เนื่องจากตัวผมเอง สนใจ soundcard แบบเทพๆ สักตัว ก็เลยพยายามหาการ์ดดีๆ สักตัว ที่ดูหนังเสียงเทพๆ เล่นเกมได้สะใจ ฟังเพลงแล้วโดน (กะว่าไม่ลุกจากโซฟาที่บ้านแว้ววว อิอิ) และที่เอามาลองแล้วเล่าให้ฟัง ก็ไม่ถึงขนาด Review นะครับ แค่มีโอกาสทดสอบ แล้วมาเล่าสู่กันฟังแค่นั้น และก็ไม่ได้มีอุปกรณ์เพื่อจำแนกเสียงอะไรต่างๆ ทั้งสิ้น แค่จับจากการรับฟัง และความรู้สึก ที่ได้ใช้จริงเท่านั้นครับ ^^
เริ่มต้นที่ราคาเปิดก่อนนะครับ
Sound Blaster PCI Express X-Fi Titanium Fatal1ty Champion สนนราคาที่ 11,900
Sound Blaster PCI Express X-Fi Titanium Fatal1ty Professional สนนราคาที่ 6,990 บาท
Sound Blaster PCI Express X-Fi Titanium สนนราคาที่ 3,990 บาท
ASUS Xonar HDAV1.3 Deluxe สนนราคาที่ 6,410 บาท
ASUS Xonar HDAV1.3 สนนราคาที่ 5,380 บาท
จะเห็นว่า X-Fi นั้นแบ่งกลุ่มราคาตั้งแต่ระดับล่างไปจนถึงระดับคนมีกะตังซื้อไหว (ผมไม่ไหว อิอิ) เลยทีเดียว ต่างกับ Xonar ที่จะอยู่ในระดับกลางๆ ทางด้านราคา
ความแตกต่าง
ด้าน X-Fi ตัว Champion นั้น เป็นการ์ดระดับ Hi-end เลยทีเดียว ซึ่งผมไม่มีโอกาสทดสอบ เนื่องจากราคาแพง จ่ายมะหวายยยย อิอิ ส่วนเรื่องสเป็กต่างๆ ก็ดูจากที่นี่เลย ไม่กล้าเอ่ย http://www.soundblaster.com/products...&product=17813
ส่วนตัว Pro นั้น ผมได้มีโอกาสนำมาลอง (ค่าตัวพอไหว หุ หุ) ซึ่งสเป็กทุกอย่างเหมือนกันกับตัว Champion แต่ไม่มีตัว I/O Port เท่านั้นเอง รายละเอียดก็ดูที่นี่ http://www.soundblaster.com/products...ct=17791&nav=1
ตัวสุดท้าย Titanium ธรรมดา นั้น จากสเป็กก็เหมือนกันทุกอย่างกับตัว Pro และ Champion แต่ไม่มี I/O Port และกรอบเพื่อป้องกันคลื่นรบกวนเหมือนตัวบนๆ เท่านั้นเอง รวมถึง Ram ในตัวมีเพียง 32MB ในขณะที่ตัวด้านบนนั้นเป็น 64MB ทั้งคู่ ดังนั้นเรื่องคุณภาพเสียง น่าจะไม่แตกต่างกันมากมายนัก จากทั้งสามตัว ที่ต่างกันน่าจะเป็น Feature และ Option ต่างๆ มากกว่า
มาดู Asus Xonar กันบ้างครับ
สำหรับ ตัว Deluxe นั้น ผมไม่ได้นำมาทดสอบ เนื่องจากเห็นว่า option ที่เพิ่มมาจากตัวธรรมดานั้นมีเพียงการ์ดเพื่อต่อออก 7.1 Channel เท่านั้น ซึ่งคิดว่าคงไม่ได้ใช้อะไร นอกนั้นก็เหมือนตัวธรรมดาทุกประการ รายละเอียดตัว Delux ก็ดูที่นี่ http://www.asus.com/products.aspx?l1...85&modelmenu=1
ส่วนตัวธรรมดาก็ตามที่บอกครับ ไม่มีแค่การ์ด 7.1 เท่านั้นเอง ดังนั้น เสียงที่ให้ย่อมเหมือนกันทุกประการ เว้นแต่จะมีลำโพงแบบ 7.1 ตัว Deluxe ก็คงจะให้เสียงดีกว่าเป็นแน่แท้ครับ
มาถึงส่วนการทดสอบกันบ้าง
มาดูชุดคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทดสอบกันก่อน
CPU : E8500 ไม่ได้คล๊อก
MB : Asus P5E3
Ram : G-Skill 2G DDR3 Bus 1333
VGA : HIS 4850 IceQ Turbo
Monitor : LCD TV Samsung 32" Bordeux Plus
ลำโพงที่ใช้ทดสอบนั้น มีสองแบบด้วยกัน เนื่องจากตอนดูทีวี ผมจะต่อออก Home Thertre Samsung HT-X250T http://www.samsung.com/th/consumer/d...d=HT-X250T/TSE
ส่วนตอนเล่นเกมนั้น ผมจะต่อออกลำโพง JBL ที่ต่อกะคอมพิวเตอร์ เป็นแบบ 2 Channel http://www.mahajak.com/webm2009/prod...product_id=538
เริ่มบรรเลงกันล่ะคร้าาบ
ขอเริ่มจาก X-Fi XtremeGamer Titanium Pro ก่อนเลยละกันครับ ซึ่งสำหรับการติดตั้งนั้น ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย โดยเริ่มแรก ผมต่อเข้ากับเครื่องเสียง Home Thertre ก่อน เพื่อดูหนังเป็นอันดับแรก โดยใช้วิธีการต่อผ่านสาย Optical เพื่อให้ออกมาเป็นเสียง Digital เพื่อให้ได้เสียงอย่างเต็มๆ
หนังแผ่นแรกที่เปิดนั้น เป็นเรื่อง Wall-E ครับ โดยเป็นแผ่นระดับ Dolby Digital เท่านั้น เสียงที่ได้นั้น แยกออกเป็น Channel ได้ชัดเจนดี เสียงวิ่งผ่านหูในแต่ละจุดก็ฟังดูไพเราะ โดยความรู้สึก เสียงจะใสเป็นพิเศษ แต่มีความรู้สึกว่าเสียงที่วิ่งผ่านทาง 2 Channel ด้านหลังนั้น จะเบาไปนิดนึง แต่ก็ฟังได้ชัดเจน ไม่ได้เบามากแบบไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร อีกจุดนึงที่สังเกตุคือเสียงเบสนั้น ฟังดูจะนุ่มนวล (มาก) จนรู้สึกว่ามันไม่ดุเลยแฮะ แต่ก็ไพเราะดี
ต่อมาเรื่อง X-MEN 3 เรื่องนี้มีระบบ DTS ES 6.1 ในตัวเลย น่าจะแหล่ม แต่ทว่า ช่วงแรกของหนังนั้น เสียงฟังดูดีตลอด จนมาถึงตอนห้องฝึกต่อสู้ในเรื่อง อย่างที่ได้ว่าไว้ เสียงเบสนั้น ไม่หนักแน่นเอาเสียเลย กลับฟังดูนุ่มจนเกินไป จนรู้สึกว่า เสียงมันไม่ได้ออกมาเต็มที่ยังไงยังงั้น
สุดท้ายทดลองเปิดแผ่น Transformer ซึ่งเป็นระบบ Dolby Digital ก็ฟังดูก็เหมือนเดิมเด๊ะเลย มันไม่หนักแน่น จนถึงไม่มันส์เอาซะเลยแฮะ งิงิ เลยเป็นอันว่า จบข่าวไปเลย (ไม่ประทับใจ)
ต่อมาทดลองฟังเพลงจาก MP3 เปิดเพลงของวงแกรนด์เอ็กซ์ (เก่าโคตร เหอๆ แต่มามิกซ์ใหม่น่า บอกอายุเลยตู) เสียงที่ได้ฟังนั้น ใสซาบซ่าดีจริงๆ แต่เบสก็ไม่หนัก (เอาอีกแล้ว ตูปรับไรผิดป่าวหว่า อิอิ)
คราวนี้มาเล่นเกมบ้าง โดยต่อออก JBL เท่านั้นแล Crysis ยิงตูมๆ บึ้มๆ โอย มันส์ โคตรๆ เลย ขนาดไม่มีเบสนะเนี่ย เหอๆ อันนี้ไม่รู้จะสาธยายยังไง แต่เอาว่ามันส์ละกันเสียงที่ได้ครบครันเลยทีเดียว ^^
========================================================
ทีนี้มาถึงคราวของ Xonar HDAV1.3 กันบ้างล่ะครับ พี่น้อง เหอๆ
ตัวนี้เริ่มติดตั้งก็มีปัญหาซะแล้วครับ เนื่องจากตัว HDAV ตัวนี้ มันเป็นทั้งกึ่ง VGA และเป็นทั้ง Sound Card เลย โดยระบบ VGA นั้น จะมีฟังชั่น Asus Splendid ซึ่งจะให้คุณภาพของภาพหนังแต่ละแบบแตกต่างกัน โดยเราสามารถเข้าไป Set ผ่าน ตัว Software Driver ได้ เช่นดูหนัง Action ก็ปรับเป็นภาพแนว Action หรือดูหนังสารคดี ก็ปรับเป็น Nature ทำนองนี้
ซึ่งตอนติดตั้งก็ต้องนำสาย DVI ต่อจากการ์ดจอ มาเข้า HDMI ของตัว Xonar (มีหัวแปลงให้ เด็ดจริงๆ) จากนั้นจึงนำสาย HDMI ต่อออกจาก Xonar เข้า HDMI ของ LCD TV (ดังนั้น ทีวี หรือ LCD ก็ต้องมีช่อง HDMI แกมบังคับเลย แต่สายก็แถมให้อีก เด็ดอีกแว้ววว)
และเช่นเดียวกัน ผมต่อแบบ Optical เข้าเครื่อง Home Thertre เช่นเดิมครับ แล้วติตตั้ง Driver แต่พระเจ้า เสียงไม่ออกครับ อุ อุ ก็พยายามทำไปเรื่อย แล้วเสียงก็ออกบ้าง ไม่ออกบ้าง (ชิหายแว้วว เกิดไรหว่า) ลองเปิดโปรแกรมอื่นๆ เล่น อ้าว ภาพไม่ขึ้น เห้ย เอาอีกโปรแกรมนึง อ้าวภาพไม่เต็ม เสียงขาดๆ หายๆ เวรแล้วตรู
ชัวร์เลย Vista ไม่ผ่านแหงมๆ 555+ เลยเดาก่อนว่า Driver ยังมีบั๊กกะ Vista ลองโหลดตัวใหม่มา ก็ไม่ผ่านครับท่าน จบข่าว ตี 2 แว้ววว 5555+ Format แล้วลง XP เยยย ตี 3 ปั๊บ นอน ทดสอบต่อรพุ่งนี้ หึ หึ
หลังจากลง XP ตื่นมาลง Driver ต่างๆ เสร็จสรรพ ก็จัดการ Xonar ดังเดิม โอ้ว เจ้าประคุณรุนช่อง เสียงๆ เสียงมาแว้ววว ใสด้วย เทส 5.1 อ้าว ผ่าน เสียงออกครบ (Vista อดแดรกอีกตามระเบียบ เวงๆ)
จากนั้นก็เริ่มทดสอบแผ่น Wall E ก่อน โอ้ว มายก๊อด เสียง... ใสมากพะยะค่ะ ผ่านไปสักพัก อู้ว มันมีฉากตอนที่ประกาศโฆษณาให้ไปอาศัยอยู่บนยานยังชีพ เสียงประกาศมันแหล่มมาก แบบว่า กังวานให้รู้สึกเหมือนกำลังฟังประกาศจริงๆ แต่ X-Fi ไม่ยักได้ยินแบบนี้ โดนอีกแล้ว พอมาถึงช่วงที่ยานแม่ลงมาส่งอีฟ เสียงกระหึ่มสุดๆ เสียงเบสมันเพราะมาก ไม่นุ่มนะ แต่มันหนักหน่วง แต่ฟังแล้วใช่เลย พอๆ เอาเท่านี้ โดนแล้ว
ไปลอง X-MEN 3 บ้าง ช่วงแรกๆ ก็คล้ายๆ กับ X-Fi ล่ะครับเพราะยังไม่มี Effect ไรมาก แต่พอช่วงเข้าห้องฝึกต่อสู้เสียงแรกที่ได้ยิน แล้วต้องหรี่เสียง Volume เลยคือ ตูม ฟิ้ว ตูม ตูม ฟ้าว ฟิ้ว โอ้ว มันส์ เสียงเหลือเชื่อครับ รู้สึกได้เลยว่าออกมาเต็มมากๆ ในขณะที่เสียงพูดก็ดังฟังชัด ไม่ขัดกับเสียงเบสเลยแม้แต่นิดเดียว แยกระบบเสียงได้ดีมากๆ รวมถึง Channel ด้านหลัง ก็ไม่แพ้กัน ออกมาครบๆ เลยทีเดียว โดนอีกแล้วครับ ถูกใจ ประทับใจเลยตัวนี้
มาลองสุดท้ายกับ Transformer ไม่รู้จะบรรยายยังไง คือ ดูจนจบเลยครับ เรื่องนี้ ขนาดดูไปแล้ว 6 รอบได้มั้งครับ แต่เสียงที่ได้นี่ เหมือนดูคนละเรื่องกันกับเมื่อก่อนเลย (ตอนใช้ XtremeMusicX) รวมถึง X-Fi ตัว Titatium นี่ก็เทียบไม่ติดเลยครับ เป็นอันว่า เรื่องดูหนัง ยกให้ตัวนี้ไปเลย โดนที่สุดแล้ว
คราวนี้มาเปิดเพลงฟัง จากแกรนด์เอ็กส์อีกแว้ววว จากที่ฟัง เสียงที่ได้ จะใสกว่าเล็กน้อยครับ รวมถึงเบส หนักกว่านิดนึง แต่เบสเพราะกว่ามากครับ ผ่านๆ ^^
ต่อด้วยการเล่นเกมนั้น ก็ลอง Crysis เหมือนเดิม เทียบกับ X-Fi แล้ว ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกันครับ แต่ก็ยังใสกว่าอีกอยู่ดีครับ จึงยกให้ Xonar ไปครับผม
=======================================================
คะแนนที่ผมจะให้ ก็แบ่งไปเป็นอย่างๆ ละกันครับ
Sound Blaster PCI Express X-Fi Titanium Fatal1ty Professional
ติดตั้ง - 10
ดูหนัง - 7
ฟังเพลง - 8
เล่นเกม - 9
ราคา - 5 (แพงงิ 6,990.-)
ASUS Xonar HDAV1.3
ติดตั้ง - 6 (ติดตั้งยาก + Vista ยังต้องรอ Driver อยู่)
ดูหนัง - 10
ฟังเพลง - 9
เล่นเกม - 9.5
ราคา - 7 (แพงนิดหน่อย 5,380.- แต่พอไหว)
ความเห็น
จากโดยรวมเลย ถ้าไม่ได้ชอบค่ายไหนเป็นพิเศษนะครับ เชียร์ Asus Xonar เลย เอาตัว HDAV1.3 ไม่ต้อง Deluxe ก็พอครับ เสียงดีกว่าโรงหนังอีก (ชัวร์ครับ)
แต่ถ้าหากรักชอบ Creative เป็นพิเศษ แนะนำให้ซื้อเพียงตัว Titatium ธรรมดาก็พอครับ เพราะแรมที่เพิ่มมา บวกกับกรอบป้องกันคลื่นรบกวนนั้น มีผลน้อยมาก ใช้แค่ตัวธรรมก็เพียงพอ ยังมีงบเหลือไว้กับอย่างอื่นอีกบาน แต่เสียงสู้ Xonar ไม่ได้แน่นอนครับ
ปล. อันนี้เป็นความคิดเห็นเพียงฝ่ายเดียวของผม จากที่ได้ทดสอบมานะครับ สุดท้ายผมก็เลือก Xonar HDAV1.3 มาอยู่คู่กะ Home Thertre ของผม ยกนิ้วแปะโป้งให้ไปเลยว่าสุดเทพ ^^
ปล1. ขอเพิ่มเติมครับ ลืมเรื่อง HDMI ของ Xonar ตัวนี้
ผมเองก็ลืมบอกบางอย่างไปครับ เนื่องจากการต่อสัญญาณผ่านทาง HDMI นั้น ไม่สามารถเทียบเท่ากับการ์ดจอที่ผมใช้ได้เลยครับ ผมใช้ HD4850 ต่อเข้า Xonar แล้วต่อออก HDMI เพื่อใช้ Splendid ผลปรากฎว่า ให้ภาพสัญญาณได้ไม่ดีเท่ากับการต่อ HDMI จากตัวการ์ดจอ HD4850 แม้แต่นิดเดียว แม้จะมี Splendid ช่วยก็ตามครับ
ในความรู้สึกผมว่า มันคงใช้เพื่อต่อกับการ์ดจอ On Board หรือการ์ดจอระดับล่างๆ หรืออาจต่อกับการ์ดจอของ nVidia อาจให้คุณภาพของภาพได้ดีกว่าเดิม แต่ถ้าการ์ดจอเป็น ATI อยู่แล้ว ให้ต่อจากตรงนี้เลยดีกว่าครับ
อีกอย่างนึง หลังจากทดลองต่อ HDMI แล้ว เฟรมเรทในการดูหนังก็ดรอปลงด้วยครับ มีการกระตุกเป็นบางจังหวะครับ อันนี้ยอมรับเลยว่า ยังไม่โดนครับผม
สรุป ถ้าใช้ Xonar เป็น Sound Card 100% ผมให้ 10 คะแนนเต็มๆ เลยครับ แต่ถ้าเอาไป HDMI ต่อจากการ์ดจออีกที ให้ 0 เลยครับ แนะนำใช้ การ์ดจอดูหนังเหมือนเดิมดีสุดครับผม ต่อเฉพาะเสียงพอครับ ^^
จัดให้ครับ แต่เนื่องจากเครื่องผมมันอยู่ในหลืบ บวกกะเป็น ARMOR+ (ตัวหญ่ายโคตรๆ) ขอไม่ลากมันออกมานะครับ เอื้อมไปถ่ายให้ดู
ก็เอามาให้ดูทั้งตัวการ์ดในเครื่อง กับท้ายเครื่อง ตรงช่องต่อนะครับ ผมไม่ต่อ HDMI เลย สังเกตุดู เพราะมันยังไม่สมบูรณ์ คงรอต่อไปก่อน (หรืออาจไม่ได้ใช้ อิอิ) ผมต่อ optical เข้า Home Theatre อีกส่วนนึงคือต่อ RCA แยกไป 3.5 ออก JBL อีกทีนึง
คือ.. สลับเวลาดูหนัง กับใช้งานคอมธรรมดา หรือเล่นเกมน่ะครับ ^^
ปล. แถมที่ค้างไว้กับท่านเรือรบ ผมถ่ายจากจอ LCD TV เลยครับ (กำลังดู Lord of the Ring อิอิ)
เปิดให้ดู config ทั้ง Total Media Player ทั้ง PowerDVD เลย แต่มันมี set ในส่วน Audio แค่ S/PDif แค่นั้นเองครับ ที่ผมทำ นอกนั้น ไม่มีอะไรครับ ปล่อยไปหมด ก็ได้เสียงที่พอใจแล้วครับ ^^
Edit เพิ่มวันที่ 16 ธ.ค. 2551
ตอนนี้เจอปัญหาบางอย่างกับ Driver ตัวใหม่ เป็นเฉพาะตอนเล่นเกมครับ ในขณะเล่นเกม (เกมที่เล่นคือ NFS Undercover) หากเล่นไปสักพัก (บางทีเป็นชั่วโมง) จะมีอาการแฮงค์เกิดขึ้น บางครั้งเกมเด้ง หรือบางทีแฮงค์ค้างไปเลย แต่จะแฮงค์แบบไหนก็ตาม ก็จะมีเสียงของเกมค้างโดยตลอด จำเป็นต้องกด Reset
แต่บางทีเล่นจนจบเกมจะไม่เป็นอะไร แต่ใช้งานวินโดว์ไปสักพัก ก็จะค้างครับ
แต่ถ้าไม่ได้เล่นเกมเลย ใช้งานปกติ ดูหนังฟังเพลง อาการดังกล่าวไม่เกิดเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะเปิดทั้งวันทั้งคืน
ตอนนี้สมมติฐานได้ 2 อย่างครับ ไม่อย่างใดก็อย่างนึง
1. ปัญหาเกิดจาก Driver มันเอง เดี๋ยวรอตัวใหม่ออกน่าจะดีขึ้น หรือหาย
2. จากคู่มือมันบอกว่า หากจะใช้ระบบเสียง Game (จะมีปุ่มให้กดเพื่อใช้ระบบเสียงเกม) ต้องใช้ร่วมกับการ์ดจอของ ASUS เท่านั้น (ไม่รู้เกี่ยวมั้ย แต่คู่มือมันว่าไว้ อิอิ)
แต่จากที่ลองเสียงระบบเกม (แต่การ์ดจอผม HIS) บอกตรงๆ ตอนเล่นเกม ต้องกดระบบเกม เสียงที่ได้ มันจะสุดๆ ต่างกับกด Movie หรือ Music หรือ HiFi
เล่นเกมต้องระบบเกมจริงๆ เสียงถึงดีมักๆ อย่างว่าล่ะครับ ของยังใหม่ Driver ยังไม่เข้าที่เข้าทาง แต่เสียงที่ได้นี่ เยี่ยมจริงๆ อยู่แล้วอ่ะครับ อิอิ
Edit วันที่ 20 ธ.ค. 2551
เนื่องจากมีบางท่าน สอบถามว่าจะเล่นตัวไหนดี ระหว่าง HDAV กับ D2X ผมก็เลยเอามาตอบให้หายสงสัยกันครับ แต่คงเป็นในภาคทษฤฏีเท่านั้นนะครับ เนื่องจากยังไม่มีโอกาสได้ลองของจริงๆ
ขอตอบเป็นทฤษฏีนะครับ เนื่องจากไม่เคยได้นำทั้ง 2 ตัวมาเทียบกันเป๊ะๆ
D2X นั้นเก่ากว่า อันนี้แน่นอน
HDAV ใหม่กว่า ก็แน่นอนอยู่แล้น
โดยสเป็ก ก็แตกต่างกันเล็กน้อยครับ เล็กน้อยจนถึงน้อยมาก โดยเท่าที่ผมเช็คสเป็ก (เอาแบบจำได้นะครับ) ตอนที่จะหยิบ HDAV ที่หน้าร้าน ก็เห็นว่าสเป็กทุกอย่าง เหมือนกันหมด
สิ่งที่แตกต่างจริงๆ ก็ตามนี้เลยครับ
Output Signal-to-Noise Ratio (A-Weighted):
D2X จะอยู่ที่ 118dB for all channels dB dB
HDAV อยู่ที่ Up to 120 dB for all channels dB
นอกนั้นทุกอย่างก็เหมือนกันหมดตามที่ว่าไว้ แต่อีกส่วนที่ต่างกันคือ เรื่องของ Channel ครับ
เนื่องจากตัว D2X นั้น การต่อ multichannel จะใช้แจ๊ค 3.5mm
ส่วน HDAV นั้นจะใช้ RCA ครับ ซึ่งถ้าจะต่อออกลำโพง PC ทั่วไป มันก็มีสายแปลง RCA -> 3.5mm มาให้ ซึ่งคุณภาพเสียงถ้าออกลำโพง PC คงจะแตกต่างกันไม่มาก (แต่ HDAV ผมว่าเสียงดีกว่า จาก review ตปท. น่ะครับ)
แต่ถ้าต่อออกแบบ RCA แท้ๆ เข้า AVR หรือ Home Treatre หรือลำโพงแบบ multi-channel แท้ๆ ที่มี RCA I/O เสียงที่ได้ดีกว่าแน่นอนครับ แต่เสียงก็จะออกเป็น 2/2.1 channel นะครับ เพราะเป็นการต่อแบบ Analog
ส่วนถ้าต้องการให้ออก Analog แบบ 7.1 นั้น หมายความว่าคุณต้องซื้อตัว Deluxe ถึงจะออก 7.1 แต่ถ้าไม่ใช่ตัว Deluxe การต่อ RCA ก็จะออกเพียง 2 channel หรือ 2.1 เท่านั้นนะครับ
ซึ่งตามสเป็ก และคู่มือนั้น มีการกล่าวถึงการออกแบบการ์ด 7.1 นี้มาด้วยว่า มันถูกออกแบบให้มีความสามารถในการส่งสัญญาณคุณภาพ DTS/Dolby Digital Live ผ่านทาง Analog ได้เลย (อันนี้ไม่รู้ครับ เพราะไม่ได้เทสตัว Deluxe แต่ก็น่าลองนะ อิอิ)
เอาเป็นว่า ถ้ามีงบประมาณ ผมเชียร์ HDAV แล้วถ้าซื้อ Deluxe ได้ก็ซื้อเลยครับ แต่ต้องดูว่า M/B คุณมี PCI-E กี่ช่อง จะเป็น X1 หรือ X16 ก็ได้นะครับ เพราะมันสามารถเสียบช่อง PCI-EX16 ได้ครับผม
อีกส่วนนึงก็คือ การต่อออก HDMI ถ้า driver สมบูรณ์กว่านี้ ยิ่งน่าใช้มากเลยครับ ส่วนตอนนี้ผมไม่อยากพูดถึง HDMI มากนัก เพราะว่า AVR หรือชุดลำโพง HT ในบ้านเรา ยังหา HDMI Input ยังยากอยู่มากครับ เพราะถ้าต่อออก LCD TV ย่อมได้คุณภาพของภาพก็จริง แต่เสียงที่ออกผ่านทาง LCD TV ยังไงก็ AVR ไม่ได้ และช่อง Output ของ LCD TV ทั่วไป ก็ยังออกเป็นแค่ AV ซะส่วนมากครับ จึงขอพักเรื่อง HDMI ไว้ก่อน (แต่อนาคตน่าจะมีให้เล่นอีกแยะครับเรื่อง True HD เนี่ย อิอิ)
คิดว่าไม่ได้นะครับ เนื่องจากตัว HDMI Input ที่ตัว HDAV ถูกออกแบบมาให้ต่อจากการ์ดจอเข้ามาน่ะครับ โดยจะเป็นลักษณะดังนี้
VGA Card ->> DVI (ใช้หัวแปลงเป็น HDMI) หรือ HDMI (ถ้า VGA นั้นมี) ->> HDAV1.3 ->> LCD
อย่าไปเสี่ยงดีกว่าครับ เดี๋ยวได้ไม่คุ้มเสีย อีกอย่างนึง หากต่อได้จริง เสียงที่ออกมาก็ไม่ได้ดีเท่ากับต่อออก AVR หรือลำโพงโดยตรงครับ
เนื่องจาก LCD TV บ้านเรา ยังไม่มีช่อง Output แบบ HDMI เพื่อไปต่อ AVR หรือลำโพง มีก็แต่ช่อง AV ส่วนมากครับ
เต็มที่ก็มี component out ซึ่งเสียงที่ต่อออกไปก็จะไม่ดีพอตามสเป็กการ์ด ดังนั้น ไม่คุ้มแน่นอนครับ ^^
Xonar HDAV1.3 Deluxe นั้นจะเป็น Soundcard ที่มี option ต่อ HDMI จาก VGA นะครับ
จะไม่ใช่ VGA Card โดยตรง ดังนั้น ไม่สามารถใช้เป็น VGA Card ได้ครับผม
HDMI In/Out อันนี้ จะเป็นเพียงช่องออกสัญญาณภาพ และเสียง ในกรณีที่เราไม่มี VGA Card ที่เป็น HDMI Out ครับผม
ช่องสัญญาณ HDMI ของตัว HDAV นี้ เราไม่สามารถใช้ได้เต็มที่ 100% อยู่ดีครับ ถึงแม้เราจะต่อออกไปที่ TV (แต่ต้องมี VGA Card นะ) แต่คุณภาพของภาพนั้น แย่กว่าการต่อจาก VGA Card เข้า TV โดยตรงครับ โดยเฉพาะ หากท่านใช้การ์ด ATI อยู่ เรียกว่า คุณภาพนั้นห่วยกว่า ATI แยะเลยครับ
แต่สิ่งที่ได้มาคือตัว Splendid ของมันครับ ในการดูหนังแต่ละแบบ มันจะมีให้เลือก เช่นเราดูหนัง Action มันก็จะมีให้เลือกโทนสีสำหรับหนัง Action หากดูหนังแนวๆ ธรรมชาติๆ หน่อย มันก็มีให้เลือก Nature และอีกจิปาถะ แต่ที่จริง โทนสีเหล่านี้ เป็น Preset ของ Asus เขามา เราอาจไม่ชอบก็ได้ครับ
มาในเรื่องเสียงที่ออกจาก HDMI ไป TV บ้างนะครับ การ์ดตัวนี้เป็นเพียงยี่ห้อเดียวในโลกตอนนี้ ที่สามารถส่งสัญญาณเสียงเป็น TrueHD ได้ครับ ดังนั้นเสียงที่ได้จาก HDMI น่าจะให้ความสะใจเต็มอารมณ์แน่นอน
แต่... เนื่องจากว่า การต่อ HDMI ไป TV เราต้องการเสียงที่สมบูรณ์ใช่มั้ยครับ ดังนั้น ภาคขยาย หรือชุดลำโพง หรือ TV ของเรา ก็ควรต้องรองรับได้ถึง 5.1 Channel หรือมากกว่านั้น เพราะถ้าได้น้อยกว่านี้ TrueHD ที่ออกมาก็ไร้ความหมาย
แต่นึกออกมั้ยครับ TV บ้านเรา (หรือในโลกนี้) คงมีไม่เกิน 2 หรือ 2.1 Channel แน่แท้ แล้วจะทำไงดี ก็ต้องต่อออกภาคขยาย AVR หรือลำโพง โดยต่อผ่านทาง TV แล้ว TV บ้านเรา ณ ตอนนี้ คงมีแต่ช่องต่อออกที่เป็นเพียง RCA กับ AV เท่านั้น ดังนั้นจะหวังให้เป็น TrueHD ก็คงไม่มีทาง เต็มที่คงได้แค่เพียง Stereo Surround Sound เท่านั้นเองครับ
ว่ามาซะยาว... สุดท้ายละกันครับ อย่าหวังพึ่ง HDMI ณ ตอนนี้เลยครับ แต่สำหรับ HDAV ตัวนี้ เพียงเป็นแค่ soundcard ที่ออกสัญญาณเสียง ได้เต็มที่ตามอารมณ์ที่คุณต้องการได้แน่นอนครับ คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปแน่นอนครับ เพียงแต่ให้มอง HDMI เป็นอุปกรณ์เสริมที่มันแถมมาก็พอครับ (ต่อให้ไม่มีมัน เชื่อเถอะว่าคุ้มครับ กับเสียงที่ได้รับฟัง)
ปล. โปรดใช้วิจารณญาณในการเลือกซื้อนะครับ เพราะผมเป็นเพียงคนที่ใช้แล้วมาบอกต่อเท่านั้นเอง ^^
เริ่มต้นที่ราคาเปิดก่อนนะครับ
Sound Blaster PCI Express X-Fi Titanium Fatal1ty Champion สนนราคาที่ 11,900
Sound Blaster PCI Express X-Fi Titanium Fatal1ty Professional สนนราคาที่ 6,990 บาท
Sound Blaster PCI Express X-Fi Titanium สนนราคาที่ 3,990 บาท
ASUS Xonar HDAV1.3 Deluxe สนนราคาที่ 6,410 บาท
ASUS Xonar HDAV1.3 สนนราคาที่ 5,380 บาท
จะเห็นว่า X-Fi นั้นแบ่งกลุ่มราคาตั้งแต่ระดับล่างไปจนถึงระดับคนมีกะตังซื้อไหว (ผมไม่ไหว อิอิ) เลยทีเดียว ต่างกับ Xonar ที่จะอยู่ในระดับกลางๆ ทางด้านราคา
ความแตกต่าง
ด้าน X-Fi ตัว Champion นั้น เป็นการ์ดระดับ Hi-end เลยทีเดียว ซึ่งผมไม่มีโอกาสทดสอบ เนื่องจากราคาแพง จ่ายมะหวายยยย อิอิ ส่วนเรื่องสเป็กต่างๆ ก็ดูจากที่นี่เลย ไม่กล้าเอ่ย http://www.soundblaster.com/products...&product=17813
ส่วนตัว Pro นั้น ผมได้มีโอกาสนำมาลอง (ค่าตัวพอไหว หุ หุ) ซึ่งสเป็กทุกอย่างเหมือนกันกับตัว Champion แต่ไม่มีตัว I/O Port เท่านั้นเอง รายละเอียดก็ดูที่นี่ http://www.soundblaster.com/products...ct=17791&nav=1
ตัวสุดท้าย Titanium ธรรมดา นั้น จากสเป็กก็เหมือนกันทุกอย่างกับตัว Pro และ Champion แต่ไม่มี I/O Port และกรอบเพื่อป้องกันคลื่นรบกวนเหมือนตัวบนๆ เท่านั้นเอง รวมถึง Ram ในตัวมีเพียง 32MB ในขณะที่ตัวด้านบนนั้นเป็น 64MB ทั้งคู่ ดังนั้นเรื่องคุณภาพเสียง น่าจะไม่แตกต่างกันมากมายนัก จากทั้งสามตัว ที่ต่างกันน่าจะเป็น Feature และ Option ต่างๆ มากกว่า
มาดู Asus Xonar กันบ้างครับ
สำหรับ ตัว Deluxe นั้น ผมไม่ได้นำมาทดสอบ เนื่องจากเห็นว่า option ที่เพิ่มมาจากตัวธรรมดานั้นมีเพียงการ์ดเพื่อต่อออก 7.1 Channel เท่านั้น ซึ่งคิดว่าคงไม่ได้ใช้อะไร นอกนั้นก็เหมือนตัวธรรมดาทุกประการ รายละเอียดตัว Delux ก็ดูที่นี่ http://www.asus.com/products.aspx?l1...85&modelmenu=1
ส่วนตัวธรรมดาก็ตามที่บอกครับ ไม่มีแค่การ์ด 7.1 เท่านั้นเอง ดังนั้น เสียงที่ให้ย่อมเหมือนกันทุกประการ เว้นแต่จะมีลำโพงแบบ 7.1 ตัว Deluxe ก็คงจะให้เสียงดีกว่าเป็นแน่แท้ครับ
มาถึงส่วนการทดสอบกันบ้าง
มาดูชุดคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทดสอบกันก่อน
CPU : E8500 ไม่ได้คล๊อก
MB : Asus P5E3
Ram : G-Skill 2G DDR3 Bus 1333
VGA : HIS 4850 IceQ Turbo
Monitor : LCD TV Samsung 32" Bordeux Plus
ลำโพงที่ใช้ทดสอบนั้น มีสองแบบด้วยกัน เนื่องจากตอนดูทีวี ผมจะต่อออก Home Thertre Samsung HT-X250T http://www.samsung.com/th/consumer/d...d=HT-X250T/TSE
ส่วนตอนเล่นเกมนั้น ผมจะต่อออกลำโพง JBL ที่ต่อกะคอมพิวเตอร์ เป็นแบบ 2 Channel http://www.mahajak.com/webm2009/prod...product_id=538
เริ่มบรรเลงกันล่ะคร้าาบ
ขอเริ่มจาก X-Fi XtremeGamer Titanium Pro ก่อนเลยละกันครับ ซึ่งสำหรับการติดตั้งนั้น ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย โดยเริ่มแรก ผมต่อเข้ากับเครื่องเสียง Home Thertre ก่อน เพื่อดูหนังเป็นอันดับแรก โดยใช้วิธีการต่อผ่านสาย Optical เพื่อให้ออกมาเป็นเสียง Digital เพื่อให้ได้เสียงอย่างเต็มๆ
หนังแผ่นแรกที่เปิดนั้น เป็นเรื่อง Wall-E ครับ โดยเป็นแผ่นระดับ Dolby Digital เท่านั้น เสียงที่ได้นั้น แยกออกเป็น Channel ได้ชัดเจนดี เสียงวิ่งผ่านหูในแต่ละจุดก็ฟังดูไพเราะ โดยความรู้สึก เสียงจะใสเป็นพิเศษ แต่มีความรู้สึกว่าเสียงที่วิ่งผ่านทาง 2 Channel ด้านหลังนั้น จะเบาไปนิดนึง แต่ก็ฟังได้ชัดเจน ไม่ได้เบามากแบบไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร อีกจุดนึงที่สังเกตุคือเสียงเบสนั้น ฟังดูจะนุ่มนวล (มาก) จนรู้สึกว่ามันไม่ดุเลยแฮะ แต่ก็ไพเราะดี
ต่อมาเรื่อง X-MEN 3 เรื่องนี้มีระบบ DTS ES 6.1 ในตัวเลย น่าจะแหล่ม แต่ทว่า ช่วงแรกของหนังนั้น เสียงฟังดูดีตลอด จนมาถึงตอนห้องฝึกต่อสู้ในเรื่อง อย่างที่ได้ว่าไว้ เสียงเบสนั้น ไม่หนักแน่นเอาเสียเลย กลับฟังดูนุ่มจนเกินไป จนรู้สึกว่า เสียงมันไม่ได้ออกมาเต็มที่ยังไงยังงั้น
สุดท้ายทดลองเปิดแผ่น Transformer ซึ่งเป็นระบบ Dolby Digital ก็ฟังดูก็เหมือนเดิมเด๊ะเลย มันไม่หนักแน่น จนถึงไม่มันส์เอาซะเลยแฮะ งิงิ เลยเป็นอันว่า จบข่าวไปเลย (ไม่ประทับใจ)
ต่อมาทดลองฟังเพลงจาก MP3 เปิดเพลงของวงแกรนด์เอ็กซ์ (เก่าโคตร เหอๆ แต่มามิกซ์ใหม่น่า บอกอายุเลยตู) เสียงที่ได้ฟังนั้น ใสซาบซ่าดีจริงๆ แต่เบสก็ไม่หนัก (เอาอีกแล้ว ตูปรับไรผิดป่าวหว่า อิอิ)
คราวนี้มาเล่นเกมบ้าง โดยต่อออก JBL เท่านั้นแล Crysis ยิงตูมๆ บึ้มๆ โอย มันส์ โคตรๆ เลย ขนาดไม่มีเบสนะเนี่ย เหอๆ อันนี้ไม่รู้จะสาธยายยังไง แต่เอาว่ามันส์ละกันเสียงที่ได้ครบครันเลยทีเดียว ^^
========================================================
ทีนี้มาถึงคราวของ Xonar HDAV1.3 กันบ้างล่ะครับ พี่น้อง เหอๆ
ตัวนี้เริ่มติดตั้งก็มีปัญหาซะแล้วครับ เนื่องจากตัว HDAV ตัวนี้ มันเป็นทั้งกึ่ง VGA และเป็นทั้ง Sound Card เลย โดยระบบ VGA นั้น จะมีฟังชั่น Asus Splendid ซึ่งจะให้คุณภาพของภาพหนังแต่ละแบบแตกต่างกัน โดยเราสามารถเข้าไป Set ผ่าน ตัว Software Driver ได้ เช่นดูหนัง Action ก็ปรับเป็นภาพแนว Action หรือดูหนังสารคดี ก็ปรับเป็น Nature ทำนองนี้
ซึ่งตอนติดตั้งก็ต้องนำสาย DVI ต่อจากการ์ดจอ มาเข้า HDMI ของตัว Xonar (มีหัวแปลงให้ เด็ดจริงๆ) จากนั้นจึงนำสาย HDMI ต่อออกจาก Xonar เข้า HDMI ของ LCD TV (ดังนั้น ทีวี หรือ LCD ก็ต้องมีช่อง HDMI แกมบังคับเลย แต่สายก็แถมให้อีก เด็ดอีกแว้ววว)
และเช่นเดียวกัน ผมต่อแบบ Optical เข้าเครื่อง Home Thertre เช่นเดิมครับ แล้วติตตั้ง Driver แต่พระเจ้า เสียงไม่ออกครับ อุ อุ ก็พยายามทำไปเรื่อย แล้วเสียงก็ออกบ้าง ไม่ออกบ้าง (ชิหายแว้วว เกิดไรหว่า) ลองเปิดโปรแกรมอื่นๆ เล่น อ้าว ภาพไม่ขึ้น เห้ย เอาอีกโปรแกรมนึง อ้าวภาพไม่เต็ม เสียงขาดๆ หายๆ เวรแล้วตรู
ชัวร์เลย Vista ไม่ผ่านแหงมๆ 555+ เลยเดาก่อนว่า Driver ยังมีบั๊กกะ Vista ลองโหลดตัวใหม่มา ก็ไม่ผ่านครับท่าน จบข่าว ตี 2 แว้ววว 5555+ Format แล้วลง XP เยยย ตี 3 ปั๊บ นอน ทดสอบต่อรพุ่งนี้ หึ หึ
หลังจากลง XP ตื่นมาลง Driver ต่างๆ เสร็จสรรพ ก็จัดการ Xonar ดังเดิม โอ้ว เจ้าประคุณรุนช่อง เสียงๆ เสียงมาแว้ววว ใสด้วย เทส 5.1 อ้าว ผ่าน เสียงออกครบ (Vista อดแดรกอีกตามระเบียบ เวงๆ)
จากนั้นก็เริ่มทดสอบแผ่น Wall E ก่อน โอ้ว มายก๊อด เสียง... ใสมากพะยะค่ะ ผ่านไปสักพัก อู้ว มันมีฉากตอนที่ประกาศโฆษณาให้ไปอาศัยอยู่บนยานยังชีพ เสียงประกาศมันแหล่มมาก แบบว่า กังวานให้รู้สึกเหมือนกำลังฟังประกาศจริงๆ แต่ X-Fi ไม่ยักได้ยินแบบนี้ โดนอีกแล้ว พอมาถึงช่วงที่ยานแม่ลงมาส่งอีฟ เสียงกระหึ่มสุดๆ เสียงเบสมันเพราะมาก ไม่นุ่มนะ แต่มันหนักหน่วง แต่ฟังแล้วใช่เลย พอๆ เอาเท่านี้ โดนแล้ว
ไปลอง X-MEN 3 บ้าง ช่วงแรกๆ ก็คล้ายๆ กับ X-Fi ล่ะครับเพราะยังไม่มี Effect ไรมาก แต่พอช่วงเข้าห้องฝึกต่อสู้เสียงแรกที่ได้ยิน แล้วต้องหรี่เสียง Volume เลยคือ ตูม ฟิ้ว ตูม ตูม ฟ้าว ฟิ้ว โอ้ว มันส์ เสียงเหลือเชื่อครับ รู้สึกได้เลยว่าออกมาเต็มมากๆ ในขณะที่เสียงพูดก็ดังฟังชัด ไม่ขัดกับเสียงเบสเลยแม้แต่นิดเดียว แยกระบบเสียงได้ดีมากๆ รวมถึง Channel ด้านหลัง ก็ไม่แพ้กัน ออกมาครบๆ เลยทีเดียว โดนอีกแล้วครับ ถูกใจ ประทับใจเลยตัวนี้
มาลองสุดท้ายกับ Transformer ไม่รู้จะบรรยายยังไง คือ ดูจนจบเลยครับ เรื่องนี้ ขนาดดูไปแล้ว 6 รอบได้มั้งครับ แต่เสียงที่ได้นี่ เหมือนดูคนละเรื่องกันกับเมื่อก่อนเลย (ตอนใช้ XtremeMusicX) รวมถึง X-Fi ตัว Titatium นี่ก็เทียบไม่ติดเลยครับ เป็นอันว่า เรื่องดูหนัง ยกให้ตัวนี้ไปเลย โดนที่สุดแล้ว
คราวนี้มาเปิดเพลงฟัง จากแกรนด์เอ็กส์อีกแว้ววว จากที่ฟัง เสียงที่ได้ จะใสกว่าเล็กน้อยครับ รวมถึงเบส หนักกว่านิดนึง แต่เบสเพราะกว่ามากครับ ผ่านๆ ^^
ต่อด้วยการเล่นเกมนั้น ก็ลอง Crysis เหมือนเดิม เทียบกับ X-Fi แล้ว ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกันครับ แต่ก็ยังใสกว่าอีกอยู่ดีครับ จึงยกให้ Xonar ไปครับผม
=======================================================
คะแนนที่ผมจะให้ ก็แบ่งไปเป็นอย่างๆ ละกันครับ
Sound Blaster PCI Express X-Fi Titanium Fatal1ty Professional
ติดตั้ง - 10
ดูหนัง - 7
ฟังเพลง - 8
เล่นเกม - 9
ราคา - 5 (แพงงิ 6,990.-)
ASUS Xonar HDAV1.3
ติดตั้ง - 6 (ติดตั้งยาก + Vista ยังต้องรอ Driver อยู่)
ดูหนัง - 10
ฟังเพลง - 9
เล่นเกม - 9.5
ราคา - 7 (แพงนิดหน่อย 5,380.- แต่พอไหว)
ความเห็น
จากโดยรวมเลย ถ้าไม่ได้ชอบค่ายไหนเป็นพิเศษนะครับ เชียร์ Asus Xonar เลย เอาตัว HDAV1.3 ไม่ต้อง Deluxe ก็พอครับ เสียงดีกว่าโรงหนังอีก (ชัวร์ครับ)
แต่ถ้าหากรักชอบ Creative เป็นพิเศษ แนะนำให้ซื้อเพียงตัว Titatium ธรรมดาก็พอครับ เพราะแรมที่เพิ่มมา บวกกับกรอบป้องกันคลื่นรบกวนนั้น มีผลน้อยมาก ใช้แค่ตัวธรรมก็เพียงพอ ยังมีงบเหลือไว้กับอย่างอื่นอีกบาน แต่เสียงสู้ Xonar ไม่ได้แน่นอนครับ
ปล. อันนี้เป็นความคิดเห็นเพียงฝ่ายเดียวของผม จากที่ได้ทดสอบมานะครับ สุดท้ายผมก็เลือก Xonar HDAV1.3 มาอยู่คู่กะ Home Thertre ของผม ยกนิ้วแปะโป้งให้ไปเลยว่าสุดเทพ ^^
ปล1. ขอเพิ่มเติมครับ ลืมเรื่อง HDMI ของ Xonar ตัวนี้
ผมเองก็ลืมบอกบางอย่างไปครับ เนื่องจากการต่อสัญญาณผ่านทาง HDMI นั้น ไม่สามารถเทียบเท่ากับการ์ดจอที่ผมใช้ได้เลยครับ ผมใช้ HD4850 ต่อเข้า Xonar แล้วต่อออก HDMI เพื่อใช้ Splendid ผลปรากฎว่า ให้ภาพสัญญาณได้ไม่ดีเท่ากับการต่อ HDMI จากตัวการ์ดจอ HD4850 แม้แต่นิดเดียว แม้จะมี Splendid ช่วยก็ตามครับ
ในความรู้สึกผมว่า มันคงใช้เพื่อต่อกับการ์ดจอ On Board หรือการ์ดจอระดับล่างๆ หรืออาจต่อกับการ์ดจอของ nVidia อาจให้คุณภาพของภาพได้ดีกว่าเดิม แต่ถ้าการ์ดจอเป็น ATI อยู่แล้ว ให้ต่อจากตรงนี้เลยดีกว่าครับ
อีกอย่างนึง หลังจากทดลองต่อ HDMI แล้ว เฟรมเรทในการดูหนังก็ดรอปลงด้วยครับ มีการกระตุกเป็นบางจังหวะครับ อันนี้ยอมรับเลยว่า ยังไม่โดนครับผม
สรุป ถ้าใช้ Xonar เป็น Sound Card 100% ผมให้ 10 คะแนนเต็มๆ เลยครับ แต่ถ้าเอาไป HDMI ต่อจากการ์ดจออีกที ให้ 0 เลยครับ แนะนำใช้ การ์ดจอดูหนังเหมือนเดิมดีสุดครับผม ต่อเฉพาะเสียงพอครับ ^^
Originally posted by mike_shinoda
View Post
ก็เอามาให้ดูทั้งตัวการ์ดในเครื่อง กับท้ายเครื่อง ตรงช่องต่อนะครับ ผมไม่ต่อ HDMI เลย สังเกตุดู เพราะมันยังไม่สมบูรณ์ คงรอต่อไปก่อน (หรืออาจไม่ได้ใช้ อิอิ) ผมต่อ optical เข้า Home Theatre อีกส่วนนึงคือต่อ RCA แยกไป 3.5 ออก JBL อีกทีนึง
คือ.. สลับเวลาดูหนัง กับใช้งานคอมธรรมดา หรือเล่นเกมน่ะครับ ^^
ปล. แถมที่ค้างไว้กับท่านเรือรบ ผมถ่ายจากจอ LCD TV เลยครับ (กำลังดู Lord of the Ring อิอิ)
เปิดให้ดู config ทั้ง Total Media Player ทั้ง PowerDVD เลย แต่มันมี set ในส่วน Audio แค่ S/PDif แค่นั้นเองครับ ที่ผมทำ นอกนั้น ไม่มีอะไรครับ ปล่อยไปหมด ก็ได้เสียงที่พอใจแล้วครับ ^^
Edit เพิ่มวันที่ 16 ธ.ค. 2551
ตอนนี้เจอปัญหาบางอย่างกับ Driver ตัวใหม่ เป็นเฉพาะตอนเล่นเกมครับ ในขณะเล่นเกม (เกมที่เล่นคือ NFS Undercover) หากเล่นไปสักพัก (บางทีเป็นชั่วโมง) จะมีอาการแฮงค์เกิดขึ้น บางครั้งเกมเด้ง หรือบางทีแฮงค์ค้างไปเลย แต่จะแฮงค์แบบไหนก็ตาม ก็จะมีเสียงของเกมค้างโดยตลอด จำเป็นต้องกด Reset
แต่บางทีเล่นจนจบเกมจะไม่เป็นอะไร แต่ใช้งานวินโดว์ไปสักพัก ก็จะค้างครับ
แต่ถ้าไม่ได้เล่นเกมเลย ใช้งานปกติ ดูหนังฟังเพลง อาการดังกล่าวไม่เกิดเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะเปิดทั้งวันทั้งคืน
ตอนนี้สมมติฐานได้ 2 อย่างครับ ไม่อย่างใดก็อย่างนึง
1. ปัญหาเกิดจาก Driver มันเอง เดี๋ยวรอตัวใหม่ออกน่าจะดีขึ้น หรือหาย
2. จากคู่มือมันบอกว่า หากจะใช้ระบบเสียง Game (จะมีปุ่มให้กดเพื่อใช้ระบบเสียงเกม) ต้องใช้ร่วมกับการ์ดจอของ ASUS เท่านั้น (ไม่รู้เกี่ยวมั้ย แต่คู่มือมันว่าไว้ อิอิ)
แต่จากที่ลองเสียงระบบเกม (แต่การ์ดจอผม HIS) บอกตรงๆ ตอนเล่นเกม ต้องกดระบบเกม เสียงที่ได้ มันจะสุดๆ ต่างกับกด Movie หรือ Music หรือ HiFi
เล่นเกมต้องระบบเกมจริงๆ เสียงถึงดีมักๆ อย่างว่าล่ะครับ ของยังใหม่ Driver ยังไม่เข้าที่เข้าทาง แต่เสียงที่ได้นี่ เยี่ยมจริงๆ อยู่แล้วอ่ะครับ อิอิ
Edit วันที่ 20 ธ.ค. 2551
เนื่องจากมีบางท่าน สอบถามว่าจะเล่นตัวไหนดี ระหว่าง HDAV กับ D2X ผมก็เลยเอามาตอบให้หายสงสัยกันครับ แต่คงเป็นในภาคทษฤฏีเท่านั้นนะครับ เนื่องจากยังไม่มีโอกาสได้ลองของจริงๆ
ขอตอบเป็นทฤษฏีนะครับ เนื่องจากไม่เคยได้นำทั้ง 2 ตัวมาเทียบกันเป๊ะๆ
D2X นั้นเก่ากว่า อันนี้แน่นอน
HDAV ใหม่กว่า ก็แน่นอนอยู่แล้น
โดยสเป็ก ก็แตกต่างกันเล็กน้อยครับ เล็กน้อยจนถึงน้อยมาก โดยเท่าที่ผมเช็คสเป็ก (เอาแบบจำได้นะครับ) ตอนที่จะหยิบ HDAV ที่หน้าร้าน ก็เห็นว่าสเป็กทุกอย่าง เหมือนกันหมด
สิ่งที่แตกต่างจริงๆ ก็ตามนี้เลยครับ
Output Signal-to-Noise Ratio (A-Weighted):
D2X จะอยู่ที่ 118dB for all channels dB dB
HDAV อยู่ที่ Up to 120 dB for all channels dB
นอกนั้นทุกอย่างก็เหมือนกันหมดตามที่ว่าไว้ แต่อีกส่วนที่ต่างกันคือ เรื่องของ Channel ครับ
เนื่องจากตัว D2X นั้น การต่อ multichannel จะใช้แจ๊ค 3.5mm
ส่วน HDAV นั้นจะใช้ RCA ครับ ซึ่งถ้าจะต่อออกลำโพง PC ทั่วไป มันก็มีสายแปลง RCA -> 3.5mm มาให้ ซึ่งคุณภาพเสียงถ้าออกลำโพง PC คงจะแตกต่างกันไม่มาก (แต่ HDAV ผมว่าเสียงดีกว่า จาก review ตปท. น่ะครับ)
แต่ถ้าต่อออกแบบ RCA แท้ๆ เข้า AVR หรือ Home Treatre หรือลำโพงแบบ multi-channel แท้ๆ ที่มี RCA I/O เสียงที่ได้ดีกว่าแน่นอนครับ แต่เสียงก็จะออกเป็น 2/2.1 channel นะครับ เพราะเป็นการต่อแบบ Analog
ส่วนถ้าต้องการให้ออก Analog แบบ 7.1 นั้น หมายความว่าคุณต้องซื้อตัว Deluxe ถึงจะออก 7.1 แต่ถ้าไม่ใช่ตัว Deluxe การต่อ RCA ก็จะออกเพียง 2 channel หรือ 2.1 เท่านั้นนะครับ
ซึ่งตามสเป็ก และคู่มือนั้น มีการกล่าวถึงการออกแบบการ์ด 7.1 นี้มาด้วยว่า มันถูกออกแบบให้มีความสามารถในการส่งสัญญาณคุณภาพ DTS/Dolby Digital Live ผ่านทาง Analog ได้เลย (อันนี้ไม่รู้ครับ เพราะไม่ได้เทสตัว Deluxe แต่ก็น่าลองนะ อิอิ)
เอาเป็นว่า ถ้ามีงบประมาณ ผมเชียร์ HDAV แล้วถ้าซื้อ Deluxe ได้ก็ซื้อเลยครับ แต่ต้องดูว่า M/B คุณมี PCI-E กี่ช่อง จะเป็น X1 หรือ X16 ก็ได้นะครับ เพราะมันสามารถเสียบช่อง PCI-EX16 ได้ครับผม
อีกส่วนนึงก็คือ การต่อออก HDMI ถ้า driver สมบูรณ์กว่านี้ ยิ่งน่าใช้มากเลยครับ ส่วนตอนนี้ผมไม่อยากพูดถึง HDMI มากนัก เพราะว่า AVR หรือชุดลำโพง HT ในบ้านเรา ยังหา HDMI Input ยังยากอยู่มากครับ เพราะถ้าต่อออก LCD TV ย่อมได้คุณภาพของภาพก็จริง แต่เสียงที่ออกผ่านทาง LCD TV ยังไงก็ AVR ไม่ได้ และช่อง Output ของ LCD TV ทั่วไป ก็ยังออกเป็นแค่ AV ซะส่วนมากครับ จึงขอพักเรื่อง HDMI ไว้ก่อน (แต่อนาคตน่าจะมีให้เล่นอีกแยะครับเรื่อง True HD เนี่ย อิอิ)
Originally posted by lilolodead
View Post
VGA Card ->> DVI (ใช้หัวแปลงเป็น HDMI) หรือ HDMI (ถ้า VGA นั้นมี) ->> HDAV1.3 ->> LCD
อย่าไปเสี่ยงดีกว่าครับ เดี๋ยวได้ไม่คุ้มเสีย อีกอย่างนึง หากต่อได้จริง เสียงที่ออกมาก็ไม่ได้ดีเท่ากับต่อออก AVR หรือลำโพงโดยตรงครับ
เนื่องจาก LCD TV บ้านเรา ยังไม่มีช่อง Output แบบ HDMI เพื่อไปต่อ AVR หรือลำโพง มีก็แต่ช่อง AV ส่วนมากครับ
เต็มที่ก็มี component out ซึ่งเสียงที่ต่อออกไปก็จะไม่ดีพอตามสเป็กการ์ด ดังนั้น ไม่คุ้มแน่นอนครับ ^^
Originally posted by Bomme
View Post
จะไม่ใช่ VGA Card โดยตรง ดังนั้น ไม่สามารถใช้เป็น VGA Card ได้ครับผม
HDMI In/Out อันนี้ จะเป็นเพียงช่องออกสัญญาณภาพ และเสียง ในกรณีที่เราไม่มี VGA Card ที่เป็น HDMI Out ครับผม
ช่องสัญญาณ HDMI ของตัว HDAV นี้ เราไม่สามารถใช้ได้เต็มที่ 100% อยู่ดีครับ ถึงแม้เราจะต่อออกไปที่ TV (แต่ต้องมี VGA Card นะ) แต่คุณภาพของภาพนั้น แย่กว่าการต่อจาก VGA Card เข้า TV โดยตรงครับ โดยเฉพาะ หากท่านใช้การ์ด ATI อยู่ เรียกว่า คุณภาพนั้นห่วยกว่า ATI แยะเลยครับ
แต่สิ่งที่ได้มาคือตัว Splendid ของมันครับ ในการดูหนังแต่ละแบบ มันจะมีให้เลือก เช่นเราดูหนัง Action มันก็จะมีให้เลือกโทนสีสำหรับหนัง Action หากดูหนังแนวๆ ธรรมชาติๆ หน่อย มันก็มีให้เลือก Nature และอีกจิปาถะ แต่ที่จริง โทนสีเหล่านี้ เป็น Preset ของ Asus เขามา เราอาจไม่ชอบก็ได้ครับ
มาในเรื่องเสียงที่ออกจาก HDMI ไป TV บ้างนะครับ การ์ดตัวนี้เป็นเพียงยี่ห้อเดียวในโลกตอนนี้ ที่สามารถส่งสัญญาณเสียงเป็น TrueHD ได้ครับ ดังนั้นเสียงที่ได้จาก HDMI น่าจะให้ความสะใจเต็มอารมณ์แน่นอน
แต่... เนื่องจากว่า การต่อ HDMI ไป TV เราต้องการเสียงที่สมบูรณ์ใช่มั้ยครับ ดังนั้น ภาคขยาย หรือชุดลำโพง หรือ TV ของเรา ก็ควรต้องรองรับได้ถึง 5.1 Channel หรือมากกว่านั้น เพราะถ้าได้น้อยกว่านี้ TrueHD ที่ออกมาก็ไร้ความหมาย
แต่นึกออกมั้ยครับ TV บ้านเรา (หรือในโลกนี้) คงมีไม่เกิน 2 หรือ 2.1 Channel แน่แท้ แล้วจะทำไงดี ก็ต้องต่อออกภาคขยาย AVR หรือลำโพง โดยต่อผ่านทาง TV แล้ว TV บ้านเรา ณ ตอนนี้ คงมีแต่ช่องต่อออกที่เป็นเพียง RCA กับ AV เท่านั้น ดังนั้นจะหวังให้เป็น TrueHD ก็คงไม่มีทาง เต็มที่คงได้แค่เพียง Stereo Surround Sound เท่านั้นเองครับ
ว่ามาซะยาว... สุดท้ายละกันครับ อย่าหวังพึ่ง HDMI ณ ตอนนี้เลยครับ แต่สำหรับ HDAV ตัวนี้ เพียงเป็นแค่ soundcard ที่ออกสัญญาณเสียง ได้เต็มที่ตามอารมณ์ที่คุณต้องการได้แน่นอนครับ คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปแน่นอนครับ เพียงแต่ให้มอง HDMI เป็นอุปกรณ์เสริมที่มันแถมมาก็พอครับ (ต่อให้ไม่มีมัน เชื่อเถอะว่าคุ้มครับ กับเสียงที่ได้รับฟัง)
ปล. โปรดใช้วิจารณญาณในการเลือกซื้อนะครับ เพราะผมเป็นเพียงคนที่ใช้แล้วมาบอกต่อเท่านั้นเอง ^^
Comment