง.... >_<
ต่อไปเราก็มาลองทำ RAID กัน (*หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ RIAD ได้ที่ http://www.overclockzone.com/spin9/raid/index.html)
ซึ่งจากเท่าที่อ่านคู่มือภายในแผ่น CD นั้น ระบุว่ารองรับทั้ง Window xp/Vista/Server 2003 (ทั้ง 32 และ 64 bit) และ Mac OS 10.3x/10.4x
เครื่องที่ใช้ทดสอบผมใช้ Notebook (Window Vista Home Premium 32 bit) และ PC (Window Xp Pro sp2 32 bit)
โดยใช้ Port USB2.0 ในการเชื่อมต่อ
ขณะเปิดใช้งานจะมีไฟแสดงสถานะการทำงานแสดงอยู่
สำหรับการเปลี่ยนเป็น Mode ต่างๆนั้นสามารถปรับเปลี่ยนขณะงานอยู่ได้เลย เพียงแค่ไปปรับ Dip Switch ที่อยู่ด้านหลังเครื่องให้ตรงตามของ Mode ที่เราต้องการใช้งาน
จากนั้นก็หาอะไรเล็กๆเท่าหัวดินสอหรือปากกา จิ้มเข้าไปที่รูเล็กๆมุมขวาข้างๆ Dip Switch เพื่อเป็นการ Reset RAID ให้เข้าสู่ Mode ที่เราต้องการ
(*ถ้าต้องการเปลี่ยน Mode อย่างลืม Backup ข้อมูลต่างๆของท่านให้เรียบร้อยก่อนนะครับ)
Standard Mode จะเห็น Harddisk 2 ลูก ที่เราใช้ทดสอบก็คือ Drive G: และ H: (250GB*2)
Combine Mode เราจะเห็น Harddisk 2 ลูกรวมเป็นลูกเดียวคือ Drive G : 500GB
Striping Mode ถ้าจำไม่ผิดตัวนี้จะช่วยในการทำงานหรือการเข้าถึงข้อมูลของ Harddisk ให้เร็วขึ้น
Mirror Mode ในส่วนนี้เราจะมองเห็น Harddisk แค่ 250GB ส่วนอีก 250GB จะทำหน้าที่เป็น Mirror สำหรับสำรองข้อมูป้องกันกรณี Harddisk ลูกใดลูกหนึ่งเสียหาย
เท่าที่ผมทดสอบทั้ง Window xp และ Vista นั้น ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างของการใช้งาน ไม่ว่าความเร็วของการ Detect ตัวอุปกรณ์ การปรับเปลี่ยนเป็น Mode ต่างๆ
เสียดายที่ผมไม่มีเครื่อง Mac หรือ OSX ไว้ทดสอบ แต่ด้วยความสงสัยว่าหากใช้กับ Linux จะเป็นอย่างไร (เพราะคู่มือในแผ่น CD บอกแค่รองรับ Window และ MAC เท่านั้น)
ผมจึงจัดแจงนำไปทดสอบกับ Linux โดยใช้ Ubuntu 8.10 เป็นตัวทดสอบ
ผลที่ได้คือ ตัว Ubuntu มองเห็น Harddisk ทั้ง 2 ลูก แต่ยังไม่สามารถสร้าง Partation ใหม่ได้ >_< (หรืออาจจะสร้างได้แต่ผมยังหาวิธีไม่ได้ก็ไม่รู้ T_T)
เพิ่มเติมเกี่ยวกับ eSATA ครับ (รูปภาพประกอบจากรายละเอียดของ CFI-B4023)
ซึ่งจากที่ผมได้ทำการทดสอบเปรียบเทียบระหว่าง USB2.0 และ eSATA นั้น
eSATA แสดงประสิทธิภาพที่ดีกว่า USB2.0 โดยประมาณ 2-3 เท่า นับว่าไม่เลวเลยสำหรับการโอนย้ายข้อมูลจำนวนมากในคราวเดียว
สรุป
สำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นของการใช้ Storage enclosure ที่สามารถใช้ RAID เก็บข้อมูลได้นั้นผมว่า CFI-B4023 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจตัวหนึ่ง
ด้วยวัสดุ และเนื้องานที่ทำออกมาได้ดี สีที่เคลือบเงางาม น้ำหนักเบาเคลื่อนย้ายง่าย อีกทั้งสามารถรองรับความจุได้ถึง 2TB (1TB*2) ผมว่าน่าจะเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆไป
ส่วนทางด้านคู่มือที่แถมมาในแผ่น CD นั้น ได้อธิบายถึงขั้นตอนการติดตั้ง หรือ ปรับแต่งค่าของตัวอุปกรณ์โดยมีรูปภาพประกอบไว้ให้เข้าใจง่าย
ทั้งการติดตั้งกับ Window Xp/Vista หรือ MAC OS
แต่สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานสำหรับความจุเยอะๆ หรือต้องการเพิ่ม Harddisk จำนวนมากในอนาคตนั้น คงไม่เหมาะสมเท่าไร
เพราะ Bay ที่ให้มารองรับ Harddisk ได้เพียง 2 ตัวเท่าันั้น
วันนี้ผมมีของมา Review ให้เพื่อนๆได้ชมกัน
นั่นคือ CFI TOWERRAID : CFI-B4023 (Combo RAID enclosure)
สำหรับตัวอุปกรณ์ชิ้นนี้ผมคิดว่าน่าจะถูกใจเพื่อนๆที่ต้องการเก็บข้อมูลเยอะๆ (สาวก BIT) หรือไว้สำหรับ Backup data เยอะๆ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล
เพราะเจ้าตัว CFI-B4023 นี้สามารถรองรับ Harddisk 3.5" (SATA1 และ SATA2) ได้ถึง 2TB (1TB x 2)
แถมยังสามารถปรับใช้ RAID 0, RAID 1 ได้ง่ายๆด้วย Dip Switch ที่อยู่ด้านหลัง
เชื่อมต่อกับ PC หรือ Notebook ผ่าน USB2.0 และ eSATA (สะดวกดี แค่จิ้มเสียบๆ)
ที่สำคัญยังสามารถใช้ Hot Swap ได้ด้วย ช่วยให้สามารถถอดหรือเปลี่ยน Harddisk ได้สะดวกรวดเร็วเข้าไปอีก
(Review ครั้งนี้หากผมผิดพลาดประการใด หรือ เืพื่อนๆมีข้อเสนอแนะก็บอกได้นะครับ )
มาดูตัวกล่องกันก่อน จะเห็นได้ว่าเน้นสีดำเทา ดูเข้ม เรียบหรู สวยงามใช้ได้
ด้านข้างกล่องก็ระบุ Specifications ของตัวอุปกรณ์ไว้พอสมควร
ด้านหลังกล่องก็มีรายละเอียดการติดตั้ง ชนิดของ RAID และ อุปกรณ์ที่มีภายในกล่อง
พอเปิดกล่องมาก็จะเห็นการห่อหุ้มตัวอุปกรณ์อย่างดี
อุปกรณ์ต่างๆที่มีภายในกล่องก็มี
1.แผ่น CD คู่มือและ Driver 2.สาย USB 3.สาย eSATA 4.eSATA RAID Card 5.Adapter 6.Screws หรือ น็อต นั่นเอง
โฉมหน้าเจ้า CFI-B4023 เป็นสีดำทั้งตัวเลยครับ ซึ่งสีที่เคลือบมานั้นเงามากแค่นิ้วสัมผัสก็เห็นรอยนิ้วมือเลยครับ
ด้านหลังก็จะเห็นช่องหรือรูเสียบสำหรับใช้งานต่างๆ
จะเห็นที่ด้านขวาของภาพจะมี รูปอธิบายการปรับ Dip Switch สำหรับปรับ RAID Mode ต่างๆ
มาเปิดดูข้างในกัน จะเห็นว่าตัว CFI-B4023 นี้รองรับ Harddisk 3.5" ได้ 2 ลูก และช่องวางระว่างชั้นวาง Harddisk นั้นไม่แออัด ไม่ต้องกลัวเรื่องการระบายความร้อน เพราะภายในมีพัดลมขนาด 3" รองรับอยู่
โฉมหน้า Harddisk ที่ใช้ทดสอบในครั้งนี้ ขนาด 250GB ทั้งคู่ (เนื่องเจ้า CFI-B4023 ไม่ได้แถม Harddisk มาด้วย ต้องซื้อมาใส่เอง)
ขอพักเหนื่อยแป๊บนึง.... >_<
ต่อไปเราก็มาลองทำ RAID กัน (*หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ RIAD ได้ที่ http://www.overclockzone.com/spin9/raid/index.html)
ซึ่งจากเท่าที่อ่านคู่มือภายในแผ่น CD นั้น ระบุว่ารองรับทั้ง Window xp/Vista/Server 2003 (ทั้ง 32 และ 64 bit) และ Mac OS 10.3x/10.4x
เครื่องที่ใช้ทดสอบผมใช้ Notebook (Window Vista Home Premium 32 bit) และ PC (Window Xp Pro sp2 32 bit)
โดยใช้ Port USB2.0 ในการเชื่อมต่อ
ขณะเปิดใช้งานจะมีไฟแสดงสถานะการทำงานแสดงอยู่
สำหรับการเปลี่ยนเป็น Mode ต่างๆนั้นสามารถปรับเปลี่ยนขณะงานอยู่ได้เลย เพียงแค่ไปปรับ Dip Switch ที่อยู่ด้านหลังเครื่องให้ตรงตามของ Mode ที่เราต้องการใช้งาน
จากนั้นก็หาอะไรเล็กๆเท่าหัวดินสอหรือปากกา จิ้มเข้าไปที่รูเล็กๆมุมขวาข้างๆ Dip Switch เพื่อเป็นการ Reset RAID ให้เข้าสู่ Mode ที่เราต้องการ
(*ถ้าต้องการเปลี่ยน Mode อย่างลืม Backup ข้อมูลต่างๆของท่านให้เรียบร้อยก่อนนะครับ)
Standard Mode จะเห็น Harddisk 2 ลูก ที่เราใช้ทดสอบก็คือ Drive G: และ H: (250GB*2)
Combine Mode เราจะเห็น Harddisk 2 ลูกรวมเป็นลูกเดียวคือ Drive G : 500GB
Striping Mode ถ้าจำไม่ผิดตัวนี้จะช่วยในการทำงานหรือการเข้าถึงข้อมูลของ Harddisk ให้เร็วขึ้น
Mirror Mode ในส่วนนี้เราจะมองเห็น Harddisk แค่ 250GB ส่วนอีก 250GB จะทำหน้าที่เป็น Mirror สำหรับสำรองข้อมูป้องกันกรณี Harddisk ลูกใดลูกหนึ่งเสียหาย
เท่าที่ผมทดสอบทั้ง Window xp และ Vista นั้น ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างของการใช้งาน ไม่ว่าความเร็วของการ Detect ตัวอุปกรณ์ การปรับเปลี่ยนเป็น Mode ต่างๆ
เสียดายที่ผมไม่มีเครื่อง Mac หรือ OSX ไว้ทดสอบ แต่ด้วยความสงสัยว่าหากใช้กับ Linux จะเป็นอย่างไร (เพราะคู่มือในแผ่น CD บอกแค่รองรับ Window และ MAC เท่านั้น)
ผมจึงจัดแจงนำไปทดสอบกับ Linux โดยใช้ Ubuntu 8.10 เป็นตัวทดสอบ
ผลที่ได้คือ ตัว Ubuntu มองเห็น Harddisk ทั้ง 2 ลูก แต่ยังไม่สามารถสร้าง Partation ใหม่ได้ >_< (หรืออาจจะสร้างได้แต่ผมยังหาวิธีไม่ได้ก็ไม่รู้ T_T)
เพิ่มเติมเกี่ยวกับ eSATA ครับ (รูปภาพประกอบจากรายละเอียดของ CFI-B4023)
ซึ่งจากที่ผมได้ทำการทดสอบเปรียบเทียบระหว่าง USB2.0 และ eSATA นั้น
eSATA แสดงประสิทธิภาพที่ดีกว่า USB2.0 โดยประมาณ 2-3 เท่า นับว่าไม่เลวเลยสำหรับการโอนย้ายข้อมูลจำนวนมากในคราวเดียว
สรุป
สำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นของการใช้ Storage enclosure ที่สามารถใช้ RAID เก็บข้อมูลได้นั้นผมว่า CFI-B4023 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจตัวหนึ่ง
ด้วยวัสดุ และเนื้องานที่ทำออกมาได้ดี สีที่เคลือบเงางาม น้ำหนักเบาเคลื่อนย้ายง่าย อีกทั้งสามารถรองรับความจุได้ถึง 2TB (1TB*2) ผมว่าน่าจะเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆไป
ส่วนทางด้านคู่มือที่แถมมาในแผ่น CD นั้น ได้อธิบายถึงขั้นตอนการติดตั้ง หรือ ปรับแต่งค่าของตัวอุปกรณ์โดยมีรูปภาพประกอบไว้ให้เข้าใจง่าย
ทั้งการติดตั้งกับ Window Xp/Vista หรือ MAC OS
แต่สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานสำหรับความจุเยอะๆ หรือต้องการเพิ่ม Harddisk จำนวนมากในอนาคตนั้น คงไม่เหมาะสมเท่าไร
เพราะ Bay ที่ให้มารองรับ Harddisk ได้เพียง 2 ตัวเท่าันั้น
Comment