Originally posted by ManiacMaew
Output Impedance สัมพันธ์กับ Input Impedanceของเครื่องปลายทาง(โหลด)
ไม่มีค่าตายตัว เพราะ เครื่องแต่ละเครื่อง หูฟังแต่ละตัว จะมีImpedanceไม่เท่ากัน
"ถ้าใช้กับหูฟังโอห์สูงนี้ไม่ต้องใส่เลยมั้ง"
ลองสังเกตุดีๆ ทุกวงจรจะมีRต่อกับขาเอ้าท์พุทของออปแอมป์ (ถ้าไม่มีRก็จะมีCแทน) เพราะ ไม่งั้นโหลดจะดึงตรงจากตัวออปแอมป์
จะทำให้ตัวออปแอมป์ทำงานหนักเกินและเสียเร็วขึ้น และถ้าเกิดโหลดดึงมากเกินตัวออปแอมป์จ่ายได้ ออปแอมป์จะเสียทันที
"ต่างกันตรงr outputใช่มั้ย(output impedance)"
Rตัวที่เห็นในPCB จริงๆไม่ใช่Rที่กำหนดค่าOutput Impedance แต่เป็นRที่ใช้ชดเชยค่าImpedanceให้มีค่าคงที่มากขึ้น
หลักการจะคล้ายๆวงจรZobel แต่เป็นการต่อแบบอนุกรม ถ้าเป็นเครื่องแอมป์แบบOCLจะเป็นRกับLขนานกัน
ตัวอย่างวงจร คือ L1,R2

Originally posted by ManiacMaew
ในพาวเวอร์แอมป์จะมีวงจรขยาย2ส่วน
- วงจรขยายส่วนหน้า (Driver Amp)
ส่วนใหญ่ใช้พวกทรานซิสเตอร์ตัวเล็กๆ, เฟทตัวเล็ก, ไอซี ขยายสัญญาณขนาดเล็กให้สูงขึ้น เพียงพอที่จะจ่ายให้กับวงจรส่วนหลังที่ต้องการระดับสัญญาณที่สูงกว่า
- วงจรขยายส่วนหลัง (Power Amp)
ใช้ทรานซิสเตอร์ตัวใหญ่ มอสเฟทตัวใหญ่ พวกนี้จะมีเกนการขยายที่สูง จ่ายกระแสจ่ายไฟได้สูง
ลองดูวงจรตัวอย่าง จะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
- IC1 คือ Driver Amp / T3,T4 คือ Power Amp

- BD139,BD140 คือ Driver Amp / MJE2955,MJE3055 คือ Power Amp

- Q6,Q7 คือ Driver Amp / Q8,Q9 คือ Power Amp

Comment