Announcement

Collapse
No announcement yet.

ประกันภัยรถยนต์ ประกันวินาศภัย

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • Comment


    • ประกันภัยรถยนต์

      Originally posted by qcmong View Post
      ขอบคุณครับ

      ใกล้สิ้นปีแล้วตรวจดูประกันรถก่อนเดินทาง สมาชิกสนใจติดต่อได้ครับ

      Comment


      • Comment


        • ประกันภัยรถยนต์

          Originally posted by qcmong View Post
          ขอบคุณครับ

          Comment


          • Comment


            • ประกันภัยรถยนต์

              Originally posted by qcmong View Post

              ขอบคุณครับ

              Comment


              • Comment


                • ประกันภัยรถยนต์

                  แบตเตอรี่รถยนต์ ทำหน้าที่ป้อนกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ต่าง ๆของเครื่องยนต์เพื่อให้ทำงานได้
                  เช่น มอเตอร์สตาร์ท ระบบจุดระเบิด ในขณะที่สตาร์ทรถยนต์ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ป้อนพลังงาน
                  ให้กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลายๆอย่าง ด้วย เช่น ระบบไฟส่องสว่าง วิทยุเครื่องเสียง เป็นต้น

                  นั่น หมายความว่าแบตเตอรี่รถยนต์จะหมดได้ก็มีอยู่เพียง 2 กรณี นั่นก็คือ

                  1. เก็บไฟไม่อยู่ หรือ หมดอายุการใช้งาน

                  2. ไดร์ชาร์จทำงานผิดปกติ หรือ บกพร่อง
                  ซึ่งทำให้ประจุไฟเข้าไปยังแบตเตอรี่ได้น้อยมาก
                  ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน หรือ ไม่สามารถประจุไฟเข้าไปได้เลย

                  แบตเตอรี่มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ

                  1. แบบเปียก นิยม ใช้กันเป็นส่วนใหญ่ แบ่งย่อยออกได้อีกเป็น 2 แบบ คือ แบบที่ต้องเติม และ
                  ดูแลน้ำกลั่นบ่อยๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง กับ แบบไม่ต้องดูแลบ่อย (Maintenance Free)
                  ซึ่งจะกินน้ำกลั่นน้อยมาก โดยทั้ง 2 แบบนี้จะมีฝาปิด-เปิดสำหรับเติมน้ำกลั่น
                  ในแบบแรกนี้จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 1.5-2 ปี แต่ไม่ควรเกิน 3 ปี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน
                  และ การดูแลรักษา ถ้ามีการดูแลรักษาอยู่สม่ำเสมอก็จะทำให้แบตเตอรี่รถยนต์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
                  อย่างไรก็ดีเมื่อถึงอายุการใช้งานของมันก็สมควรที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ได้แล้ว

                  2. แบบแห้ง ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น มีความทนทาน มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า และ มีราคาแพง
                  แบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้งนี้จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 5-10 ปี แบตเตอรี่แบบนี้ไม่มีฝาปิด-เปิด
                  สำหรับเติมน้ำกลั่น หรือไม่ก็ถูกซีลทับฝาไปเลย แต่จะมีตาแมวไว้สำหรับไว้คอยตรวจเช็คระดับน้ำกรด
                  และ ระดับไฟชาร์จ

                  สาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อม

                  1. การประจุไฟที่น้อยเกินควร Under Charging
                  อาการ และลักษณะที่เกิดขึ้น:
                  - เกิดคราบขาวที่แผ่นธาตุของแบตเตอรี่ส่งผลให้ประจุไฟได้ยาก
                  - ทำให้แผ่นธาตุจะเสื่อมสภาพ

                  2. การประจุไฟที่มากเกินควร Over Charging
                  อาการ และลักษณะที่เกิดขึ้น:
                  - น้ำกลั่นแปรสภาพเป็นแก๊สมากทำให้ระดับน้ำกลั่นลดลง
                  - อุณหภูมิสูงขึ้นมากทำให้แผ่นธาตุเสื่อม
                  - ทำให้ผงตะกั่วเกิดการสึกกร่อนจากแผ่นธาตุ
                  - แผ่นธาตุงอโค้ง
                  - ลดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่

                  3. การลัดวงจรในช่องแบตเตอรี่ Short Circuit
                  อาการ และลักษณะที่เกิดขึ้น:
                  - เกิดตะกอนที่อยู่ส่วนล่างของหม้อแบตเตอรี่มากเกินไป
                  - เกิดจากการแตกหักหรือการเสื่อมสภาพของแผ่นกั้นระหว่างแผ่นธาตุบวก และแผ่นธาตุลบ

                  4. ปัญหาระบบไฟในรถ
                  อาการ และลักษณะที่เกิดขึ้น:
                  - การติดเครื่องเสียง สัญญาณกันขโมย อุปกรณ์เสริมในรถเพิ่มเติม (ไฟไม่พอ)
                  - การเปลี่ยนแปลงขนาดของแบตเตอรี่
                  - การลัดวงจรของสวิทซ์ไฟต่างๆในรถ
                  - ประสิทธิภาพการทำงานของไดชาร์จไม่เต็มที่

                  5. การมีสารอันตรายปะปนในหม้อแบตเตอรี่ Impurity
                  อาการ และลักษณะที่เกิดขึ้น:
                  - น้ำกรดไม่ได้คุณภาพ
                  - น้ำกลั่นที่เติมลงไปไม่บริสุทธิ์
                  - เติมน้ำกลั่นสี (สารหล่อเย็น) ลงไป

                  6. การเกิดซัลเฟต (Sulfation)
                  แผ่นธาตุที่มีผลึกซัลเฟตสีขาวเกาะติดอยู่ที่บริเวณแผ่นธาตุ เกิดจาก?..
                  - ปล่อยทิ้งแบตเตอรี่ไว้นานๆ โดยไม่นำไปใช้
                  - การประจุไฟที่น้อยเกินไป (Under Charging)
                  - แผ่นธาตุโผล่พ้นระดับน้ำกรด

                  ข้อสังเกตเมื่อแบตเตอรี่เสื่อม

                  1. เครื่องยนต์เริ่มสตาร์ทติดยาก
                  2. ไฟหน้าไม่ค่อยสว่าง
                  3. ระบบกระจกไฟฟ้าทำงานช้าลง
                  4. ระบบไฟฟ้าในรถทำงานผิดปกติ

                  การเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์

                  ในการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ลูกใหม่นั้น ถ้าหากว่าไม่ได้มีการติดตั้งอุปกรณ์อะไร
                  เพิ่มเติมขึ้นมา เช่น ติดตั้งพวกระบบเครื่องเสียงต่างๆ หรือ ติดตั้งพวกอุปกรณ์เพื่อ
                  อำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่มีขนาดของแอมป์สูงขึ้น
                  เพราะจะเป็นการทำให้สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ เพราะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ได้มีการคำนวณ
                  และ เลือกขนาดของแบตเตอรี่ให้เหมาะสมกับการใช้งานของรถรุ่นนั้นๆ อยู่แล้ว

                  แต่ถ้ามีการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวเพิ่มเติมขึ้นมาก็สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่มีขนาดของแอมป์สูงขึ้นได้
                  สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกก็คือ แบตเตอรี่ที่มีขนาดของแอมป์สูงขึ้นมักจะมีขนาดของตัวแบตเตอรี่
                  ใหญ่ขึ้นด้วย ดังนั้นฐานของแบตเตอรี่เดิมติดรถสามารถรองรับได้หรือไม่

                  ไม่ควรที่จะ เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ โดยไปลดขนาดของแอมป์ลงโดยเด็ดขาด
                  แต่สามารถเลือกแบตเตอรี่ที่มีขนาดของแอมป์สูงขึ้นได้โดยประมาณ 10-30 แอมป์


                  การดูแลแบตเตอรี่ ให้ถูกวิธีจะช่วยให้เราใช้งานแบตเตอรี่ได้คุ้มค่าที่สุด

                  1. ตรวจสอบสภาพของแบตเตอรี่เสมอ อย่าให้มีรอยแตกร้าว
                  เพราะจะทำให้แบตเตอรี่ไม่เก็บประจุไฟฟ้า

                  2. ดูแลขั้วแบตเตอรี่ให้สะอาดเสมอ ถ้ามีคราบเกลือเกิดขึ้น ให้ทำความสะอาด

                  3. ตรวจสภาพของระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ทุกๆ 1 สัปดาห์

                  4. ตรวจเช็กระบบไฟชาร์จของอัลเตอร์เนเตอร์ ว่าระบบไฟชาร์จต่ำหรือสูงไป
                  ถ้าต่ำไปจะมีผลทำให้กำลังไฟไม่พอใช้ในขณะสตาร์ตเครื่องยนต์
                  หรือถ้าสูงไปจะทำให้น้ำกรดและน้ำกลั่นอยู่ภายในระเหยเร็วหรือเดือดเร็วได้ ในช่วงเวลาเดียวกัน

                  5. ช่วงที่มีอากาศหนาวหรืออุณหภูมิต่ำ ประสิทธิภาพการแพร่กระจายของน้ำกรด
                  และน้ำกลั่นจะด้อยลง เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้กระแสไฟมากๆ ขณะอากาศเย็น

                  6. ควรศึกษาถึงการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับแบตเตอรี่และไดชาร์จ
                  เพื่อที่จะให้วงจรการไหลของไฟฟ้าเป็นไปด้วยดี

                  7. ควรเติมน้ำกลั่นให้ได้ตามระดับที่กำหนด ไม่ควรเติมต่ำหรือสูงเกินไป
                  (เติมสูงไป เป็นสาเหตุหลักทำให้ขี้เกลือขึ้นเร็ว แบตสกปรกเร็ว)

                  สุดท้าย กรณีรถเสียกลางทางจริงๆ คงหนีไม่พ้นการพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ เรามาดูวิธีการพ่วงแบตเตอรี่กันครับ

                  การพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์

                  ขั้นตอนที่ 1 ? ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับรถของคุณ
                  ก่อนอื่น เราต้องหารถอีกคันเพื่อทำการนี้ แต่ก็ไม่แน่เสมอไปว่า
                  จะมีใครที่ยอมให้เราพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ของเขา หรือไม่ และจะมีสายพ่วงแบตเตอรี่ที่เหมาะสมด้วย
                  ดังนั้นจึงจำเป็นที่ต้องมีสายพ่วงแบตเตอรี่ที่มีความยาวอย่างน้อย 10 ฟุต เตรียมพร้อมในรถคุณ เพื่อที่จะง่ายสำหรับพ่วงกับรถทุกประเภท

                  ขั้นตอนที่ 2 ? แน่ใจว่าแบตเตอรี่ของคุณ พ่วงสายได้
                  หากแบตเตอรี่รถยนต์ของคุณได้รับความเสียหายก่อนที่จะทำการพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์
                  ไม่ต้องเสียเวลาทำเลย มีหลายวิธีในการตรวจดูว่า เสียหรือไม่
                  ถ้าแบตเตอรี่ของคุณมีฝาอยู่ ให้ลองดูว่าน้ำกลั่นแข็ง หรือไม่ หากแข็งก็ไม่ต้องดูอย่างอื่นแล้ว
                  และคุณควรกระโดดถอย***งไม่ต้องพ่วงแบตเตอรี่แล้ว และหากคุณพบรอยแตกที่แบตเตอรี่
                  เป็นเรื่องร้ายที่สุด และคุณก็ควรถอย***งเช่นกัน

                  ขั้นตอนที่ 3 ? ขั้นตอนก่อนการพ่วงสายแบตเตอรี่
                  หลังจากตรวจดูว่า เราจะทำการพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ได้ หรือไม่
                  ต้องตรวจเช่นกันว่าแบตเตอรี่ของรถคันอื่นมีกระแสไฟตรงกับรถคุณหรือไม่ด้วย
                  มันอาจจะตรงกันแต่ตรวจสอบก่อนดีกว่า และควรดับเครื่องรถทั้งสองคันก่อนการพ่วงสายแบตเตอรี่

                  ขั้นตอน 4 ? พ่วงสายแบตเตอรี่
                  ที่แบตเตอรี่แต่ละตัว จะมีขั้วโลหะสองขั้ว อันหนึ่งเป็นขั้วบวก (+) และอีกอันเป็นขั้วลบ (-)
                  หนีบสายพ่วงที่เป็นขั้วบวกที่รถทั้งสองคันให้ตรงกัน จากนั้นหนีบสายพ่วงขั้วลบเข้ากับรถที่มีแบตเตอรี่เต็ม
                  ส่วนอีกด้านต่อกับตัวถังรถของคันที่แบตเตอรี่หมด อย่าให้สายขั้วลบไปแตะกับแบตเตอรีที่หมดหรือ
                  ตำแหน่งอื่นๆที่อยู่ใกล้กับ แบตเตอรี่

                  ขั้นตอนที่ 5 ? สตาร์ทเครื่องยนต์!
                  ติดเครื่องรถคันที่มีแบตเตอรี่เต็มและทิ้งเอาไว้สักพัก หลังจากนั้นให้ลองสตาร์ทเครื่องรถอีกคัน
                  ถ้าไม่ได้ ให้ทิ้งเอาไว้อีกสักพักแล้วลองใหม่

                  ขั้นตอนที่ 6 ? เดินทางสู่จุดหมาย!
                  ถอดสายพ่วงออกจากรถที่มีแบตเตอรี่ก่อน แล้วจึงถอดจากคันที่มาขอพ่วง แล้วออกรถไปได้เลย


                  ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.toyotanon.com และ oknation.net

                  Comment


                  • Comment


                    • ประกันภัยรถยนต์

                      Originally posted by qcmong View Post

                      ขอบคุณครับ


                      Comment


                      • ประกันภัยรถยนต์

                        Comment


                        • ประกันภัยภัยรถยนต์

                          Comment


                          • Comment


                            • ประกันภัยรถยนต์

                              Originally posted by qcmong View Post
                              ขอบคุณครับ


                              Comment


                              • ประกันภัยรถยนต์

                                Comment

                                Working...
                                X