ออกตัวก่อนว่าผมอยู่ oververclockzone มาตั้งแต่ปี 2007 ตามชื่อครับ
ทั้งซื้อมาหลายสิบหรือหลักร้อยชิ้น ทั้งขายมาก็หลายสิบ โพสไปก็มีพี่น้องในกระทู้มาซื้อกันจนหมด
ซื้อผมทั้งหมดโอนมาก่อน ผมส่งของ ผมซื้อผมโอนไปก่อน ไม่เกินสัปดาห์ของถึงมือ
ซื้อขายสบายใจอยู่ในนี้มา ร่วม 11 ปี
เหตุการณ์ครับ (เหตการณ์ตามที่จะเล่าให้ฟัง ดูจากบันทึกการคุยใน line บันทึกการโอนพร้อมเพย์ไว้ใน line เป็นหลักนะครับ )
เนื่องจากผมและบุคคลนี้เคยกระทำการซื้อขายกันมาแล้ว 2 ครั้ง
และเป็นพ่อค้าเหมาคอมรายหนึ่งที่มีตัวตนและมีประวัติการซื้อขาย (ซิ่งผมได้ตามไปดูในหน้าเฟซ มีชื่อนามสกุลจริงหนึ่งเฟซ
มีชื่อร้านเป็นชื่อเฟซอีกหนึ่งเฟซ และมีประวัติการซื้อขาย ส่วนใหญ่เป็นจะโพสเกี่ยวกับการเหมาซื้อร้านเน็ต) ผมจึงไว้ใจ โอนเงินไปก่อน
---โอนมัดจำครึ่งหนึ่งของราคายอดเต็ม เป็น การ์ดจอ 17 ตัว รุ่น xxxx ---
ครั้งแรกตั้งแต่
30 มีนาคม 2561 นัดรับสินค้าครั้งแรก 2 เมษายน 2561
ต่อมาขอความเห็นใจส่วนตัว ว่าต้องใช้เงินเพิ่ม เลยโอนเงินมัดจำไปเพิ่มอีกกึ่งหนึ่ง
และนัดผลัดเวลาส่งของออกไปโดยบุคคลนี้แจ้งว่าไม่สะดวกและติดงานต่างๆนานา
(ณ เวลานั้น ไว้ใจอยู่ครับ)
วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2561 บุคคลนี้แจ้งว่า เทสสินค้า ทั้งหมด 17 ตัวแล้ว พร้อมส่งวันจันทร์ถัดไป หรือ วันที่ 9 เมษายน (ไว้ใจครับ ผมยังสบายใจรอรับของ)
วันอาทิตย์ที่ 8 บุคคลนี้ส่งรูปอุบัติเหตุรถยนต์มาหลายรูป ขอความเห็นใจว่า ได้เกิดอุบัติเหตุจากรถยนต์ส่วนตัว เจ้าตัวต้องเคลียค่าเสียหายกับคู่กรณี
อยากจะขอให้ช่วยจ่ายค่ามัดจำเพิ่ม เพราะไม่มีเงินสำรองเพียงพอต่อความเสียหาย เป็นความจริงหรือไม่ ไม่ทราบแน่ชัด (ยังไว้ใจและโอนเงินไป)
วันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2561 ถึงวันนัดกำหนดส่งของครั้งที่ 2 ได้อ้างความจำเป็นต่างต่างนานา (ติดธุระนัดส่งของ นัดทำเซิฟเวอร์ ลูกน้องที่ร้านอินเตอร์เน็ตตัวเอง )
และเริ่มมีปัญหาเรื่องเงิน จึงขอมัดเพิ่มเพิ่มเต็มจำนวนสินค้า ซืึ่งผมแจ้งว่า ไม่ได้แล้ว ขอให้มาส่งก่อนได้ไหม เจ้าตัวยืนยันว่าขอให้ช่วยหน่อย
ด้วยความที่ผมถลำไปแล้ว เพราะอยากได้สินค้าเร็วๆ เลยยินยอมโอนไปเพิ่มตามคำขอ (เริ่มคิดมากและหวั่นใจ)
วันอังคารที่ 10 ขอให้ช่วยเป็นการส่วนตัว และแจ้งลดราคาสินค้าลง จากยอดเดิม ตัดถ้วนๆ บุคคลนี้แจ้งว่า ให้ถือซะว่าเป็นค่าช่วยกัน
(ถ้าเช็คการประวัติการโอนจะเห็นว่า โอนไปเกินจากยอดสรุปราคาตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2561 ) และนัดรับสินค้า ก่อนเทศกาลสงกรานต์
หรือภายใน วันที่ 12 เมษายน
วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน 2561 ขอเลื่อนไปเป็นวันศุกร์ที่13 เมษายน 2561
วันที่ศุกร์ที่ 13 เมษายน นัดรับสินค้า 20.00 บุคคลนี้อ้างว่าจะออกตัวมาจากที่ทำการตอน 18.00 น. ถึงประมาณ 20.00 น.
18.00 น. โทรไปสอบถาม อ้างว่า ติดงานเเลี้ยงอยู่บนเขาอยู่เลย ขอเลื่อนไป เป็นวันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน 2561
ผมแจ้งว่า ผมต้องการสินค้าจริงๆ เพราะต้องนำมาใช้ให้ทันเปิดร้าน เนื่องจากผมจะขยายสาขาใหม่ ซึ่งกำหนดการเปิดร้านใหม่คือวันที่ 20 เมษายน 2561
(บุคคลนี้รับรู้ว่าผมต้องการซื้อของเขามาเพื่อเปิดร้านใหม่)
วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน นัดรับสินค้า 16.00 น. โทรไปตอนเที่ยง บุคคลนี้แจ้งว่าจะเดินทางตอน 13.00 น. ถึงไม่เกิน 16.00 น.
16.00 น. ผมว่าจะออกไปรับสินค้า ปรากฎว่า บุคคลนี้แจ้งว่า ไม่มีลูกน้องเฝ้าร้าน ลูกน้องเมากลับบ้าน ติดเทศกาลสงกรานต์
เลี้ยวรถกลับร้านตัวเอง ซึ่งเขาไม่ได้มีการโทรหาผมก่อนที่จะกลับไป เมื่อผมโทรหา เขาขอความเห็นใจ และนัดไปวันที่ 16 เมษายน 2561
วันจันทร์ที่ 16 เมษายน 2561 ทางครอบครัวเริ่มรู้เหตุการณ์ มีการต่อว่าผม และเริ่มมีปัญหากันเองภายในครอบครับ เกิดความเครียดกันหลายฝ่าย เพราะเป็นธุรกิจครอบครัว
นัดรับสินค้า ไม่เกิน 18.00 น. 18.00 น. เริ่มมีพฤติกรรม ไม่ค่อยรับสาย ส่งline ว่า ติดสายเดี๋ยวโทรกลับ
19.00 น. ณ ตอนนี้ รู้ตัวว่า เจ้าตัวมีพฤติกรรมบ่ายเบี่ยง และเริ่มพูดไม่ตรง กับสื่งที่เขาพูดว่าจะกระทำ แล้วไม่ได้ทำจริง หลายครั้ง
พยายามโทรหา รับและจะพูดว่า ติดสายบ้าง และขอเลื่อนเวลาอีกนิดคุยธุระ ผมยืนยันว่าจะรอสินค้า เขารับปากว่าจะมา และเลื่อนไป
ณ ตอนนี้ ผมกับทางครอบครับ พยายามโทรหา จนราว 21.00 โทรหารับสาย เขาแจ้งว่าไม่ได้มา ทางเราเริ่มขับรถไปตามบุคคลนี้ในท้องที่ที่เขาอยู่(ต่างจังหวัด)
เราแจ้งว่า เราจะไปรับสินค้าเอง ให้แจ้งที่อยู่ หรือ แชร์โลเคชันในlineมาให้ เขาไม่ยินยอม เรา เริ่มสอบถามว่า มีสินค้าจริงๆหรือไม่
---เราเริ่มมีการบันทึกเสียง--- เขายืนยันว่า มีสินค้าในมือแน่นอน แต่มีความจำเป็นหลายเรื่อง ที่มาไม่ได้ ให้เชื่อเขาสักครั้ง
และยืนยันจะมาเองในวันรุ่งขึ้น หรือวันที่ 17 เมษายน 2561 เขานัดว่าจะออกจากบ้าน ตอน 9.00 น. ถึงบ่ายโมง ทางเรา ให้เวลาถึง บ่ายสอง
เขาบอกว่าพรุงนี้จะเรียบร้อยนำส่งสินค้ามาให้ทันเราเปิดร้านแน่นอน ถ้าไม่ทัน ยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้
วันที่ 17 เมษายน 2561 9.30 น. ทางเราโทรไปสอบถามว่าออกมาแล้วหรือยัง เขาบอว่าออกแล้ว ถึงไม่เกิน 13.00 น.
13.00 น. โทรไป เขาบอกว่า ขอเป็น 14.00น. แวะคุยธุระกับเพื่อนแถวๆ จังหวัดชัยนาท เรายังรอ จน ถึงเวลานัด เราก็โทรไปถาม
เขายังอ้างว่าคุยธุระกัยเพื่อนอยู่ --เขาเริ่มมีการ แช์โลเคชันในlineให้ดูอยู่ชัยนาท-- ขอเลทอีกนิด เราเริ่มเครียดกัน แต่ยังให้เวลา
----16.00 น. เรื่มมีความเครียดมาก และสอบถามไปที่เขา เขาสารภาพว่า เขาไม่มีของ จนเรารู้แล้วว่าเขาโกหกมาโดยตลอดว่าเขาไม่มีของอยู่----
เขาอยู่***งจากพวกเรา ไม่เกิน 1 ชั่วโมง ตั้งแต่ตอน 13.00 น. เลยบอกให้เขามาก่อน มาลงบันทึกประจำวัน เขาบอกว่าเขาจะมา
17.00 น. เศษ เขาแชร์โลเคชัน ปรากฎว่า เขาอยู่อุทัยธานี และกลับจังหวัดที่เขาอยู่ ต่อไป
เราเลยมุ่งหน้าไปในท้องที่ที่เขาอยู่พยายามหาข้อมูลจนรู้ว่าเขาอยู่***งจากเราประมาณแค่ 2 ชมเศษ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาพยายามบอกว่าเขาอยู่จังหวัดไกลออกไป
เรามุ่งหน้าไปที่ สถานีตำรวจ แชร์โลเคชันให้เขาดู ว่าเรามานะ ให้เขาเข้ามาคุยในพื้นที่ที่ปลอดภัย เขาบ่ายเบี่ยงไม่ยอมมาและบอกว่าเขาอยู่***งออกไป 2 ชม
โดนการแชร์โลเคชันให้พวกเราดู
จนผู้กองเรียกตัว ขอความร่วมมือให้มาพบ ประมาณครึ่งชั่วโมง เขาเดินทางมาถึงสถานีตำรวจ (เหตุการณ์นี้ทำให้รู้ว่าก่อนหน้าเขาแชร์โลเคชันไม่ตรงจุด หรือ-อาจ-ไม่ได้เดินทาง)
ณ ตอนนั้น เราเห็นใจว่าเขามีภาระ และเคยเป็นอดีตข้าราชการ ยังอยากเข้ารับราชการต่อ หากแจ้งความดำเนินคดี เขาจะไม่สามารถเข้ารับราชการได้อีก
เราเลยให้ร่วมกันลงบันทึกประจำวันไว้ โดนย่อว่า
เราและคู่กรณีตกลงกัน (คู่กรณีโอนคืนมาคิดเป็น12 เปอร์เซ็น ณเวลานั้น) โดนคู่กรณีตกลงจะชำระเงินคืนส่วนที่เหลือให้ทั้งหมด
ภายในวันที่ 19 เมษายน 2561 และหากไม่สามารภชำระเงินได้
ทางฝ่ายผู้แจ้งจะดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี กับคู่กรณีตามกฎหมายต่อไป
และทางผู้แจ้งต้องทำการเปิดร้านใหม่ ใน วันที่ 20 เมษายน 2561 หากคู่กรณีไม่ชำระเงินคืนผู้แจ้งได้ทันวันที่ 19 จะไม่สามารถเปิดร้านได้ ทางฝ่ายคู่กรณียินยอมจะชดใช้ค่า
เสียหายให้ทางฝ่ายผู้แจ้ง
ลงชื่อ...........
ผมยืนยันว่าทั้งหมดที่ผมเล่ามาเป็นความจริงทั้งหมด และได้เล่าความนี้ไว้กับร้อยเวร ซึ่งร้อยเวรหรือผู้กองได้สอบถามกับทางฝ่ายคู่กรณีด้วย
โดนคู่กรณียอมรับตามเรื่องราวที่ผมได้เล่าไปนี้
และวันนี้ วันที่ 19 เมษายน 2561 ยังไม่ได้รับเงินไดๆจากคู่กรณี ซ้ำทางเรายังต้องเป็นฝ่ายโทรถามความคืบหน้าโดยตลอด
ยอดเสียหาย จำนวนเงิน หกหลัก
เราไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้คู่กรณีกระตือรือร้นที่จะคืนเงิน ซึ่งทางเราเป็นฝ่ายที่เห็นใจและใจอ่อน
เบื้องต้นเราขอเก็บรายละเอียดเหตุการณ์และหลักฐานการคุยใน line,เสียงที่บันทึก และใบลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน
หากคู่กรณียังนิ่งเฉยเราจะลงละเอียดเกี่ยวกับคู่กรณีเพิ่มเติม
เราจึงอยากขอความคิดเห็นจากเพื่อนๆสมาชิกว่าเราควรทำอย่างไรต่อไป
ทั้งซื้อมาหลายสิบหรือหลักร้อยชิ้น ทั้งขายมาก็หลายสิบ โพสไปก็มีพี่น้องในกระทู้มาซื้อกันจนหมด
ซื้อผมทั้งหมดโอนมาก่อน ผมส่งของ ผมซื้อผมโอนไปก่อน ไม่เกินสัปดาห์ของถึงมือ
ซื้อขายสบายใจอยู่ในนี้มา ร่วม 11 ปี
เหตุการณ์ครับ (เหตการณ์ตามที่จะเล่าให้ฟัง ดูจากบันทึกการคุยใน line บันทึกการโอนพร้อมเพย์ไว้ใน line เป็นหลักนะครับ )
เนื่องจากผมและบุคคลนี้เคยกระทำการซื้อขายกันมาแล้ว 2 ครั้ง
และเป็นพ่อค้าเหมาคอมรายหนึ่งที่มีตัวตนและมีประวัติการซื้อขาย (ซิ่งผมได้ตามไปดูในหน้าเฟซ มีชื่อนามสกุลจริงหนึ่งเฟซ
มีชื่อร้านเป็นชื่อเฟซอีกหนึ่งเฟซ และมีประวัติการซื้อขาย ส่วนใหญ่เป็นจะโพสเกี่ยวกับการเหมาซื้อร้านเน็ต) ผมจึงไว้ใจ โอนเงินไปก่อน
---โอนมัดจำครึ่งหนึ่งของราคายอดเต็ม เป็น การ์ดจอ 17 ตัว รุ่น xxxx ---
ครั้งแรกตั้งแต่
30 มีนาคม 2561 นัดรับสินค้าครั้งแรก 2 เมษายน 2561
ต่อมาขอความเห็นใจส่วนตัว ว่าต้องใช้เงินเพิ่ม เลยโอนเงินมัดจำไปเพิ่มอีกกึ่งหนึ่ง
และนัดผลัดเวลาส่งของออกไปโดยบุคคลนี้แจ้งว่าไม่สะดวกและติดงานต่างๆนานา
(ณ เวลานั้น ไว้ใจอยู่ครับ)
วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2561 บุคคลนี้แจ้งว่า เทสสินค้า ทั้งหมด 17 ตัวแล้ว พร้อมส่งวันจันทร์ถัดไป หรือ วันที่ 9 เมษายน (ไว้ใจครับ ผมยังสบายใจรอรับของ)
วันอาทิตย์ที่ 8 บุคคลนี้ส่งรูปอุบัติเหตุรถยนต์มาหลายรูป ขอความเห็นใจว่า ได้เกิดอุบัติเหตุจากรถยนต์ส่วนตัว เจ้าตัวต้องเคลียค่าเสียหายกับคู่กรณี
อยากจะขอให้ช่วยจ่ายค่ามัดจำเพิ่ม เพราะไม่มีเงินสำรองเพียงพอต่อความเสียหาย เป็นความจริงหรือไม่ ไม่ทราบแน่ชัด (ยังไว้ใจและโอนเงินไป)
วันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2561 ถึงวันนัดกำหนดส่งของครั้งที่ 2 ได้อ้างความจำเป็นต่างต่างนานา (ติดธุระนัดส่งของ นัดทำเซิฟเวอร์ ลูกน้องที่ร้านอินเตอร์เน็ตตัวเอง )
และเริ่มมีปัญหาเรื่องเงิน จึงขอมัดเพิ่มเพิ่มเต็มจำนวนสินค้า ซืึ่งผมแจ้งว่า ไม่ได้แล้ว ขอให้มาส่งก่อนได้ไหม เจ้าตัวยืนยันว่าขอให้ช่วยหน่อย
ด้วยความที่ผมถลำไปแล้ว เพราะอยากได้สินค้าเร็วๆ เลยยินยอมโอนไปเพิ่มตามคำขอ (เริ่มคิดมากและหวั่นใจ)
วันอังคารที่ 10 ขอให้ช่วยเป็นการส่วนตัว และแจ้งลดราคาสินค้าลง จากยอดเดิม ตัดถ้วนๆ บุคคลนี้แจ้งว่า ให้ถือซะว่าเป็นค่าช่วยกัน
(ถ้าเช็คการประวัติการโอนจะเห็นว่า โอนไปเกินจากยอดสรุปราคาตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2561 ) และนัดรับสินค้า ก่อนเทศกาลสงกรานต์
หรือภายใน วันที่ 12 เมษายน
วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน 2561 ขอเลื่อนไปเป็นวันศุกร์ที่13 เมษายน 2561
วันที่ศุกร์ที่ 13 เมษายน นัดรับสินค้า 20.00 บุคคลนี้อ้างว่าจะออกตัวมาจากที่ทำการตอน 18.00 น. ถึงประมาณ 20.00 น.
18.00 น. โทรไปสอบถาม อ้างว่า ติดงานเเลี้ยงอยู่บนเขาอยู่เลย ขอเลื่อนไป เป็นวันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน 2561
ผมแจ้งว่า ผมต้องการสินค้าจริงๆ เพราะต้องนำมาใช้ให้ทันเปิดร้าน เนื่องจากผมจะขยายสาขาใหม่ ซึ่งกำหนดการเปิดร้านใหม่คือวันที่ 20 เมษายน 2561
(บุคคลนี้รับรู้ว่าผมต้องการซื้อของเขามาเพื่อเปิดร้านใหม่)
วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน นัดรับสินค้า 16.00 น. โทรไปตอนเที่ยง บุคคลนี้แจ้งว่าจะเดินทางตอน 13.00 น. ถึงไม่เกิน 16.00 น.
16.00 น. ผมว่าจะออกไปรับสินค้า ปรากฎว่า บุคคลนี้แจ้งว่า ไม่มีลูกน้องเฝ้าร้าน ลูกน้องเมากลับบ้าน ติดเทศกาลสงกรานต์
เลี้ยวรถกลับร้านตัวเอง ซึ่งเขาไม่ได้มีการโทรหาผมก่อนที่จะกลับไป เมื่อผมโทรหา เขาขอความเห็นใจ และนัดไปวันที่ 16 เมษายน 2561
วันจันทร์ที่ 16 เมษายน 2561 ทางครอบครัวเริ่มรู้เหตุการณ์ มีการต่อว่าผม และเริ่มมีปัญหากันเองภายในครอบครับ เกิดความเครียดกันหลายฝ่าย เพราะเป็นธุรกิจครอบครัว
นัดรับสินค้า ไม่เกิน 18.00 น. 18.00 น. เริ่มมีพฤติกรรม ไม่ค่อยรับสาย ส่งline ว่า ติดสายเดี๋ยวโทรกลับ
19.00 น. ณ ตอนนี้ รู้ตัวว่า เจ้าตัวมีพฤติกรรมบ่ายเบี่ยง และเริ่มพูดไม่ตรง กับสื่งที่เขาพูดว่าจะกระทำ แล้วไม่ได้ทำจริง หลายครั้ง
พยายามโทรหา รับและจะพูดว่า ติดสายบ้าง และขอเลื่อนเวลาอีกนิดคุยธุระ ผมยืนยันว่าจะรอสินค้า เขารับปากว่าจะมา และเลื่อนไป
ณ ตอนนี้ ผมกับทางครอบครับ พยายามโทรหา จนราว 21.00 โทรหารับสาย เขาแจ้งว่าไม่ได้มา ทางเราเริ่มขับรถไปตามบุคคลนี้ในท้องที่ที่เขาอยู่(ต่างจังหวัด)
เราแจ้งว่า เราจะไปรับสินค้าเอง ให้แจ้งที่อยู่ หรือ แชร์โลเคชันในlineมาให้ เขาไม่ยินยอม เรา เริ่มสอบถามว่า มีสินค้าจริงๆหรือไม่
---เราเริ่มมีการบันทึกเสียง--- เขายืนยันว่า มีสินค้าในมือแน่นอน แต่มีความจำเป็นหลายเรื่อง ที่มาไม่ได้ ให้เชื่อเขาสักครั้ง
และยืนยันจะมาเองในวันรุ่งขึ้น หรือวันที่ 17 เมษายน 2561 เขานัดว่าจะออกจากบ้าน ตอน 9.00 น. ถึงบ่ายโมง ทางเรา ให้เวลาถึง บ่ายสอง
เขาบอกว่าพรุงนี้จะเรียบร้อยนำส่งสินค้ามาให้ทันเราเปิดร้านแน่นอน ถ้าไม่ทัน ยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้
วันที่ 17 เมษายน 2561 9.30 น. ทางเราโทรไปสอบถามว่าออกมาแล้วหรือยัง เขาบอว่าออกแล้ว ถึงไม่เกิน 13.00 น.
13.00 น. โทรไป เขาบอกว่า ขอเป็น 14.00น. แวะคุยธุระกับเพื่อนแถวๆ จังหวัดชัยนาท เรายังรอ จน ถึงเวลานัด เราก็โทรไปถาม
เขายังอ้างว่าคุยธุระกัยเพื่อนอยู่ --เขาเริ่มมีการ แช์โลเคชันในlineให้ดูอยู่ชัยนาท-- ขอเลทอีกนิด เราเริ่มเครียดกัน แต่ยังให้เวลา
----16.00 น. เรื่มมีความเครียดมาก และสอบถามไปที่เขา เขาสารภาพว่า เขาไม่มีของ จนเรารู้แล้วว่าเขาโกหกมาโดยตลอดว่าเขาไม่มีของอยู่----
เขาอยู่***งจากพวกเรา ไม่เกิน 1 ชั่วโมง ตั้งแต่ตอน 13.00 น. เลยบอกให้เขามาก่อน มาลงบันทึกประจำวัน เขาบอกว่าเขาจะมา
17.00 น. เศษ เขาแชร์โลเคชัน ปรากฎว่า เขาอยู่อุทัยธานี และกลับจังหวัดที่เขาอยู่ ต่อไป
เราเลยมุ่งหน้าไปในท้องที่ที่เขาอยู่พยายามหาข้อมูลจนรู้ว่าเขาอยู่***งจากเราประมาณแค่ 2 ชมเศษ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาพยายามบอกว่าเขาอยู่จังหวัดไกลออกไป
เรามุ่งหน้าไปที่ สถานีตำรวจ แชร์โลเคชันให้เขาดู ว่าเรามานะ ให้เขาเข้ามาคุยในพื้นที่ที่ปลอดภัย เขาบ่ายเบี่ยงไม่ยอมมาและบอกว่าเขาอยู่***งออกไป 2 ชม
โดนการแชร์โลเคชันให้พวกเราดู
จนผู้กองเรียกตัว ขอความร่วมมือให้มาพบ ประมาณครึ่งชั่วโมง เขาเดินทางมาถึงสถานีตำรวจ (เหตุการณ์นี้ทำให้รู้ว่าก่อนหน้าเขาแชร์โลเคชันไม่ตรงจุด หรือ-อาจ-ไม่ได้เดินทาง)
ณ ตอนนั้น เราเห็นใจว่าเขามีภาระ และเคยเป็นอดีตข้าราชการ ยังอยากเข้ารับราชการต่อ หากแจ้งความดำเนินคดี เขาจะไม่สามารถเข้ารับราชการได้อีก
เราเลยให้ร่วมกันลงบันทึกประจำวันไว้ โดนย่อว่า
เราและคู่กรณีตกลงกัน (คู่กรณีโอนคืนมาคิดเป็น12 เปอร์เซ็น ณเวลานั้น) โดนคู่กรณีตกลงจะชำระเงินคืนส่วนที่เหลือให้ทั้งหมด
ภายในวันที่ 19 เมษายน 2561 และหากไม่สามารภชำระเงินได้
ทางฝ่ายผู้แจ้งจะดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี กับคู่กรณีตามกฎหมายต่อไป
และทางผู้แจ้งต้องทำการเปิดร้านใหม่ ใน วันที่ 20 เมษายน 2561 หากคู่กรณีไม่ชำระเงินคืนผู้แจ้งได้ทันวันที่ 19 จะไม่สามารถเปิดร้านได้ ทางฝ่ายคู่กรณียินยอมจะชดใช้ค่า
เสียหายให้ทางฝ่ายผู้แจ้ง
ลงชื่อ...........
ผมยืนยันว่าทั้งหมดที่ผมเล่ามาเป็นความจริงทั้งหมด และได้เล่าความนี้ไว้กับร้อยเวร ซึ่งร้อยเวรหรือผู้กองได้สอบถามกับทางฝ่ายคู่กรณีด้วย
โดนคู่กรณียอมรับตามเรื่องราวที่ผมได้เล่าไปนี้
และวันนี้ วันที่ 19 เมษายน 2561 ยังไม่ได้รับเงินไดๆจากคู่กรณี ซ้ำทางเรายังต้องเป็นฝ่ายโทรถามความคืบหน้าโดยตลอด
ยอดเสียหาย จำนวนเงิน หกหลัก
เราไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้คู่กรณีกระตือรือร้นที่จะคืนเงิน ซึ่งทางเราเป็นฝ่ายที่เห็นใจและใจอ่อน
เบื้องต้นเราขอเก็บรายละเอียดเหตุการณ์และหลักฐานการคุยใน line,เสียงที่บันทึก และใบลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน
หากคู่กรณียังนิ่งเฉยเราจะลงละเอียดเกี่ยวกับคู่กรณีเพิ่มเติม
เราจึงอยากขอความคิดเห็นจากเพื่อนๆสมาชิกว่าเราควรทำอย่างไรต่อไป
Comment