Announcement

Collapse
No announcement yet.

สาย USB บ้านๆ กับ USB 1000บาท เสียงต่างกันไหมคับ

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • #31
    หล้กการ คือ อันไหน เป็นฉนวน ที่มีผลกัน คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า กับ คลื่นวิทยุ ได้มากน้อยแค่ไหน
    กะลักษณะ เสียง เฉพาะตัวของ วัสดุที่มาหุ้มสาย ตอนนี้กำลัง เล่นอยู่
    ที่มีผลอย่างมาก มีอยู่ 2 อย่าง 1 ในนั้นคือ อลูมิเนียม ฟอยล์ อีก 1 ต้องลองหาดู เดี่ยว ไม่สนุก
    แต่ต้องอยู่ที่ เครื่องเล่น หรือ ปลายทาง จะไว ต่อสิ่งที่เปลี่ยนไป รึเปล่า หรือศัพท์เครื่องเสียง เรียกว่า ขี้ฟ้อง
    ส่วน ยี่ห้อ ไม่ ยี่ห้อ จะมีผล ตอนที่เบื่อ จะขายต่อ มือสองเท่านั้นเอง

    Comment


    • #32
      พูดใครก็พูดได้ครับ

      พันไอ้นี่นิด โมไอ้นู่นหน่อย อุ๊ย เสียงต่าง

      ก็ถึงเชิญชวนให้มาปฏิบัติ Blind Test แบบจริงจัง เป็นขั้นตอนมีมาตรฐานกันเลยนี่ไงครับ
      ถ้าบอกว่าต่างขนาดว่ามีนัยยะ จับต้องด้วยหูได้ แนวเสียงเปลี่ยน เพิ่มกรุ๊งกริ๊ง เพิ่มเบส ลดเบสได้นี่

      ลองมาฟังแบบมีการเปลี่ยนสาย - และบันทึกภาพบันทึกเสียงกันครับ

      ก็ไม่กล้ากัน เพราะอะไร เพราะมันไม่ต่างไงครับ

      Comment


      • #33
        Originally posted by noonman41 View Post
        พูดใครก็พูดได้ครับ

        พันไอ้นี่นิด โมไอ้นู่นหน่อย อุ๊ย เสียงต่าง

        ก็ถึงเชิญชวนให้มาปฏิบัติ Blind Test แบบจริงจัง เป็นขั้นตอนมีมาตรฐานกันเลยนี่ไงครับ
        ถ้าบอกว่าต่างขนาดว่ามีนัยยะ จับต้องด้วยหูได้ แนวเสียงเปลี่ยน เพิ่มกรุ๊งกริ๊ง เพิ่มเบส ลดเบสได้นี่

        ลองมาฟังแบบมีการเปลี่ยนสาย - และบันทึกภาพบันทึกเสียงกันครับ

        ก็ไม่กล้ากัน เพราะอะไร เพราะมันไม่ต่างไงครับ
        ถ้าคุณเตรียมอุปกรณ์ทดสอบให้ดีผมยินดีไปนั่งฟังนะครับ

        อุปกรณ์ทดสอบที่ดีหมายความว่าไฟล์ ,เครื่องเล่น ,ภาคขยาย ที่ดีพอสมควร และลำโพงมอนิเตอร์ขี้ฟ้องๆซักตัว
        วิธีทดสอบทางวิทยาศาสตร์ก็จัดตัวแปรอย่างอื่นให้ดี เปลี่ยนเฉพาะสาย USB ง่ายๆแค่นี้แหละ

        อ่อถ้าจะเผยแพร่ในวงกว้างอย่าลืม Audio Analyzer มาวัดกราฟเทียบด้วย คนดูจะได้รู้ว่าต่าง หรือไม่
        Last edited by Arjuna; 15 Apr 2018, 21:23:32.

        Comment


        • #34

          Comment


          • #35
            ทำเป็น Personal ฺBlind Test ด้วยหูฟังดีกว่า
            - เพราะหาหูฟังง่ายกว่า รวมทั้งยังจับสัญญาณ Signal Log ที่เข้า AMP หูฟังง่ายกว่า รวมทั้งเราก็รู้อยู่ว่าหูฟังมันอยู่แทบจะติดแก้วหู ซึ่งมันขี้ฟ้องมาก
            - แล้วจริงๆถ้าเราบอ่าเปลี่ยนสาย อะไรก็เปลี่ยน Analyser ไม่จำเป็นหรอก สายมีกี่ตัว สับดูถ้าแยกได้มันก็น่าจะตอบถูกมากกว่า 70% อยู่แล้ว เดี๋ยวจะมาโทษ ANALYSER มันอีก ว่าทำให้คุณภาพมันดรอป
            - ตัดปัญหาตำแหน่งการฟังไป และไม่ถูกรบกวนด้วยสภาพแวดล้อมด้วย
            - แล้วจะได้มีสักขีผยานหน้าอุปกรณ์เยอะๆ ไม่ต้องมามองหน้ากันก่อนตอบด้วย เดี๋ยวๆทีละคนๆเลย
            - ไครมีอุปกรร์ก็ลงขันจัดดูกันเอา ท้ากันไปท้ากันมา น่ารำคาญ
            ฃ่วยๆกันลงมือทำให้หายข้องใจดีกว่า
            Last edited by ssk; 16 Apr 2018, 12:48:48.

            Comment


            • #36
              ของแบบนี้เอาตามสบายใจเราดีกว่า หูคนเรารับเสียงได้ไม่เท่ากัน

              สาย usb ผมทำใช้เอง บ้าขนาดใช้สายฝอย แล้วดึงออกทีละเส้น
              เวลาจูนเสียงสุดท้าย ถ้าเบสมาเยอะก็เอาออกหน่อย แต่ก็แลกกับเสียงแหลมที่จัดขึ้น

              ผมฟังเพลงผ่าน ฮาร์ดดิสก์ภายนอก ผ่านสาย usb
              ตัวแปลง sata เป็น usb ผมก็เลือกนะครับ
              ฟังมาหลายอัน ตัวไหนที่มี clock แบบจ่ายไฟแยก มักจะให้เสียงที่ผมชอบมากกว่า
              (ในท้องตลาดเจออยู่ไม่กี่ยี่ห้อ)

              ฮาร์ดดิสก์แต่ละยี่ห้อ ก็ให้เสียงไม่เหมือนกัน ตัว controller ต่างกัน เสียงก็ไม่เหมือนกัน
              อยากเล่น ssd แต่กลัวเรื่อง controller นี่แหละ ลงทุนเยอะกลัวเจ็บตัว

              มันยังมีภาคไฟ 5v และกราวนด์ อีก แต่ละแหล่งให้เสียงไม่เหมือนกันอีก
              ผมพบว่าจ่ายไฟแบบลิเนียร์จะให้เสียง ถูกหูผมมากกว่า

              +++ ความเห็นส่วนตัว +++

              Comment


              • #37
                ผมว่าสาย USB ไหนก็ได้ ขอแค่ผ่านมาตราฐานกล่าวคือเนื้องานดีแต่ไม่ต้องดีมากก็ได้ ฟังยังไงก็แยกไม่ออกแบบขาดๆสมราคา ยิ่งความยาวสายสั้นๆก็ไม่ได้ต่างอะไรกัน ยกเว้นสายยาวๆมาก
                แต่ที่แปลกคือ ผมฟังเสียง Optical ของสายราคาแพงกับถูกออก แต่ที่แปลกอีกคือสาย Coaxial สายราคาแพงเกือบหมื่นดันหนีสายบ้านหม้อทำเองเกรดดีหลักร้อยไม่ออก

                อันนี้เล่าสู่กันฟังเพลินๆอย่าคิดมาก
                ผมเคยลองทำ Blind เทสกับคนในบ้าน(ตัวแม่ Audiophil)แบบไม่บอกล่วงหน้า เพราะเบื่อจะเถียงกับมันก็ทดลองซะเลย ระยะทำประมาณ 1 เดือน โดยผมจะแอบเปลื่ยนสาย USB ทุกวันสลับแบบ Random โดยใช้วิธีโยนเหรียญหัวก้อยเอากัน Bias จากผู้ทำการจัดเทสเอง หัวสายแพงนอร์ดอสเฮมดอลIIราคาหลักหมื่นของมันเอง ก้อยสายถูกบ้านหม้อเนื้องานดีราคาหลักร้อยของผม โดยผมจะจดทำตารางไว้ว่าไว้ไหนได้ใช้สายอะไรไป
                ซึ่งปกติเค้าจะฟังเพลงวันละ 1-2 ชม.ลักษณะจะฟังเพลงเดิมๆ ก็ไม่น่าจะพลาดละหว่าเรื่องจับผิด
                พอครบเดือนผมก็มาถามว่ามีอะไรผิดปกติไหมกับเสียงของ System ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มันก็บอกว่าไม่นิ พอผมเอาตารางที่จดมาให้มันดู ตอนแรกยังอึ้งๆ แล้วรีบเอาสายทั้งคู่มาฟังสลับกัน แถมยังบอกว่าต่างกันตรงช่วงนี้ๆบลาๆ ต่างกัน 20%มั่ง
                กรรม......แม่งสายมโนหรือป่าวนิวะ มันล่อหมดเงินไปกับเครื่องเสียงเป็นล้าน แต่ตกม้าตายกับ Blind test ที่พี่นี้จัดให้ หรือผมทำเทสระยะเวลาสั้นไปนิ(1 เดือน)มันเลยแยกไม่ออกทัน

                Comment


                • #38
                  อิอิ

                  Comment


                  • #39
                    แต่ก่อนสาย sata

                    ตอนนี้เป็นสาย usb แล้วหรอ

                    - -'

                    Comment


                    • #40
                      Originally posted by Hirasawa View Post
                      แต่ก่อนสาย sata

                      ตอนนี้เป็นสาย usb แล้วหรอ

                      - -'
                      ข้างบนมี harddisk controller ด้วย
                      บับไม่กล้าใช้ ssd เพราะกลัวเสียงไม่ดี

                      เราก็รู่กันน่ะนะ ว่าน่าจะเปลี่ยนได้แล้ว
                      ผมยังเอา 120g เก่าๆใส่เพลงไว้ฟังเลย

                      Comment


                      • #41
                        Originally posted by คิม View Post
                        ผมว่าสาย USB ไหนก็ได้ ขอแค่ผ่านมาตราฐานกล่าวคือเนื้องานดีแต่ไม่ต้องดีมากก็ได้ ฟังยังไงก็แยกไม่ออกแบบขาดๆสมราคา ยิ่งความยาวสายสั้นๆก็ไม่ได้ต่างอะไรกัน ยกเว้นสายยาวๆมาก
                        แต่ที่แปลกคือ ผมฟังเสียง Optical ของสายราคาแพงกับถูกออก แต่ที่แปลกอีกคือสาย Coaxial สายราคาแพงเกือบหมื่นดันหนีสายบ้านหม้อทำเองเกรดดีหลักร้อยไม่ออก

                        อันนี้เล่าสู่กันฟังเพลินๆอย่าคิดมาก
                        ผมเคยลองทำ Blind เทสกับคนในบ้าน(ตัวแม่ Audiophil)แบบไม่บอกล่วงหน้า เพราะเบื่อจะเถียงกับมันก็ทดลองซะเลย ระยะทำประมาณ 1 เดือน โดยผมจะแอบเปลื่ยนสาย USB ทุกวันสลับแบบ Random โดยใช้วิธีโยนเหรียญหัวก้อยเอากัน Bias จากผู้ทำการจัดเทสเอง หัวสายแพงนอร์ดอสเฮมดอลIIราคาหลักหมื่นของมันเอง ก้อยสายถูกบ้านหม้อเนื้องานดีราคาหลักร้อยของผม โดยผมจะจดทำตารางไว้ว่าไว้ไหนได้ใช้สายอะไรไป
                        ซึ่งปกติเค้าจะฟังเพลงวันละ 1-2 ชม.ลักษณะจะฟังเพลงเดิมๆ ก็ไม่น่าจะพลาดละหว่าเรื่องจับผิด
                        พอครบเดือนผมก็มาถามว่ามีอะไรผิดปกติไหมกับเสียงของ System ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มันก็บอกว่าไม่นิ พอผมเอาตารางที่จดมาให้มันดู ตอนแรกยังอึ้งๆ แล้วรีบเอาสายทั้งคู่มาฟังสลับกัน แถมยังบอกว่าต่างกันตรงช่วงนี้ๆบลาๆ ต่างกัน 20%มั่ง
                        กรรม......แม่งสายมโนหรือป่าวนิวะ มันล่อหมดเงินไปกับเครื่องเสียงเป็นล้าน แต่ตกม้าตายกับ Blind test ที่พี่นี้จัดให้ หรือผมทำเทสระยะเวลาสั้นไปนิ(1 เดือน)มันเลยแยกไม่ออกทัน
                        ตัวจริงมันต้องแบบนี้สิ.........

                        Comment


                        • #42
                          จริงๆแม้จะเป็นAnalog แต่ถ้าให้ลองBlind Testก็สามารถสอบตกได้หลายคนนะคับ
                          ลองทดสอบAnalog อย่างOpampเบอร์2134, 2132อันนี้เสียงต่างกันแบบไม่ต้องมโน คนเล่นเครื่องเสียงยังไงก็ทราบกันดีว่ามันต่าง
                          และแน่นอนว่าถ้าเราสร้างวงจรให้เทสA/Bได้แบบง่ายๆ แน่นอนว่ามันฟังออกง่าย แม้จะให้หลับตาฟัง

                          แต่เชื่อไหมว่าถ้าให้ผมลองแอบเปลี่ยนOpampในDACแบบไม่ให้คนฟังรู้ตัว ขอบอกเลยว่าบางคนเค้าไม่รู้ตัวจริงๆนะ แม้ว่าตอนที่ให้A/B Testเค้าจะสามารถตอบได้ถูกแบบไม่ผิดเลยก็ตาม

                          ที่ผมมาพิมพ์แบบนี้ไม่ใช่เพราะผมต้องการให้ทุกคนคิดเหมือนผมว่าสายUSBแต่ละเส้นนั้นต่างกัน แต่ผมจะมาบอกว่าคนที่Blind Testไม่ผ่านก็ไม่ได้แปลว่าฟังไม่ออกนะคับ

                          Blind Testนั้นจริงๆเหมาะกับใช้เวลาที่ต้องการเลือกซื้อมากกว่า ว่ารุ่นที่แพงขึ้นไปนั้นคุ้มหรือไม่ที่เราจะจ่าย อย่างสมมุติหูฟังCและDเป็นรุ่นเดียวกัน เพียงแต่Dตอบสนองเสียงกว้าง(แต่ยังอยู่ในช่วงที่มนุษย์ได้ยิน)เลยแพงกว่า แต่ถ้าเวลาฟังแล้วคนซื้อแยกไม่ออก ก็ควรเลิืือกหูฟังCซึ่งถูกกว่า
                          Last edited by OxygenHD; 17 Apr 2018, 20:06:20.

                          Comment


                          • #43
                            อิจฉา คนที่ว่าไม่ต่างเลยน่ะครับ ไม่ต้องเสียตังเลย ในวงนัก Diy ก็ตอบอีกแบบ วงนักช้อปก็ตอบอีกแบบ ผมขอตอบในวงการนัก Diy มันต่างนะ ไม่ต้องหลักหมื่น เอาหลักร้อยพอ

                            Comment


                            • #44
                              ฟัง เพลงเดิม ฟัง ไม่ได้เพราะทุกวันนะครับ

                              Comment

                              Working...
                              X