สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องชาว OCZ ใน Zone ฮิฟิ หรือว่า Hifi-Market และ Zone ใกล้เคียง ขอแนะนำตัวกันก่อนนะครับ ผมเป็น User ที่สิงในห้อง IT-Market มานานเป็นปีๆ ตั้งแต่เวปบอร์ด version เก่าแล้วครับ
เนื่องจากด้วยวัยหรือว่าอะไรซักอย่าง ทำให้ผมรู้สึกตันๆ กับ Computer hardware มากๆ แล้ว แต่ยังคงสิง IT-Market อยู่ เนื่องด้วยเมื่อก่อนนั้นไม่มีห้อง Hifi – Market (ฮิ ฟิ มาร์เก็ต เรียกให้ถูกกันด้วยนะครับ ๕๕๕) จึงทำให้ต้องนั่งสิงหาลำโพง หาหูฟัง ดักกันแทบเหมือนจะเป็นไซดักปลากันเลยทีเดียว ตัวผมเองอาจจะไม่ค่อยได้ Posted มากมายนัก แต่วันนี้ก็ขอซักหน่อยแล้วกัน สืบเนื่องมากจากผมเห็นท่านๆนึงนำหูฟังราคาถูกเข้ามาขาย แบบว่าราคาถูกเวอร์ และถ้าสินค้าที่นำมาขายนี้ดี ซึ่งผมอยากให้มันเป็นอย่างนั้น เพราะก็ไม่มีใครที่อยากเสียตังค์มากซื้อของแพงๆ อยู่แล้วนะครับ
ตัวผมเองนั้นไม่ได้คิดว่าเป็นคนหูทองหูเทพมาจากไหนนะครับ แต่เพียงเป็นคนที่ชอบฟังเพลงมากๆ มาตั้งแต่มัธยมแล้วครับ คือบอกได้ว่าตั้งแต่ประถมนี่ผมก็พก ซาวนด์อเบาท์ไปโรงเรียนแล้วครับ อิอิ ผมบ้า ซาวนด์อเบาท์จริงๆ ก็ตอนเข้า ม. 1 นั้นแหล่ะครับพกไปโรงเรียนแทบทุกวัน ก็เริ่มๆฟังมาจริงๆ ก็เป็นของ Sony walkman ที่เป็นเทป cassett, walkmanCD, walkmanMD, walkmanMp3, walkmanPhone จนปัจจุบันเรียนจบ ป.ตรีแล้วทำงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
สรุปแล้วคือเป็น ชาว walkman ไปเลยปริยาย ส่วนเครื่องเสียง Computer ที่เคยได้ใช้มาแต่ก็มีขายไปเกือบหมดนั้นนับพอของดีๆฟังได้หน่อยก็มีแค่ Bose companion 3, companion 5, microlab X3 5.1, BostonBA635, Cambridge Soundwork Digital 2.1 แต่เอาจริงๆแล้วไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่บ้านมานั่งฟังมากหรอกครับ เพราะเป็นคนอยู่ไม่ติดบ้านเลยต้องเป็น walkman มากกว่าที่รับหน้าที่ร้องเพลงให้ผมฟัง
ส่วนอุปกรณ์พวกนี้จะมาช่วยผมทดสอบเจ้าหูฟังทั้งหลายนะครับ
น้า iPhone ก็มาช่วยแจมครับ เสียงดีใช่ย่อยเชียวแหล่ะ
Sony Ericson W800i เป็นส่วนหนึ่งใน Lifestyle ครั้งนี้ครับ
Video MP3 ที่ใช้ร่วมทดสอบครับ
รูปร่างหน้าตาเจ้า Minijack port share เพื่อมาใช้ Compare หาข้อต่างกันอย่างว่องไวในการสลับหูฟังครับ
บ่นมาเป็น Intro ซะนาน คิดซะว่าเป็นท่อน Rap ที่ผมเข้ามาร้องในตอนต้นเพลงก็แล้วกันครับ ๕๕๕ เดี๋ยวจะงงกันว่า ใครเนี่ยอยู่ๆมารีวิว หัวนอนปลายติง เป็นไงก็เล่าเกริ่นๆแค่นี้พอนะครับ เดี่ยวจะมึนกับอักขระซะก่อน
เริ่มเลยแล้วกัน!!
หูฟังที่ผมได้รับของที่ส่งมาจากท่าน I – PUSLE (ไอ้พร้าว” หรือว่า ล้อเล่นนะครับ) จากท่านหนุ่มนะครับ ผมได้รับมาทั้งหมด 3 ตัว ดังนี้1. MD-71
2. MD-72
3. M6
โดย MD-71, MD-72 นั้นเป็นหูฟังชนิด inear ทีสอดใส่เข้าไปในหูเรานั่นเองครับ ซึ่งผมจะนำเอา MD-71, MD-72 มาเปรียบเทียบกับหูฟัง Sony EX71SL สุดคุ้มเพราะเป็น inear เหมือนกัน และก็จะนำ M6 มาเปรียบเทียบกับหูฟังแท้ๆของ iPhone
แว๊ปแรกที่ได้แกะกล่องออกมา ตกใจกับ package นิดหน่อยที่ท่านหนุ่มจับสามหน่อนี่อัดรวมกันมาในกล่องของ M6 กล่องเดียว น่าสงสารจริงๆ
พอผมได้ค่อยๆ จับสามหน่อนี่แยกจากกันหลังจากนอนอัดกันอยู่ในกล่อง M6 ให้ได้หายใจกันแป๊ปนึง ก็ไม่รอช้าที่จะได้ฟังเสียงมันซะที แหมก็นะ.. อุตส่าห์ขับรถไปเอามาจากแจ้งวัฒนะ ตัวที่ผมหยิบมาตัวแรกนั้นเป็น MD -72 เนื่องจากคงเหตุผลเดียวกับหลายๆท่านมั๊งคับ คือมันหล่อสุดแล้วในสามตัวนี้ ผมเลยควัก.. (เรียกคว้าดีกว่า) MP3 Sony ขึ้นมาถอดเจ้า EX71SL ออกแล้วกว้างไปยังบนเก้าอี้คอมพ์ผม แล้วยิ้มให้มัน หึๆ.. งานนี้มีคัดตัวติดทีมชาติ ๕๕๕ แล้วหันกลับมาหยิบ MD-72 ยัดใส่หูฟังคร่าวๆก่อน แล้วจึงนำ MD-71 มาฟังต่อ แล้วตามด้วยน้องนิ่ง (เดี๋ยวจะบอกว่าทำไมเรียกน้องนิ่ง) หรือ M6 มาลองเป็นตัวสุดท้าย
ผมจะยังไม่ตัดสินใจที่จะ Review อะไรก่อนในตอนที่เพิ่งได้ของมานี้เพราะผมขอเวลาวิจัยซักสองสามวันเพื่อจะได้รู้จักมันมากขึ้น แล้วค่อยทำการ Review ออกมาครับ ซึ่งในตอนนี้ขอสวมวิญญาณ user ชอบลองไปก่อนในสองสามวันนี้ และพอผมคิดว่าเพียงพอแล้วในการวิจัยงานชิ้นนี้ ก็ผลดังนี้ครับ
การ Review นี้ผมจะให้ออกแนวไปเป็นไปตาม lifestyle ที่ผมใช้งานในชีวิตประจำวันเสียมากกว่า โดยจะใช้ ต้นกำเนิดเสียงเป็น Walkman Mp3, WalkmanPhone (Sony W800i) iPhone และ Computer Notebook (Compaq 3901TX) โดยมี Smart Audio 221 Onboard เป็น Sound ขับเสียง และจะใช้ Minijack port share มาร่วมช่วยในการวิจัยแบบ Head to Head แต่บางกรณีเท่านั้นนะครับ เพราะเมื่อ Share output ไปแล้วระดับเสียงมันจะโดนลดลงมา ผมใช้บางกรณีเช่นไม่มั่นใจของเสียงสองตัวที่นำมา compare กันหน่ะครับ
เพลงที่นำมาใช้ฟังจะเป็น File Mp3 ทั้งหมดเลยนะครับโดยมี Bit rate อยู่ที่ 320kbps
เหตุผลก็คือผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ทั้งผมและใครๆ ก็คงฟัง Mp3 กันเสียมากกว่านะครับ แล้ว bit rate เป็นพันๆที่ท่านอื่นๆมา review นั้นผมคิดว่าผมคงไม่เอามันมายัดใส่ walkman หรือ iPhone ผมให้พื้นที่มันเปลืองไปโดยใช่เหตุหน่ะครับ ก็จริงนะครับมันอาจจะเห็นผลมากกว่ากัน แต่ผมไม่อยากเหมือนใคร + ขี้เกียจนิดนึง ๕๕๕
นอกเรื่องนิดนึงตรงนี้ผมอยากแนะนำว่าอยากให้ท่านๆ หาเก็บเพลง Mp3 ที่ท่านชอบที่มี Bit rate ซัก 320kbps ไว้เยอะๆหน่ะครับ ผมว่ามันเยี่ยมมากเลยจริงๆ เสียงมันเพราะมาก มันเห็นผลชัดกว่าฟัง 128kbps นะครับ ไม่เชื่อท่านลองเอา 128kbps มาเทียบฟังกับ 64kbps ไม่ก็ 44kbps ดูสิครับ เสียงมันแตกต่างกันมากจริงๆ เรื่องรายละเอียดที่ทาง Studio ของ เพลงนั้นๆ ได้บันทึกไว้ มันจะไม่ได้โดนกลืนกินไปมากกว่านี้หน่ะครับ และด้วย 320kbps ก็อาจจะได้ไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเท่าตัวนึง ก็คือข้อเสียของมันนะครับ เทียบกับข้อดีที่ได้มาผมว่ามันก็เป็นอะไรที่ยอมรับได้นะครับ
ส่วนผมนั้นก็จะหาเพลงที่ชอบ 320kbps ไว้พอสมควรเลยครับ แล้วก็ทำการ Ripped เองจากแผ่นแท้เหมือนกัน
เพลงที่ผมใช้ตัดสินจริงๆ นั้นก็จะมีรายชื่อดังนี้นะครับ ซึ่งจริงๆแล้วผมใช้หลายๆเพลงฟังเยอะมาก แต่ผมเลือกใช้เพลงที่ผมคิดว่าเป็นเพลงที่ผมฟังบ่อยที่สุด และมีรายละเอียดของเพลง เช่นเครื่องดนตรี และเสียง ซินธิไซเซอร์เยอะๆ ซึ่งผมคิดว่าผมรู้จุดต่างๆของเพลงมากกว่าเพลงอื่นๆ และอีกอย่างบางเพลงนั้นผมก็ได้ทำการแกะเสียงกีตาร์เพื่อใช้ในการเล่นดนตรี ซึ่งก็เป็นผลดีในการนำมาวิเคราะห์ครั้งนี้ โดยมีเหตุผลเด่นๆของเพลงนั้นๆ โดยมีรายชื่อเพลงดังนี้ครับ
1. Feel like makin’ love : D’angelo R&B รุ่นลายคราม ที่เบสหนักเดินแน่นตลอดทั้งเพลง + วาวล์กีตาร์ที่ใสมากๆ
2. New Skin : Incubus เสียง Sound กีตาร์+ effect ที่รายละเอียดสูงมากๆ
3. ฝน : นภ พรชำนิ feat zentrady ความใสของเครื่องดนตรี + อารมณ์คนร้องที่อินกับเพลงสุดๆ
4. Take you there : Sean Kingston บีท hiphop กับเสียง ซินธ์ที่ Studio ที่อัดเสียงมาดีมากๆ
5. Unhappy ending : Silly Fools เป็นเพลงที่แกะเสียงกีตาร์ ฟังบ่อยมากๆในช่วงนี้ เพราะว่าเจ้าของเค้า Solo ไว้ให้มันเป็นเยี่ยงนี้ T_T ใครเล่นกีตาร์ก็ฟังกันเองหล่ะครับ)
6. Start : Depapepe เป็นเพลงบรรเลงที่กีตาร์โปร่งเด่นมากทั้งสองตัวแยกซ้ายขวาสลับท่อนกันเล่นตลอด ใครเล่นกีตาร์ลองแกะแล้วมาเล่นกันนะครับเพราะดี (แต่ผมเล่นไม่เพราะเหมือนเจ้าของเค้าเลยอ่ะคับ ทำมัยหว่า ๕๕๕)
M6
Specification
Speaker size : 14.2mm
Frequency : 18-20,000Hz
Sensitiveity :116 dB (at 1 Khz 0.5V rms)
Impedance: 32 Ohm
Cable length : 120cm
Jack : 3.5mm
เจ้า M6 นี้เป็นหูฟังที่ทำเลียนแบบหูฟัง iPhone นั้นมาเป้งๆเลยครับ ซึ่งผมได้เทียบดูแล้วในทุกๆ ส่วนกับหูฟัง iPhone นั้นเหมือนกันเกือบทุกรายละเอียดเลย ไม่ว่าจะเป็นยางขอบตรงส่วนที่เป็นตะแกรงยกเว้นแต่ในส่วนตะแกรงที่ M6 ดูงานแล้วอาจจะสู้งานของแท้ของ iPhone ไม่ได้ซักเล็กน้อย ซึ่งถ้ามองผ่านๆแล้วก็แยกไม่ออก ส่วนตัวสายสัญญาณที่ M6 นั้นจะมีความแข็งมากกว่าอยู่นิดนึงโดยเฉพาะส่วนล่างโดยสามารถลองจับแล้วสังเกตได้เลย ส่วนซึ่งตัวที่ผมได้รับมาจากคุณหนุ่มนี้จะไม่เหมือนกันนิดหน่อยกับที่คุณหนุ่มขายนะครับ ตรงที่ตะแกรงของมันนั้นเอง ของผมเป็นตะแกรงโลหะในรุ่นแรกๆที่ผลิตออกมา แต่ของที่คุณหนุ่มขายนั้นเป็นตะแกรงพลาสติกสีดำเจาะรูที่ผลิตในล๊อตหลังๆที่ผลิตออกมา แต่คุณหนุ่มนั้นบอกผมไว้ว่า ทางโรงงานได้ยืนยันแล้วว่าวัสดุทุกอย่างที่นอกเหนือจากนี้หรือ Techonology การผลิตข้างในของ M6 รุ่นแรกกับรุ่นหลังนี้เหมือนกันทุกประการ ต่างกันที่ตรงตะแกรงนี่แหล่ะครับ ซึ่ง M6 ของที่ผมได้ทดสอบนี้หล่อกว่า M6 ที่คุณหนุ่มขายเยอะเลยครับ ๕๕๕ ผมก็รู้สึกตะหงิดๆนะครับ ที่ผลิตหูขาวมาแล้วตะแกรงมันสีดำ ออกแนวไหนครับเนี่ย ๕๕๕ วัสดุที่ใช้ทำเป็น Body ก็มีความแข็งแรงดีครับแทบจะเหมือน iPhone เลยทีเดียว (เหมือนกันเลยก็ว่าได้๕๕๕) ตรงส่วนด้ามของตัวหูฟังมียางหนึบๆให้จับกันลื่น + รู้สึกดีที่ได้สัมผัส hiso นิดๆ ตรงสายของมันเป็นสีขาวไปทั้งเส้นยันตัว Jack ของมันเลยทุกส่วน ตรงส่วนของสาย M6 นั้นแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนบนคือหูฟังลงมาถึงจุดข้อต่อ และส่วนล่างจากข้อต่อลงไปยัง Minijack ผมสังเกตุได้ว่าส่วนบนนั้นนิ่มกว่าและดูว่าสายที่ใช้นั้นคนละเกรดกับส่วนล่าง ซึ่งดูดีๆสีมันก็ต่างกันไปจริงๆด้วย ซึ่งลองสัมผัสดีๆ จะรู้ว่าส่วนล่างมันแข็งๆ กว่าแบบผิดธรรมชาติที่ควรจะเป็น ทั้งๆที่ผมก็รู้ว่าส่วนล่างสายมันเส้นใหญ่กว่าแต่อยากให้ท่านทั้งหลายลองสังเกตุดูกันครับ ตรงนี้ก็อยากจะเตือนว่าให้เก็บสายกันก็อย่างม้วนกันซะเหลือนิดเดียวก้อนกลมๆ หรือพยายามอย่าให้มันพันกันมากๆ นะครับ อาจจะทำให้อายุการใช้งานเสื่อมง่ายขึ้น ตรงส่วน Minijack ไม่ได้เป็นหัวทองเค ที่ดู hiso และลดความต้านทาน แต่เสียงที่ได้ก็ดีกว่า MD-71, MD-72 ทีหั่วทองกันราวฟ้ากับเหวหล่ะครับ ๕๕๕ ฉะนั้นหัวทองไม่ทองไม่เกี่ยวครับ อย่าตัดสินกันที่ภายนอก
เจ้า M6 ตัวนี้ผมไม่อยากจะบอกว่าตกใจมากหลังจากที่ได้ฟังเสียงของมัน ตาผมนี่โพลนออกจากเบ้าเลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากผมผิดหวังกับการฟังเจ้า MD-71, MD-72 แล้วผมคิดว่าไอ้เจ้าตัวนี้ก็คงทำให้ผมผิดหวังเหมือนกัน แต่มิใช่เลยครับพ่อแม่พี่น้อง แสงสว่างจากสวรรค์ได้ส่องลงมาตรงที่ผมนั่งอยู่นั้นพอดีเลย โอ.. ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ เสียงที่ได้ฟังของมันนั้นหวานมากๆครับ เสียงมันใสกระไรเยี่ยงนี้ Sound กีตาร์จากเพลงของ D’Angelo นี้ผมไม่เคยได้ยินมันมาก่อนจากหูฟัง EX71SL (ขออภัยที่ยก inear มาพูด แต่เพราะเป็นตัวโปรดผมหน่ะครับ) โอยเสียงที่ได้ฟังออกมาผมประทับใจมากๆเลย หูฟังตัวนี้ทำให้เสียงกลางแหลมนั้นเด่นมากๆ เสียงกีตาร์นั้นลอยเด่นออกมามากๆเลย รวมทั้งเสียง ซินธ์ ต่างๆ นั้นแยกเสียงดนตรีออกมาได้สุดยอดมากๆ งงเลยครับ งงจริงๆ นี่ตอนนี้ผมก็ยังงงอยู่เลย ซึ่งผมจะบอกว่าตัวผมเองนั้นติด inear มากกว่าและมีความนิยมชมชอบกับ inear นั้นมาก แต่ผมได้ฟังเสียงไอ้เจ้าตัวนี้แล้ว จะบอกว่าผมติดเจ้าหูฟังตัวนี้มากเลยตอนนี้ ผมพกมันติดตัวตลอดที่ได้มันมาและฟังมันตลอด ส่วนเจ้า EX71SL นั้นผมเก็บไว้ในกระเป๋าเป้ notebook ผมเป็นตัวสำรองแล้วครับ ๕๕๕ ไม่ติดทีมชาติ ส่วนเรื่องเบสที่ได้จากหูฟังตัวนี้ ก็จะไม่ลึกมาก แต่ใช่ว่าจะไม่มีเบสเลย เบสกระชับดีเหมือนฟัง BA635 ที่เบสไม่มากแต่ก็กระชับ แต่เสียงที่หวานมากๆ เวลาฟังเพลงช้าอย่าง ฝน ของพี่นภฯ นี่ทำเอาผมสร้าง MV ขึ้นมาได้เองในหัวสมองเลย ส่วนเพลง Rap หรือ Rock ก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้กันจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น Effect ก้อนจาก Mike Enzinger ที่เล่นในเพลง New Skin เสียง Hi-Hat ที่ลอยเด่นออกมามากๆเหมือนผมตีเองเลยครับ ๕๕๕ Beat hiphop และซินธ์จากเพลง Take you there ออกมาลอยเด่นชัดให้หูเราได้เล่นกับเพลง ให้แยกจุดที่หูเราจับต้องได้ ซ้ายขวาหน้าหลังเหมือนไปฟังเสียงโชว์ระบบเสียงของลำโพงในโรงหนังยังไงอย่างงั้น จุดนึงที่จะบอกก็คือว่าท่านก็ต้องใส่หูฟังให้ถูกตำแหน่งของหูท่าน ไม่เอียงผิดตำแหน่งไปไม่หลวมไป แต่ว่ากดกับหูแน่นๆ ไปนี่ผมว่าเสียงมันแน่นดีนะ แต่จะเจ็บหูเปล่าๆ ๕๕๕
ซึ่งเมื่อนำเจ้า M6 ไป compare กับตัวหูฟังของ iPhone นั้นแรกๆ แทบจะแยกกันไม่ออกเลยครับ เป็นเพราะผมฟังเพลงที่รายละเอียดน้อยเกินไป แต่เมื่อเปลื่ยนเพลงฟังไปเรื่อยๆ จนมาถึงเพลงที่มีรายละเอียดของเพลงเยอะเช่น Sound effect กีตาร์ที่ดีดออกมานั้นตัว M6 จะแสดงเสียงออกมาได้ดีกว่าตัวหูฟังแถมของ iPhone รวมไปถึงเสียงซินนิไซเซอร์ต่างๆ ของเพลงที่นำมาใช้ตัดสิน จะเห็นได้ชัดเลยว่าเจ้าตัว M6 นั้นจะแยกเสียงออกมาได้ลอยออกมาเด่นมากกว่า
หูฟังตัวนี้ผมประทับใจมากครับ ยกโป้งมือให้เลยครับ ส่วนอีกสิบนิ้วข่างล่างผมยกให้ MD-71 กับ MD-72 ๕๕๕ M6 นั้นทำให้ผมฟังเพลงได้ทั้งวันโดยไม่ผมไม่มีอาการล้าทางหูเลยครับ ผมสามารถฟังได้ทั้งวันอย่างมีความสุขจริงๆ และผมยังแนะนำคนรู้จักที่ผมสนิทให้ได้ลองและซื้อเจ้าหูฟังตัวนี้แน่นอนครับ ราคาก็ถูกแสนถูก อืม เกือบลืมๆ M6 นี้ให้ Gain เสียงที่ดังมากครับ ท่านต้องระวังในการใช้กับ Computer notebook หรือ PC ด้วยนะคับ เนื่องจากกำลังไฟจาก Computer นั้นสูงกว่า Walkman หรือ Mp3 player มากครับอาจจะทำให้ Driver พังได้ง่ายๆแน่ๆครับ เวลาฟังกับคอมพ์ก็เปิดเสียงเบาๆหน่อย หรือพอดีๆนะครับ แล้วค่อยเลื่อนๆความดังขึ้นช้าๆถ้าต้องการความดังที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง M6 นี้ผมว่าหน้าตานิ่งๆดูเรียบๆขนาดนี้ทำเอาผมตกใจเลยทีเดียวจนต้องโทรไปบอกคุณหนุ่มว่า M6 นี้ไม่ธรรมดาเลยนะครับ เห็นไหมครับน้องนิ่ง หน้ามันนิ่งๆ แต่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ อีกนิดนะครับ คือผมจะบอกว่ามีหูฟังตัวนี้แล้วทำให้ผมกลับไปเปิด Concert และ MV ที่ผมมีอยู่แทบจะฟังใหม่เลยครับ มันสนุกดีมีความสุข เพราะเสียงที่ได้มันถ่ายทอดออกมาให้ผมได้ฟังแล้วมีความสุขจริงๆ โดยที่ผมไม่ต้องไปเสียตังค์ซื้อหูฟังราคาแพงเป็นพันหรือเป็นหมื่น ไว้มีโอกาสได้จับของแพงมากๆ แล้วก็จะลองมา Review เล่นๆอีกนะครับ
_______________________________________________________________
ให้คะแนน ถ้าเทียบกันกับหูฟังของ iPhone โดยให้ หูฟัง M6 เต็ม 10 นะครับ
ตัวหูฟังของ iPhone นี้ได้คะแนน 9/10 ของหูฟังของ M6
!!!อ่านกันให้ดีๆนะครับผม ผมยกให้ M6 นั้นเสียงดีกว่าตัวหูฟังของ iPhone!!!
_______________________________________________________________
MD-71
(MD-71 และ 72 spec เหมือนกันครับ)
Driver diameter 9.2 mm
frequency response 10-28k Hz
Impedance 32 Ohm
Sensitivity 106 dB
Cable length 1.2 m
Connector 3.5 mm
หูฟังตัวนี้เป็นตัวที่สองที่ผมได้เสียบเข้าหูของผม จากภายนอกหน้าตาดูแล้วรับได้ในระดับหนึ่งซึ่งดูๆแล้วเหมือนที่อุดหูกันน้ำเข้าหูเวลาไปว่ายน้ำ ตัว Body ดูแข็งแรงดี แน่นไม่หลวมก่อกแก่ก สายของมันเป็นสีดำแต่หูเป็นสีขาว!! ... งงสิงง เป็นสายเส้นใหญ่หน่อยเป็นยางนิ่มๆหุ้มสายไฟข้างในไว้ เด้งๆอีกต่างหาก ซึ่งผมว่าสายของ MD-71 มันผลิตมาใหญ่เกินไป เวลาใช้งานแล้วจะเห็นมันยังงอๆ อยู่แน่ๆ อาจจะดูไม่สวยเท่าไหร่เวลาใช้งานดูรกๆ เหมือนเถาวัลล์มาพันบนตัวเรา Minijack เป็นสีทองอร่ามทรงคุณค่ายิ่งนัก
เสียงที่ได้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเทียบกับหน้าตาของมัน ที่สวยแต่รูปจูบไม่หอมเท่าไหร่เลย เสียงจะคล้ายๆ กับการที่เราไปเล่น Equalizer แล้วเราไปปรับไปปรับมาแล้วเสียงมันเพี๊ยนแล้วไม่สามารถหาความลงตัวได้ ผมลองฟังเสียงของพี่นภ พรชำนิ จากเพลง ฝน จากเพลงที่ไพเราะซึ้งกินใจมากๆ ทำให้ผมรู้สึกเฉยๆกับเพลงนี้ไปเลย รู้สึกเพลงไม่เพราะเท่าที่ผมเคยได้ยินมาจาก EX71SL โทนเสียงจะออกเป็นโทนกลางๆเกือบจะใส เบสไม่ลึก เสียงอู้ๆหน่อย รายละเอียดของเสียงปานกลาง ถึงขึ้นหงุดหงิดคิดไปว่านักร้องๆ เพลงไม่ชัด ๕๕๕ อู้ๆ เหมือนนักร้องใช้ mic ที่แถมมากับเครื่องเล่นคาราโอเกะธรรมดาๆที่ขายอันละร้อยกว่าบาท แต่ถ้าเอาไปฟังเพลงขำๆ ไม่ได้ซีเรียสเรื่องพวกนี้หรือเอาไปให้ลูกเด็กเล็กแดงแถวบ้านเป็นของฝากเวลากลับบ้านนอก ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะราคาถูกดีครับ อาจจะมี Review ที่สั้นๆ หน่อยเพราะว่าผมหาจุดเด่นของ MD-71 ยังไม่ได้เลยนอกเสียจากราคาถูกและรูปร่างหน้าตาที่ดู Ok (โอเค แปลว่า ตกลง ตกลงมา = ร่วงลงมา ๕๕๕) ตัวbody หูฟังและสายดูแข็งแรงไม่พังง่าย กะเอาใช้อึดใช้ทนไม่สน sound ก็ MD-71 อะครับเสียงก็พอฟังได้ครับสำหรับท่านที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้ คือถ้าใครไม่เล่นหูฟังก็จะฟังได้ปกติครับ
_______________________________________________________________
การให้คะแนน ถ้าเทียบกันกับ SONY Ex71SL โดยให้ EX71SL เต็ม 10 นะครับ
ตัวนี้ได้คะแนน 6/10 ของ EX71SL
_______________________________________________________________
MD-72
(MD-71 และ 72 spec เหมือนกันครับ)
Driver diameter 9.2 mm
frequency response 10-28k Hz
Impedance 32 Ohm
Sensitivity 106 dB
Cable length 1.2 m
Connector 3.5 mm
หลังจากที่ได้เปิดกล่องมาอย่างที่กล่าวข้างต้น เจ้า MD-72 ตัวนี้เป็นตัวแรกเลยที่ผมมั่นใจหยิบมันขึ้นมาและได้ลองเสียบหูเป็นตัวแรกในบรรดาหูฟังสามตัว เนื่องจากหน้าตามันหล่อและยาวน่าเสียบหูเป็นยิ่งนัก แต่เสียบได้ไม่ถึงนาทีผมก็วางมันลงอย่างมั่นใจเลย ๕๕๕ ก็อาจจะ Review สั้นหน่อยนะครับ เพราะว่าจุดเด่นก็ไม่มีอะไรมากมายเลยจริงๆ เพราะขุนไม่ขึ้น ๕๕๕
รูปร่างหน้าตาดูเหมือน Capsual (แคปซูล) ขาวดำไว้แก้โรคอะไรซักอย่าง Design มันออกแบบมาให้เข้าไปใกล้ขี้หูชั้นในเรามากที่สุด สายสัญญาณและ Jack เหมือนกันกับ MD-71 ทุกประการเสียงกีตาร์ในระดับปกติไม่ชัดมาก การแยกเสียงก็ทำได้ไม่เด่นอะไร เหมือนกะว่าให้แค่เสียงออกมาจากหูฟังก็พอ ๕๕๕ เสียงเบสจะออกชัดหน่อยครับ สงสัยเป็นเพราะแหย่หูเราได้ลึกมากกว่าตัว MD-71 เสียงก็เลยออกมาได้ลึกกว่า โทนเสียงจะออกเน้นเบสมากกว่า รายละเอียดเสียงอยู่ในระดับธรรมดาของหูฟังทั่วไปที่ไม่ได้การันตีว่าเสียงทองเสียงเทพ แต่ก็พอไปวัดไปวาได้ (ไปเผา) การแยกเสียง แยกไม่ค่อยออกเลยครับสำหรับเสียงที่ละเอียดมากๆ แยกได้บ้างก็เป็นเสียง Sound ที่เด่นจริงๆของเพลงนั้นๆ รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ไม่ได้ถูกแสดงออกมาให้เด่นชัด ฟังไปนานๆแล้วรู้สึกล้าหูได้ง่ายมาก ความรู้สึกหลังจากการใช้งานไปนานๆ แล้วระคายเคืองหูบ้างครับ เพราะว่าแหย่เข้าไปในหูเราลึกมากตั้งแต่ผมเคยใช้ Inear มาตัวนี้แหย่เข้าลึกสุดแล้วครับ แล้วน่ากลัวด้วยในขณะที่เราแหย่เข้าไปได้ลึกแล้ว ก็ยังเหลือโคนอีกบานเลยที่ยื่นออกมานอกหูเรา ซึ่งต้องระมัดระวังด้วยในขณะที่ฟังเพลงโดยใช้ MD-72 อยู่นี้อย่าไปทำหูทวนลมใส่แฟนหรือหม่อมแม่เข้าให้นะครับ ระวังจะโดนตบบ้องหู แล้ว MD-72 ทะลุพรวดเข้าไปในหูชั้นในได้ หมดสิทธิ์เลยสำหรับใส่ MD-72 แล้วนอนตะแคง หรือว่ายัดใส่หูแล้วใส่หมวกกัน Knock ชนิดเต็มใบ เพราะว่ามันยื่นยาวออกมาเหลือเฟือมากครับ ข้อดีก็คงเหมือนกันกับ MD-71 ก็คือดูแข็งแรงอึด และราคาถูกเสียงก็พอฟังได้ครับสำหรับท่านที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้ คือถ้าใครไม่เล่นหูฟังก็จะฟังได้ปกติครับ
เสียงแตกต่างกับ MD-71 พอสมควรเลยครับโดย MD-72 จะให้เบสมากกว่าชัดมาก
_______________________________________________________________
การให้คะแนน ถ้าเทียบกันกับ SONY Ex71SL โดยให้ EX71SL เต็ม 10 นะครับ
ตัวนี้ได้คะแนน 5/10 ของ EX71SL
_______________________________________________________________
กระผม DMGbboy ก็ขอขอบคุณท่าน I-PULSE (ท่านหนุ่ม) ในการไว้เนื้อเชื่อในเอื้อเฟื้อเจ้าหุฟังทั้งสามตัวนี้นำมา Review และจุดประสงค์ของผมไม่ได้ต้องการเอาอะไรเลย ผมคิดว่าหูฟังราคาถูกเช่นนี้ ถ้ามันมีคุณภาพจริงๆ ก็อยากจะให้พวก User อย่างพวกเราที่ต้องการฟังเสียงเพลงเพราะๆ หรือน้องๆนุ่งๆ ที่มีงบประมาณจำกัดในการบริโภคสินค้า ซึ่งผมได้ย้อนไปถึงตัวผมเองที่กำลังซื้อน้อยในวัยเด็ก เพราะของบางอย่างเราต้องเก็บตังค์ซื้อเอง จึงทำให้ผมรัก Walkman ผมหรือเครื่องที่ร้องเพลงให้ผมฟังมากๆ มาตั้งแต่เด็ก
และการ Review นี้ไม่ได้ยึดติดจะให้เป็นการ Review ที่ต้องสามารถฟันธงทำให้ใครต้องตัดสินใจเชื่ออย่าง 100% ว่าจะต้องซื้อไปใช้ หรือตัดสินใจที่จะไม่ซื้อ ท่านจงคิดไว้ว่า “อย่าเชื่อหูใคร จนกว่าหูเราจะได้ยินเอง” ครับ
Comment