
Announcement
Collapse
No announcement yet.
ประกันภัยรถยนต์ ประกันวินาศภัย
Collapse
X
-
ประกันภัยรถยนต์
Originally posted by qcmong View Post
Originally posted by lekpunya View Postน่าสนใจ รอประกันใกล้หมดก่อน
ดูหน้าแรก " คลิก " ที่นี่ ครับ
ไฟตัดหมอกหลัง เปิดทิ้งไว้รบกวนสายตารถคันหลังที่ขับตาม
เปิดใช้เมื่อฝนตกหนัก หรือ หมอกลงจัด(อย่าเปิดไฟฉุกเฉิน)
หากขับรถผ่านจุดนั้นไปแล้ว (ฝนตกหนัก,หมอกลงจัด) ให้ปิดทันทีครับ
วิธีไล่ฝ้ากระจกรถยนต์
ช่วงที่ฝนตกหรืออากาศเย็นลงหลายคนอาจประสบปัญหาเวลาขับรถยนต์แล้วกระจกหน้า
และกระจกหลังเกิดฝ้า ทำให้ทัศนะวิสัยในการขับขี่ไม่ดีเท่าที่ควร ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ฝ้าที่กระจกรถเกิดจากอุณหภูมิความชื้นภายในและภายนอกรถแตกต่างกัน ฝ้าที่กระจกรถด้านนอก
เกิดจากอุณหภูมิภายนอกสูงกว่าภายใน และฝ้าที่กระจกด้านในเกิดจากอุณหภูมิภายในรถสูงกว่าภายนอก
วิธีแก้ไขง่ายๆ คือ ปรับเพิ่ม-ลดความเย็นแอร์ให้เกิดความสมดุลกัน การปรับทิศทางช่องลมและความแรงลม
การใช้ที่ปัดน้ำฝน ใช้ผ้าเช็ด และการแง้มกระจกให้อุณหภูมิภายในและภายนอกรถเท่ากัน สักพักฝ้าที่เกาะบนกระจกก็หายไป
การไล่ฝ้ากระจกหน้า ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ผู้ขับขี่ก็ต้องกำจัดฝ้านั้นออกไป
เพื่อเพิ่มทัศนะวิสัยในการมอง ผู้ขับขี่หลายท่านได้ทำความเข้าใจกับคู่มือการใช้รถเกี่ยวกับฝ้า
ที่กระจกบังลมหน้า และในคู่มือการใช้รถยนต์ระบุไว้ว่าการไล่ฝ้าด้านในกระจกบังลมหน้าควรปฏิบัติดังนี้
1. ตั้งความแรงพัดลม ไปที่ความแรงตามความต้องการ ยกเว้น OFF (ปิด)
2. ตั้งอุณหภูมิ ไปที่อุณหภูมิตามความต้องการ ยกเว้น OFF (ปิด)
3. ตั้งช่องอากาศเข้า ไปที่รับอากาศภายนอก
การเปิดช่องรับอากาศด้านนอกเข้ามา เพื่อปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร ให้ใกล้เคียงกับอุณหภูมิด้านนอก
จะช่วยลดการเกิดฝ้าได้ แต่บางครั้งอาจมีสิ่งแปลกปลอมเล็ดลอดเข้ามาไปติดที่ตู้แอร์ ส่งผลให้ตู้แอร์อุดตัน
และเกิดการชำรุดในที่สุด ดังนั้น ทางผู้ขับขี่จะต้องระมัดระวังตรงจุดนี้ไว้ด้วย
แต่ถ้าผู้ขับขี่มั่นใจว่าไม่มีสิ่งใดที่จะมีผลตามมาก็สามารถกระทำได้ตามข้อความข้างต้น
การไล่ฝ้ากระจกหลัง ปุ่มไล่ฝ้า อุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มทัศนะวิสัยในการขับขี่ เพื่อความปลอดภัยมากขึ้น
เส้นไล่ฝ้าติดตั้งอยู่ที่กระจกหลัง (เฉพาะรุ่นที่มี) เป็นเส้นลวดที่ทำมาจากนิกเกิลหรือทองแดง
โดยฝังอยู่บนผิวหน้าของกระจก เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้าไปที่ขดลวด
จะก่อให้เกิดความร้อนที่กระจก หยดน้ำที่เกิดขึ้นบนกระจกระเหยไป ทำให้มองผ่านกระจกได้อย่างชัดเจน
ในรถยนต์แต่ละรุ่นจะแตกต่างกันไป รวมถึงสัญลักษณ์หรือตำแหน่งของสวิทช์
ซึ่งในรถยนต์บางรุ่นสามารถที่จะตัดการทำงานโดยอัตโนมัติ ในกรณีที่กระจกแห้งหรือขดลวดร้อนเกินไป
แต่ถ้าหากในรถยนต์ที่ไม่มีตัวตัดการทำงาน อันนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ
เพราะอาจทำให้กระจกแตกเสียหายได้ ดังนั้น เมื่อเห็นว่ากระจกแห้ง ก็ควรกดสวิทช์ตัดการทำงานทันที
ขอบคุณข้อมูลจาก auto.sanook ครับ
ปภ. แนะวิธีขับรถในขณะฝนตกอย่างปลอดภัย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
ฤดูฝนเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนมากกว่าปกติ
เนื่องจากถนนเปียกลื่นกว่าปกติ และทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดี
เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในช่วงฤดูฝน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกระทรวงมหาดไทย
ขอแนะวิธีขับรถอย่างปลอดภัยในช่วงฤดูฝน ดังนี้
การเตรียมสภาพรถ
ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบระบบสัญญาณไฟให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี
หากโคมแก้วเปื้อนให้เช็ดทำความสะอาดเพื่อให้ความสว่างเพิ่มขึ้น
รวมถึงตรวจสอบอุปกรณ์ใบปัดน้ำฝนให้สามารถปัดกวาดน้ำฝนได้สะอาด
ไม่มีรอยฝ้าหรือรอยขูดขีดบนกระจก และเตรียมผ้าแห้งไว้เช็ดฝ้าที่ติดอยู่กระจกภายในรถ
รวมถึงหมั่นเติมน้ำในกระปุกฉีดน้ำอยู่เสมอ
เลือกใช้ยางรถยนต์ที่มีดอกยางละเอียด เติมลมยางให้มีแรงดันลมมากกว่าปกติ 2-3 ปอนด์/ตารางนิ้ว
เพื่อให้ หน้ายางแข็ง ซึ่งจะช่วยให้ยางมีกำลังในการรีดน้ำดียิ่งขึ้น
ตลอดจนตรวจสอบผ้าเบรกให้สามารถใช้งานได้ดีในสภาพถนนเปียกลื่น
หากเบรกแล้วรถมีอาการปัด ให้จัดการเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่
การขับรถในช่วงฝนตก
เปิดใบปัดน้ำฝน โดยปรับระดับความเร็วของใบปัดน้ำฝน ให้สัมพันธ์กับความแรงและปริมาณฝนที่ตกลงมา
การใช้น้ำฉีดกระจก ในช่วงที่ฝนเริ่มตกน้ำที่กระเด็นจากการดีดจะมีลักษณะเหนียวคล้ายโคลน
ในกรณีนี้ แม้จะใช้เปิดก้านปัดน้ำฝนปัดก็ไม่สามารถปัดออกได้หมด จึงควรใช้น้ำฉีดกระจกช่วยชะล้างคราบโคลนเหล่านี้
แต่สิ่งที่ต้องระวังก็คือ ไม่ควรฉีดน้ำในขณะที่ขับรถด้วยความเร็วสูง เพราะจะทำให้ไม่สามารถมองเห็นเส้นทางได้ชัดเจน
เปิดไฟหน้า-หลังรถ เนื่องจากสภาพอากาศในช่วงที่ฝนตกหนักมักมืดครึ้มคล้ายช่วงหัวค่ำ
ทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน การเปิดไฟหน้า-หลังรถนอกจากจะช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นเส้นทางดีขึ้นแล้ว
ยังช่วยให้ผู้ขับขี่รถคันอื่นเห็นรถของเราได้ชัดเจนมากขึ้นด้วย
ลดความเร็ว จากการศึกษาพบว่าช่วงที่ฝนเริ่มตกใน 10 นาทีแรก เป็นช่วงที่รถมีโอกาสลื่นไถลมากที่สุด
เพราะน้ำฝนจะชะล้างคราบดินและฝุ่นละอองที่ติดอยู่บนพื้นถนนซึ่งมีลักษณะคล้ายการละเลงโคลน
ดังนั้น การลดความเร็วของรถ จึงเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ซึ่งระดับความเร็วที่ทำให้รถไม่เกิดการลื่นไถล
คือ 60 ก.ม./ช.ม.
ไม่ขับรถชิดคันหน้ามากเกินไป เพราะสภาพถนนที่เปียกลื่น
ทำให้ต้องใช้ระยะทางในการหยุดรถเพิ่มขึ้น ผู้ขับขี่ ควรเว้นระยะจากรถคันหน้ามากกว่าการขับขี่ในช่วงปกติ
10-15 เมตร เพื่อให้สามารถหยุดรถได้ทัน
หากขณะขับรถแล้วรถลื่นไถลหรือเหินน้ำ ห้ามเหยียบเบรกจนล้อหยุดหมุนในทันที
เพราะจะทำให้รถ พลิกคว่ำได้ ให้แก้ไขด้วยการถอนคันเร่ง ควบคุมพวงมาลัยให้มั่นคงแล้วพยายามลดความเร็ว
โดยใช้เกียร์ต่ำจนกว่ารถจะ ทรงตัวได้ แล้วจึงค่อยเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ
การขับรถผ่านเส้นทางที่มีน้ำท่วมขัง ผู้ขับขี่ควรหยุดประเมินสถานการณ์
และขับรถผ่านถนนในบริเวณที่มีน้ำท่วมขังน้อยที่สุด
และระมัดระวังในการขับผ่านถนนที่มีลักษณะนูนเป็นหลังเต่า เพราะหากขับรถเบี่ยงออกนอกเส้นทาง
อาจทำให้รถจมน้ำได้ ขับรถโดยใช้เกียร์ 1 เร่งเครื่องให้รอบสูงแล้วเหยียบคลัทช์ เพื่อให้ความเร็วต่ำ
แต่อย่าให้รอบต่ำ จะทำให้เครื่องดับกลางน้ำได้ ไม่ขับรถเร็วเกินไป เพราะจะทำให้มีน้ำกระเด็นเข้าเครื่องยนต์
อีกทั้งระวังน้ำที่อาจกระเด็นจากรถคันอื่นเข้าไปในห้องเครื่อง เพราะจะทำให้เครื่องยนต์ดับหรือรถลอย
ซึ่งจะทำให้ควบคุมรถได้ยากขึ้น หากมีน้ำท่วมสูง อย่าขับรถลุยน้ำโดยเด็ดขาด
เพราะรถอาจถูกพัดไปตามกระแสน้ำได้
ป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในช่วงฝนตก ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบสภาพยาง ใบปัดน้ำฝน
ระบบสัญญาณไฟให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดี และหมั่นเติมน้ำในกระปุกฉีดน้ำฝนอย่างสม่ำเสมอ
อีกทั้งเลือกใช้ยางที่มีดอกยางละเอียด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนและหยุดรถ
ตลอดจนเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่มากกว่าปกติ ไม่ขับรถด้วยความเร็วสูง
และเว้นระยะจากรถคันอื่นให้มากกว่าปกติ
ขอบคุณข้อมูลจาก kapook.com และ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
Comment
Comment