Announcement

Collapse
No announcement yet.

D + D + D + LCD Monitor Repair รับซ่อม และปรึกษาอาการเสีย จอ LCD TV , LCD FREE

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • # 381 PEGE 18

    20 Apr 2015 07.36.59


    ###### แถมกระทู้ ซ่อม POWER SUPPLY COMPUTER #######

    คุณ chen2522

    กระทู้นี้เอาไว้ถามตอบปัญหาที่เกี่ยวกับอาการเสียของเพาเวอร์ซัพพลายครับ

    www overclockzone.com/forums/showthread.php/2386263-เรามาซ่อมสวิทชิ่งกันเถอะ(สำหรับท่านที่จับหัวบัดกรีและมิเตอร์เป็น)

    ตอบ = คุณ flinxxx

    อาการที่เกิดตอนฝนตก เกิดจาก ไฟฟ้าเกิดลี๊คจากฟ้าลงครับ ของเพื่อนเคยเป็นครับ ส่งซ่อมบริษัท คงจะเปลี่ยนบอร์ดครับ

    แนะนำให้ใช้ปลั๊กไฟ ยี่ห้อ TOSHINO รุ่นที่มีประกันการเสียหายจากฟ้าลงครับ สามารถส่งซ่อมแล้วเบิกค่าซ่อมได้ครับ

    ไม่ได้รับค่าสปอนเซอร์นะครับ แนะนำเพราะมีอยู่ยี่ห้อเดียวครับ ที่มีประกัน DAMAGE 50000 บาท


    #### แนะนำสำหรับผู้ที่จะลองซ่อมเองครับ เป็นไกด์ไลน์ให้ครับ ไม่ได้รับซ่อมเป็นงานหลักครับ ไม่มีหน้าร้านครับ แนะนำให้ลองซ่อมเองครับ #####

    สามารถส่งรูปจอ LCD TV & LCD Monitor ชื่อยี่ห้อ ชื่อรุ่น ที่เสีย จะได้แนะนำที่ซื้ออะไหล่ แนะนำการซ่อมให้ครับ เพื่อเป็นกรณีศึกษา

    บางอย่างก็อาจจะซ่อมได้ครับ บางรุ่นก็ซ่อมไม่คุ้มครับ เพราะอะไหล่พวกจอ อะไหล่มันมีมากมาย และไม่ค่อยจะใช้แทนกันได้

    ทำได้ก็ต้องดัดแปลงมาก ไม่เหมือนเดิม



    LCD Monitor Repair รับซ่อม และปรึกษาอาการเสีย จอ LCD TV , LCD ทางเว็บเท่านั้น สอบถามทางหน้าเว็บเท่านั้น ทาง PM ไม่ค่อยได้ดูครับ

    ดูอาการไล่ดูตั้งแต่หน้าที่ 1 - 17 ทุกหน้า ถ้าท่านได้เข้าไปดูให้ละเอียด จะรู้ว่าแต่ละหน้ามีประโยชน์ สามารถเทียบเคียงทุกอาการได้เลยครับ แทบจะครบถ้วนทุกอาการ

    โดย ถ้าท่านดูของเว็บต่างประเทศ เช่นเว็บซ่อมของไตหวัน เกาหลี แนะนำให้ดูให้ละเอียด มีมากมายครับ

    บางท่านดูไม่เป็นครับ ดูผ่าน ๆ ที่สำคัญคือท่านต้อง COPY ไปที่ ADDRESS แล้ว ENTER ครับ




    ***** ตอบเป็นภาพไม่ได้ พื้นที่เก็บรูปเต็ม ไม่ลบครับ ปรึกษาได้ เดี๋ยวแนะนำให้ดูที่ PAGE ? # ? *****

    แล้วเข้าไปดูวิธีแก้ไขที่อยู่ของเว็บนั้น ๆ ครับ




    PAGE 14

    # 261 ( 1 ) แนะนำการโมดิฟาย เครืองจ่ายไฟเอนกประสงค์ สามารถดัดแปลงจ่ายไฟให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ โดยการใช้เคสคอมที่ไม่ได้ใช้แล้วให้เกิดประโยชน์

    www monitor.net.ru/forum/topic378180-32.html

    # 261 ( 2 ) แนะนำเว็บซ่อมของโปแลนด์ครับ

    www elektroda.pl/rtvforum/topic1903645.html

    # 261 ( 3 ) แนะนำเว็บซ่อมของรัสเซียครับ

    # 261 ( 4 ) www asorti.meximas.com/index.php?route=information/information&information_id=7

    # 261 ( 5 ) www galaxybrain.ru/??????-??-????????-samsung-syncmaster-920nw/

    # 261 ( 6 ) WWW galaxybrain.ru/%D1%80%D0%B5%D0%BC%D0%BE%D0%BD%D1%82-%D0%B6%D0%BA-%D0%BC%D0%BE%D0%BD%D0%B8%D1%82%D0%BE%D1%80%D0%B0-samsung-syncmaster-710v/

    # 261 ( 7 ) www monitorremont.blogspot.com/2010_06_01_archive.html


    # 262 DIY ที่ชาร์ตแบตสํารองใช้ได้กับหลายแหล่งจ่ายด้วยวงจรลดแรงดัน LM2596S

    www thaiconverter.com/article/diy-ที่ชาร์ตแบตสํารองใช้ได้กับหลายแหล่งจ่ายด้วยวงจรลดแรงดัน-lm2596s

    # 261 ( 2 ) DIY Mobile Iphone charger มาชาร์ท Iphoneด้วยแบตเตอรี่ AA 4ก้อนกันเถอะ

    www w2.pdamobiz.com/forum/printer_friendly_posts.asp?TID=194632

    www aekgadget.com/product/155/วงจร-ไฟจาก-12v-เป็น-5v-3a-พร้อม-usb-1-portDIY ที่ชาร์ตแบตสํารองใช้ได้กับหลายแหล่งจ่ายด้วยวงจรลดแรงดัน LM2596S


    www thaiconverter.com/article/diy-ที่ชาร์ตแบตสํารองใช้ได้กับหลายแหล่งจ่ายด้วยวงจรลดแรงดัน-lm2596s

    # 261 ( 3 ) DIY Mobile Iphone charger มาชาร์ท Iphoneด้วยแบตเตอรี่ AA 4ก้อนกันเถอะ

    www w2.pdamobiz.com/forum/printer_friendly_posts.asp?TID=194632

    www aekgadget.com/product/155/วงจร-ไฟจาก-12v-เป็น-5v-3a-พร้อม-usb-1-port

    www monitor.net.ru/forum/monitors-samsung-940-tms91429ct-info-254275.html

    www osta.ee/19-lcd-monitor-samsung-syncmaster-930bf-32884424.html

    www sun-store.ru/category_418.html



    # 263 ( 1 ) แนะนำการ DIY จอ LCD Monitor * 3 จอ ด้วยท่อแป๊ปประปาเหล็กครับ การ DIY ที่สวยงามครับ

    www hardforum.com/showthread.php?t=1602409

    www overclockers.com/forums/showthread.php/324442-DIY-LCD-MkIII-IMOG-edition

    # 263 ( 2 ) ทำขาแขวนจอ LCD TV จากเหล็กฉากรูครับ ใช้งบน้อย แต่ใช้งานได้ดีครับ ขอบคุณการ DIY ที่ดีและประหยัดครับ

    www topicstock.pantip.com/home/topicstock/2009/08/R8183422/R8183422.html

    # 264 ความจริงเรื่องมิเตอร์ของการไฟฟ้าที่ติดอยู่ตามบ้านของเราในแง่มุมต่างๆ เห็นว่ามีประโยชน์ครับ ไม่มากก็น้อย

    www pui108diy.com/wp/?p=154

    # 265 แนะนำที่เรียนต่อ ปวช ฟรีครับ เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่กำลังหาที่เรียนต่อ

    www bpc.ac.th

    # 266 แนะนำเว็บซ่อมจอ LCD Monitor ของคนเขียนหนังสือ LCD Monitor Repaiir

    How To Repair Dell E153Fpc LCD Monitor With Display Shutdown Problem

    www electronicrepairguide.com/dell-e153fpc-lcd-monitor-repair.html

    # 267 ( 1 ) แนะนำเว็บซ่อมจอ LCD Monitor ของคนเขียนหนังสือ LCD Monitor Repaiir

    How To Repair ACER AL712 LCD Monitor With Display Shutdown Problem

    www electronicrepairguide.com/acer-al712-lcd-monitor-repair.html

    ####################

    # 267 ( 1 )

    ***** แนะนำเว็บซ่อมจอ LCD Monitor ของ ญี่ปุ่นครับ หายากด้วยนะครับ *****

    www irohani.chakin.com/Repair_records/LCD_monitor_2.htm

    # 268 ขาย ชุดซ่อม จอ LCD power supply + inverter

    www irohani.chakin.com/Repair_records/LCD_monitor_2.htm

    คุณ WICHIAN001

    # 270 ขาย ชุดซ่อม จอ LCD power supply + inverter

    www udon108.com/thai/showthread.php?t=164389

    # 275 สายแพรปุ่มกดเครื่องจีนขาด หาใหม่ไม่ได้ ทำยังไงถ้าไม่อยากต่อลาย (แชร์)

    www wintesla2003.com/topic/135617

    # 275 ( 2 ) รหัสสินค้า : 1325
    สายแพ จอ lcd 30pin ยาว13cm.


    www rrshop2home.com/--lcd-ultra-g8-common-line-p-1325.html

    # 276 www electronicrepairguide.com/sharp-lcd-monitor-repair.html

    # 277 เรียบร้อยซะที MY EEEPC WITH TOUCHSCREEN! (โมใส่ทัชสกรีน)

    www trendypda.com/modules/newbb/viewtopic.php?topic_id=1851

    #####################

    # 277 ( 2 ) ซ่อม VCD จีนแดง ถาดไม่ออก

    www ps-thai.com/learnCD/chineseCD.shtml

    **********************

    # 277 ( 3 ) สายแพร SW Aspire 4920g แก้ขัด

    www 9notebook.com/read/3069

    @@@@@@@@@@@@@@@@

    # 277 ( 4 ) อาการของจอ LCD TV ที่เกิดจากสายแพรจอ

    www youtube.com/watch?v=98a8iMokMcY

    GOOGLE serch Lcd screen Flex Repair


    # 278 การซ่อม LCD Panel ครับ ดูเป็นความรู้ครับ

    ***** อย่าทำเองครับ ยากครับ ต้องมีเครื่องมือช่วยเยอะครับ เดี๋ยวของจะเสียหายเยอะ ต้องมีเวลขั้นเทพครับ *****

    Lifetime Service Center LCD Panel Repair

    www youtube.com/watch?v=OCiTKtRBtlk

    **********************

    # 278 ( 2 )การซ่อม LCD Panel Repair ด้วยเครื่องมือราคาแพงครับ

    Ito Brand FRS-60P Flex Repair System

    www youtube.com/watch?v=_D9UCaXBhN4

    # 279 Tektronix TDS Front Panel High Voltage package can not remove after CRT pull out

    www hitechfacility.co.jp/repair1.html

    # 279 ( 2 ) LCD panel repair service and panel repairing machine sales Polarizer remover and laminator,

    www youtube.com/watch?v=iqVU0YggPEs

    # 280 REPAIR A MALFUNCTIONING LCD

    www hackaday.com/2009/06/20/repair-a-malfunctioning-lcd/

    Comment


    • www community.headlightmag.com/index.php?topic=13803.0

      DIY ซ้อมสีรถเอง กะ Prius 3เดือน 3แผลใหญ่

      เมื่อ กรกฎาคม 09 2011 22.40.18


      #################

      www civicesgroup.com/forum/topic26338


      พุธ, 26 มกรา 2011 17:45 :: ขั้นตอนการซ่อมสีและตัวถังแบบเข้าใจง่าย

      ขั้นตอนการซ่อมสีและตัวถังอย่างเข้าใจง่ายๆ

      1.ล้างทำความสะอาดพี้นผิวที่ต้องการซ่อม

      2.เคาะชิ้นงานที่ต้องการซ่อมให้เข้ารูป

      3.ขัดกระดาษทรายบนแผลและรอบๆ พร้อมพ่นสีพื้นเกาะเหล็ก จำนวน 1 เที่ยว ในกรณีมีการซ่อมตั้งแต่ชั้นผิวโลหะ หรือ พ่นสีรองพื้น 2K บนพื้นผิวสีเดิมใน

      กรณีไม่ถึงผิวโลหะ

      4.ทำการโป๊วด้วย สีโป้วเนื้อละเอียด พร้อมทำการแต่งเนื้อสีโป้วให้เรียบเข้ากับผิวชิ้นงาน ด้วยกระดาษทราย

      5.พ่นสีรองพื้น2K อีกครั้ง ประมาณ 2 เที่ยว เมื่อแห้งแล้วจึงทำการขัดแต่งเก็บรอยเพื่อให้พื้นผิวเรียบด้วยกระดาษทราย

      6.เมื่อแน่ใจว่าสีรองพื้น มีความเรียบเนียน ไร้รูตามด หรือ ไร้รอยต่อระหว่างสีเดิมกับสีรองพื้นแล้ว ก็สามารถพ่นสีจริงได้เลย

      7.ขั้นตอนในการซ่อมสีจริง ในกรณีซ่อมแผล ต้องมีการแต่งสีโดยความชำนาญของช่างแต่งสี เพราะรถแต่ละคันผ่านการใช้งานมา หรือแม้กระทั่งรถป้ายแดง

      ก็จำเป็นต้องแต่งสีเพื่อให้สีที่ต้องการซ่อมกลมกลืนกับสีเดิมมากที่สุด โดยส่วนใหญ่ทางช่างแต่งสีจะถอดฝาถังน้ำมันตัวรถ มาเป็นตัวอย่างในการแต่งสี

      แล้วทำการพ่นสีเทียบกับฝาถังน้ำมันจนกว่า สีที่แต่งจะเหมือนหรือใกล้เคียงมากที่สุด เมื่อแน่ใจแล้ว ก็ทำการพ่นสีจริงได้เลย

      8.พ่นสีจริงประมาณ 2-3 เที่ยว (2K) (กระป่องละประมาณ 750 บาท ขึ้นไป) ขึ้นอยู่กับเฉดสี เพราะสีบางเฉดกลบตัวยากเช่น สีมุก หรือ สีโปร่งๆ เพื่อกลบตัว

      เท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องพ่นหนา แต่ถ้าเป็นสี 1K แห้งเร็ว (กระป๋องละประมาณ 400-550 บาท)และ สีไนโตรเซลลูโลส หรือ ภาษาช่างเรียกว่าสีเบอร์

      ซึ่งบ้านเราจะมีประมาณ 2 ยี่ห้อ คือ ตราพัด ตราผึ้ง ซึ่งจะราคาถูกประมาณกระป๋องละ 300 กว่าบาท ส่วนมากสีประเภทนี้จะนำมาพ่นรถแท็กซี่ หรือพ่นรถ

      เต้นท์ย้อมแมวราคาถูก หรือไม่ก็สำหรับอู่บางอู่ที่โฆษณาว่าพ่นสี 2 K เต็มระบบ ราคาถูก ก็ให้สันนิษฐานได้เลยว่าคงเป็นสีประเภทนี้

      9.เมื่อพ่นสีจริงเที่ยวสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว ทิ้งช่วงประมาณ 10-15 นาที หลังจากนี้ก็ทำการพ่นเคลียร์แล็กเกอร์ประมาณ 1-2 เที่ยว เป็นอันเสร็จ

      10.เมื่อพ่นสีจริงและเคลียร์เรียบร้อยแล้ว ควรทิ้งให้เคลียร์แล็กเกอร์แห้งผิวไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง แล้วค่อยทำการขัดเงา (ขั้นตอนการขัดเงา บางครั้งอาจไม่จำ

      เป็น หรือ ยิ่งทิ้งไว้ให้นานแล้วค่อยมาขัดจะยิ่งดี จะทำให้ผิวเคลียร์มีความแข็ง เงางามทนทาน)


      ##############


      www sites.google.com/site/wutzacom/w/gr/withi-kar-phn-sinth-ynt-xyang-thuk-withi/withi-kar-phn-sinth-ynt-xyang-thuk-withi

      ทำไมถึงได้ยินคำว่า สี 2K และมันคืออะไร ? สีระบบ 2K หรือสีแห้งช้า

      เป็นสีที่มี คุณภาพซึ่งเทียบเท่ากับสีที่ใช้ผลิตตรงออกมาจากโรงงานประกอบ รถยนต์ตั้งแต่แรก เนื่องจากสีรถยนต์ที่ถูกพ่นมาจากโรงงานอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่าง ๆ จะยังคงไม่ถูกประกอบเข้าด้วยกัน เพราะแผ่นเหล็กต่าง ๆ จะถูกนำเอาไปพ่นสีและอบในอุณหภูมิที่สูง 180 - 250 C ก่อนที่จะนำมาประกอบเป็นคันรถมิฉะนั้นชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติก เบาะ สายไฟคอนโซล ฯลฯ ในรถอาจจะหลอมละลายได้ และด้วยเหตุนี้เองเทคโนโลยีของสี 2K จึงทำหน้าที่และมีคุณภาพความคงทนเงางามเทียบเท่ากับสีโรงงานในการซ่อมสีที่ เกิดจากอุบัติเหตุต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องถอดชิ้นส่วนออกจากรถของคุณ ส่วนคำว่า 2K หมายถึง Two Koponente ใน ภาษาเยอรมัน หรือ ดัชช์ ซึ่งในภาษาอังกฤษเขียนเป็น Two Component ความหมายของคำว่า ระบบสี 2K นั้น หมายถึง สีที่จะต้องมีวัสดุ 2 องค์ประกอบมารวมตัวกันเพื่อปฏิกิริยาทางเคมีทำให้สีแข็งตัว (Curing) เป็นการเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีก่อให้เกิดการเกาะตัวที่แน่นขึ้น / จับตัวทางโมเลกุลเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวรไม่สามารถย้อนขั้นตอนกลับสู่ สภาพเดิมได้จากปฏิกิริยาทางเคมีดังกล่าวแล้วนี้ ทำให้ระบบสี 2K มีคุณภาพเด่นในเรื่องความเงางาม ความคงทนในการใช้งานเพราะทนต่อสภาวะการ ขัดถู รอยข่วน สารเคมีมลภาวะต่าง ๆ ซึ่งรถยนต์ทั่วไปต้องประสบอยู่เป็นปกติ

      ขั้นตอนการพ่นสีจริงระบบ 2K แบบ 2 ขั้นตอน
      สีจริงระบบ 2K แบบ 2 ขั้นตอนนี้หมายถึง ระบบสีจริงทับหน้าด้วยตัวเคลียร์ 2K
      ซึ่งตัวสีจริงยังเป็นสีระบบ 1K แต่จะมีคูณสมบัติที่ดีกว่าสี 1K โดยทั่วไปคือ เนื้อสีเข้มข้น การกลบตัวของสีดี ใช้ทินเนอร์น้อย พ่นง่าย แห้งเร็ว เมื่อสีแห้งตัวฟิล์มสีจะไม่เงาต้องใช้เคลียร์ทับหน้า สีจริงระบบ 2K แบบนี้ สามารถทำได้ทั้ง สีMetallic,สีPearl,สีSollic ซึ่งความเงางามนั้นจะขึ้นอยู่ที่การเลือกเคลียร์ที่ใช้ทับหน้าสี
      เคลียร์ 2K ที่ใช้กันอยู่จะมีอัตราส่วนผสมตั้งแต่ 2ต่อ1,3ต่อ1,4ต่อ1,10ต่อ1 ขึ้นอยู่กับ
      ลักษณะของงาน ตัวอย่างเช่น 2ต่อ1และ3ต่อ1 จะเหมาะสำหรับงานพ่นทั้งบานและทั้งคันต้องพ่นในห้องพ่นสี เนื่องจากแห้งช้าใช้เวลาในการแห้งผิว 2-4 ชั่วโมง แต่จะให้ความเงางามที่ดีมาก ส่วนอัตราส่วน ผสม 4 ต่อ 1, 10 ต่อ 1 จะเหมาะสำหรับงานซ่อมแผล เนื่องจากแห้งเร็วกว่าแห้งผิวใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที เท่านั้น ซึ่งสามารถพ่นโดยไม่ต้องใช้ห้องพ่นสีได้ เคลียร์ 2K แบบนี้ปัจจุบันได้รับความนิยมมากและ ได้มาแทนที่เคลียร์ระบบ 1K ไปแล้ว

      ขั้นตอนการเตรียมงาน
      1. ใช้กระดาษทรายนํ้าเบอร์ 1,000 ขัดสีรองพื้น
      2. ล้างทำความสะอาดให้ทั่วตัวรถ
      3. ใช้ลมเปาไล่ความชื้นออก
      4. ติดกระดาษปิดบังส่วนที่ไม่ต้องการพ่นสี
      5. ใช้ลมเป่าไล่ฝุ่นละอองให้ทั่ว
      6. นำรถเข้าห้องพ่นสี
      7. ติดกระดาษปิดบังส่วนที่ไม่ต้องการพ่นสี
      8. ทำความสะอาดผิวชิ้นงานด้วยนํ้าเช็ดคราบ
      9. ใช้ลมเป่าไล่ฝุ่นละอองให้ทั่ว
      10. นำผ้าเหนียว (Tack Cloth) มาลูบเบาๆบนผิวชิ้นงาน เพื่อจับฝุ่น
      11. ผสมสีนำมาพ่นโดยให้ปฎิบัติตามคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิตของสีแต่ละยี่ห้อ
      12. พ่นสีจริงจำนวน 2 เที่ยว ทิ้งช่วงระหว่างเที่ยว 10-15 นาที แรงดันลมที่ใช้
      40-50 ปอนด์ต่อตรางนิ้ว
      13. เมื่อพ่นสีเสร็จ ให้ทิ้งช่วงระหว่างสีจริงกับเคลียร์ 15 นาที
      14. ให้นำผ้าเหนียว (Tack Cloth) มาลูบเบาๆบนผิวสี เพื่อจับละอองสีที่ติดอยู่
      15. ผสมเคลียร์มาพ่นโดยให้ปฎิบัตืตามคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิตเคลียร์แต่ละยี่ห้อ
      16. พ่นเคลียร์จำนวน 2 เที่ยว ทิ้งช่วงระหว่างเที่ยว 15 นาที แรงดันลมที่ให้
      50-60 ปอนด์ต่อตรางนิ้ว
      17. เมื่อพ่นเคลียร์เสร็จ ทิ้งไว้ในห้องพ่นสีเพื่อให้สีแห้งผิว 2-4 ชั่วโมง หรือถ้าต้องการ
      อบก็สามารถทำได้ โดยให้ศึกษาจากคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิตแต่ละยี่ห้อ
      18. การขัดยาเงาตกแต่งให้ทำหลังเคลียร์แห้งตัว 12 ชั่วโมง

      ขั้นตอนการพ่นสีจริงระบบ 2K แบบ 3 ขั้นตอน
      สีจริง 2K แบบ 3 ขั้นตอนส่วนมากจะใช้ในการพ่นแม่สีมุกทับบนสีจริงในเชดต่างๆ ซึ่งสี
      จริงจะมีเชดสีที่ใกล้เคียงกับแม่สีมุข เพื่อให้การแสดงผลของแม่สีมุกออกมาในมุมมองที่เด่นชัดขึ้น
      แม่สีมุกสีนิยมนำมาพ่น เช่น มุกขาว มุกนํ้าเงิน มุกม่วง มุกเขียว มุกทอง ส่วนเชดสีจริง
      ที่ใช้ ตัวอย่างเช่น สีขาว สีฟ้าอ่อน สีเขียวอ่อน สีเหลืองอ่อน (แนะนำควรเลือกเชดสีอ่อนๆ เพราะคุณสมบัติ ของมุกจะมีความโปร่งแสงมาก ถ้าเลือกสีจริงเชดสีเข้มสีมุกจะไม่สามรถกลบสีชั้นล่างได้)

      ขั้นตอนการเตรียมงาน
      1. ขัดสีรองพื้นด้วยกระดาษนํ้าเบอร์ 1,000
      2. ล้างทำความสะอาดชิ้นงาน
      3. ใช้ลมเป่าไล่ความชื้นให้ชิ้นงานแห้ง
      4. ทำความสะอาดชิ้นงานด้วยนํ้าเช็ดคราบ
      5. ใช้ลมเป่าไล่ฝุ่นละอองบนชิ้นงาน
      6. นำผ้าเหนียวมาลูบเบาๆบนผิวชิ้นงาน เพื่อจับฝุ่น
      7. นำสีจริงที่เลือกไว้ผสมกับทินเนอร์ตามอัตราส่วนผสมมาพ่นลงบนชิ้นงาน
      2 เที่ยว ทิ้งช่วงระหว่างเที่ยว 10 นาที
      8. นำแม่สีมุกผสมกับทินเนอร์ตามอัตราส่วนพ่นบนชิ้นงาน 2-3 เที่ยว ทิ้งช่วงระหว่างเที่ยว 10 นาที
      9. ทิ้งช่วงระหว่างสีกับเคลียร์ 15 นาที
      10. นำผ้าเหนียวมาลูบเบาๆบนผิวชิ้นงาน เพื่อจับละอองสี
      12. นำเคลียร์ 2K มาพ่นจำนวน 2 เที่ยว ทิ้งช่วงระหว่างเที่ยว 10-15 นาที
      www guru.google.co.th/guru/thread?tid=63fb2afa3aff7e2c

      ################

      www ksrthailand.com/board10/?topic=8485.0

      ทำสีถังเองง่ายๆไม่ต้องง้อช่าง!!!
      เมื่อ พฤศจิกายน 30 2011 11.22.32 AM
      มาเริ่มกันเลยดีกว่า
      อุปกรณ์นะครับ
      - น้ำยาลอกสี 1 กระป๋อง
      - กระดาษกาว 1 ม้วน
      - แปรงทาสีขนาด 2 นิ้ว 1 อัน
      - แปรงทองเหลือง 1 อัน
      - เกรียง 1 อัน (ลืมถ่าย 555 )
      - กระดาษทรายเบอร์ 320 / 600 / 1000
      - สีกระป๋อง ผมใช้ของไฟแลค มีสีรองพื้นกันสนิม 1 กระป๋อง
      สีที่ต้องการพ่น ของผมสีดำเงา จริงๆต้องใช้ 2 กระป๋อง
      แลกเกอร์ 1 กระป๋อง


      วิธีทำนะครับ
      1. เอากระดาษกาวมาปิดรูที่ถัง

      2. เปิดฝาน้ำยาลอกสีออก โดยการหาเหล็กแหลมๆหรือไขขวงก็ได้ มาแทงฝาในให้เป็นรูก่อน เพราะข้างในมันมีแรงดัน มันอาจพุ่งเข้าหน้าเข้าตาได้
      ถ้าโดนน้ำยา ให้หาน้ำล้างตามด้วยสบู่ทันที เพราะมันแสบมาก

      3. เมื่อเปิดฝาออกแล้ว ให้เทน้ำยาใส่แปลงทาสี แล้วก็ทาๆให้ทั่วทั้งถัง ทิ้งไว้สักพัก สีก็เริ่มพองออก

      4. เสร็จแล้วเราก็เอาเกรียงมาขูดๆออก มันก็จะออกมาอย่างง่ายดาย ตามซอกตามมุม ก็ใช้แปรงทองเหลืองขัดไปก็ ระวังอย่าให้มันกระเด็นเพราะมันแสบมาก

      5. เมื่อลอกสีหมดถังถังแล้ว ก็ล้างน้ำให้สะอาด

      6. จากนั้นเราก็มาขัดถัง สีจะสวยไม่สวยอยู่ที่การขัด ถ้าขัดเนียนสีก็จะออกมาเนียน เป็นการขัดกระดาษทรายน้ำ นำกระดาษทรายเบอร์ 320 ขัดก่อน ตามด้วยเบอร์ 600 จบที่เบอร์ 1000 (เอากระดาษทรายแช่น้ำไว้ก่อนแล้วค่อยขัด)
      เมื่อขัดเสร็จแล้ว ก็ล้างด้วยน้ำยาล้างจานให้สะอาด แล้วเช็ดให้แห้ง แล้วก็นำมาตากแดดให้แห้งรอพ่นรองพื้น

      7. เมื่อถังแห้งสนิทแล้วเราก็จัดการ พ่นสีรองพื้นกันสนิมซะให้ทั่ว พ่น***งประมาณ 1 ฟุต พ่นประมาณ 2-3 ชั้น แต่ละชั้นทิ้งไว้สัก 10 นาทีแล้วค่อยพ่นชั้นต่อไป

      8. เมื่อสีรองพื้นแห้งแล้ว เราลองเอานิ้วลูบๆดูมันจะออกสากๆ เราก็นำมาลูบด้วยกระดาษทรายน้ำเบอร์ 1000 ให้ทั่ว เมื่อลูบเสร็จแล้ว เราก็ล้างด้วยน้ำยาล้างจานให้สะอาด
      แล้วนำไปตากแดดให้แห้งเพื่อรอพ่นสีจริง

      9. ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญในการพ่นสีนะครับ พ่น***งประมาณ 1 ฟุต แต่ละชั้นต้องทิ้งให้แห้ง ประมาณ 30 นาที แล้วค่อยพ่นชั้นต่ไปเราจะพ่นประมาณ 3 ชั้น ชั้นแรกจะต้องพ่นบางๆ ชั้นที่สองก็เริ่มพ่นหนาขึ้นมาอีกนิด ส่วนชั้นสุดท้ายนั้นพ่นให้ช่ำเลย การจะพ่นสีดำให้ขึ้นเงานั้น
      เราต้องค่อยๆเดินสี พ่นให้ช่ำ อย่าให้ย้อย ถ้าย้อยต้องไปนั่งขัดกันใหม่อีก

      10. เมื่อสีจริงแห้งสนิทแล้ว เราก็ทำการพ่นแลกเกอร์ การพ่นแลกเกอร์ให้เงานั้น ก็เหมือนการพ่นสีดำเลย ค่อยๆเดินแล็ค พ่นให้ช่ำ อย่าให้ย้อย พ่น***งประมาณ 1 ฟุต พ่น2-3ชั้น แต่ละชั้นต้องรอให้แห้งก่อน ประมาณ 20 นาทีค่อยพ่นชั้นต่อไป รอให้แห้งข้ามคืนสัก 1 คืน เป็นอันเสร็จพิธี


      เพิ่มเติ่มนะครับ
      - เมื่อเราพ่นสีและแลกเกอร์แห้งสนิทแล้ว เราจะทำสีให้เงาขึ้นอีกโดยการขัดสี ผมใช้ตัวนี้ครับ CANA เป็นยาขัดละเอียด พวกอู่ซ่อมสีรถยนต์ชอบใช้กัน ราคาไม่แพง ผมซื้อมา 70.-
      มันสามารถลบรอยขีดขวนได้ด้วย แต่ไม่แนะนำให้ใช้บ่อย เพราะมันจะทำให้แลคเกอร์เราบางลงเรื่อยๆ จนถึงเนื้อสีได้
      เนื้อครีมขัดตัวนี้มันจะข้นๆ เราก็ทำการควักออกมา ใช้นิ้วมือเรานี่แหละ ขัดๆ วนเป็นวงกลม ให้ทั่วทั้งชิ้นงาน รอสักพัก ก็นำผ้าสะอาดมาเช็ดๆถูๆเข้าไป ทำแบบนี้สัก รอบสองรอบ สีก็จะเงางามขึ้นมาทันตาเห็น



      - การเคลือบเงาอาจเกิดอาการแบบนี้ได้บางครั้ง
      - เคลือบไปแล้วเกิดแลคเกอร์เป็นหลุมเล็กๆบางจุด ในขณะที่บริเวณอื่นๆ เรียบหมดอาจเกิดจากเราเก็บงานตามดไม่หมดนั้นเองหรือมันสกปรกบริเวณนั้น ทาง แก้ อย่าไปพ่นโถมไปบริเวณนั้นเด็ด เพราะจะทำให้แลคเกอร์เยิ้มทันที ทางแก้ปล่อยมันไปเมื่อเคลือบเสร็จ ให้ใช้พู่กันเบอร์ 0 พิเศษ จุ่มแลคเกอร์ที่กาพ่นหรือถ้าเป็นสีกระป๋อง เราก็พ่นแลกเกอร์ใส่ฝากระป๋องสีไว้สักหน่อยพอประมาณแล้วหยดบริเวณที่เป็นหลุม ให้หมดทุกจุดการหยดต้องตั้งชิ้นงานขนาดไปกับพื้นเสมอทุกครั้งไม่งั้น แลคเกอร์ไหลเป็นทางแน่นอน
      - เคลือบไปแล้วเมื่อแลคเกอร์แห้งเกิดเป็นฟองอากาศเล็กๆ คล้ายเม็ดผดที่ขึ้นตามตัวของเด็กๆ อันนี้แสดงว่ามีการพ่นแลคเกอร์หนาๆ ในครั้งเดียว ทางแก้ทางเดียวคือถ้าเอากระดาษทราย 1200 - 1500 ขัดให้ทั่วแล้วขัดเงาแต่มีจุดขาวๆ เต็มไปหมดตรงนี้เสียผิวหน้าแลคเกอร์แล้วครับ ต้องขัดให้ลึกลงไปอีกแล้วเคลือบเสียใหม่ก็จะหายไปเองแต่ต้องล้างน้ำให้ สะอาดที่สุดแล้วเคลือบไปบางๆ ก่อนทิ้งไว้สักพักแล้วค่อยๆ เคลือบให้หนาตามไปแต่อย่าให้หนาเหมือนตอนที่เราทำแล้วเกิดปัญหานี้
      - เคลือบไปแล้วเงาบางไม่เงาบ้าง จะใช้วิธีขัดเงา หรือขัดแล้วเคลือบใหม่ก็ได้ทั้ง 2 แบบ


      ลองทำกันดูนะครับ ไม่ยากอย่างที่คิด การทำสีนั้นต้องใจเย็นๆอย่าใจร้อน ไม่งั้นงานออกมาไม่เนียนหรืออาจจะพังได้

      ###############

      www komchadluek.net/detail/20120523/130946/ซ่อมสีรถยนต์เสร็จภายใน1ชั่วโมง.html

      ซ่อมสีรถยนต์เสร็จภายใน1ชั่วโมง
      ซ่อมสีรถยนต์ เสร็จภายใน 1 ชั่วโมง : คอลัมน์คมคิด
      Last edited by PERAWAT153; 22 May 2016, 06:41:36.

      Comment


      • www benzowner.net/forum/showthread.php?t=78261

        หัดทำสีรถเอง
        เอาเรื่องทำสีมาฝากครับ ภาพข้างล่างฝีมือผมทำเสร็จแล้ว ตอนทำไม่กล้าโพสท์กลัวจะทำไม่ได้ จึงถ่ายรูปเก็บไว้ก่อน ทำเสร็จคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่สมาชิกจึงนำมาโพสท ์ เป็นเรื่องแรกที่ผมโพสท์ หากผิดพลาดต้องขออภัยครับ

        ----------------------------

        ก่อนทำสีผมศึกษาข้อมูลเรื่องสี และขั้นตอนการทำจากเว็บต่างๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ หาข้อมูลว่าสียี่ห้อไหนดี (ในที่สุดติดสินใจใช้ของแพง ของเยอรมันครับ)

        ----------------------------

        เห็นหลายเว็บบอกว่าจะทำสีให้ดีต้องถอดชิ้นส่วนต่างๆอ อกมา ผมก็เลยเอาอย่างบ้าง งานนี้ผมเปลี่ยนประตูสี่บานและกระโปงท้ายด้วย กันชน กาบต่างๆ รวมทั้งคิ้วหลังคาต้องถอดออกทั้งหมด


        ----------------------------

        ทำสียากกว่าซ่อมเครื่องหลายเท่านัก
        ทำสีรถของตนเองได้นับได้ว่าเป็นช่าง
        ฝีมือระดับ Professional ครับ
        ชื่นชม ชื่นชม



        ----------------------------


        ไม่ใช่ช่างครับ แต่ชอบทำเอง รถคันนี้ผมทำเองสารพัด เอาใหญ่ๆคือเปลี่ยนเกียร์ เปลี่ยนหม้อน้ำ คอนเดนเซอร์แอร์ ลูกปืนล้อ เพลาขับ สปริงล้อ ทำสีล้อ และอื่นๆอีกมาก ผมได้รถย้อมแมวมาจากทุ่งครุ ตอนนั้นไม่คิดว่าจะแต่งเติมอะไร แต่พอลงมือทำก็รู้สึกว่าเราทำได้เลยทำเองซะหลายอย่าง ขอบคุณที่ชมครับ ส่วนหนึ่งผมได้ความรู้จากที่นี่ ต้องขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่แชร์ความรู้ไว้

        สถานที่ที่ทำเป็นบ้านพักของทางราชการ ผมทำนอกเวลาราชการ วันละเล็กละน้อย ใช้เวลา ๕๔ วัน รวมทั้งเสียเวลารอเวลาเนื่องจากฝนตกอากาศชื้นพ่นสีไม ่ได้รวม ๒ สัปดาห์

        ผมมีรูปการถอดชิ้นส่วนแต่ละชิ้น เดี๋ยวจะโพสท์ให้ดูครับ วันนี้ต้องแค่นี้ก่อน มีงานที่ต้องเตรียมครับ


        ----------------------------

        ราคาสีแพงไหมครับ pm มาหน่อยได้ไหมครับ กำลังอยากทำอยู่พอดีเลยครับ


        ----------------------------

        ขอบคุณพี่ Kris เดี๋ยวจะทำตามครับ ขอเวลาอีกนิดช่วงนี้งานเยอะจนไม่มีเวลาพักผ่อน ขอบคุณพี่Profilehammer ที่ชมครับ ยกเครื่องคิดจะทำอยู่ครับแต่ที่บ้านมีฝ่ายค้านเลยยัง ลังเล

        ราคาสีไม่แพงมากครับ ผมใช้สี 2K ของนกแก้วทั้งระบบ รองพื้น ๔ ลิตร (เหลือ ๒ ลิตร) สีจริง ๔ ลิตร (หมดเกือบเกลี้ยง) แลคเกอร์ ๓ กระป๋อง พ่นจนย้อย ยังเหลือ ๑ กระป๋อง สีโป๊ว ๑ กระป๋องเล็ก ใช้ไม่เป็นเลยหมด น้ำยาเช็ดคราบ ๑ แกลลอน เหลือเพียบ น้ำยาขัดแลคเกอร์ ๓ เอ็ม ๒ ขวด เหลือ ๑ ขวด กระดาษทรายแบบตีนต๊กแก ๑ โหล เหลือประมาณครึ่ง ส่วนนี้ไปซื้อจากร้านสีที่อุดร รวมประมาณ ๑๙,๐๐๐ บาท ครับ ส่วนอื่นๆ ปั๊มลม ๒,๔๐๐ บาท ร้านฮาร์ดแวร์ทั่วไป เครื่องขัดสีถูกที่สุด ๒,๔๐๐ ซื้อทางเน็ต (แนะนำให้ใช้ยี่ห้อตลาดจะดีหน่อย ของผมมันโนเนม)

        กาพ่นสี ผมใช้แบบกาบน ถูกๆ ๗๑๐ บาท แต่ต้อง ๒ อัน ใช้พ่นรองพื้นเสร็จแล้วรีบล้างเอาไว้รอพ่นสีจริง ส่วนอีกอันเอาไว้พ่นแล็กเกอร์อย่างเดียว

        มีอีกอย่างที่ผมไม่ใช้และคิดว่าคิดผิด คือ กรองดักน้ำปั๊มลม จากประสบการณ์ถ้าพ่นไม่นานไม่เป็นไร แต่การพ่นสีจริงและแล็คเกอร์มันต้องพ่นถึง ๔ รอบ ผมใช้เวลาถึง ๗ ชั่วโมง ตรงนี้คือปัญหา ไอน้ำในปั๊มมันมากขึ้น ในที่สุดแลคเกอร์เป็นฟอง งานเสียเลยครับ


        ----------------------------

        มาต่อขั้นตอนการทำสีครับ

        ขั้นตอนแรก คือ การถอดชิ้นส่วนต่างๆออก

        ชิ้นส่วนที่ถอดยากที่สุด คือ กระจกหูช้างครับ ยางมันแน่นมากๆ ผมต้องใช้น้ำผงซักฟอกใส่ไซลิ้งฉีดเข้าไปเพื่อให้เกิด ความลื่นตามภาพครับ



        --------------------------


        หลังจากนั้นก็ดึงออก สังเกตท่าทางให้ดี โยกซ้ายขวาขึ้นลง กว่าจะออกก็หมดแรงพอดีครับ



        -----------------------

        ในที่สุดก็ออก



        --------------------------------

        ขั้นตอนต่อไปคือการปิดส่วนที่ไม่ต้องการพ่นสี ควรใช้วัสดุที่ไม่เปื่อยเมื่อโดนน้ำ ผมใช้พลาสติกคลุมแปลงผัก ยาว ๔๐ หลา ราคาม้วนละ ๙๕ บาท มาติดและติดด้วยกระดาษกาว OPP เทป จากนั้นขัดเอาสีเก่าออก ถ้าไม่มีสนิมหรือไม่ต้องซ่อม ก็ขัดพอเอาแล็คเกอร์เก่าออก ไม่ต้องขัดถึงเหล็กนะครับ สีเดิมและรองพื้นจากโรงงานมันดีอยู่แล้ว ให้มันอยู่อย่างนั้นแหละดีแล้ว
















        101010

        111111

        121212

        131313

        141414

        ที่เห็นสีด่างๆ คือ บริเวณที่ขัดออกแล้วไปถึงเหล็กเลยต้องเอาสีสเปรย์รอง พื้นชนิดเกาะเหล็กมาพ่นไว้ก่อน เพราะกว่าจะได้พ่นสีรองพื้นจริงๆ ต้องขัดอีกนาน

        ------------------------


        การขัดต้องขัด ๒ รอบ คือขัดหยาบและขัดละเอียด

        กระดาษทรายที่ใช้ขัดหยาบ ถ้าเป็นกระดาษทรายขัดมือใช้เบอร์ ๔๐๐ ขึ้นไป ถ้าน้อยกว่านี้มันหยาบเกินไปตอนขัดละเอียดจะยาก ถ้าเป็นกระดาษทรายกลมสำหรับเครื่องของตลาดทั่วไปใช้เ บอร์ประมาณ ๑๕๐ ถ้าเป็นของ ๓ เอ็ม หรือ ทีโอเอ เบอร์ ๒๔๐

        กระดาษทรายขัดละเอียด ขัดมือเบอร์ ๑,๐๐๐ ขัดเครื่องเบอร์ ๓๒๐ ใครไม่เคยขัดเครื่องให้ขัดมือดีกว่าเครื่องมันคุมยาก เดี๋ยวกระดาษทรายจะปาดพื้นเป็นคลื่น ของผมเอากระดาษทรายเครื่องมาขัดด้วยมือ เอาแป้นกระดาษทรายมาทำที่จับใส่จะได้ถนัดตามรูปข้างบ นครับ

        --------------------------

        ผมขอติดตามและชื่นชมพี่มากๆครับ
        เป็นความใฝ่ฝันอีกงานนึงที่อยากทำสีรถตัวเองได้บ้าง
        ขอบคุณสำหรับความรู้และประสบการณ์ที่นำมาแชร์กันครับ

        -------------------------

        ขอบคุณคุณแตนที่ชมครับ บางเรื่องผมก็ได้ความรูู้จากคุณเช่นเดียวกันครับ

        คุณ 1 NP ลองทำดูครับ ผมเองไม่เคยเห็นการพ่นสีจริงๆเลย ศึกษาจากยูทูปเท่านั้น ที่ตัดสินใจทำเพราะเปลี่ยนประตู ๔ บาน เปลี่ยนแก้มทั้งสองข้าง ของเดิมมีผุนิดหน่อย เห็นในเว็บเราขายกันถูกก็เลยเปลี่ยนซะ กระโปงท้ายของเดิมมีโป๊วนิดหน่อย นานไปสีโป๊วยุบตัวเห็นเป็นรอย ไหนๆจะทำแล้วก็เลยเปลี่ยนเสียด้วย เคยให้อู่ทำมาครั้งหนึ่งประมาณ ๓ ปีก่อน เขาพ่นสีตอนกลางคืนแล้วเปิดสปอตไลท์ทิ้งไว้ ตื่นเช้ามีแมลงกุดจี่มาไต่ตอนสียังไม่แห้ง มีรอยขาแมลงเต็มไปหมด เป็นอู่คนรู้จักกันที่อำเภอพล ขอนแก่น เจอเหตุการณ์นี้เจ้าของอู่ทำเป็นอิดออดบ่นว่าขาดทุน ผมรอรถนานมากแต่เจอแบบนี้ เลยใจใหญ่ตัดสินใจเอารถกลับและใช้อย่างนี้มา

        เหตุที่ผมทำเองหลายอย่างเพราะง้อช่างไม่ไหว รถเราก็เก่าแล้ว ไปอู่ไหนก็คิดในใจว่าช่างดูถูกที่เราใช้รถเก่า เลยศึกษาและจัดการเองครับ

        ------------------------

        มาต่อเรื่องการขัดสีเก่าเตรียมงานพ่นครับ

        การขัดกระดาษทรายต้องมีบล็อกกระดาษทราย จุดไหนที่เป็นพื้นเรียบต้องพยายามให้เรียบที่สุด ถ้ามีรอยนูนให้เอากระดาษทรายพันรอบไม้เหลี่ยมที่ไสกบ แล้วยาวๆ เป็นเครื่องมือขัด หลังจากนั้นให้ใช้บล็อกโฟมอัด (ซื้อที่ร้านขายสี) ขัดให้สีเรียบที่สุด จนไม่มีรอยนูน เอาแนบแก้มกับชิ้นงานแล้วมองด้านข้างดูครับ มันค่อนข้างดูยากเพราะตอนเราขัดผิวมันสากมัวไปหมด ไม่สะท้อนแสงให้เห็น แต่ถ้าไม่เรียบจะเห็นในขั้นตอนสุดท้ายตอนขัดมัน ถึงตอนนั้นจะเสียใจครับ

        รอยกระดาษทรายที่เกิดขึ้นไม่ต้องห่วงมัน เพราะสีรองพื้น 2K มันกลบได้ แต่กระดาษทรายต้องไม่หยาบเกินไปครับ

        -------------------------

        ชิ้นส่วนไหนมีรอยกระเทาะมากให้ลอกสีออก เช่น กันชนหน้า ตอนแรกผมก็ขัดเอา แต่ขัดอย่างไรมัก็ยังมีรอยกระเทาะเต็มไปทั่ว เลยตัดสินใจใน้ำยาลอกสี

        151515

        วิธีใช้ให้เทใสขันแล้วเอาแปลงทาสีป้ายไปทาที่ชิ้นส่ว นที่ต้องการลอกสี

        161616

        หลังจากนั้นเมื่อสีย่นแล้วให้รีบเอาเครื่องมือขูดออก อันนี้ดีที่สุดคือช้อนตักแกงครับ

        171717


        น้ำยาลอกสีเป็นวัตถุอันตรายที่แรงมาก ต้องใส่ถุงมือและหน้ากากด้วยนะครับ เอาถังน้ำไปวางใกล้ๆ ถ้าถูกร่างกายให้ล้างทันที แสบมากครับ

        181818

        ----------------------

        พวกกาบประตูหรือกันชนที่มีคิ้วสแตนเลส ก็ถอดคิ้วออกด้วยครับ

        คิ้วกาบประตูให้ใช้ไขควงงัดที่ปลายด้านใดด้านหนึ่งขึ ้นแล้วดึงออกมาตามความยาวของคิ้วตามรูป อย่าลืมเก็บตัวล็อคไว้ด้วยนะครับ ในรูปคือตัวสีขาวในร่องที่ดึงคิ้วออก จับบิดหมุนประมาณ ๙๐ องศา แล้วหยิบออกมาเก็บไว้ หายไปจะหาซื้อไม่ได้

        191919

        202020

        -------------------------

        หลังจากขัดแล้วต่อไปคือการโป๊วครับ การโป๊วเป็นเรื่องที่ผมยังทำไม่เป็น ดูในยูทูปเห็นทำง่ายๆ แต่พอผมทำมันยากเสียจริงๆ อาจเป็นเพราะสีโป๊วที่ใช้แห้งเร็วเกินไป ประกอบกับวันนั้นลมแรงสีโป๊วแห้งเร็วแข็งก่อนใช้งาน


        212121

        การผสมสีโป๊ว 2K เขาบอกว่าให้ใส่ฮาร์ดเดนเนอร์ในอัตราส่วนประมาณ ๑ ต่อ ๑๐๐ ถึง ๒๐๐ ผมทำตามนี้ก็ยังแข็งเร็ว พอไม่ใส่ฮาร์ดเดนเนอร์มันก็ไม่ยอมแข็งเลยครับ


        222222

        232323


        พอมันแข็งเร็วเลยโป๊วไม่สวย โปะมันไว้ก่อน แห้งแล้วค่อยขัดออกครับ

        242424

        --------------------------

        ลืมบอกครับ จุดไหนที่จะโป๊วเราต้องพ่นสีรองพื้นให้เกาะพื้นไว้ก่ อน ถ้าไม่ใช่จุดใหญ่ใช้สีรองพื้นแบบสเปรย์ก็ได้ ถ้าเป็นเหล็กที่ไม่มีสีต้องใช้สีรองพื้นที่เกาะเหล็ก ด้วยนะครับ ไม่งั้นไม่นานก็ลอก

        ตัวอย่างการโป๊ว หรือขั้นตอนต่างๆ ค้นตัวอย่างจากยูทูบนะครับ พยายามคิดศัพท์ภาษาอังกฤษแล้วค้นดู ของเขามีเยอะและละเอียดกว่าของไทย

        หลังจากสีโป๊วแห้งแล้วก็ขัดแต่งให้เรียบ แล้วล้างด้วยน้ำยาล้างจานใช้โฟมล้างรถจุ่มน้ำยาล้างจ านถุกให้ทั่ว แล้วล้างน้ำปล่อยทิ้งให้แห้งอย่างน้อย ๑ วัน หลังจากนั้นให้จัดวางช้ินส่วนต่างๆที่จะพ่น ตรวจดูว่าถ้าพ่นแล้วสีจะสม่ำเสมอหรือไม่ บางชิ้นผมเอามามัดกับไม้ปักไว้กับพื้นให้หมุนได้จะได ้พ่นได้ทุกมุม

        252525

        262626

        272727

        282828

        หลังจากนั้นเป็นการสร้างห้องพ่นครับ ผมเอาผ้าใบกระสอบปุ๋ยกว้าง ๗๒ นิ้ว ยาว ๔๐ หลา มาล้อมเป็นห้องพ่น แต่หลังจากพ่นแล้วจึงรู้ว่าคิดผิด เพราะอากาศไม่ถ่ายเท ละอองสีเต็มห้องหายใจเกือบไม่ได้ ที่ถูกคิดว่าน่าจะเอาผ้าลักษณะเหมือนมุ้งมาล้อมกันเฉ พาะแมลงและวัตถุขนาดใหญ่ที่จะปลิวมาก็น่าจะพอ ส่วนฝุ่นเล็กๆไม่มีใครมองเห็นหรอกครับ


        --------------------------------


        ผมมีประสบการณ์แย่ๆ กับอู่สีจนไม่อยากจะเข้าไปข้องแวะทุกกรณี
        ตอนก่อนทำพูดดียังกะเราเป็นพระเจ้า นั่นก็ได้ นี่ก็ได้ รับรองทุกอย่าง
        จะใช้รองพื้น ดี จะใช้สีดี ทินเนอร์ดี ๆ ฯลฯ


        ผมมีรถอีกคันหนึ่งอายุรถกว่า 20 ปีไปหลายปีแล้ว
        แต่มันใช้ดีไม่มีผุเลย มันรับใช้ผมมานานจนสีด้าน
        เอาไปอู่สีแถวบ้านตกลงกันดิบดี อย่างข้างต้น

        ผ่านไป 1 ปี สีฝากระโปรงแตกร้าว สีข้างประตู
        แตกเป็นแผ่น ๆ เอารถไปให้เขาดู เขาบอกว่า
        รถเฮียรับงานไว้ถูกมาก ประกันอะไรไม่ได้หรอก

        อ้าว ก่อนตกลงรับปากดิบดี พอสีแตกอ้าซ่าทำไม
        พูดยังงั้นเล่า ผมเลยกลับบ้านด้วยความเซ็ง
        อุตส่าห์ไปผสมสีที่ร้านผสมสีใส่กระป๋องสเปรย์
        เอามาซ่อมสี ก่อนซ่อมก็พยายามผสมสีโป๊วตามที่
        เคยเห็นจากอู่ แต่ไม่ได้เรื่องเลย ปูดโปนไปหมด
        จึงยอมรับว่างานสี เป็นงานสำหรับช่างมืออาชีพจริงๆ
        สมัครเล่นได้แค่พ่นสีหยาบๆ เหมือนที่ผมพ่นสี
        กับรถของผมได้แค่กันสนิม เท่านั้น

        ขอเป็นกำลังใจให้ครับด้วยความจริงใจ

        -----------------------------

        ขอบคุณพี่ Coffee Cup ครับ ตอนนี้ผมไม่ง้ออู่แล้ว จากการทำสีครั้งนี้ผมรู้ปัญหา เทคนิค รวมทั้งทักษะในการพ่น ครั้งนี้ถือเป็นการฝึกงาน ครั้งต่อไปคิดว่าทำได้ดีกว่านี้แน่ ปัญหาอยู่ที่จะมีเวลาและสถานที่ไหม

        ของพี่ผมแนะนำให้ซ่อมเฉพาะจุด ถอดฝาถังน้ำมันไปร้านผสมสีให้เขาผสมให้แล้วมาพ่นเอง ไม่ยากเกินไปครับ
        สีโป๊วลอกแสดงว่าอู่ไม่พ่นรองพื้นเกาะเหล็ก แกะมันออกแล้วขัดให้ถึงเหล็ก พ่นรองพื้นเกาะเหล็ก ทิ้งให้แห้งไม่น้อยกว่า ๑ วัน แล้วค่อยโป๊ว สีโป๊วให้ใช้สีโป๊วเหลือง 2K ผสมฮาร์ดน้อยๆ แล้วโป๊วทิ้งไว้จนแห้งแล้วขัด รายละเอียดการโป๊วดูในยูทูบที่เป็นของฝรั่งครับ ค้นหาคำว่า Body Filler แล้วทำตามตัวอย่าง พี่ลองดู ผมเป็นกำลังใจให้ครับ

        -----------------------------


        เห็นแล้วก็ชื่นชม ครับ

        โดยเฉพาะการป้องกันตัวเอง
        Part B หรือ Hardener ของสีที่ใช้ มันเป็นกลุ่ม
        Polyisocyanate เป็นสารก่อให้เกิดมะเร็งได้
        เห็นหน้ากากที่ใส่ ก็แสดงค้นคว้าศึกษามาดีก่อนทำ
        บางอู่ ช่างพ่นสียังป้องกันตัวเองได้ไม่ดีเท่านี้เลย

        ที่อยากแนะนำ เพื่อให้งานที่ออกมาเนียนขึ้น
        ที่ทำอยู่กางเต้นท์ ก็เกือบจะเป็น Home made cleanroom
        ได้แล้ว หากจะฉีดน้ำให้พื้นที่พ่นและรอบๆบริเวณที่จะพ่นสี
        แบบให้ฉ่ำเลยนะครับ ก่อนเริ่มพ่นสีจริงซัก 5-10 นาที จะช่วย
        เรื่อง เศษฝุ่นรอบข้าง-ละอองสี ที่ฟุ้งย้อนมาตลบที่ชิ้นงานได้
        งานจะเนียบขึ้น

        จะให้ดีให้สี ทำปฏิกิริยาให้เร็วขึ้น เพื่อเก็บงานได้เร็ว
        หาหลอดสปอร์ตไลท์ หรือ หลอด IR มาบ่มช่วย
        ขนาดหลอด-ระยะ***ง-เวลา
        ลอง Search หาข้อมูลดูครับ


        -----------------------------


        ขอบคุณครับคุณใหญ่ ฉีดน้ำที่พื้นฉีดแล้วมีปัญหาครับ ความชื้นในห้องสูงเลยต้องปล่อยให้แห้งเหมือนเดิม ส่วนเรื่องการบ่มผมใช้ความร้อนในห้องพ่นซึ่งสูงประมา ณ ๔๐ องศา และปล่อยทิ้งไว้เป็นสัปดาห์จึงค่อยจัดการต่อไปครับ ขอบคุณที่แนะนำครับ


        ---------------------------

        มาต่อเรื่องการพ่นสีครับ หลังจัดวางชิ้นส่วนต่างๆเรียบร้อยแล้ว ให้เอาน้ำยาเช็ดคราบ (Silicon Wax Off) เช็ดพื้นผิวที่จะพ่น แล้วทิ้งให้แห้งสนิท

        ผมล้างน้ำยาล้างจานตอนเย็นปล่อยทิ้งข้ามคืน รุ่งเช้าก็เช็ดด้วยน้ำยาเช็ดคราบแล้วทิ้งไว้ในโรงพ่น ตอนกลางวันแดดร้อนๆ จะได้แห้งสนิทครับ

        ตอนบ่ายๆหรือตอนเย็นก็พ่นสีรองพื้น หากเป็นไปได้ควรพ่นช่วงบ่ายแต่ต้องมีเวลาอย่างน้อย ๓ ชั่วโมงครับ เพราะพ่นรองพื้นทั้งคัน ๒ เที่ยวใช้เวลาประมาณ ๓ ชั่วโมง


        292929

        ตอนพ่นผมเอาโคมไฟติดหน้าผาก สมหน้ากากแบบมีใส้กรองสองข้าง และใส่แว่นตากันฝุ่น มันจะเกะกะมากเพราะมันหลายอย่าง หน้ากากที่ใช้อยู่ยังป้องกันไม่ดีครับ ถ้าจะให้ดีต้องเอาหน้ากากคลุมทั้งหัวสำหรับพ่นยาฆ่าแ มลง

        ในการพ่นสีแต่ละอย่างให้เปลี่ยนใส้กรองก่อนนะครับ ไม่งั้นพ่นไปพ่นมาใส้กรองมันตันหายใจไม่ได้นะครับ โดยเฉพาะตอนพ่นแล็คเกอร์ละอองมันมากและเหนียวจริงๆ แว่นตาเราจะมัวและมองไม่เห็น
        ดังนั้นแว่นตาก็ต้องเปลี่ยนด้วยครับ มันเป็นงานที่ต้องผจญภัยเสียจริงๆ


        303030

        ก่อนพ่นต้องเตรียมกาพ่นสี ไม้คนสีโดยเฉพาะสีรองพื้นมันจะนนอนก้นต้องคนนานๆ เตรียมกระป๋องผสมสี อันนี้ผมใช้ขวดน้ำอัดลมขนาด ๑.๕ ลิตร มาตัดคอขวดออก แล้วก็ทำระดับสี ระดับฮาร์ดเดนเนอร์ และระดับทินเนอร์เตรียมไว้ตามอัตราส่วนที่ผู้ผลิตระบ ุไว้

        313131


        อันนี้ทำไว้ซัก ๓ อัน ใส่สีรองพื้น สีจริง และแล็คเกอร์ ตอนแรกผมคิดว่ามันจะละลาย ผมลองเอาทินเนอร์ชนิดแรงใส่ไว้ ๑ คืนไม่มีปัญหา จึงเอามาใช้

        กาพ่นสีผมซื้อมาเตรียมไว้ก่อน ก่อนจะถึงวันพ่นผมลองมือโดยใช้น้ำเปล่าแทนสีพ่นสีกำแ พงเพื่อปรับขนาดและมุมของสี ทำอยู่อย่างนี้จนกว่าจะถึงวันพ่นเป็นฝึกครับ

        323232

        เมื่อปรับกาได้แล้วอย่าลืมขันให้แน่นนะครับ ถ้าไม่แน่นพ่นไปพ่นมาสีมันซึมออกข้างหัวปืนพ่นแล้วหย ดจะทำให้เสียงาน ขณะพ่นแนะนำให้พกฟองน้ำหรือผ้าขนหนูผืนเล็กๆไว้ด้วย พ่นไปเห็นมันซึมก็เช็ดหัวปืนพ่นซะ เราใช้ของถูกแต่เรามีปัญญาป้องกันและแก้ไข ของแพงไม่ได้เงินเราครับ

        ---------------------------------


        มาดูสภาพนอกโรงพ่นหน่อยครับ ล้อมด้วยผ้าใบกระสอบปุ๋ย ข้างบนมีจานดาวเทียมที่ผมติดไว้ฟังรายการทีวีตอนทำงา นเกี่ยวกับรถครับ จานดาวเทียมก็ติดเองครับ อย่าว่าโม้เลยนะครับ คอมพิเตอร์ผมก็ซ่อมเป็น แอร์บ้านแอร์รถยนต์ก็ทำเอง ตอนนี้มีของอย่างหนึ่งที่ซื้อมานานแล้วแต่ยังไม่ได้ล องใช้มันคือจักรเย็บผ้า คนที่บ้านอยากได้เลยซื้อให้ ผมว่าถ้าเราศึกษาแล้วลงมือทำไม่น่ามีอะไรยากครับ

        333333

        --------------------------------


        ด้านเหนือทิศทางลมของโรงพ่นผมแกะเอาประตูมุ้งลวดของบ ้านไปล้อมเพื่อให้ลมผ่านเข้าไปในโรงพ่นได้ ส่วนอีกด้านหนึ่งตรงหน้าจั่วโรงพ่นผมเอาพัดลมไปติดไว ้เพื่อระบายละอองสีพ่นออกจากห้องพ่น เท่าที่ทำมาหากลมไม่ย้อนพัดลมตัวเดียวก็สู้ได้ แต่ถ้าลมย้อนแล้วก็สู้ไม่ไหวครับ

        343434

        ปั๊มลมตั้งไว้นอกโรงพ่นครับ

        353535


        ------------------------------

        PAGE 2

        การพ่นสีรองพื้นจะพ่น ๒ รอบ รอบแรกพ่นบางๆ แบบยังมองเห็นพื้นอยู่แต่พยายามพ่นให้สม่ำเสมอที่สุด ขณะพ่นให้กาพ่น***งจากชิ้นงานประมาณ ๑ ฟุต เริ่มพ่นที่ขอบชิ้นงานให้ครบทุกด้าน จากนั้นจึงพ่นส่วนที่ด้านในเข้าไป เริ่มเดินกาจะซ้ายไปขวาแล้ววกกลับมาให้สีที่พ่นกลบกั นครึ่งหนึ่งของความกว้างของละอองสีที่ตกที่ชิ้นงานพ่ นเดินหน้าไปเรื่อยๆจนเต็มชิ้นงาน

        การพ่นทั้งคันผมเริ่มพ่นจากฝากระโปงหน้าไล่ขึ้นไปที่ หลังคา ลงไปฝากระโปงหลัง กันชนท้าย แก้มท้ายซ้ายไปขวา แล้วพ่นประตูหลังขวา ประตูหน้าขวา แก้มขวา กันชนหน้า แก้มซ้าย ประตูหน้าซ้าย สิ้นสุดที่ประตูหลังซ้าย จากนั้นไปพ่นชิ้นส่วนต่างๆที่แขวนหรือวางไว้ต่างหาก ถือเป็นการพ่น ๑ รอบ

        จากนั้นให้พักประมาณ ๑๕ นาทีแล้วพ่นรอบที่ ๒ การพ่นรอบนี้จะพ่นให้หนาที่สุดเท่าที่จะทำได้ สีรองพื้นพ่นง่ายครับ มันไม่ย้อยง่ายจึงสามารถพ่นได้หนา วิธีพ่นทำเหมือนกันกับรอบแรก ต่างกันตรงที่พ่นให้หนาขึ้นเท่านั้น ตรงขอบชิ้นงานต้องพ่นให้หนาเป็นพิเศษเพราะเวลาขัดออก บริเวณนี้จะถูกขัดออกมากกว่าจุดอื่น

        หลังจากพ่นรอบที่ ๒ แล้ว ทิ้งไว้ข้ามคืน ย่างน้อย ๑๖ ชั่วโมง ที่อุณหภูมิ ๒๑ องศาเซลเซียส แล้วมาดูจะเห็นผิวสีมีลักษณะพรุนๆ เหมือนเทปูนที่ผสมทรายมากและไม่ได้ขัดหน้าตามภาพข้าง ล่างครับ

        363636

        373737

        383838

        ขั้นตอนต่อไปคือการขัดสีรองพื้นครับ ถึงตอนนี้ผมลังเลว่าต้องขัดไหม เหตุเพราะไปเจอคลิปวีดิโอของฝรั่งที่อธิบายมีหลักการ ดีว่า ถ้าพ่นสีรองพื้นอีพ็อกซี่ไม่เกิน ๗๒ ชั่วโมงสามารถพ่นสีจริงได้โดยไม่ต้องขัด ผมรู้สึกไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไร จะเอาตามเขาหรือจะขัดเพราะเห็นในเว็บไทยส่วนมากบอกว่ าต้องขัด กระทั่งจะถึงวันที่ตั้งใจจะพ่นสีจริงเลยลองเข้าไปดูข ้อมูลทางเทคนิคของสีรองพื้นที่ใช้ มีข้อความระบุในทำนองว่า "easy to sand" (ขัดง่าย) ผมก็เลยนึกได้ว่ามันต้องขัด จากนั้นผมรีบไปขัดสีรองพื้น เริ่มขัดตั้งแต่บ่ายโมงเสร็จเอาประมาณ ๓ ทุ่ม มันขัดง่ายจริงแต่ก็เหนื่อยน่าดูเพราะเป็นการขัดรถทั ้งคัน จากนั้นก็ล้างด้วยน้ำยาล้างจานปล่อยทิ้งข้ามคืน รุ่งขึ้นเช็ดด้วยน้ำเช็ดคราบ

        393939

        การขัดสีรองพื้นเป็นเรื่องสำคัญมากครับ เราต้องขัดเอาเม็ดสีหยาบๆออกจนผิวเรียบแต่ระวังอย่าใ ห้ทะลุถึงสีเดิม ถ้าเราขัดไม่เรียบถึงขั้นตอนสุดท้ายเราขัดแล็คเกอร์อ าจมีสีรองพื้นโผล่ให้เห็น ถ้ามีจุดใดที่ขัดแล้วทะลุก็พ่นซ้ำ ถ้าเล็กน้อยก็ปล่อยไปได้ครับ

        เสร็จจากนั้นก็ล้างน้ำยาล้างจานทิ้งข้ามคืน รุ่งขึ้นเช็ดด้วยน้ำยาเช็ดคราบแล้วปล่อยให้แห้งเตรีย มพ่นสีจริง


        ------------------------------

        การพ่นสีจริงต้องมีเวลาประมาณ ๗ ชั่วโมงครับ เพราะต้องพ่นต่อด้วยแล็คเกอร์ 2K เราต้องกะเวลาอย่าให้มืดก่อนเดียวมีแมลงมาตอมไฟ ระวังเรื่องพายุและฝนด้วยนะครับ

        สีจริงพ่น ๒ เที่ยวเป็นอย่างน้อย ระวังบริเวณขอบชิ้นงานสีมักจาง พ่นบริเวณนี้ก่อน แล้วพ่นข้างในชิ้นงานก่อนผ่านไปชิ้นอื่นก็พ่นขอบชิ้น งานอีกสักรอบ

        การพ่นสีจริงและแล็คเกอร์ ทำเช่นเดียวกับพ่นสีรองพื้น รอบแรกพ่นบางๆ รอบสองพ่นให้ฉ่ำ หลังจากนั้นพ่นแล็คเกอร์ ๒ รอบ รอบแรกพ่นบางๆ รอบสองพ่นให้เห็นความมันเกือบเยิ้มแต่อย่าให้เยิ้มนะ ครับ ระยะ***งระหว่างรอบ ๑๕ นาที ถ้าสีเยิ้มไม่ต้องตกใจพ่นต่อไปตามปกติ ถ้ามีอะไรปลิวถูกให้ใช้นิ้วปาดออกแล้วพ่นซ้ำให้หนาเพ ื่อจะได้ขัดแต่งในภายหลัง เสร็จแล้วทิ้งไว้นานที่สุดที่จะอดใจได้ สีจะได้แห้งสนิทแล้วค่อยขัดแล็คเกอร์ครับ

        404040

        414141

        424242

        434343

        444444

        454545

        464646

        แล็คเกอร์ 2K มีความหนืดสูง เวลาพ่นต้องใช้ลมแรงกว่าพ่นสีจริง ไม่เช่นนั้นมันจะหยดใส่ชิ้นงาน เวลาพ่นละอองแล็คเกอร์จะคลุ้งไปทั่วถ้าไม่ใส่แว่นตาจ ะมีละอองแล็คเกอร์ไปจับที่ขนตากว่าจะหลุดออกหมดต้องใ ช้เวลานานเป็นเดือนครับ ข้อดีข้อแล็คเกอร์คือไม่ค่อยเปลือง ต่างจากสีจริงที่เปลืองมากครับ

        -------------------------------

        ปั๊มของผมขนาด ๓ แรงม้า (3 HP) สามารถพ่นต่อเนื่องได้ตลอดเวลาโดยเสียบปลั๊กคาไว้ครั บ เท่าที่เคยเห็นในเว็บก็ขนาดนี้แหละครับ

        474747

        ขณะพ่นปั๊มจะทำงานตลอดเวลาจะหยุดก็ต่อเมื่อเราหยุดพ่ นไปสักพัก ลองดูครับผมเชื่อว่าคุณแตนทำได้ ข้อสำคัญต้องมีกรองดักน้ำ และการระบายอากาศต้องดี แสงสว่างต้องเพียงพอนะครับ

        สงสัยถามได้ไม่ต้องเกรงใจครับ

        -----------------------------

        หลังจากพ่นสีและแล็คเกอร์ทิ้งไว้แห้งดีแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการขัดแล็คเกอร์ครับ

        เมื่อสีและแล็คเกอร์แห้ง เราจะเห็นว่าผิวแล็คเกอร์ไม่เรียบโดยหยาบเป็นผิวส้มซ ึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะแล็คเกอร์ที่พ่นไปที่ชิ้นงานจะมีละอองเป็นเม็ดๆ เมื่อไปติดที่ผิวชิ้นงานก็จะมีลักษณะขรุขระเหมือนเรา เอาก้อนดินจำนวนมากขว้างไปติดที่ฝาบ้าน ถ้าขยายดูหน้าตัดด้านข้างเราจะเห็นแล็คเกอร์ที่ติดชิ ้นงานมีลักษณะเหมือนฟันปลาจำนวนมาก เราจึงจำเป็นต้องขัดเอาปลายฟันปลาดังกล่าวออกให้เหลื อแต่พื้นแล็คเกอรที่ติดกับชิ้นงาน ในช่วงนี้หากจุดใดแล็คเกอร์ไหลย้อยก็จัดการเอากระดาษ ทรายพันรอบไม้เหลี่ยมที่เรียบๆยาวๆ มาขัดออกจนผิวมันเรียบไม่เห็นร่องรอยของผิวส้มหรือรอ ยแล็คเกอร์ย้อย

        484848

        494949

        การขัดแล็คเกอร์ถ้าเป็นแล็คเกอร์ยี่ห้ออื่นสามารถใช้ น้ำยาคอมปาวด์ขัดออกโดยใช้เครื่องขัด

        แต่ถ้าเป็นแล็คเกอร์ตรานกแก้วมันแข็งมาก น้ำยาขัดไม่ออก ต้องใช้กระดาษทรายเบอร์ ๑,๕๐๐ บาท ขึ้นไป ขัดออก แล้วจึงใช้คอมปาวด์ 3M Fast Cut Plus ขัดออก สีจะมันแว๊บเหมือนสีแก้วเลยครับ

        505050

        515151

        ------------------------


        การขัดแล็คเกอร์ถ้าเป็นแล็คเกอร์ยี่ห้ออื่นสามารถใช้ น้ำยาคอมปาวด์ขัดออกโดยใช้เครื่องขัด

        แต่ถ้าเป็นแล็คเกอร์ตรานกแก้วมันแข็งมาก น้ำยาขัดไม่ออก ต้องใช้กระดาษทรายเบอร์ ๑,๕๐๐ บาท ขึ้นไป ขัดออก แล้วจึงใช้คอมปาวด์ 3M Fast Cut Plus ขัดออก สีจะมันแว๊บเหมือนสีแก้วเลยครับ


        525252


        ---------------------------

        หลังจากขัดแล้วตรงไหนที่มันไม่เรียบหรือมีแล็คเกอร์ห ยดย้อยมันจะโผล่ให้เราเห็น ก็จัดการเอาปากกาวงไว้แล้วใช้กระดาษทรายเบอร์ ๑.๕๐๐ ขัดออก แล้วขัดด้วยครีมใหม่ครับ


        535353

        545454

        ---------------------------

        หลังจากขัดแล็คเกอร์เสร็จก็เป็นการประกอบ การประกอบก็ทำกลับกันกับตอนถอด ที่ยากที่สุดคือกระจกหูช้างเหมือนกับตอนถอดเพราะมันแ น่นมาก ก่อนประกอบให้เอาน้ำฉีดร่องบนประตูให้เปียก เอายางขอบกระจกหูช้างใส่กระจกแล้วฉีดน้ำและเอาสบู่ถู ยางขอบกระจก แล้วนำไปสวมใส่เข้าที่ มันค่อนข้างคับต้องดึงแรงๆถึงจะเข้าสุด


        555555

        565656

        575757

        --------------------------




        การประกอบยางขอบประตูให้เริ่มจากมุมประตูที่เป็นมุมฉ าก ตะแคงยางขอบประตูเอาส่วนที่เป็นเดือย(ไม่รู้จะเรียกว ่าอย่างไร)ใส่เข้าไปก่อนแล้วเอาเกียงดันด้านที่ติดกั บพลาสติกขอบวงประกตูเข้าไป

        585858

        595959

        การประกอบแผงประตูมีเทคนิคเล็กน้อย เวลาใส่แผงประตูเหล็กปลดล็อกมันมากจะหลุดออกจากรู วิธีแก้ให้สวมแผงประตูให้เหล็กปลดล็อกมันโผล่ขึ้นมาแ ล้วเอาหลอดกาแฟสวมมันไว้ มันจะได้ไม่ล้มไปทางอื่น จากนั้นจึงจัดการสวมขาล็อกต่างๆให้เข้าที่ครับ

        606060

        ที่เห็นเส้นลวดเป็นวงนั้นเป็นที่วางแก้วน้ำ ผมเอาซี่ลวดรถจักรยานมาดัดให้พอดีกับปากแก้วน้ำที่เป ็นขอบพวกที่ขายในเซเว่น ก็ใช้ได้ดีครับ เวลาไม่ใช้ก็ตั้งมันขึ้นเหมือนบนรถทัวร์

        ----------------------------------

        หลังจากประกอบเสร็จแล้ว มีสิ่งหนึ่งที่ต้องทำครับ

        รถเราจอดทำสีเป็นเดือน แถมมีการล้างด้วยน้ำยาล้างจานด้วย รับรองสนิมจับที่จานเบรคจนล้อหมุนไม่ได้ จุดที่ผ้าเบรคประกบอยู่จะมีสนิมจับหนากว่าจุดอื่น ดังนั้น เราต้องถอดเอาจานเบรคเอามาขัดสนิมออกก่อน หากไม่ขัดออกเวลาเบรคจะมีอาการสะดุดที่เท้าเหมือน ABS แรงมาก


        616161

        บางคนเข้าใจว่าจานเบรคคด มันไม่คดหรอกครับรถเราจอดอยู่เฉยๆ หลังจากผมเอาจานเบรคออกมาขัดสนิมออกแล้วประกอบเข้าทุ กอย่างก็กลับมาปกติ

        626262

        เรื่องนี้เคยเสียค่าโง่มาแล้วตอนซื้อรถมาใหม่ๆ หาข้อมูลจากเน็ทหลายคนบอกว่าจานเบรคคด เลยเอาเอาไปเจียร์ เสียเงินเปล่าๆ แถมจานเบรคบางลงด้วยครับ

        -------------------------------------

        มีแถมอีกเรื่องครับ

        ยางหุ้มกุญแจใครฉีกแก้อย่างไร ผมเอาซี่ลวดจักรยานมาดัดเป็นวงขนาดเหรียญบาทแล้วตัดอ อกมาเป็นวงตามรูป

        636363

        จากนั้นเอาวงแหวนนี้ไปติดกับกุญแจที่แกะเอาพลาสติกหุ ้มออกแล้วตามรูป

        646464

        กาวที่ใช้ติดคือกาวมหาอุต (กาว EPO PUTTY) ติดแล้ววางทิ้งไว้ประมาณ ๑ ชั่วโมง ให้มันแห้ง
        หลังจากนั้นผสมกาวประมาณเท่านิ้วหัวแม่มือเอาไปพอกหุ ้มกุญแจที่ติดห่วงดังกล่าว

        656565

        666666

        ตากแดดทิ้งไว้ประมาณ ๑ ชั่วโมงก็แข็ง แต่ก่อนใช้งานควรทิ้งข้ามคืนครับ

        -------------------------

        มีของเล่นอวดนิดหนึ่ง

        676767

        อันนี้ผมสร้างประมาณ ๘ ปีที่แล้ว ตอนนี้มันบินไม่ได้เพราะลูกสูบติด ไม่ได้บินมานาน ตอนนั้นผมสร้างไว้เล่นเองทั้งที่ใช้ไฟฟ้าและใช้น้ำมั นรวมประมาณ ๑๐ ลำ ตอนนี้ผุเกือบหมดแล้ว

        ---------------------------

        มาชมเบื้องหลังการทำงานนิดหน่อย
        เสาร์ - อาทิตย์ ผมเร่งงานเต็มที่ ผบ.เอาข้าวมาเสริฟถึงที่ ผมกินแล้ววางทำงานไป หันไปอีกทีเจ้าของบ้านมางาบเสียแล้ว

        686868

        ส่วนนี่เป็นเจ้าของบ้านผู้น่ารัก ผมทำงานตอนเย็นเขาก็มานอนเฝ้า

        696969

        ส่วนนี่เป็นเจ้าของบ้านผู้น่ารัก ผมทำงานตอนเย็นเขาก็มานอนเฝ้า

        707070

        นี่ ผบ.ที่บ้านก็ช่วยทำ

        717171

        -------------------------

        ขอบคุณคุณเอกชัยและคุณทีเรซ่าที่ติดตามครับ เห็นคุณเอกชัยชอบที่วางแก้วผมเลยไปถ่ายของประตูหน้าม าให้ดูอีก

        727272

        วิธีทำก็ไม่ยาก ดูรูปแล้วน่าจะเข้าใจครับ

        737373

        747474

        -----------------------------

        ขอบคุนทุกท่านที่ชมครับ ขอโทษคุณตาลที่เรียกชื่อผิด

        ผมยังมี DIY อีกหลายอย่างที่ทำแล้วได้ผลดี ตัวอย่างเช่น ใส่รีโมทกุญแจ ลงทุนไม่มาก เพียงแค่ใส่ชุดรีโมทกันขโมยตามท้องตลาด ใช้มาแล้ว ๓ ปี ไม่มีปัญหาอะไร โอกาสหน้าจะเอามาให้ดูครับ


        ---------------------------

        ขอบคุณพี่ชุมพลที่ชมครับ ผมทำเองหลายอย่างจริงๆ ที่จำได้ เช่น เปลี่ยนปั๊มติ๊ก เปลี่ยนกระปุกพวงมาลัย ทำท่อไอเสีย (รถผมเป็นเครื่องเจ) ตัดต่อใส่โซลินอยด์ท่อแก๊ส เปลี่ยนหลอดไฟเพดานทุกจุดเป็น LED โดยเอาไฟเม็ดมะรุมมาทำ ถอดล้างและเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์แอร์ เปลี่ยนวาล์วแอร์ ล้างระบบแอร์เปลี่ยนน้ำยา ทำไฟ Daylight จากไฟเม็ดมะรุม เปลี่ยนประตู แก้มทั้งสองข้าง และกระโปงท้าย ใส่เซนเซอร์เดินหน้าถอยหลัง ทำระบบควบคุมพัดลมหม้อน้ำ ๓ สเต็บ ใส่พัดลม ๒ ตัว สูตรลุงสี่ ตีกระบังพัดลมเอง ไม่สวยแต่เราไม่ได้เอาไปอวดใคร ที่แน่นอนคือแข็งแรงใช้ดีเสียงไม่ค่อยดัง ต่อไฟแสดงระดับเกียร์ ทำระบบสลับน้ำมันเป็นแก๊สแบบออโต้ บุฉนวนหลังคา ถอดเปลี่ยนมอเตอร์โบล์วเวอร์ ตอนนี้รถใช้ได้สมบูรณ์ด้วยมือเรา ผมเห็นรถมีอะไรบกพร่องไม่ได้ต้องจัดการมัน ผมเคยขับรถเข้าอู่ดังในขอนแก่น เห็นรถแต่ละคันสวยๆใหม่ๆจอดเต็มไปหมด ผมรู้สึกตัวลีบ วันนั้นตั้งใจไปเปลี่ยนบุชตอแหล ถามเจ้าของอู่บอกว่าฮ้อยส์ไม่ว่าง เขาบอกว่าถอดบุชตอแหลต้องใช้เวลาเป็นวัน ต้องถอดฮับล้อหลังออกมาทุบเอาบุชออก ผมเลยขับกลับบ้านถอดล้อถอดปีกนกหลังออกแล้วเอาน๊อตมา ขันดึงเอาบุชตอแหลออก ไม่ต้องทุบแม้แต่นิดเดียว เครื่องมือที่ใช้คือน็อตตัวใหญ่ยาวประมาณ ๑๕ ซ.ม. แล้วก็ประแจบล็อกและประแจแหวน ตัดเหล็กท่อที่เอาบุชตอแหลสวมเข้าไปได้มาทำครอบตรงปา กบ่าที่บุชสวมอยู่เอาแหวนเหล็กหนาๆมารองหัวน็อตตัวผู ้ ส่วนน็อตตัวเมียอยู่อีกด้านหนึ่งเอาประแจแหวนจับมันไ ว้แล้วหมุนน็อตดึงเอาบุชตัวเก่าออกมา วันหลังจะถ่ายรูปมาให้ดูครับ บุชที่เปลี่ยนราคา ๖๐๐ บาท เป็นของแท้สั่งมาจากจังหวัดทางภาคเหนือ ทุกวันนี้ผมไม่ง้อช่าง เครื่องมือมีแทบทุกอย่างตอนแรกอาจต้องซื้อเครื่องมือ แต่มันได้ความสบายใจ ว่างเมื่อไหร่ค่อยทำ

        การดัดซี่ลวดรถจักรยานเครื่องมือมี่ต้องมีคือคีมล็อก เหล็กท่อกลม และคีมปากตุ๊กแกหรือคีมคอม้าก็ได้ครับ ถ้ามีเครื่องเชื่อมด้วยก็ดีครับ ส่วนเครื่องตัดผมใช้เครื่องเจียร์ที่เรียกว่าลูกหนู ใช้ใบตัดสแตนเลสขนาด ๔ นิ้ว ตัดง่ายมาก

        วิธีทำ กรณีที่จะดัดให้เป็นวงกลมเฉยๆ ให้บากปากท่อเหล็กแล้วเอาหัวซี่ลวดสอดเข้าให้หัวมันค าแล้วเอาคีมล็อคจับซี่ลวดทางด้านที่เป็นเกลียวแล้วหม ุนรอบท่อเหล็กเราก็จะได้เส้นลวดวงกลมที่สม่ำเสมอครับ ถ้าจะทำวงเล็กต้องใช้ปากกาจับเหล็กช่วยครับ ลวดมันแข็งมากระวังมันดีด

        กรณีที่จะดัดปลายเส้นลวดออกด้านนอกวงก็เอาคีมดัดเอา แต่กรณีนี้มันจะไม่ค่อยสวยและไม่แข็งเหมือนเดิมเพราะ มันเคยถูกดัดไปแล้ว ถ้ามีเครื่องเชื่อมให้เอาเหล็กเส้นมาเชื่อมใส่ข้างท่ อเหล็กให้เป็นกิ่งสั้นๆ แล้วออกซี่ลวดมาดัดงอด้วยคีม หลังจากนั้นเอาตรงที่ดัดงอไปงัดกับกิ่งที่เชื่อมไว้แ ล้วใช้คีมล็อคจับดัดซี่ลวดรอบท่อเหล็กก็จะได้ซี่ลวดเ ป็นวง จากนั้นค่อยเอาคีมจับหักงอตามต้องการ ลวดมันแข็งมากหาปากกาจับเหล็กไว้ใช้สักอันก็ดีครับ


        -------------------------------

        นับถือในความสามารถของพี่ครับ ทำเองไม่ต้องง้อช่างทุกอย่างแบบนี้ก็เรียกว่าแฮนด์เม ดอีกคันดีใจที่ในเวปมีผู้เชี่ยวชาญเพิ่มขึ้นมาช่วยแช ร์ประสบการณ์และความรู้ในการทำรถอีกท่านแล้วครับ พี่สุดยอดมากครับ

        --------------------------

        ช่วงนี้งานเยอะไม่ค่อยได้เข้าเวปเลย มาอีกทีโอ้พระเจ้า......คุณ Cobra4971 เป็นท่านหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวผมเป็นเด็กอนุบา ลไปเลยนะเนี่ย นับถือครับ ในความละเอียด ความพยายาม ความใฝ่หาความรู้เพิ่มเติม ถึงทำให้เกิดผลงานเช่นนี้ขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตามการทำงานเกี่ยวกับเรื่องสีรถยนต์นั้นมีฝ ุ่นผงละอองเยอะก็รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ขอให้มีความสุขกับผลงานชิ้นนี้ครับ

        ----------------------------

        สอบถามครับ
        ปั้มลม50ลิตร พ่นต่อเเนื่องๆด้กี่ชม.
        ผมเล็งปั้มoil free 4สูบไว้
        น่าจะปั้มเร็ว แต่กลัวเรื่องร้อน
        ตอนแรกกะ้แค้ถอดล้อ เป่ากรอง
        มาอ่านเจอ ก็เผื่อไว่พ่นกันชน
        จะได้จัดกรองดักน้ำมาทีเดียวครับ


        ----------------------------

        ผมเคยบอกเพื่อน ๆ หลายๆคนว่าถ้าจะซื้อถังลมให้ซื้อใบใหญ่ ๆ อย่างน้อย 100-150 ลิตร
        เพราะผมซื้อแบบ 50 ลิตรมาใช้ เอาใช้งานจริงจังไม่ได้เลย พ่นสี ลมก็ไม่เสถียร ยิงปืนลม
        ก็ไม่แรง ปู๊ดเดียวหมดแรงแล้วเป่าลมก็ไม่สะอาด
        ต้องรอนานกว่าลมจะเต็ม ใช้ได้เพียงเติมลมยาง และเป่า
        อะไรเล็ก ๆ น้อย ๆดีกว่าไม่มีหน่อย ดีแต่ราคาย่อมเยา จะเอาใช้สาระพัดนึกต้องใหญ่ไว้
        ก่อนครับ DIY ถ้ามีถังลมช่วยได้เยอะ ที่ดีเห็น ๆ ก็เปลี่ยนลูกยางโอริงกระบอกเบรค
        ถ้าไม่มีลมอัด ไม่รู้จะเอาลูกสูบเบรคออกมายังไง


        ----------------------------------

        ผมตั้งใจพ่นแค่กันชน
        กระจกมองข้าง
        เล็กๆน้อยๆ

        งั้นจัดกลางๆ 70 ลิตร
        เน้นเอาไว้ถอดล้อ
        เผื่อถอดเพลามาเปลี่ยนยางหุ้ม

        ส่วนเปลี่ยนยางโอรัฐมนตรี
        รบกวนท่านทำDIYใส่ห้องสมุด
        อยากเปลี่ยนชุดซ่อม
        เพราะหน้าซ้ายผ้าสึกมากกว่าเท่าตัว

        ----------------------------

        ชื่นชมจากใจจริง ฝีมือมากเลยครับ
        ขอบคุณมากครับ
        Last edited by PERAWAT153; 23 May 2016, 15:02:14.

        Comment


        • www forum.khonkaenlink.info/index.php?topic=16958665.30

          งานโป่ง แปลงรถ ข้ามสายพันธุ์ ขึ้นรูปใหม่ FACE OFF- WIDEBODY.... ดูต่อได้ที่ www forum.khonkaenlink.info/index.php?topic=16958665.30

          ##############

          www carsbright.com/shine/index.php/Page-7.html


          ประกาศ บริษัท คาร์ไบร์การาจ จำกัด
          ขณะนี้ทางบริษัทคาร์ไบร์ทจำกัด ได้ปรับปรุงระบบบริหารจัดการใหม่ ทำให้เราสามารถบริการลูกค้าทุกๆ ท่านเสร็จภายในเวลาที่กำหนด หรืออาจเร็วกว่านั้น ลูกค้าประสงค์นำรถเข้ามาได้เลย นัดคิวโทร

          ##############

          www carsbright.com/shine/index.php/Honda/Honda-City-ทำสีใหม่ทั้งคัน-เปลี่ยนสีดำเป็นบรอนซ์เงิน.html


          Honda City ทำสีใหม่ทั้งคัน เปลี่ยนสีดำเป็นบรอนซ์เงิน
          Last edited by PERAWAT153; 22 May 2016, 19:05:31.

          Comment


          • ผมใช้จอคอม lcd lenovo 18.5" อายุ 5ปี+ อาการเสีย ติด/ดับ บางครั้งเปิดติดแล้วดับ ติด/ดับติดต่อกัน
            คอมไม่ดับนะครับ แต่ว่าถ้าติด ก็ดูภาพได้ปกติ สามารถซ่อมได้มั๊ยครับ

            Comment


            • Originally posted by sithkanti View Post
              ผมใช้จอคอม lcd lenovo 18.5" อายุ 5ปี+ อาการเสีย ติด/ดับ บางครั้งเปิดติดแล้วดับ ติด/ดับติดต่อกัน
              คอมไม่ดับนะครับ แต่ว่าถ้าติด ก็ดูภาพได้ปกติ สามารถซ่อมได้มั๊ยครับ
              ลองเปลี่ยน C ครับ ไม่หายก็เปลี่ยนบอร์ด POWER ครับ อาการน่าจะเป็นที่บอร์ด POWER ซึ่งราคาจะแพงและหายาก ไม่คุ้มครับ ลองเปลี่ยน C ดูก่อน ไม่หายก็หาซื้อมือสองใช้ น่าจะถูกกว่าครับ

              Comment


              • www pantip.com/topic/13075959


                [CR] ++ รีวิวทำสีรอบคัน อู่ธนูเดชการาจ ลาดพร้าว 80 ++

                รถออกมาสวยสดเลยครับ

                ##############

                www pantipmarket.com/items/9536268

                @@ ทำสีรถยนต์รอบคันถูกสุด 10,000 บ. (รถเล็ก) (รถกลาง-ใหญ่12000-18000บ.)รับงานประกันทุกบริษัท มีรับประกันผลงานสี6เดือน(ตามเงื่อนไข) สีอยู่คงทน4-5ปี(การใช้งานปกติ)ช่างมืออาชีพ รับพ่นสีชิ้นงานสินค้า... บริการ ตกแต่งประดับยนต์ เก๋ง กระบะ ตู้ ทุกรุ่น ทุก

                081-3165959 , 086-9001299 , 086-3367969 , 02-4456042


                ##############

                www shellcolor.com/index.php?start=22

                13124757_1133018086728848_479715404232459177_n.jpg

                DSC02627.jpg
                Last edited by PERAWAT153; 23 May 2016, 08:17:57.

                Comment


                • Originally posted by PERAWAT153 View Post
                  ลองเปลี่ยน C ครับ ไม่หายก็เปลี่ยนบอร์ด POWER ครับ อาการน่าจะเป็นที่บอร์ด POWER ซึ่งราคาจะแพงและหายาก ไม่คุ้มครับ ลองเปลี่ยน C ดูก่อน ไม่หายก็หาซื้อมือสองใช้ น่าจะถูกกว่าครับ
                  ขอบคุณครับ

                  Comment


                  • Originally posted by sithkanti View Post
                    ขอบคุณครับ
                    ไม่เป็นไรครับ ช่วย ๆ กันไปครับ

                    #################

                    www club4g.com/index.php?topic=84178.0

                    ทำสีรถยนต์ เคาะ ปะผุ ชุดแต่ง ประหยัด รวดเร็ว มีรูป update ระหว่างซ่อม 5/59
                    เมื่อ 28/04/2009, 02.52.35

                    ร้าน PC GARAGE ทำสีรถยนต์ ทำสีทั้งคัน เคาะ ประผุ ซ่อมตัวถัง กันชน บอดี้พาร์ท ชุดแต่งรอบคัน ลิ้นต่อ ชายต่อ ราคาประหยัด รวดเร็วทันใจ
                    ทำสีรถยนต์ ทุกรูปแบบ ในราคาประหยัด เริ่มต้น 9,800 รับประกันความพอใจทุกกรณี รับงานประกันภัยทุกบริษัท
                    ลองโทรมาคุยกันครับผม 0814207020 0922602340 ภพ (Line and WhatsApp)
                    Id line 0814207020 (ติดต่อทาง line ได้ตลอดครับ)

                    ##################


                    อ้างอิงจาก

                    www vigothailand.com/board/index.php?topic=145287.0;wap2

                    ***รับพ่นสีรถยนต์รอบคัน ราคาถูก เริ่มต้น 9500 บาท ทั้งคัน ราคานี้เฉพาะกรณีที่รถมีสภาพสมบูรณ์ สาดสีใหม่อย่างเดียว ไม่มีการขัดโป๊วสักจุด ราคาและคูณภาพสีและแลคเกอร์สูงขึ้นตามเกรดของที่ใช้




                    ***รับประกันสี 1ปี พ่นใหม่ฟรีทั้งชิ้นไม่จำกัดจำนวนครั้ง กรณีสี แตก หลุด ร่อน


                    ***ใช้สีแห้งช้าคุณภาพสูง เช่น mercurie / dupont / glasurit / spied hecker / standox


                    ***ใช้แลคเกอร์คุณภาพสูง เช่น ตราพัด hi-s (2:1) / dupont 3800s (3:1)
                    glasurit (นกแก้ว) 923-255 (2:1) / spied hecker (2:1)/ standox (2:1)

                    ( ) คือ อัตราการผสมของแลคเกอร์กับ ฮาร์ตเดนเนอร์ (ตัวเร่งแข็ง) แห้งช้าจะผสม 2:1
                    แห้งเร็วจะผสม 4:1


                    ***รับปรึกษาการแจ้งเคลมประกันสำหรับรถมีประกันภัย

                    ความรู้เกี่ยวกับประกันภัย อยากให้อ่านกันครับ


                    1. ใบขับขี่กับประกันภัย

                    หลายคนคิดว่าขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุ เรียกประกันมา ใบขับขี่ไม่มีทำไงดี บางคนยัดเงินพนักงานเครม
                    บางคนเปลี่ยนคนขับ ผมอยากชี้แจงให้ทราบว่าใบขับขี่จำเป็นต้องมีในกรณีเดียวคือเมื่อเกิดเหตุแล้วรถ
                    เจ้าของประกันภัยต้องการซ่อมรถตัวเอง นอกนั้นไม่ต้องใช้ อาจไม่เห็นภาพนะครับลองมาดูกันต่อ


                    *** รถมีปะะกันชั้น 1 แล้ว ไปชนรถหรือทรัพย์สินคนอื่น ไม่ว่าอะไรก็ตาม ประกันจะต้องรับผิดชอบคู่กรณี
                    แทนท่านทุกกรณี ไม่ว่าท่านจะชนรถ ชนรั้วบ้าน ชนคน ชนอะไรก็ได้ที่เป็นทรัพย์สินของคนอื่น
                    ไม่ว่าท่านจะมีใบขับขี่หรือไม่ ประกันต้องจ่ายหมด สิ่งที่แตกต่างระหว่าง มี กับไม่มี ใบขับขี่คือ
                    ถ้าท่านไม่มีใบขับขี่ประกันจะไม่ซ่อมรถให้ท่านแค่นั้น ถ้าท่านขับรถไปชนท้ายเค้า แล้วมีใบขับขี่ประกัน
                    จะซ่อมรถให้ทั้ง 2 คัน แต่ถ้าไม่มีประกันจะซ่อมแต่รถคู่กรณีไม่ซ่อมรถท่าน

                    กรณีที่ท่านเปิดเคลมแห้ง (ไม่มีคู่กรณี) ท่านที่มีชั้น 1 อยู่ อย่าปล่อยสิทธิให้เสียไป หากรถมีรอยขีดข่วน สะเก็ดหิน อยากได้สีใหม่ เพียงแค่ใช้บุคคลที่มีใบขับขี่ โทรแจ้งขอเคลมสีของท่านได้


                    *** รถมีประกันชั้น 2 -3 ธรรมดา ไม่ต้องกังวลใดๆ ท่านจะขับชนอะไรก็ตาม ไม่ต้องมีใบขับขี่ประกันต้องรับผิดชอบหมด ยกเว้นชั้น 2 กรณีรถหายหรือไฟไหม้จำเป็นต้องมี


                    *** รถที่มีประกันชั้น 2-3 พลัส หรือ ประเภท 5 ลักษณะเดียวกับประกันชั้น 1 แต่จะแตกต่างตรงที่จะต้องเป็นรถชนรถ รถที่มีป้ายทะเบียนเท่านั้น จักรยาน ซาเล้ง ไม่เกี่ยว รถชนรถ มีใบขับขี่ก็ซ่อมทั้งคู่ ไม่มีก็ซ่อมเฉพาะทรัพย์ที่เราชน


                    2. เมาสุรากับประกันภัย


                    ไม่ต้องกังวลใดๆครับ เงื่อนไข ของประกันภัย จะไม่รับผิดชอบให้ท่านต่อเมื่อท่านเมาในระดับแอลกอออล์เกิน 150 เพราะฉนั้นท่าท่านเมาไม่มากสิ่งที่ระวังคือตำรวจ พยายามหลีกเลี่ยงการขึ้นโรงพัก การเป่าอลกอฮอล์ เมื่อเกิดเหตุ รุนแรงขนาดเข้าโรงบาล อย่าให้พยาบาลเจาะเลือดท่าน ถ้าไม่มีหลักฐานการตรวจประกันต้องจ่ายสถานเดียว จำไว้ถ้าท่าน ไม่เมาจนเกินลิมิตประกันจ่ายคุณแน่แต่ระวังข้อหาเมาแล้วขับก็พอ
                    (ผมเคยเมาแล้วโดนเป่า ออกมาได้ 187 เรียกว่าขับรถไม่ได้แล้วครับ) ใบขับขี่ไม่ต้องซีเรียส โดนจับก็แค่ปรับ



                    3. โดนชนแล้วหนี


                    ท่านที่มีประกันชั้น 1 หรือ 2--3 พลัส หากโดนชนแล้วหนีท่านต้องจำทะเบียนรถคันนั้นให้ได้ แล้วเตรียมใบขับขี่ ถ้าไม่มี ให้หาคนมีใบขับขี่เอาไว้แล้วไปแจ้งความที่ สน ท้องที่นั้น นำใบแจ้งความมาแล้วโทรแจ้งประกัน ประกันจะส่งพนักงาน เครมมาเครมให้ ถ้าท่านไม่ทราบเลขทะเบียนของคนที่ชนท่าน สำหรับประกันชั้น 1 ให้แจ้งเป็นชนโน่นชนนี่ไม่มีคู่กรณี ตามสภาพบาดแผลที่น่าจะเป็น สำหรับ 2-3 พลัส .... อดไป



                    4. เลขทะเบียน เลขเครื่อง สีรถ ภาษีขาด


                    อธิบายสั้นๆง่ายๆว่าประกันยึดถือเลขตัวถังรถเป็นหลัก ไม่ว่าป้ายไม่ตรง เลขเครื่องไม่ตรง สีไม่ตรง ภาษีขาดต่อ ไม่เกี่ยวข้อง กับประกันภัย ไม่ต้องซีเรียส ไม่ต้องกลัวประกันไม่จ่าย หากเลขตัวรถท่านตรงเป็นอัน แฮปปี้ ยกเว้นกรณีที่ประกันหาเลข ตัวถังรถท่านไม่เจอ ประกันอาจขูดเลขเครื่องของท่านแทน



                    5. ใบขับขี่โดนยึด หมดอายุ หาย


                    หากใบขับขี่โดนยึดให้แสดงใบสั่งแทน ประกันยึดถือแค่ว่าจะไม่คุ้มครองผู้ที่ไม่เคยได้รับใบอนุญาติ เท่านั้น หากหมดอายุก็แสดงไปใช้ได้ไม่มีปัญหา หากโดนยึดก็แสดงใบสั่ง หากหายถ้ามีสำเนาก็แสดงสำเนาหรือหากไม่มีในวันนั้นในวันที่เอารถเข้าซ่อมก็เตรียมไปด้วยไม่งั้นอดซ่อม และหากหายและไม่มีสำเนาก็ไปทำมาซะแต่ตอนเกิดเหตุต้องแจ้งว่ามีไว้ก่อน ไม่ได้เอามาหรืออะไรก็ว่าไป มีเวลาเรื่อยๆจนกว่าท่านเอารถเข้าซ่อม


                    6. เวลาเกิดเหตุกลางถนน


                    หากตกลงกันได้ว่าใครผิดใครถูก คนผิดยอมรับผิด ให้เคลื่อนย้ายรถออกจากที่เกิดเหตุทันที อย่าไปจอดเกะกะชาวบ้าน ไม่จำเป็นต้องรอประกันมาถึง หากไม่รู้ใครผิดให้ตำรวจตัดสินแล้วย้ายรถออกได้ หรือไม่มีตำรวจหากบังเอิญพกสีสเปร์มา ให้พ่นตำแหน่งที่ล้อทั้ง 2 คัน และบริเวณหน้า+ท้าย+ข้างของรถทั้ง 2 คัน ไม่จำเป็นต้องไปโรงพักหากคุยกันได้ ยกเว้นการชนที่มีคู่กรณีมากกว่า 2 คัน ถึงต้องไปโรงพัก และคนที่ผิดต้องโดนปรับข้อหาขับรถโดยประมาท


                    7. ช่วงล่างกระแทกพัง แมกซ์ดุ้ง ยางระเบิด และ อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์


                    ประกันชั้น 1 ต้องจ่ายให้ท่านทุกกรณีแต่ต้องมีใบขับขี่ หากท่านมีอุปกรณ์ตกแต่งราคาแพงต้องการคุ้มครองกรณีสูญหายให้ท่านเตรียมใบเสร็จจากที่ร้านที่ท่านติดตั้ง เช่น แมกซ์ เครื่องเสียง แล้วโทรสอบถามเงื่อนไขการประกันภัย ให้ประกันเพิ่มสลักหลังคุ้มครองอุปกรณ์ตกแต่งนั้นๆ ประกันจะคิดเบี้ยท่านเพิ่มแต่ไม่มาก แต่ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องหายก็ไม่ต้อง เพราะหากแค่เสียหายก็ยังเหลือซากให้เห็นอยู่แล้ว ยางที่ถูกกระแทกจนระเบิดประกันจะจ่ายครึ่งเดียวครับ พวกยางแพงๆขอบ 19-20 ก็จัดไป
                    ส่วนที่เป็น 2-3 พลัส อดครับ เว้นแต่ความเสียหายนั้นสืบเนื่องมากจากการชนกับของรถที่มีทะเบียน -เช่น รถท่านโดนปาดหน้าจนเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ ตกคลอง กระแทกฟุตบาต แบบนี้ประกันก็ต้องวซ่อมให้ท่านครับไม่ใช่แค่แผลที่เกิดจากการปะทะระหว่างรถกับรถ


                    8. ชั้น 1 เคลมสีรถแล้วจะเปลี่ยนสี

                    สามารถทำได้ครับโดยให้แจ้งประกันว่าจะเปลี่ยนสี ประกันยึดหลักการว่า เกิดเหตุจริง ซ่อมจริง หากคุณจะเปลี่ยนสีก็ไม่ใช่ปัญหา


                    9. เคลมอะไหล่แล้วอยากเปลี่ยนเป็นอะไหล่แต่ง

                    สามารถทำได้ครับ เช่น ไฟหน้า ไฟท้าย กันชน สเกิร์ต โดยการเพิ่มเงิน ส่วนต่าง ถ้าอู่นั้นโอเคกับท่าน หรือมีอู่ที่ใช้ประจำก็ให้อู่ทำใบเสนอราคาแล้วนำรถไปที่บริษัทเพื่อคุมราคา (ตกลงราคา) แล้วก็จัดซ่อมเอง ทีนี้จะเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนโลด เสร็จแล้วประกันจะโอนเงินค่าซ่อมคืนให้กับท่าน


                    10. ทุกครั้งที่รับใบแจ้งความเสียหาย หรือใบเคลม


                    ท่านต้องตรวจสอบความเสียหายให้ตรงตามจำนวนชิ้นให้แน่นอนก่อนเซ็นรับ ผิดถูกให้แย้งและแก้ไขในรายการทันที ไม่งั้นส่วนที่ไม่ได้ลงท่านต้องซ่อมเองนะ ในกรณีที่ในชิ้นนั้นมีบาดแผลมาก่อนไม่เกี่ยวกับเหตุครั้งนั้น ประกันจะวงเล็บว่า (แผลเก่า) แปลว่าประกันจะให้ครึ่งราคาเพราะชิ้นส่วนนั้นไม่สมูรณ์ประกันจะไม่รับผิดชอบเต็มท่านต้องร่วมจ่ายด้วย
                    Last edited by PERAWAT153; 23 May 2016, 09:06:55.

                    Comment


                    • www thaicarpenter.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&No=1441158

                      รวมเทคนิคการใช้กาพ่นสี


                      ส่วนใหญ่แล้วมือสมัครเล่นอย่างผมมือทำชิ้นงานเสร็จแล้วก็มักจะใช้วิธีการทำสีด้วยแปรงเพราะจำนวนงานมันน้อย แค่ชิ้นสองชิ้น จะใช้วิธีการพ่นก็เปลือง และต้องใช้อุปกรณ์หลายอย่าง แต่ที่สำคัญคือไอ้ตอนล้างอุปกรณ์การพ่นสีนี่ละครับยุ่งยากไปซักนิด ยิ่งถ้าใช้สีน้ำมัน หรือสีแห้งช้าละก็เหนื่อยหน่อยกับชิ้นงานแค่ชิ้นเดียว

                      แต่ถ้าเราจับงานไม้และชอบมันเข้าแล้ว การพ่นสีจึงเป็นเรื่องจำเป็นเสียแล้ว ประมาณว่าไม่รู้ไม่ได้แล้ว หรือจะรู้แบบงูงูปลาปลา ก็คงไม่ดีนัก งานนี้ผมจึงต้องทำการศึกษาหาความรู้มันสักหน่อย จำได้ว่าเมื่อก่อนเคยลองพ่นสีฝากระโปรงรถเอง และเคยเรียนรู้ด้วยตัวเองบ้างนิดหน่อย และคิดว่าหลักการน่าจะเหมือนกัน จึงกลับไปเอาตำราเก่า และรวบรวมจากเรื่องราวต่างๆและตำราต่างๆที่พอมี รวมถึงเรื่องราวที่พวกพี่ๆมืออาชีพทั้งหลายพูดคุย แชร์กันในเวปนี้มาประติดประต่อกัน ตามแต่จะพอเข้าใจได้ ซึ่งอาจมีข้อผิดพลาดหรือการเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้ ก็ขอให้พี่ๆมืออาชีพ หรือมือสมัครเล่น ที่มีความรู้ทั้งหลายคอยมาชี้แนะ และติเตียนได้น่ะครับ

                      พอดีว่าจะต้องพ่นสีบานประตูและหน้าต่าง และคิดว่าจะเอาสีพ่นอุตสาหกรรมมาพ่นซะกะหน่อย เนื่องจากมันแห้งเร็วและน่าจะทำงานสีได้เร็วกว่าเลยจำเป็นต้องศึกษาหลักการและวิธีการพ่นกันซักหน่อย ตามประสามือสมัครเล่น ก่อนลงมือจริง

                      และอีกอย่างนึง ผมก็ลองดูกระทู้เก่าๆ กับข้อมูลที่พอจะหาได้มารวบรวมไว้ตรงกระทู้นี้จะได้หาง่ายนิดนึง และเพื่อว่ามือสมัครเล่นท่านใดจะได้ความรู้ไปด้วยและที่สำคัญเผื่อว่ามืออาชีพในที่นี้หลายๆท่านจะได้เพิ่มเติมเสริมความรู้ให้อีกครับ

                      ข้อมูลอ้างอิงและความรู้หลายอย่างได้จาก หนังสือเคาะพ่นสีรถยนต์ของอาจารย์พงษ์ศักดิ์ บุญธรรมกุล, คู่มือช่างไม้ในบ้าน(ทำสีให้เครื่องเรือน)ของอาจารย์ศิระ จันทร์สวาสดิ์และพวก, คุณเอ๋เพาะช่าง คุณเดชา คุณดมแต่ฝุ่น คุณ Jack และอีกหลายๆท่านที่แลกเปลียนความคิดเห็นเท่าที่ผมรวบรวมได้ครับ

                      ค่อยๆมาเรียนรู้พร้อมๆกันไปกับผมเลยนะครับ

                      ผู้ตั้งกระทู้ sornid (sorsarid-at-hotmail-dot-com) วันที่ลงประกาศ 2013-07-04 09.27.05

                      ---------------------------------



                      เริ่มเรื่องกันด้วย

                      เครื่องมือที่ไช้ในการพ่นสี

                      1.ปั้มลม(ขนาด50 ลิตรขึ้นไป) Air Compressor

                      2.ตัวปรับแรงดันลมและดักน้ำ Air Control Unit

                      3.ปินพ่นสี Spay Gun

                      1. ปั้มลม มีคนถามกันมากว่า ควรใช้ปั้มลมแบบไหนในการพ่นสีถึงจะพอ เท่าที่ทราบคือ มันอยู่ที่การใช้งานของแต่ละท่าน

                      -ถ้าทำงาน DIY แบบผม เรื่อยๆ ไม่รีบร้อนและงบประมาณพอดีพอดี ก็ต้อง ปั้มลมโรตารี่ ขนาด 50 ลิตร ซึ่งเพียงพอต่องานน้อยชิ้น เพราะมันปั้มลมได้เร็ว เช่น ตู้ หรือชั้นวางของ หรือถ้ามากชิ้นหน่อยก็ยังไหว แต่เราต้องพักเครื่องให้มัน มิเช่นนั้นเครื่องทำงานหนัก (ก็บอกแล้วว่าเหมาะสำหรับงานเรื่อยๆใช้งานไม่หนักมาก) สำหรับปั้มลมแบบสายพาน อาจจะปั้มลมได้ช้ากว่า แต่ก็พอไหวราคาแพงกว่าหน่อยขอแนะนำว่าควรเป็น 90 ลิตร จะเหมาะกว่า ต่อด้วยปั้มลม oil free ของ puma ยังไงเสียก็ต้อง ใช้อย่างน้อยเป็น รุ่น os 50 ถึงพอจะพ่นสีได้แต่ผมใช้แล้วไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่เพราะปั้มลมช้า แม้มันจะเงียบดีแต่เวลามันตัดลมมีเสียงดังฟี้ ซึ่งจริงๆก็ดังทุกรุ่นเวลามันตัด แต่เพราะตอนมันปั้มลมมันเงียบไงพอมันตัดแล้วตกใจประจำเลยกว่าจะชินกับมัน

                      สรุปครับ งานDIY, งานอดิเรก,งานพ่นเล็กน้อย ราคาประหยัด ปั้มโรตารี่ ถ้าชอบเงียบมีตังค์หน่อย ก็ puma os 50 ชอบทนมีตังค์หน่อยใจเย็นก็ ปั้มสายพาน 50 หรือ 60 ลิตร

                      -ถ้าเริ่มจะงานเยอะแล้ว ทำทีละมากๆ งานพ่นสีต้องใช้ปั้มขนาด 90 หรือ 160 ลิตร แล้วครับ จะชอบ oil free เสียงเงียบหรือสายพายจอมทนก็ตามชอบ หรือไม่ก็ มีถังพ่นสีโดยเฉพาะไปเลย งานนี้มืออาชีพรู้ดีอยู่แล้วมิกล้าแนะนำ

                      2.ตัวดักน้ำมีที่ปรับแรงดันลม อันนี้สำคัญมากต้องมีเพราะมิเช่นนั้นงานของท่านอาจเป็นฝ้าได้ ต้องหาครีมมาทามาขัดกันมันละท่าน ส่วนใหญ่ที่ตั้งแรงดันลมกันก็ประมาณ 4 บาร์ (60 psi) หรือ ปืนพ่นสีบางตัวดีมากใช้ลมน้อยแค่ 2 บาร์(25-30 psi) ก็ใช้ได้แล้ว และเรื่องสายลมที่ต่อออกจากตัวดักน้ำนั้นไม่ควรยาวมากเพราะอาจเกิดละอองน้ำในสายลมได้ถ้าสายลมยาวมากเนื่องจากอุณหภูมิภายนอกไม่แน่นอนอาจมีความชื้นในอากาศสุงหรืออากาศเย็นเกิดควบแน่นในสายลมก็เป็นได้ขอให้ท่านๆพิจารณาเรื่องนี้ด้วย และอีกอย่างคือสายยาวมากๆระวังสะดุดล้ม สายพันไม่รู้ด้วย

                      3.ปืนพ่นสี เป็นหนังเรื่องยาวขอกล่าวตอนต่อไป

                      ผู้แสดงความคิดเห็น sornid (sorsarid-at-hotmail-dot-com )

                      ------------------------------

                      ความคิดเห็นที่ 2 (2972517)



                      3. ปืนพ่นสี ที่นิยมใช้กันมีห้าแบบ

                      3.1แบบไหลลง(Gravity Feed Type)

                      3.2แบบดูด(Suction Feed Type)

                      3.3แบบอัด(Air Compression Type)

                      3.4แบบลมไหลผ่านตลอด/ไม่ไหลผ่านตลอด (Bleeder and Non-Bleeder Type)

                      3.5แบบพ่นสีล้วน(Airless Spray Type)

                      เห็นแล้วอึ้งเยอะนะนี่ เอาแบบที่ผมคนเดินดินกินข้าวแกงมีปัญญาใช้ดีกว่าครับ คือ แบบไหลลงกับแบบดูด เห็นไม๊เหลือสองแบบแล้ว คราวนี้เลือกใหม่ งานผมมันงานน้อยแน้นประหยัดขอแบบไหลลง เพราะ

                      -มันสามารถพ่นได้หลายท่า มุมเงยมุมตะแคงได้หมดโดยปรับกาตามองศาที่เราจะพ่น

                      -มันประหยัดสี เพราะ สีไหลลงโดยอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลกทำให้ใช้สีได้หมดจนหยดสุดท้าย ไม่เหมือนแบบดูดมันจะเหลือสีอยู่ก้นกา ซึ่งการทำงานของปืนพ่นสีแบบดูดและแบบไหลลงจะเหมือนกันมาก จะต่างกันตรงกาใส่สีที่แบบดูดจะใส่สีได้เยอะกว่าตามขนาดกาที่ใหญ่

                      เมื่อเลือกชนิดกาแล้ว ต่อมาก็ต้องเลือกขนาดของรูพ่นกัน

                      -ขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางของรูพ่นสีที่มีส่วนใหญ่จะมีขนาด 0.8-3.0 มม.แน่นอนการใช้งานย่อมแตกต่างกัน งานละเอียดจุดเล็กๆก็มักจะใช้กันที่ 0.8-1.3 มม. งานที่ ใช้ละเอียดปานกลางหรืองานทั่วๆไป จะใช้กันที่ 1.3-1.8 มม. และงานพ่นสีที่มีความเข้มข้นสูงก็จะใช้กันที่ประมาณ 2-2.5 มม. แล้วเราจะใช้ขนาดไหนดีละ อันนี้อยู่ที่งานของท่านล่ะ งานของผมขอเน้นว่าเป็นงานDIY ชนิดทำคนเดียว ผมเลือกขนาดรูพ่นที่ 1.5 มม.เพราะคิดว่ามันกลางๆที่สุดแล้ว พ่นจุดแคบก็พอได้ พ่นพื้นที่กว้างก็ใช้ได้อยู่ แต่ตอนนี้กำลังจะซื้ออีกขนาดคือ 1.8 มม.เิพิ่มอีก ว่าจะเอาไว้พ่นสีรองพื้น หรือสีพื้นบริเวณกว้างหน่อย และด้วยเหตุผลของการใช้งานเฉพาะอย่างรวมถึงการล้างและการดูแลด้วยเพราะ ตัวรูพ่น 1.5 มม.จะเป็นตัวราคาแพง และตัว 1.8 มม.จะเป็นตัวราคาถูกครับ

                      หมายเหตุ****** ห้ามทำปืนพ่นสีตกเด็ดขาด เพราะมันจะมีอะไรชำรุดอย่างนึงแน่นอน ของผมตกครั้งนีงได้ซ่อมทุกที แบบว่าซวยอ่ะ





                      ผู้แสดงความคิดเห็น sornid (sorsarid-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-07-04 11.09.19


                      ---------------------------------

                      ความคิดเห็นที่ 3 (2972546)




                      ว่าต่อด้วยเรื่อง หัวลม (Air Cap)

                      หัวลม เป็นตัวจ่ายแรงดันอากาศซึ่งผสมกับสีออกมาเป็นละอองละเอียดเป็นรูปร่างตามที่เราปรับ ซึ่งประกอบด้วย รูตรงกลาง, รูอากาศช่วย และรูด้านข้าง ตามรูปผมถอดออกมาเฉพาะฝาครอบหัวลมมาครับ ส่วนการเลือกหัวลมนั้น แล้วแต่งานและความชอบของท่านครับ ส่วนผมเลือกแบบในรูปครับ คิดว่าทุกอย่างลงตัวสำหรับผม คือ มีรูช่วย 4 รูกำลังดีครับ แต่อันที่จะซื้อที่เป็นขนาด 1.8 นี่ว่าจะหาที่มีรูช่วย 2 รู สำหรับท่านที่อยากได้ละอองออกมาฝอยมากๆควรเลือกที่มีรูช่วยเยอะๆครับ



                      ผู้แสดงความคิดเห็น sornid (sorsarid-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-07-04 16.38.43

                      -----------------------------

                      ความคิดเห็นที่ 5 (2972560)



                      มาต่อด้วยวิธีการพ่นสีกัน

                      ระยะ***งของการพ่นสีมีความสำคัญ โดยทั่วไป ปืนพ่นสีขนาดเล็ก เช่น w-88, w-71 ระยะ***งการพ่นสีประมาณ 15-25 ซม. ส่วนปืนพ่นสีขนาดใหญ่เช่น w-87, w-77, w-89, w-70 หรือ w-90 จะมีระยะพ่นสีประมาณ 20-30 ซม. ซึ่งเมือเราปรับการพ่นของการฟุ้งกระจายของสีได้ตามต้องการแล้วการรักษาระยะพ่นจึงจำเป็นมากหากฝึกฝนบ่อยๆก็จะชำนาญเองครับ

                      ผู้แสดงความคิดเห็น sornid (sorsarid-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-07-04 17.54.23

                      --------------------------------

                      ความคิดเห็นที่ 11 (2972608)




                      คุณนัทคุง, คุณประภาส, คุณจักรยุทธ, คุณdeojohe, คุณjk_007 ครับผม เรียนรู้กันครับแบ่งปันกัน แนะนำกันบ้างได้ครับ

                      ครับผม คุณเอ๋ เพาะช่าง จะฝึกให้ชำนาญเลยครับ


                      ต่ออีกนิดครับ การพ่นชิ้นงานเป็นแผ่น เช่นประตู ควรพ่นขอบตามแนวตั้งก่อน(เช่นขอบประตู) เพื่อป้องกันละอองสีจับเป็นเม็ดหรือเป็นฝุ่นผงหากเราพ่นในแนวนอน(เช่นหน้าบานประตู) และการพ่นขอบควรจะหันหัวลมให้ตั้งฉากกับพื้นเพื่อให้รูปแบบการพ่นเป็นแนวนอนหรือแนวยาวก็จะทำให้ขอบชิ้นงานสีเต็มง่ายและละอองไม่ฟุ้งกระจายมากเกินไป

                      การพ่นชิ้นงาน ควรเริ่มกดไกปืนพ่นสีก่อนถึงขอบชิ้นงานประมาณ 4 นิ้ว และเดินปืนให้ขนานและตั้งฉากกับชิ้นงานจนเลยขอบชิ้นงานไปประมาณ 4นิ้วจึงจะปล่อยไกปืนพ่นสี จากนั้นเคลื่อนลงต่ำระยะประมาณ 1/3-1/2 ของความกว้างรูปร่างสี และกดไกปืนให้สุด เดินปืนให้ตั้งฉากกับชิ้นงานแล้วย้อนกลับกลับทางแรกจากขวามือไปซ้ายมือ และให้ความกว้างของรูปร่างสีซ้อนทับกัน 50% ของแต่ละเที่ยว (ปืนพ่นสีต้องตั้งฉากกับชิ้นงานเสมอ) ตำราว่าไว้ มาตรฐานความเร็วในการเคลื่อนที่ปืนพ่นสี คือ 600 มม./วินาที (11.81-23.62 นิ้ว/วินาที)

                      *** เดินปืนพ่นสีช้า สีจะย้อย ***

                      *** เดินปืนพ่นสีเร็ว สีจะบาง ***

                      ผู้แสดงความคิดเห็น sornid (sorsarid-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-07-04 23.52.14

                      -------------------------------

                      ความคิดเห็นที่ 12 (2972611)





                      ปกติก่อนจะพ่นชิ้นงานเราจะต้องปรับลมปืนพ่นสีและทดลองพ่นสี เพื่อดูฝอยสีก่อนที่จะพ่นสีลงบนชิ้นงาน เราจึงต้องตรวจสอบฝอยสีเพื่อแก้ไขต่อไป ดูได้จากรูปภาพ หากลักษณะฝอยสีเป็นรูปพระจันทร์เสียวเราจำเป็นต้องล้างและแปรงตรงบริเวณปลายหัวลม บ้างครั้งอาจต้องเอาเข็มเขี่ยรอบๆรูกลาง พร้อมทั้งล้างด้วยทินเนอร์ หากหัวลมตันเราอาจต้องเอาเข็มเขี่ยรูทุกรู้พร้อมทั้งล้างด้วยทินเนอร์

                      ผู้แสดงความคิดเห็น sornid (sorsarid-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-07-05 00.18.38

                      ----------------------------

                      ความคิดเห็นที่ 17 (2972759)



                      รับทราบครับคุณเอ๋ จะเปลี่ยนชื่อกระทู้ใหม่ครับ ตอนแรกกะว่าจะลองรวมเรื่องการทำสีอุตสาหกรรมดู แต่ลองค้นกระทู้เก่าแล้วเหมือนรายละเอียดตั้งแต่เริ่มยังไม่ค่อยมี เลยลองอ่านและค้นคว้าดู เผื่อไม่เข้าใจตรงไหนจะได้ถามได้ เหมือนทำรายงานเล็กๆ โดยมีครูมืออาชีพคอยดูอยู่ใกล้ๆ ทำให้รู้สึกปลอดภัยหน่อยนึงครับ

                      คุณเบิร์ดครับ คงไม่กล้าหรอกครับ ผมเพิ่งเรียนรู้เองครับ ยังขั้นปฐมอยู่เลย (ดีกว่าอนุบาลนิดนึง)

                      ครับผม คุณยุ่น ผมเองก็เอาไว้ทบทวนหน่อยนึงครับ

                      แถมนิดนึงเอารูปล้างกาพ่นสี คร่าวๆมาดูกันก่อนครับ

                      ผู้แสดงความคิดเห็น sornid (sorsarid-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-07-05 18.41.23

                      -------------------------------
                      Last edited by PERAWAT153; 23 May 2016, 14:33:52.

                      Comment


                      • ความคิดเห็นที่ 19 (2972878)




                        วันนี้ซื้อรองพื้นมาใหม่เราใช้เพียงนิดหน่อยก็ต้องเก็บไว้ก่อน ยังไงกระป๋องนี้คงไม่หมดเร็วแน่ๆ ผมใช้วิธีนี้เมื่อซื้อสีหรือรองพื้นทุกครั้งเลย ไม่เคยเจอกรณีสีแห้ง หรือปัญหาสีหกย้อยตอนปิดกระป๋องลงมาเลอะเทอะเลย หรือถ้าเจอก็น้อยมากๆ

                        ผู้แสดงความคิดเห็น sornid (sorsarid-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-07-07 00.40.58

                        ----------------------------

                        ความคิดเห็นที่ 23 (2972976)



                        ครับผม คุณmangapoon, คุณSale Dreams..

                        คุณหมูครับ ผมเองก็แค่มือสมัครเล่นยังมีความรู้ไม่มากนักหรอกครับ แต่ขอตอบเท่าที่รู้น่ะครับ

                        เรื่องตัวตักน้ำนี่ผมว่ามันเยอะอยู่เหมือนกันน่ะ แต่เอาที่ผมพอรู้นิดหน่อยน่ะครับ ส่วนใหญ่ตัวที่เป็นที่นิยมและมีชื่อเสียง จะเป็นยี่ห้อ SMC ซึ่งมี Regulator ที่นิ่งและ ตัวกรองของเค้าละเอียด อย่างตัวกรองลมปกติของเค้าละเอียดที่ประมาณ 5 ไมครอน (ไม่รู้เหมือนกันว่าเล็กแค่ไหน) ส่วนตัวละเอียดมากๆของเค้าน่าจะประมาณ 0.01 ไมครอน ซึ่งเอาไว้ใช้ในงานที่สะอาดมากๆๆๆ แต่ในท้องตลาดมักจะเป็นตัวเลียนแบบ เป็นของจีนบ้าง ของใต้หวันบ้าง ถ้าเป็นของใต้หวันจะมีคุณภาพมากกว่าของจีนหน่อย ก็ุคุณภาพตามราคาครับ

                        แต่ละรุ่นจะต่างกันตรงรายละเอียด ตามภาพครับ และให้เราดูว่า ขนาดเกลียวที่จะต่อข้อต่อสายลมขนาดเท่าไหร่ เช่น รุ่นAWM 40(ที่เก็บน้ำทิ้งประมาณ45 cc.) ข้อต่อ 1/4,3/8 หรือ 1/2 นิ้ว ถ้าของเลียนแบบก็จะประมาณ BFR 2000 (ที่เก็บน้ำทิ้งประมาณ60cc.)ขนาดรูต่อ 1/4 นิ้ว หรือ 2 หุน, หรือ BFR 3000 มีขนาดรูต่อ 3/8 นิ้ว หรือ 3 หุน ก็ให้เราดูรายละเอียดนะครับว่า ปั้มลมเรา รูเกลียวขนาดเท่าไหร่ ซึ่งปกติจะขนาด 1/4 นิ้ว เวลาซื้อ ข้อต่อก็เลือกขนาด 1/4 ให้หมด สายลมก็ด้วยครับ เวลาซื้อก็ดูว่าขนาดเท่าไหร่เช่น สายลมขนาด 5x8 มม. ข้อต่อก็ต้องสวมได้กับสายลม 5x8 มม.ด้วย และบางรุ่นก็มีที่ทิ้งน้ำอัตโนมัติ อันนี้ต้องดูที่ข้างกล่องครับหลายยี่ห้อก็เรียกรหัสไม่เหมือนกันแค่คล้ายๆ ผมว่าดูที่ข้างกล่องดีกว่าครับหรือ รายละเอียดของอันที่จะซื้อครับ

                        ตัวที่ผมอยากได้น่ะครับ หาซื้อที่สุราษฎร์ไม่ได้เลย ไม่รู้ซื้อที่ไหน คือ ตัวกรองลมดักน้ำ ของ SMC รุ่น AWM 40 ครับ เพราะ มันดักไอน้ำได้แน่นอนครับ และเก็บน้ำทิ้งได้เยอะหน่อย(ที่บ้านความชื้นสูง) แต่เอาเข้าจริงๆ ใช้ของเลียนแบบรุ่นธรรมดาทั่วไป BFR 2000 ตัวละ 850 บาทก็เอาแล้ว ใช้งานทั่วไป

                        ส่วนเรื่องสายลม ผมคิืดว่าน่าจะเป็นขนาด 5X8 (ขนาดรูใน 5 มม. ขนาดสายลม 8 มม.) กับ 8x12 มม.ที่คุณหมูถาม เรื่องนี้ผมก็ไม่แน่ใจมากหรอกครับ แต่คิดว่่าสายเล็กน่าจะเหมาะกับเครื่องมือที่ใช้ลมไม่มาก เช่น ปืนพ่นสี และพวกปืนยิงตะปู เครื่องขัดอะไรพวกนี้น่ะครับ ส่วนขนาด 8x12 มม.น่าจะใช้กับพวก บล๊อคลม ตัวกระแทก อะไรพวกนี้น่ะครับ และอีกอย่างนึง สาย 8x12 มม.ก็หนาน่าจะทนกว่าและให้ทางเดินลมเยอะด้วย ผมว่าถ้าใช้กับปืนยิงตะปู หรือเครื่องขัดน่าจะดี แต่ถ้าใช้กับที่เป่าลม ลมน่าจะหมดเร็วน่าดู ยิ่งถ้าปัิมลมเล็กแล้วคงแป๊ปเดียวหมด สรุปว่าสำหรับผมคงยังใช้สายลมแค่ขนาด 5x8 อยู่นะครับเพราะปั้มลมผมเล็กครับ และไม่ค่อยชอบสายอันใหญ่ไปทำให้เทอะทะเวลาพ่นสีครับ และเวลาต่อที่เป่าลมผมว่าปั้มทำงานไม่ทันแน่ๆ ลมน่าจะออกเยอะ



                        ผู้แสดงความคิดเห็น sornid (sorsarid-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-07-07 20.34.19

                        ----------------------------

                        ความคิดเห็นที่ 28 (2975780)




                        พักงานพ่นสีต้องล้างกาพ่นสีเก็บก่อนนะครับ อันนี้ล้างจริงๆครับ

                        1.เมื่อพ่นสีเสร็จแล้วให้กดไกปืนพ่นสีที่ค้างในกาออกให้หมดและนำทินเนอร์ใส่ในกา แล้วกดไกปืนพ่นสีเพื่อล้างสีออก(ผมจะใส่ทินเนอร์นิดหน่อย ในครั้งแรก เพื่อพ่นล้างและนำผ้าชุบทินเนร์ล้างและเช็ดจนภายในกาสะอาด แล้วจึงนำทินเนอร์ใส่ในกาเพื่อพ่นล้างอีก ครึ่งกา
                        - พ่นสีใส่ผ้าโดยมีระยะ***งพอประมาณ โดยให้ลมดันทินเนอร์ในกาพ่นสีใหลกลับไปกลับมาในปืนพ่นสี(หากเปิดฝาไว้ระวังทินเนอร์กระเด็นใส่)
                        - ล้างกาและฝาให้สะอาด(ผมใช้ผ้าเช็ดเพื่อทำความสะอาดด้วย)

                        2.ถอดฝาครอบหัวพ่นสี

                        3.ถอดหัวพ่นสี(ใช้ประแจที่แถมมากับปืนพ่นสีให้หลวมก่อน) แล้วใช้มือกดไกปืนขณะหมุนถอดหัวพ่นสี(ทำเหมือนกันตอนใส่กลับ)

                        4.ถอดสกรูปรับเข็มจ่ายสี

                        5.ถอดสปริง และถอดเข็มจ่ายสี

                        6.ชิ้นส่วนที่ถอด

                        ผู้แสดงความคิดเห็น sornid(บ้าน บ้าน DIY) (sorsarid-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-08-04 07.50.59

                        ----------------------------

                        ความคิดเห็นที่ 29 (2975781)



                        ถอดแล้วก็ล้างซะหน่อย



                        ผู้แสดงความคิดเห็น sornid(บ้าน บ้าน DIY) (sorsarid-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-08-04 07.56.24

                        ------------------------------

                        ความคิดเห็นที่ 31 (2982571)




                        รบกวนนิดนึงครับ มีคำถามเรื่องปั๊มลม
                        ผมไปซื้อ ของ Puma 1 แรงสายพาน 64 ลิตร จากบางโพมา ราคา 10,900 บาท

                        ตอนนี้ลมมันตั้งไว้ที่ 100 (ความเข้าใจผมคือ 10 psi) ผมก็เลยถามเค้าว่ามันปรับได้มั้ย เพราะผมเห็นกาพ่นสีผมมันเขียนว่าให้ใช้ลม 6-8 psi
                        ทางร้านเค้าบอก เค้าปรับมาดีแล้วใช้งานได้เลยไม่ต้องปรับอะไรอีก แต่ถ้าจะปรับก็ทำได้ แต่ไม่สมควร

                        ผมเลย งงๆน่ะครับ ว่าสรุปผมควรปรับมันดีมั้ย

                        http://aacthaishop.tarad.com/product...962_th_3206216



                        รุ่นนี้เลยคับที่ผมซื้อมา

                        ผู้แสดงความคิดเห็น ถาปัตหัดไม้ (toad_planet-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2013-10-02 11.55.26

                        -------------------------------

                        ความคิดเห็นที่ 32 (2982625)



                        ขอตอบแบบพอรู้บางนิดหน่อยนะครับ ถ้าผิดแย้งมาเลยนะครับ ต้องออกตัวก่อนว่าผมแค่มือสมัครเล่นน่ะครับ

                        - ตอนนี้ลมมันตั้งไว้ที่ 100 (ความเข้าใจผมคือ 10 psi) ผมก็เลยถามเค้าว่ามันปรับได้มั้ย เพราะผมเห็นกาพ่นสีผมมันเขียนว่าให้ใช้ลม 6-8 psi
                        ทางร้านเค้าบอก เค้าปรับมาดีแล้วใช้งานได้เลยไม่ต้องปรับอะไรอีก แต่ถ้าจะปรับก็ทำได้ แต่ไม่สมควร

                        ผมเลย งงๆน่ะครับ ว่าสรุปผมควรปรับมันดีมั้ย

                        ตอบ.......

                        -ลม ที่ตั้งไว้ 100 น่าจะเป็น 100 psi หรือ ประมาณ 7 บาร์ ซึ่งปกติโรงงานจะตั้งมาให้ คือเมื่อปั้มลมทำงานจนความดันลมถึง 100 psi มันจะตัดการทำงาน และเมื่อเราใช้งานจนลมในถังเหลือประมาณ 60 psi หรือ 4 บาร์ ปั้มลมจะทำงานอีกครั้ง (คุ้นๆว่าประมาณนี้) ซึ่งเราสามารถตั้งให้มันทำงานที่ 6บาร์(90 psi) และตัดที่ 8 บาร์ (120 psi) ก็ได้(ใช้กับปืนลม) ในกรณีที่ถังเราทนแรงดันได้ 10 บาร์(145 psi) แนะนำให้ดูคู่มือในการตั้งครับ

                        สรุปนะครับ ปรับได้ครับ แต่ถ้าพ่นสีบ่อยกว่าใช้ปืนลมไม่ต้องปรับก็ได้ครับ ส่วนของผมปรับครับเพราะผมมีสองตัว ตัวนึงพ่นสี ตัวนึงยิงปืนลมครับ(ตัวนี้ที่ผมปรับครับ)

                        ผู้แสดงความคิดเห็น sornid(บ้าน บ้าน DIY) (sorsarid-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-10-02 23.51.40

                        -----------------------------

                        ความคิดเห็นที่ 38 (2985483)




                        ผมเดาว่า อาจมีคนสับสนเรื่องแรงดันลมกับการใช้งาน เช่น แรงดันลมในถัง กับ ตัวปรับแรงดันลม ซึ่งถ้ามีผู้รู้หรือผู้เชี่ยวชาญมาช่วยตอบเพิ่มเติมน่าจะดีน่ะครับ

                        อันนี้ขอเพิ่มเติมเรื่องนี้จากผู้พอจะรู้บ้างนะครับ (ออกตัวอีกแล้วครับท่านตามประสามือสมัครเล่น)

                        เริ่มจากแรงดันลมในถังก่อนนะครับ ปกติ ทางโรงงานจะตั้งการทำงานไว้ให้เริ่มเดินเครื่องเมื่อแรงดันลมต่ำที่ประมาณ 4 บาร์ และตัดการทำงานที่ประมาณ 7 บาร์ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถปรับตั้งได้ตามความเหมาะสม (ตามความเข้าใจผมนะครับ) ยกตัวอย่างเลยนะครับ

                        - เช่น ปืนลม ซึ่งมีหลายขนาด ตามแต่ขนาดลูกแม๊กใช้ยิง ตัวที่กินลมและต้องการแรงดันมากสุดจะเป็นตัวที่ยิงคอนกรีตได้ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ปืนยิงตะปูต้องการแรงดันลมที่ 6 บาร์โดยประมาณ ถึงจะยิงตะปูจม และทนแรงดันลมได้ไม่เกิน 8 บาร์ (ถ้าใช้กับแรงดันเกินนานๆอาจทำให้ชิ้นส่วนกลไกภายในเสียหายได้ครับ) บางคนอาจเคยสังเกตว่าเมื่อใช้ปินยิงตะปูสักพัก ทำไมยิงตะปุไม่จม เพราะแรงดันลมในถังเหลือต่ำกว่า 6 บาร์มากจนปืนลมไม่มีแรงอัดพอจะยิงตะปูได้ เหตุนี้จึงต้องมีการปรับตั้งการตัดและเปิดการทำงานของปั้มลมครับ

                        - ปืนพ่นสี ส่วนใหญ่ต้องการแรงดันลมต่ำกว่า 4 บาร์ การตั้งจากโรงงานจึงไม่ค่อยมีผลมากนัก

                        ต่อมาเรื่อง ตัวปรังแรงดันลม(regulator) ตัวนี้ก็เอาไว้ปรับแรงดันลมไม่ได้เกินกว่าที่เรากำหนด เช่นเราตั้งไว้เมื่อต่อกับปืนพ่นสีที่ 4 บาร์ ถ้าลมในถังเราเพื่งปั้มและตัดที่ 7 บาร์ ตัวปรับแรงดันก็จะรักษาระดับแรงดันลมที่ 4 บาร์ตลอด มันก็จะใช้ได้พอดี แต่ถ้ากรณีเราใช้ตัวปรับแรงดันลมกับปืนลมซึ่งเราตั้งไว้ที่ 6 บาร์ แต่เมื่อเราใช้ลมในถังเหลือมาไม่ถึง 5 บาร์ ตัวปรับแรงดันลมก็ไม่สามารถจะรักษาระดับแรงดันที่ 6 บาร์ได้หรอกครับ ลมก็จะออกมาน้อยยิงตะปูไม่ได้จมไม้แน่นอน



                        สรุป ในความคิดของผมนะครับ ถังลมสามารถทนแรงดันได้ประมาณ 10 บาร์ (น่าจะเกินกว่านี้ครับ) ถ้าเราจะตั้งให้มันตัดการทำงานปั้มลมที่ 9 บาร์กว่าๆ และเริ่มให้ปั้มทำงานที่ 6 บาร์ น่าจะดีที่สุด แล้วเราใช้ ตัวปรับแรงดันช่วยในการต่อกับอุปกรณ์ที่เราจะใช้งานครับ ซึ่งเราควรจะมีตัวปรับแรงดันลมสองชุดน่ะครับ เพื่อความสะดวก คือ

                        1.ตัวดักน้ำและปรับแรงดันลม เพื่อใช้กับกาพ่นสี (ตั้งแรงดันลมที่ 3-4 บาร์)

                        2.ตัวจ่ายน้ำมันหล่อลื่นและตัวดักน้ำและปรับแรงดันลม เพื่อใช้กับปืนยิงตะปู และอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ตัวขัดกระดาษทราย ไขควงลม ฯลฯ (ตั้งแรงดันลมที่ 6 บาร์)

                        **************เป็นความเห็นส่วนตัวครับ จากข้อมูลที่รู้มาครับ ผิดถูกแนะนำด้วยครับ****************



                        หมายเหตู***

                        ที่ตัวปรับแรงดันลมส่วนใหญ่จะมีสองค่าให้อ่านนะครับ จะมีตัวเลขสีดำ กับ สีแดง (หรือสีอื่นแล้วแต่ละยี่ห้อ) ซึ่งจะบอกค่า ปอนด์ต่อตารางนิ้ว(PSI) และ บาร์(ฺBar) หรือ กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร(Kg/cm2) อาจมีคนสงสัยนิดหน่อยเพราะบางตัวมี PSI และ Bar บอกแต่บางอัน มี PSI และ Kg/cm2 บอก พอดีว่า ตัวค่าวัดของ Bar และ Kg/cm2 จะใกล้เคียงกันมากจึงสามารถเทียบเคียงกันได้ครับ เช่น 4 Bar เกือบเท่าหรือเท่ากับ 4 Kg/cm2 ครับ

                        1 bar = 1.02 kg/cm2

                        1 bar = 14.50377 psi

                        เอาแค่นี้ก่อนนะครับเผื่อบางคนสับสน



                        ผู้แสดงความคิดเห็น sornid(บ้าน บ้าน DIY) (sorsarid-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-10-31 15.58.02

                        -------------------------------

                        ความคิดเห็นที่ 51 (3015185)



                        ครับ ปกติกาพ่นสีรถยนต์จะใช้กันอยู่ที่ ขนาดนมหนู 1.3 มม.นี่หละครับ เท่าที่พอรู้ w101-134G เหมาะสำหรับพ่นสีรถยนต์อยู่แล้ว โดยเฉพาะพวกสีเมลเทลลิก และพวกสีมุก และถ้าเป็น รุ่น w77-12G จะใช้กับงานไม้ เฟอร์นิเจอร์ไม้-เหล็ก ประมาณนั้น ผิดพลาดยังไงผู้เชี่ยวชาญแนะนำด้วยครับ
                        ผู้แสดงความคิดเห็น นิด sornid วันที่ตอบ 2015-02-02 01.19.20

                        -------------------------------

                        Comment


                        • www 203.172.180.165/lptc/sub-web/web_dvt/sub-dvt/dvt01/data/cor02.pdf

                          หน่วยที่ 2

                          กาพ่นสี

                          ####################

                          www car.kapook.com/view63079.html

                          ดูแลรักษาสีรถให้สดสวย (GM CAR)
                          เรื่อง M.T.T.S 3415153

                          เวลาได้รถใหม่เรามักจะทุ่มทุนมากเป็นพิเศษ ในการดูแลรักษารถ เพื่อให้สดสวยสดใสอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีรถคันแรกแล้วก็ต้องรู้จักดูแลรักษา รวมถึงรู้จักเลือกของตกแต่งให้มันคุ้มเงิน และควรรู้ว่าอะไรควรเปลี่ยนหรืออะไรไม่ควรเปลี่ยน อะไรเลือกแบบประหยัดได้ หรืออะไรไม่ควรเขียม เพื่อให้รถของคุณสวยงาม และมีประสิทธิภาพในการใช้งานสูงสุด

                          นอกเหนือจากการตกแต่งรถยนต์แล้ว การดูแลรักษารถยนต์ก็เป็นเรื่องที่เจ้าของรถให้ความสำคัญ วันนี้เราจะคุยเรื่องของการดูแลรักษาสีรถให้มีความสดสวยและสดใสอยู่เสมอ การดูแลสีรถไม่ได้หมายความแค่การล้างทำความสะอาด ลงแว็กซ์ หรือเคลือบเงา มันมีความละเอียดอ่อนและมีกรรมวิธีมากกว่านั้นเรื่องราวของการดูแลรักษาสีรถ นั้นมีมากมายจริง ๆ เมื่อรับรถมาแล้วส่วนใหญ่มักจะนึกถึงเรื่องของการเคลือบสีตัวรถ บ้างก็ได้แพ็คเกจแถมมาในเรื่องของการขัดเคลือบสี ลองมาทำความเข้าใจกับคำว่าดูแลรักษาสีรถกันก่อนนะครับ

                          ขัดเคลือบสี

                          ขัดเคลือบสี

                          เรามักได้ยินคำนี้กันบ่อย ๆ และเข้าใจว่าคือ ขั้นตอนเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วนั้นแยกจากกันเป็นสองขั้นตอน คือ ?ขัดสี? กับ ?เคลือบสี?

                          ทำไมต้อง ?ขัดสี? เมื่อรถใช้งานไปนาน ๆ จะมีริ้วรอยขนแมวเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการล้างและเช็ดด้วยผ้าที่ไม่สะอาด หรืออมฝุ่นรถสีเข้ม เช่น สีดำ น้ำเงิน ส้ม หรือสีสด ๆ จะเห็นรอยขนแมวชัดเจน รวมถึงเกิดจากคราบยางไม้ ขี้แมลง ทำให้การเช็ดล้างกลายเป็นบ่อเกิดของรอยขนแมว ดังนั้นจึงต้องมีการขัดสีเพื่อลบรอยขนแมวออกก่อน

                          การขัดสีก็คือขัด ผิวหน้าของสีหรือแล็คเกอร์ออกไป เพื่อให้สีเรียบเนียนและก่อให้เกิดความเงางาม การขัดผิวหน้าของสีหรือแล็คเกอร์ออกไป นั้นทำให้ชั้นสีที่เคลือบอยู่บางลง เหมือนเวลาที่เราขัดหน้าด้วยผงขัดละเอียด ๆ แม้หน้าจะกระจ่างใสขึ้น แต่หลังจากทำแล้วจะรู้สึกแสบ ๆ ผิวหน้านั่นเป็นเพราะผิวหนังถูกขัดออกไปนั่นเอง

                          เมื่อขัดสีเสร็จเรียบร้อยถึงจะต่อด้วยขั้นตอน ?เคลือบสี? เพื่อให้ผิวที่ถูกขัดออกไปแล้วมีความเงางามยิ่งขึ้น และเป็นตัวเคลือบเพื่อคอยปกป้องชั้นสีที่ถูกขัดออกไปให้มีความแข็งแรงทนทาน ต่อรอยขีดข่วนมากขึ้น ดังนั้นไม่ควรขัดสีบ่อยในรถเก่าที่ใช้งานมาหลายปี เมื่อขัดและเคลือบสีแล้ว ต้องคอยไปเคลือบสีซ้ำตามระยะเวลาของผู้ผลิตน้ำยาเคลือบกำหนด เพื่อให้ผิวที่ขัดแล้วมีอายุการใช้งานยาวนานนั่นเอง

                          ขัดหยาบ ขัดละเอียด

                          ขัดหยาบ ขัดละเอียด

                          การขัดสีนั้นจะแบ่งเป็นสองลักษณะขึ้นอยู่กับสารเคมีหรือยาขัด โดยปกติแล้วจะมีน้ำยาแบบ ?ขัดหยาบ? กับน้ำยาแบบ ?ขัดละเอียด? กรณีที่ผิวของแล็คเกอร์เป็นรอยลึก ต้องใช้น้ำยาแบบขัดหยาบก่อนเพื่อให้ผิวของแล็คเกอร์บางลง จากนั้นตามด้วยน้ำยาขัดละเอียดเพื่อที่จะให้ผิวที่ถูกขัดชั้นแรกเรียบเนียน ขึ้น จากนั้นจึงจะตามด้วยน้ำยาเคลือบและชักเงา

                          การขัดเคลือบสีก็เหมือนกับงานไม้ การจะลงแล็คเกอร์บนเนื้อไม้ให้ขึ้นเงาเรียบเนียนนั้น ต้องใช้กระดาษทรายหยาบลงผิวเพื่อเก็บเสี้ยนไม้ชิ้นใหญ่ ๆ ก่อน เมื่อผิวเรียบดีเสมอกัน แล้วจะลงด้วยกระดาษทรายละเอียด เพื่อให้ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้นก่อนจะลงแล็คเกอร์เคลือบเนื้อไม้เป็นขั้นตอน ต่อไป ซึ่งไม่ต่างจากการขัดสีเลย ดังนั้นเจ้าของรถจึงไม่ควรขัดสีตัวรถบ่อย เพราะจะทำให้ชั้นแล็คเกอร์หรือเนื้อสีบางลง แต่การเคลือบสีนั้นสามารถทำได้บ่อยครั้ง

                          น้ำยัดละเอียดมีหลายลักษณะ แบบชนิดที่ไม่กัดสีหรือแล็คเกอร์นั้นก็มี ส่วนมากเรามักคุ้นเคยกับคำว่า ?ขัดขี้ไคล? นั่นก็คือคราบสกปรกที่เกาะติดแน่นจนการล้างธรรมดาไม่ออกนั่นเอง เมื่อใช้งานไปสักระยะต้องมีการขัดขี้ไคลเพื่อคืนความสดใสของสี

                          โปรแกรมการเคลือบดูแลรักษาสีรถยนต์ปัจจุบันมีมากมายหลายยี่ห้อหลายลักษณะ แต่เมื่อขายเป็นแพ็คเกจมีราคาตั้งแต่ 3,000-4,000 บาทขึ้นไป จนถึงระดับหลักหมื่น อันนี้ต้องเลือกตามความเหมาะสมของเงินในกระเป๋า

                          GLASS COATING

                          GLASS COATING

                          ถ้าคุณมีเงินระดับหลักหมื่นลองดูเทคโนโลยี ต่อไปนี้ที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะช่วยให้เกิดความเงางามยาวนานและช่วยลดเวลาในการเข้าไปใช้บริการได้มาก นั่นก็คือการเคลือบผิวแบบ Glass Coating หรือภาษาติดปากก็คือการเคลือบแก้ว

                          ปัจจุบันเทคโนโลยีที่น่าสนใจสำหรับคนที่รักความเงางามคือการเคลือบแก้ว เทคโนโลยีนี้ช่วยให้สีมีความเงางามและดูฉ่ำขึ้นมาก จากสีดำก็จะเป็นคำขลับเงางาม สีน้ำเงินก็จะเป็นน้ำเงินสดยิ่งขึ้น

                          ข้อดีอีกอย่างคือการเคลือบจะทำให้ผิวของสีมีความแข็งขึ้น ทนต่อรอยการขีดข่วนและการเป็นขนแมวได้ดี คราบยางไม้ ขี้แมลง หรือคราบสกปรกอื่น ๆ เกาะติดได้ยาก การทำความสะอาดก็ง่าย แต่มีราคาค่อนข้างสูง ปัจจุบันราคาการเคลือบลดลงไปมากจากเมื่อ 2-3 ปีก่อน

                          ในรถขนาดอีโค คาร์ และซับคอมแพ็คท์ เดี๋ยวนี้มีแพ็คเกจตั้งแต่ไม่ถึงหมื่นจนถึง 20,000 บาท ถามว่าคุ้มไหมเมื่อเทียบกับการซื้อแพ็คเกจขัดเคลือบสี ที่ต้องคอยไปทำทุกเดือน บอกได้เลยว่าคุ้มค่ากว่ามาก
                          การเคลือบแก้วจะทำ ให้คุณเอาเวลาที่ต้องไปรอขัดเคลือบสีไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะ เพราะการเคลือบแบบนี้จะเว้นช่วยเวลาค่อนข้างนานกว่า จะไปเติมทรีตเมนต์อีกครั้ง และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าเยอะ ถ้าคุณชอบความเงางามและดูแลรักษาง่าย การเคลือบแก้วเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและควรจะเริ่มทำทันทีเมื่อออกจากโชว์รูม

                          ขั้นตอนก็คือการใช้สารเคมีที่มีคุณสมบัติเด่นหลาย ๆ ด้านผนวกเข้าด้วยกัน เช่น การยืดเกาะกับผิวสีเดิมอย่างแน่นหนา และคุณสมบัติความแข็งแบบผิวกระจกนั่นจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้ยากขึ้น มีความเงางามมากเป็นพิเศษรวมถึงคุณสมบัติเรื่องของความลื่นของผิวสัมผัส ทำให้ฝุ่นหรือคราบต่าง ๆ เกาะติดยาก ทำให้ล้างทำความสะอาดได้ง่ายกว่า

                          สาเหตุที่ทำให้สีรถหมองไม่เงางามคือแสง UV ดังนั้นสารเคมีที่ผสมลงไปจะต้องมีคุณสมบัติของการป้องกันและสะท้อนแสง UV ได้ด้วย เมื่อผิวหน้าของสีแข็งและเป็นมันเงา ความชื้นก็ยากจะแทรกซึมเข้าไปในเนื้อสี ซึ่งเป็นอีกตัวการหนึ่งที่ทำให้สีเสื่อมสภาพและหมองคล้ำ

                          กรณีที่คิดจะใส่ชุดสปอยเลอร์รอบคัน การเลือกวัสดุอาจส่งผลในเรื่องความเรียบเนียนและความเงางามของชิ้นส่วนด้วย เพราะสปอยเลอร์ ก็ต้องพ่นสีเดียวกับตัวรถ ในเรื่องของการเลือกชุดสปอยเลอร์นั้นต้องบอกว่ามีความสำคัญมากโดยหลัก ๆ แล้วชุดแต่งเหล่านี้จะแบ่งเป็น 3 แหล่งที่มาใหญ่ ๆ คือ ชุดแต่งจากโรงงาน ชุดแต่งจากสำนักแต่งมาตรฐาน และชุดแต่งทำมือจากร้านแต่งทั่วไป

                          ชุดแต่งจากโรงงานกับสำนักแต่งมาตรฐานส่วนมากจะมีราคาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะของจากสำนักแต่งมาตรฐานยี่ห้อดัง ๆ จะมีราคาค่อนข้างแพง แต่วัสดุที่ใช้ทั้งสองกลุ่มนี้มักจะเป็นวัสดุพวกพลาสติก ABS หรือพลาสติกแบบ PP รวมถึงไฟเบอร์แบบฉีดขึ้นรูปจากแม่พิมพ์ ชุดแต่งจากทั้งสองแหล่งนี้จะมีความเรียบเนียนของผิว และแนบสนิทกับตัวถังรถเป็นอย่างดี ชิ้นงานเมื่อทำสี ก็จะมีความเงางามเช่นเดียวกับผิวของตัวรถ

                          ส่วนสปอยเลอร์จากร้านทั่ว ๆ ไปที่ออกแบบเองหรือก๊อปเขามาส่วนใหญ่จะเป็นงานไฟเบอร์ที่ขึ้นรูปด้วยมือ ดังนั้นชิ้นงานที่ออกมาจะไม่ค่อยมีความเรียบเนียน และเมื่อทำสีแล้วจะไม่ค่อยมีความมันวาวอย่างที่ควรจะเป็น หรือใช้ไปไม่นาน ก็จะเริ่มซีดและด้านมากขึ้น ดังนั้นการเลือกสปอยเลอร์ควรจะเลือกวัสดุที่เป็นพลาสติกหรือไฟเบอร์แบบฉีดขึ้นรูป เพราะในการใช้งานนั้นมันยืดหยุ่นและให้ตัวได้

                          การทำสีสปอยเลอร์ในรถใหม่ ต้องใช้กรรมวิธีเดียวกับทำสีตัวรถ ถ้าจะให้ดีต้องพ่นด้วยระบบ 2K สีจะได้เงางามและทนทานเหมือนกับกันชนหน้าและหลังที่ออกมาจากโรงงาน

                          การทำสีอีกวิธีหนึ่งคือการพ่นแล้วเคลือบด้วยแล็คเกอร์แบบเก่า การทำสีแบบนี้จะถูกแม้ว่าจะมีความสดสวยเหมือนกับตัวถังรถ แต่มันก็คงความสดสวยได้ไม่นานนักผ่านไป 1-2 ปีก็จะเห็นความแตกต่างชัดเจน โดยเฉพาะรถสีขาว บรอนซ์ น้ำเงิน แดง และรถสีเมทัลลิกทั้งหลาย ดังนั้น ถ้าคิดจะใส่สปอยเลอร์ต้องเลือกที่มีคุณภาพ การทำสีก็ต้องยอมทำสีแพงหน่อยเพื่อให้ระยะยาวสีสดสวยไม่ผิดเพี้ยน

                          ผ้าคลุมรถ

                          ผ้าคลุมรถ

                          ไม่ว่าจะผืนหลักร้อย ผืนละสามพัน หรือแพงกว่านั้น ไม่ควรคลุมแล้วจอดกลางแจ้งเพราะไอร้อนที่เกิดขึ้นใต้ผ้าคลุมรถนั้นสะสมสูงมาก สูงชนิดที่ว่าอาจจะทำให้ผ้าหรือสารเคมีที่เคลือบอยู่ เช่น ผ้าคลุมกันน้ำ ละลายติดกับสีรถได้เลย กรณีแบบนี้เจอกันบ่อยครั้ง การใช้ผ้าคลุมรถควรใช้ในที่ร่ม เท่านั้นแล้วควรเลือกผ้าคลุมที่มีคุณภาพระบายความร้อนและความชื้นได้ดี

                          การจอดรถกลางแจ้ง

                          การจอดรถกลางแจ้ง

                          จะทำให้แสง UV ทำลายสีรถโดยตรง กรณีไม่มีโรงรถหรือหลังคาที่กันน้ำกันแดดได้ดี ควรติดกันสาดที่กรอบกระจกทุกบาน กันสาดนี้จะช่วยกันฝนไม่ให้เข้าไปในห้องโดยสารเมื่อเราเปิดแง้มกระจกไว้
                          การ แง้มกระจกไว้สักหนึ่งนิ้วจะช่วยให้การระบายไอร้อนในรถทำได้ดีขึ้น ลดอุณหภูมิในห้องโดยสารได้มาก เมื่อในห้องโดยสารระบายความร้อนได้ดี สามารถช่วยให้หลังคารถอุณหภูมิไม่สะสมสูงนัก สีหลังคาก็จะไม่โดนทำร้ายมากนัก

                          กรณีต้องจอดรถได้ต้นไม้ ถ้าเป็นไม้พุ่มทึบที่สามารถสร้างร่มเงาได้ดี สามารถเอาผ้าคุลมรถมาใช้เพื่อป้องกันยางไม้และขี้แมลงได้

                          กรณีมีที่จอดประจำแต่ไม่มีหลังคาให้ร่มเงา หลังคาโรงรถแบบพับได้หรือเต็นท์ราคา 3,000-4,000 บาท ก็ช่วยได้ เพียงแต่เจ้าของสถานที่ยินยอม กรณีที่ไม่สามารถทำอะไรเพื่อให้ร่มเงาได้ การเคลือบแก้วหรือการเคลือบสีเป็นประจำสามารถช่วยให้สีทนต่อแดดได้มากขึ้น

                          ทำอย่างไร เมื่อรถโดนปูนซีเมนต์สี ยางมะตอย หรือวัสดุก่อสร้าง

                          ทำอย่างไร เมื่อรถโดนปูนซีเมนต์สี ยางมะตอย หรือวัสดุก่อสร้าง

                          เมื่อขับรถผ่านสถานทีก่อสร้างโดยเฉพาะการสร้างถนน เราหลีกเลี่ยงได้ยากถ้าไม่แน่ใจว่าสิ่งที่มาติดรถเป็นอะไร ไม่ว่าจะเป็นน้ำปูนซีเมนต์สี หรือแม้แต่ยางมะตอย เมื่อผ่านุดนั้นมาควรหาคาร์แคร์เพื่อทำการล้างทำความสะอาดโดดเร็ว

                          เพราะการทำความสะอาดก่อนที่สิ่งเหล่านั้น จะแข็งตัว จะทำความสะอาดได้ง่ายไม่ทำให้สีเสียหาย ควรหาคาร์แคร์ที่มีมาตรฐาน เพราะจะมีน้ำยาทำความสะอาดเฉพาะที่ตรงกับความต้องการ เช่น ขจัดคราบปูนซีเมนต์ สี ยางมะตอย ฯลฯ

                          ถ้าไม่ทราบว่าเป็นอะไรและสิ่งที่เกาะแน่นเหล่านั้นดูท่าว่าจะไม่สามารถเอาออกได้ง่าย ๆ ควรทำใจและเปลี่ยนไปอู่สีแทน เพราะบางครั้งคาร์แคร์คิดค่าบริการแพงมาก เช่น บังโคลนหลังอย่างเดียว 2,000 บาท บวก-ลบนิดหน่อย และไม่แน่ใจด้วยว่าจะทำให้สีเงางามเหมือนเดิมหรือไม่ กรณีแบบนี้ไปหาอู่สีทำสีใหม่ทั้งชิ้นอาจจะใช้เงินราว 3,000 บาทเศษ แต่สีออกมาเงางามเหมือนเดิม เป็นการเพิ่มเงินอีกนิดแต่ได้ความคุ้มค่ามากกว่า ไม่อย่างนั้นต้องเสียเงินสองครั้ง คือไปคาร์แคร์แล้วก็ต้องย้อนมาอู่สีเหมือนเดิม

                          Wrap ตัวถัง

                          Wrap ตัวถัง

                          เพื่อเปลี่ยนสีหรือติดสติ๊กเกอร์เคฟลาร์ก็ตามทีการ Wrap ตัวถังด้วยสติ๊กเกอร์สี สวยงามในเวลาสั้น ๆ และเป็นการลงทุนที่แพง ระยะยาวเมื่อลอกสติ๊กเกอร์ออกมาแล้วมักจะพบรอยคัตเตอร์รอยขูดขีด หรือแม้แต่สีลอกออกมาเป็นแผ่น ๆ

                          รวมถึงการติดสติ๊กเกอร์ผิดไปจากสีที่จดทะเบียนไว้ก็ผิดกฎหมายด้วย ถ้าอยากเปลี่ยนสีเพิ่มเงินอีก 30-50 เปอร์เซ็นต์ แล้วเข้าอู่ทำสีจะเป็นการดีกว่า ได้สีที่เงางาม และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า และสิ่งสำคัญเมื่อเปลี่ยนสีแล้วต้องรีบไปแจ้งเปลี่ยนสีเพื่อป้องกันปัญหาภายหลัง

                          การติดสติ๊กเกอร์ฝากระโปรง หลังคา ก็ต้องดูด้วยว่าไม่ให้พื้นที่ของสีเกินกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ของตัวรถ ถ้าเกินต้องไปแจ้งเปลี่ยนสี ไม่อย่างนั้น ก็จะโดนเรียกโดนใบสั่งอยู่บ่อย ๆ

                          เคลือบภายในห้องโดยสาร

                          เคลือบภายในห้องโดยสาร

                          สำหรับรถที่เป็นเบาะผ้า ยิ่งเป็นเบาะสีอ่อนด้วยแล้ว ยิ่งต้องให้การดูแลรักษาเป็นอย่างมาก เบาะผ้าเมื่อออกรถมาใหม่ควรเข้าไปพ่นน้ำยากันน้ำ และปกป้องเนื้อผ้า น้ำยาเคมีที่ฉีดพ่นลงไปนั้น จะช่วยให้เบาะผ้าไม่เป็นรอยต่างหรือเป็นดวง เพราะจะทำให้น้ำซึมเข้าเนื้อผ้าได้ยากขึ้น และช่วยป้องกันไม่ให้เบาะนั่งดำหรือเป็นคราบไคลติดแน่น

                          ส่วนเบาะหนัง ถ้าเป็นโทนสีอ่อนก็ต้องเคลือบน้ำยาเช่นกัน เบาะนั่งสีอ่อนหรือโทนสีเบจนั้นแค่ช่วงเวลาไม่กี่เดือน ก็จะเห็นชัดเจนว่าเป็นคราบดำด่าง น้ำยาที่เคลือบจะช่วยไม่ให้เบาะหนังเสื่อมสภาพเร็ว และป้องกันไม่ให้เลอะง่าย

                          นอกจากการดูแลรักษาด้วยการใช้บริการจากคาร์แคร์แล้ว ควรหลีกเลี่ยงผ้ายีนส์สีเข้ม ๆ ยิ่งซื้อมาใหม่ ๆ ยิ่งต้องระวัง เพราะสีย้อมที่ติดมากับผ้ามันจะไปทำให้เบาะนั่งไม่ว่าจะเป็นเผ้าหรือหนังสกปรก พูดง่าย ๆ ก็คือสีจากผ้าตกใส่เบาะนั่นเอง ถ้าเป็นเบาะผ้ายิ่งทำความสะอาดหรือฟอกให้เหมือนเดิมได้ยาก

                          ต้องสวยทั้งภายนอกและภายใน

                          ต้องสวยทั้งภายนอกและภายใน

                          การดูแลภายในห้องโดย อีกทางหนึ่งนอกเหนือจากการทำความสะอาดแล้ว ถ้าหลีกเลี่ยงการจอดกลางแจ้งไม่ได้ก็ควรติดกันสาด เพื่อแง้มกระจกให้การระบายความร้อนออกไปทำได้ดี การปล่อยให้ห้องโดยสารมีความร้อนสูงจะทำให้ชิ้นส่วนพลาสติกเสื่อมสภาพเร็ว ชิ้นส่วนบริเวณคอนโซลหรือแผงประตูจะมีเสียงดังออดแอดเวลารถวิ่ง และบางชิ้นก็กรอบแตกก่อนเวลาอันสมควร

                          อีกทางคือการเลือกฟิล์มกรองแสง ที่มีคุณภาพสามารถสะท้อนแสง UV และสะท้อนความร้อนได้ดี ลงทุนแพงหน่อยแต่ใช้งานได้ยาวนานรวมถึงยึดอายุชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารด้วย พวกน้ำมันหอมระเหยต่าง ๆ ควรหลีกเลี่ยงยิ่งห้องโดยสารร้อนมากเท่าไหร่ สารเคมีที่ฟุ้งกระจายในรถ อาจเป็นตัวการทำให้คอยล์เย็นอุดตันเร็วหรือชิ้นส่วนบางอย่าง เช่น ฟิล์มกรองแสงเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

                          ห้องเครื่อง

                          ห้องเครื่อง

                          นอกเหนือจากการดูแลรักษาสีรถ และภายในห้องโดยสารด้วยแล้ว ห้องเครื่องเป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องดูแลทำความสะอาด แต่ห้องเครื่องเพียงจุดเดียวที่อยากบอกว่า แค่ทำให้พอสะอาดไม่ต้องถึงกับเอี่ยมอ่อง เพราะการทำความสะอาดห้องเครื่องไม่เหมือนกับการทำความสะอาดส่วนอื่น ๆ ของตัวรถ เพราะเครื่องยนต์ประกอบด้วยโลหะหลายชนิด แถมมีชิ้นส่วนพลาสติก ยาง ฯลฯ มากมาย ห้องเครื่องทำความสะอาดแค่ใช้ลมเป่าฝุ่นออกหรือใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดก็พอ ไม่ควรพ่นน้ำยาเคลือบใด ๆ ทั้งสิ้น

                          การล้างห้องเครื่องเป็นสิ่งที่ ควรหลีกเลี่ยง แต่ไม่ใช่ว่าไม่ล้างเลย อย่างมากล้างปีละครั้งหลังหมดหน้าฝน หรือล้างหลังจากซ่อมเครื่องมาก็ได้

                          การล้างห้องเครื่องนั้นคุณต้องมีเวลาว่างพอ และร้านที่จะทำต้องมีความรับผิดชอบพอ การล้างห้องเครื่องที่ถูกต้องนั้น

                          1. ต้องรอให้เครื่องยนต์เย็นเสียก่อน เย็นขนาดที่ว่าเอามือจับท่อไอเสียได้นั่นแหละ

                          2. ต้องไม่ใช้น้ำแรงดันสูงฉีดล้างโดยเด็ดขาด การล้างที่ถูกต้องคือใช้น้ำยาทำความสะอาดห้องเครื่องฉีดพ่นจะเป็นแบบสเปรย์ กระป๋อง ใช้ฟ็อกกี้ หรือใช้กาพ่นสีพ่นก็ได้ จากนั้นใช้แปรงไนล่อนขัดความความสะอาด

                          น้ำยาบางตัวจะระบุเลยว่าให้ใช้น้ำใส่ฟ็อกกี้หรือกาพ่นสี พ่นทำความสะอาดซ้ำ แล้วใช้ลมเป่าให้แห้ง ใช้ผ้าเช็ดเพิ่มเติม แค่นี้พอแล้วสำหรับห้องเครื่องยนต์

                          ทำไมต้องรอให้เครื่องยนต์เย็นก่อนและไม่ควรใช้น้ำแรงดันสูงฉีด นั่นเพราะว่าชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็นฝาสูบ เกียร์ท่อไอเสีย และระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เมื่อเครื่องทำงาน ความร้อนจากเครื่องยนต์และท่อไอเสียที่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ โลหะต่างชนิดกัน เมื่อได้รับความร้อนจะขยายตัวไม่เท่ากัน ถ้าล้างห้องเครื่องขณะเครื่องยนต์ยังร้อนอยู่ จะทำให้โลหะเกิดการเย็นตัวอย่างรวดเร็ว การเย็นตัว เพราะโดนน้ำเย็นปริมาณมาก ๆ ทำให้ชิ้นส่วนหดตัวอย่างรวดเร็ว โลหะต่างชนิดกันหดตัวต่างกัน มีโอกาสทำให้เสื้อสูบ ฝาสูบ ท่อไอเสีย แตกร้าวได้ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คอยล์ ฯลฯ ก็อาจลัดวงจรได้ง่าย และการใช้น้ำแรงดันสูงอาจจะทำให้ชิ้นส่วนพลาสติก ยาง เสียหายได้ด้วย

                          การดูแลรักษารถยนต์จึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากที่จะทำความเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วก็เลือกพิจารณาให้ถี่ถ้วนเหมาะสม ถือว่าเป็นการใช้งานอย่างคุ้มค่าอีกทางหนึ่งด้วย

                          Did You Know?

                          แต่ค่าใช้จ่ายในการเคลือบแก้วค่อนข้างสูง เริ่มต้นในรถเล็กก็ต้องมีหมื่นบาทเศษ ๆ ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับแพ็คเกจ แต่ดูแลกันยาวนานถึง 3 ปีก็มีเจ้าของรถต้องลองเปรียบเทียบดูกับการเคลือบสีปกติ ถ้า 1 ปีต้องใช้เงินดูแลรักษาสีรถตั้งแต่ 5,000-8,000 บาทขึ้นไป สู้รวมเงินเอามาทำเคลือบแก้วจะคุ้มค่ากว่าในระยะยาว
                          Last edited by PERAWAT153; 24 May 2016, 08:18:48.

                          Comment


                          • www youtube.com/watch?v=uERkxGH3UOY

                            การขัดสีรถยนต์

                            ------------------------

                            www youtube.com/watch?v=jh7ndKUU9Dw

                            ๕ งานขัดสีโป๊

                            -----------------------

                            www youtube.com/watch?v=opzKB0_F2o8

                            ขั้นตอนการขัดโป๊วแห้ง

                            --------------------------

                            www youtube.com/watch?v=yBcEWbTTphg

                            ช่างโป้วมืออาชีพ

                            -------------------------

                            www youtube.com/watch?v=YIAdLZdj1c0


                            โป๊วสี

                            --------------------------

                            www youtube.com/watch?v=gDzePaLU1gU

                            ทำสี เคาะ ปะผุ ตัวถังรถยนต์ ตอนที่ 9

                            ---------------------------

                            www youtube.com/watch?v=Api5_i_tdCE

                            ทำสี เคาะ ปะผุ ตัวถังรถยนต์ ตอนที่ 8

                            --------------------------

                            www youtube.com/watch?v=zRn1GN1lmto

                            ทำสี เคาะ ปะผุ ตัวถังรถยนต์ ตอนที่ 7

                            ---------------------------


                            www youtube.com/watch?v=bc6gdsyUILA

                            กระบี่มือหนึ่ง เคาะพ่นสีรถยนต์มือหนึ่ง (5 ต.ค.58)

                            Comment


                            • www forum.samsamut.com/index.php?topic=311.0

                              ลอกสีรถยนต์ ลอกสีโป้วเก่า เตรียมผิวก่อนติดสติ๊กเกอร์ทั้งคัน (wrap car) ( มีรูปทุกขั้นตอนครับ )
                              เมื่อ กรกฎาคม 20, 2014, 10.18.03


                              เมื่อ 2 ปีก่อน ไปทำสีรถใหม่ ทำเสร็จ เอารถออกมาใช้ไม่ทันไร สีก็เริ่มพองแล้ว มันเริ่มพองตั้งแต่เดือนแรก ที่ทำสีรถเสร็จแล้ว มันเริ่มพองที่หลังคา จากนั้น มันก็ออกอาการที่ฝากระโปรงรถ กันชนรถ ประตูรถ สีมันพองออกมาตลอด ผ่านมาปีกว่าสีเริ่มล่อน ลอกออกมา แต่ก็ทนขับ จนถึงปัจจุบันนี้ สภาพไม่ไหวแล้ว ก็เลยให้ช่างทำสีรถยนต์แถวบ้าน ลอกสีรถยนต์ เอาสีโป้วเก่าออกให้หมด แล้วโป้ว ขัด ทำใหม่หมด เตรียมพื้นผิวใหม่ เพื่อที่จะติดสติ๊กเกอร์ทั้งคัน (wrap car)

                              รูปภาพฝากระโปรงท้ายรถ
                              Last edited by PERAWAT153; 25 May 2016, 10:37:05.

                              Comment


                              • www datsun-thailand.com/index.php?topic=1949.0

                                อยากลอกสีเอง จะทำไงดี

                                เมื่อ มกราคม 25, 2011, 15.58.09
                                ผมสงสัยว่าวิธีลอกสีแบบไฟเผาแล้วแฉะออกกับน้ำยาลอก แบบไหนดีสุดครับ













                                ################

                                www haisocar.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&No=1413293



                                ################

                                www thaiscooter.com/forums/showthread.php?t=294498&page=11#.V0WCMTWLS1s

                                การลอกสีปะผุ



                                ################

                                www blog.viriyahcare.com/suksan-inter-service/?page_id=6

                                หจก.อู่สุขสันต์อินเตอร์เซอร์วิส

                                ผลงานการซ่อม








                                ---------------------------

                                www carsbright.com/forum/index.php?topic=454.0

                                มาจากชลบุรีคับ แต่มีบ้านอยู่แถวสนามบินน้ำนี่ละ คันนี้รถน่าใช้มากๆคับทำสีเดิม อันดับแรกก็รื้อ ด้วยความระมัดระวังคับ

                                E220 Ce ทำสีรถใหม่แบบแห้งช้า2k+แลคเกอร์นกแก้ว ครับ
                                เมื่อ สิงหาคม 19, 2010, 09.13.15

                                รูปประกอบเยอะครับ สวยด้วยครับ
                                Last edited by PERAWAT153; 25 May 2016, 18:06:35.

                                Comment

                                Working...
                                X