วันนี้ขอเล่าให้ฟังแบบสั้นๆละกันครับกับกล่องนิรนาม อยู่ดีๆก็มีพัสดุส่งมาถึงที่บ้านผมครับ

ที่เซ็นเซอร์คือเซ็นเซอร์ที่อยู่นะครับ ไม่ใช่เซ็นเซอร์ของมีคมแต่อย่างใด
ผมไม่ใช่หน่วยงานนึงที่โดนแซวบ่อยๆนะครับ อิอิ
ทีนี้เรามาลองเปิดกล่องกันดูดีกว่าว่าในกล่องมีอะไรบ้าง

พอเปิดกล่องออก ผมถึงกับงง งวย ว่าในนั้นมีอะไร ซึ่งมันก็เป็นห่อกระดาษหนังสือพืมพ์
ไหนๆแกะแล้วก็แกะมันต่อไปอีกละกันครับ

อยากดูกันละเซ่หนังชมม่วง 555
จริงๆแล้วพอผมใส่เข้าเครื่อง มันเป็นแผ่นไดรเวอร์ครับ

แกะดูที่เหลือีกทีจ พบว่ามีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมๆ คล้ายๆ HDD
แต่ HDD มันไม่ต้องมีแผ่น ไดรเวอร์มานิ ถูกไหมครับ
รวมทั้งน้ำหนักก็ยังเบากว่าอีกด้วย

ดูจากลักษณะการห่อก็รู้ครับว่าที่บ้านรับหนังสือพิมพ์ยี่ห้อใด
เพราะหลักฐานมันฟ้องอยู่ อิอิ

แกะไปแกะมาเจอห่อหนาๆอีกชั้นนึง ห่อได้หนามากๆ เรียกว่าป้องกันการสูญเสียสุดๆ
เพราะไปรษณีย์ไทยเชื่อใจไม่ค่อยได้ด้านความปลอดภัย
ดังนั้นการห่อมิดชิดและหนาแน่นแบบนี้ถือเป็นการดีครับ

ทีนี้มาชมของด้านในกัน ตัวย่อ SB ย่อมาจากคำนี้นี่เอง
ส่วนเลขด้านหลังผมมิรู้ความหมายจ้า

รูปนี้แถมตัวเต็มให้

กับอีกรูปชัดๆกับชิพของ Creative
เมื่อผมเห็นว่าเป็น SC ผมก็นึกขึ้นได้ว่า พี่ ManiacMeaw จะส่งการ์ดเสียงมาให้ผมเทสหนึ่ง
นึกออกในทันใดคุยกันไว้ตอนผมรีวิว Swan M20W ในช่วงสงกรานต์
ดังนั้นชื่อเต็มๆของเจ้านี่ก็คือ SB200 Mod by ManiacMeaw
SB200 คืออะไร มันก็คือ SC นั่นเอง
(SC ย่อมาจาก Sound Card นะครับ ขอเรียกย่อละกันพิม์สะดวกดีครับ)
ท่านเจ้าของการ์ดได้ขอชื่อที่อยู่และทำการจัดส่งการ์ดใบนี้มาให้ผมในช่วงสงกรานต์
ซึ่งตอนแรกผมกะจะเทียบกับ DAC อย่าง Fiio E7 เพราะผมไม่รู้ราคาค่าตัวของเข้าการ์ดใบนี้
คือผมไม่เชี่ยวพวก SC อยู่แล้วน่ะครับ ที่ใช่ในปปัจจุบันก็คือใช้ตามความชอบในหน้าตา
ผมชอบหน้าตาตัวไหนก็ซื้อตัวนั้นมาใช่ครับ ผมได้สอบถามท่านเจ้าของการ์ดไป พี่แกตอบมาว่า
ตัวการ์ดรวมค่าอะไหล่ที่เปลี่ยนไม่รวมค่าแรง (เพราะแกทำเองไม่ได้ไปจ้างใคร)
ราคาอยู่ที่ประมาณ 1พันบาทมีทอน
ผมก็ได้แต่ร้องไอ้หยา ทำไมมันถูกจังหว่าทีนี้ผมก็เลยจะเทียบกับ SC onbard
ละกันครับว่าจะไปได้ไกลกันกว่าซักแค่ไหน
ผมขอเริ่มเลยละกันนะครับ จังหวะแรกที่เปิดลองฟังนั้น
อย่างแรกที่ผมได้ยินความเปลี่ยนแปลงที่ได้ก็คือ
เนื้อเบสครับ มันมามากกว่าเดิมแถทยังมีปรงประทะมากกว่าเดิม
ทำให้เป็นการสร้างบรรยากาศในการฟังได้สุนทรีย์ขึ้นมากทีเดียว
เสียงนักร้องไม่ว่าจะหญิงหรือชาย
จะอิ่มขึ้นมีน้ำมีนวลมากขึ้น หรือให้พูดง่ายๆคือ
เหมือนออนบอร์ดเป็นคนที่มีพลังปอดน้อยกว่า มีพลังเสียงน้อยกว่า
ดังนั้นเวลาเจอท่อนที่ร้องยากๆ ออนบอร์ดก็ต้องมีอาการตะเบ็งหรือพยายามเค้นเสียงร้องออกมา
และมันก็จะทำให้ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติอย่างแน่นอน
การเทสชุดนี้ค่อนข้างยากซักนิดส์ เพราะผมต้องเสียบสลับไปๆมาๆ
และยังต้องเปลี่ยนการตั้งค่าของ foobar อีกด้วย
ผมให้ foobar มีการ auto detect จังเลยครับ
แบบว่าเสียบช่องไหน ให้ wasapi ทำงานที่ช่องนั้น จะได้ลดขึ้นตอนการทำงานไปอีก 1ขั้นตอน
เสียงจาก SB200 Mod ยังมีความดังมากกว่าอีกด้วย เสียงเครื่องเขย่าเครื่องเคาะทำได้สมจริงกว่า
ช่องว่างระหว่างตัวโน๊ตแต่ละตัวมีการแยกชิองไฟได้ดีกว่า ทำให้มิติของเสียงสมจริงมากขึ้น
มาพูดถึงหางเสียงบ้าง ไม่ว่าจะต่ำ กลาง แหลม SB20 Mod นั้นให้หางเสียงที่ยาวกว่า
ออนบอร์ดพอสมควรทีเดียว เรียกได้ว่าเพิ่มอรรถรสในการฟังได้มากทีเดียว
เสียง Solo percussion ทำได้ดีกว่า มาก เน้นคำว่ามากด้วย
เพราะไม่ว่าจะจังหวะการเปลี่ยนถ่ายไปมาจากลำโพง 2ข้าง
ความเสมือนจริง แรงประทะ หัวและหางตัวโน๊ต ก็ทำได้ดีกว่ามาก
เสียงเอคโค่ หรือเสียงที่มีการใช้เอฟเฟคต่างๆเข้ามาช่วย บอกตามตรงว่า
ออนบอร์ด ให้เสียงได้แย่กว่ามากครับ
มาสรุปกันสั้นๆดีกว่าครับ BS200 Mod By ManiacMeaw ให้เวทีเสียงได้กว้างขวางกว่า
รวมทั้งความสมจริง มิติด้านลึกก็ทำได้ดีกว่าครับ
เนื้อเสียงทุกย่านมีความอิ่มมากกว่าทุกๆย่านใสกว่าเคลียกว่าจริงๆ
พอเห็นแบบนี้แล้วก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่า SC Mod นั้นน่าใช้ดีเหมือนกันครับ
อย่าง SB200 Mod ตัวนี้ผมว่าคุ้มค่ามากครับ
เสียงทิ้งออนบอร์ดแบบไม่เห็นฝุ่นเลย และทำยิ่งทำให้ Swan M20W ของผมยิ่งฟังไพเราะมากขึ้น
ต่อไปผมจะลองภาค Digital Out บ้างครับ ผลที่ได้คือ ผมทำให้มันออก Digital ไม่ได้อะครับ
หรือว่ามันใช้เป็น optic ครับ ผมยังงงๆอยู่เลยว่าต้องทำยังไง
เพราะใน foobar ไม่มีขึ้นให้เลือกเป็น Digital เลยครับ
ยังไงถ้าพี่ ManiacMeaw ทราบวิธี หรือท่านใดทราบวิธีช่องบอกผมด้วยนะคร๊าบ
จะได้จัดการเทสภาค Digital อีกทีนึง
หลังจากพูดเรื่องเสียงไปแล้ว กลับมาด้านกายภาพกันดีกว่า มาดูกันว่าเค้าทำอะไรไปบ้าง
นอกจากรูปทางด้านบนแล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่อยู่ด้านล่างของตัวการ์ด นั่นก็คือเจ้าสิ่งนี้


เรียกว่ามีการเก็บงานอีกด้วยครับ กันขาสองขามันช๊อตกันเลยใส่ท่อสีใสๆขุ่นๆไว้

ดูกันจะๆอีกครั้งเมื่อเทียบกับตัวการ์ดแล้ว ถือว่าอะไหล่ที่ใส่ลงไปตัวใหญ่ใช้ได้เลยครับ
และหลังจากตอนที่ผมเทสเสียบๆใส่ๆ ระหว่างเจ้า SB200 ตัวนี้กับ onboard
ต้องยอมรับว่าเวลาเสียบแจ๊คเข้าไปใน รู 3.5mm ตัวเมียนั้น การเสียบเจ้า SB200
จะกระชับกว่า เรียงง่ายๆว่ามันพอดิบพอดีกันจริงๆ เนื้อแนบเนื้อกันจะๆเลยงานนี้
แต่ถ้าเสียบกับ ออนบอร์ดจะมีอาการหลวมกว่า SB200 นิดๆ
สุดท้ายแถมให้รูปตอนใส่ในเครื่องของผม

รีวิวนี้ใช้ System อ้างอิงในระดับบ้านๆครับ
M/B 880GM USB3 + foobar 1.1.1 +wasapi
ชุดลำโพงใช้ Swan M20W
สายสัญญาณและสายลำโพงใช้ของแถมทั้งหมด
จบแล้วคร๊าบำหรับเรื่องราวในวันนี้
ไว้คราวหน้ามีอะไรใหม่ๆผมจะมาเล่าให้ฟังอีกครับ

ที่เซ็นเซอร์คือเซ็นเซอร์ที่อยู่นะครับ ไม่ใช่เซ็นเซอร์ของมีคมแต่อย่างใด
ผมไม่ใช่หน่วยงานนึงที่โดนแซวบ่อยๆนะครับ อิอิ
ทีนี้เรามาลองเปิดกล่องกันดูดีกว่าว่าในกล่องมีอะไรบ้าง

พอเปิดกล่องออก ผมถึงกับงง งวย ว่าในนั้นมีอะไร ซึ่งมันก็เป็นห่อกระดาษหนังสือพืมพ์
ไหนๆแกะแล้วก็แกะมันต่อไปอีกละกันครับ

อยากดูกันละเซ่หนังชมม่วง 555
จริงๆแล้วพอผมใส่เข้าเครื่อง มันเป็นแผ่นไดรเวอร์ครับ

แกะดูที่เหลือีกทีจ พบว่ามีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมๆ คล้ายๆ HDD
แต่ HDD มันไม่ต้องมีแผ่น ไดรเวอร์มานิ ถูกไหมครับ
รวมทั้งน้ำหนักก็ยังเบากว่าอีกด้วย

ดูจากลักษณะการห่อก็รู้ครับว่าที่บ้านรับหนังสือพิมพ์ยี่ห้อใด
เพราะหลักฐานมันฟ้องอยู่ อิอิ

แกะไปแกะมาเจอห่อหนาๆอีกชั้นนึง ห่อได้หนามากๆ เรียกว่าป้องกันการสูญเสียสุดๆ
เพราะไปรษณีย์ไทยเชื่อใจไม่ค่อยได้ด้านความปลอดภัย
ดังนั้นการห่อมิดชิดและหนาแน่นแบบนี้ถือเป็นการดีครับ

ทีนี้มาชมของด้านในกัน ตัวย่อ SB ย่อมาจากคำนี้นี่เอง
ส่วนเลขด้านหลังผมมิรู้ความหมายจ้า

รูปนี้แถมตัวเต็มให้

กับอีกรูปชัดๆกับชิพของ Creative
เมื่อผมเห็นว่าเป็น SC ผมก็นึกขึ้นได้ว่า พี่ ManiacMeaw จะส่งการ์ดเสียงมาให้ผมเทสหนึ่ง
นึกออกในทันใดคุยกันไว้ตอนผมรีวิว Swan M20W ในช่วงสงกรานต์
ดังนั้นชื่อเต็มๆของเจ้านี่ก็คือ SB200 Mod by ManiacMeaw
SB200 คืออะไร มันก็คือ SC นั่นเอง
(SC ย่อมาจาก Sound Card นะครับ ขอเรียกย่อละกันพิม์สะดวกดีครับ)
ท่านเจ้าของการ์ดได้ขอชื่อที่อยู่และทำการจัดส่งการ์ดใบนี้มาให้ผมในช่วงสงกรานต์
ซึ่งตอนแรกผมกะจะเทียบกับ DAC อย่าง Fiio E7 เพราะผมไม่รู้ราคาค่าตัวของเข้าการ์ดใบนี้
คือผมไม่เชี่ยวพวก SC อยู่แล้วน่ะครับ ที่ใช่ในปปัจจุบันก็คือใช้ตามความชอบในหน้าตา
ผมชอบหน้าตาตัวไหนก็ซื้อตัวนั้นมาใช่ครับ ผมได้สอบถามท่านเจ้าของการ์ดไป พี่แกตอบมาว่า
ตัวการ์ดรวมค่าอะไหล่ที่เปลี่ยนไม่รวมค่าแรง (เพราะแกทำเองไม่ได้ไปจ้างใคร)
ราคาอยู่ที่ประมาณ 1พันบาทมีทอน
ผมก็ได้แต่ร้องไอ้หยา ทำไมมันถูกจังหว่าทีนี้ผมก็เลยจะเทียบกับ SC onbard
ละกันครับว่าจะไปได้ไกลกันกว่าซักแค่ไหน
ผมขอเริ่มเลยละกันนะครับ จังหวะแรกที่เปิดลองฟังนั้น
อย่างแรกที่ผมได้ยินความเปลี่ยนแปลงที่ได้ก็คือ
เนื้อเบสครับ มันมามากกว่าเดิมแถทยังมีปรงประทะมากกว่าเดิม
ทำให้เป็นการสร้างบรรยากาศในการฟังได้สุนทรีย์ขึ้นมากทีเดียว
เสียงนักร้องไม่ว่าจะหญิงหรือชาย
จะอิ่มขึ้นมีน้ำมีนวลมากขึ้น หรือให้พูดง่ายๆคือ
เหมือนออนบอร์ดเป็นคนที่มีพลังปอดน้อยกว่า มีพลังเสียงน้อยกว่า
ดังนั้นเวลาเจอท่อนที่ร้องยากๆ ออนบอร์ดก็ต้องมีอาการตะเบ็งหรือพยายามเค้นเสียงร้องออกมา
และมันก็จะทำให้ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติอย่างแน่นอน
การเทสชุดนี้ค่อนข้างยากซักนิดส์ เพราะผมต้องเสียบสลับไปๆมาๆ
และยังต้องเปลี่ยนการตั้งค่าของ foobar อีกด้วย
ผมให้ foobar มีการ auto detect จังเลยครับ
แบบว่าเสียบช่องไหน ให้ wasapi ทำงานที่ช่องนั้น จะได้ลดขึ้นตอนการทำงานไปอีก 1ขั้นตอน
เสียงจาก SB200 Mod ยังมีความดังมากกว่าอีกด้วย เสียงเครื่องเขย่าเครื่องเคาะทำได้สมจริงกว่า
ช่องว่างระหว่างตัวโน๊ตแต่ละตัวมีการแยกชิองไฟได้ดีกว่า ทำให้มิติของเสียงสมจริงมากขึ้น
มาพูดถึงหางเสียงบ้าง ไม่ว่าจะต่ำ กลาง แหลม SB20 Mod นั้นให้หางเสียงที่ยาวกว่า
ออนบอร์ดพอสมควรทีเดียว เรียกได้ว่าเพิ่มอรรถรสในการฟังได้มากทีเดียว
เสียง Solo percussion ทำได้ดีกว่า มาก เน้นคำว่ามากด้วย
เพราะไม่ว่าจะจังหวะการเปลี่ยนถ่ายไปมาจากลำโพง 2ข้าง
ความเสมือนจริง แรงประทะ หัวและหางตัวโน๊ต ก็ทำได้ดีกว่ามาก
เสียงเอคโค่ หรือเสียงที่มีการใช้เอฟเฟคต่างๆเข้ามาช่วย บอกตามตรงว่า
ออนบอร์ด ให้เสียงได้แย่กว่ามากครับ
มาสรุปกันสั้นๆดีกว่าครับ BS200 Mod By ManiacMeaw ให้เวทีเสียงได้กว้างขวางกว่า
รวมทั้งความสมจริง มิติด้านลึกก็ทำได้ดีกว่าครับ
เนื้อเสียงทุกย่านมีความอิ่มมากกว่าทุกๆย่านใสกว่าเคลียกว่าจริงๆ
พอเห็นแบบนี้แล้วก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่า SC Mod นั้นน่าใช้ดีเหมือนกันครับ
อย่าง SB200 Mod ตัวนี้ผมว่าคุ้มค่ามากครับ
เสียงทิ้งออนบอร์ดแบบไม่เห็นฝุ่นเลย และทำยิ่งทำให้ Swan M20W ของผมยิ่งฟังไพเราะมากขึ้น
ต่อไปผมจะลองภาค Digital Out บ้างครับ ผลที่ได้คือ ผมทำให้มันออก Digital ไม่ได้อะครับ
หรือว่ามันใช้เป็น optic ครับ ผมยังงงๆอยู่เลยว่าต้องทำยังไง
เพราะใน foobar ไม่มีขึ้นให้เลือกเป็น Digital เลยครับ
ยังไงถ้าพี่ ManiacMeaw ทราบวิธี หรือท่านใดทราบวิธีช่องบอกผมด้วยนะคร๊าบ
จะได้จัดการเทสภาค Digital อีกทีนึง
หลังจากพูดเรื่องเสียงไปแล้ว กลับมาด้านกายภาพกันดีกว่า มาดูกันว่าเค้าทำอะไรไปบ้าง
นอกจากรูปทางด้านบนแล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่อยู่ด้านล่างของตัวการ์ด นั่นก็คือเจ้าสิ่งนี้


เรียกว่ามีการเก็บงานอีกด้วยครับ กันขาสองขามันช๊อตกันเลยใส่ท่อสีใสๆขุ่นๆไว้

ดูกันจะๆอีกครั้งเมื่อเทียบกับตัวการ์ดแล้ว ถือว่าอะไหล่ที่ใส่ลงไปตัวใหญ่ใช้ได้เลยครับ
และหลังจากตอนที่ผมเทสเสียบๆใส่ๆ ระหว่างเจ้า SB200 ตัวนี้กับ onboard
ต้องยอมรับว่าเวลาเสียบแจ๊คเข้าไปใน รู 3.5mm ตัวเมียนั้น การเสียบเจ้า SB200
จะกระชับกว่า เรียงง่ายๆว่ามันพอดิบพอดีกันจริงๆ เนื้อแนบเนื้อกันจะๆเลยงานนี้
แต่ถ้าเสียบกับ ออนบอร์ดจะมีอาการหลวมกว่า SB200 นิดๆ
สุดท้ายแถมให้รูปตอนใส่ในเครื่องของผม

รีวิวนี้ใช้ System อ้างอิงในระดับบ้านๆครับ
M/B 880GM USB3 + foobar 1.1.1 +wasapi
ชุดลำโพงใช้ Swan M20W
สายสัญญาณและสายลำโพงใช้ของแถมทั้งหมด
จบแล้วคร๊าบำหรับเรื่องราวในวันนี้
ไว้คราวหน้ามีอะไรใหม่ๆผมจะมาเล่าให้ฟังอีกครับ
Comment