กระทู้นี้ผมขออนุญาตตั้งขึ้นเพื่อให้สมาชิกเข้ามาร่วมพูดคุย แนะนำ และแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับเพลงไทย ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ไมจำกัดแนวเพลง เกี่ยวกับผลงานที่น่าสนใจ หรือเป็นที่ถูกใจของแต่ละคน อยากนำมาบอกต่อ เล่าประสบการณ์ ความประทับใจในตัวงานนั้นๆ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเปิดโลกทัศน์แก่ผู้ฟัง ให้ที่มีตัวเลือกในการฟังหลากหลายยิ่งขึ้น และสามารถนำไปต่อยอดได้ และส่วนหนึ่งต้องการอนุรักษ์ผลงานเพลงไทยที่มีคุณภาพให้คงอยู่ไว้ ไม่ให้ถูกกลืนหายไปกับกระแสเพลงต่างประเทศไปเสียหมด หากควรจะฟังควบคู่ไปกับเพลงของต่างชาติไปด้วยในเชิงคู่ขนาน จะได้เห็นข้อเปรียบเทียบจุดเด่น และจุดด้อยต่างๆ นำมาวิพากย์วิจารณ์กัน ช่วยเพิ่มอรรถรสได้อีกโขเลยทีเดียว
และหากในบอร์ดเรานี้มีกระทู้ดังกล่าว จะเป็นการดีมากเพราะจะได้มีแหล่งข้อมูลเพิ่มอีกนอกจากการไปเสาะหาข้อมูลจากเวปอื่นๆด้วย ช่วยๆกันนำสาระความรู้ที่เป็นประโยชน์มาลง ส่วนเรื่องถูกหรือผิดนั้น เดี๋ยวเราค่อยสังคายนากันไปเรื่อยๆแล้วกันครับ
ผมจะขอเริ่มก่อนเลยแล้วกันครับ อาจจะไม่เรียงแนวเพลง เอาเท่าที่นึกได้ก่อน และหากมีเวลา จะพยายามมาเพิ่มเติมข้อมูลให้เรื่อยๆครับ ท่านอื่นที่อยากจะลงแนะนำเพลงก็สามารถนำมาลงได้เลยครับ หรือจะเข้ามาพูดคุยเพื่อให้กระทู้คึกคักในเชิงบวกมากขึ้นก็เป็นการดีทั้งสิ้น
The City Chorus เพื่อชีวิต ชุดที่ 1

แผ่นนี้โชคดีว่าคุณอาเคยซื้อมาฟังครับ เป็นของ RS ส่วนประวัติคร่าวๆ สามารถอ่านได้จากที่นี่ครับ
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%...B8%B1%E0%B8%AA
จะเป็นเพลงร้องประสานเสียงของกลุ่มนักศึกษาโดยคัฟเวอร์เพลงดังของศิลปินหลายคน ที่มีชื่อมากจะคือชุดสานฝัน1-4 (ขอยืมรูปพี่โอ๋มาลงหน่อยนะครับ)

โดยผลงานหลังจากนี้จะเป็นการนำเพลงวัยรุ่นและเพลงลูกทุ่งมาร้องใหม่ แต่เสียงรับการตอบรับไม่ดีเท่าที่ควร
ในชุดสานฝันนั้นผมเคยมีเทปครบทั้งสี่ชุดและ CD ชุดแรก (ที่แสดงอยุ่ด้านบน) แต่เป็นที่น่าเสียดายเพราะเทปได้หายไปหมดเลย เคยพยายามหาอยู่เหมือนกัน ไปเจอที่ดิโอสยาม แต่สภาพไม่ค่อยดีนัก (แต่ก็อยากได้ CD มากกว่า) ซึ่งผมชอบหมด แต่จะประทับใจชุดแรกเป็นพิเศษเพราะมีเพลงที่ชอบมากที่สุดซึ่งเป็นแทร๊คแรกคือ "คิดถึงบ้าน"
ด้วยน้ำเสียงของเหล่านักศึกษา ที่เปี่ยมไปด้วยพลัง มีความสดและใสอยู่ในตัว สามารถถ่ายทอดเพลงนี้ให้กับผู้ฟังอย่างผมซึ่งแม้ส่วนตัวจะอยู่ติดบ้าน แต่เมื่อได้ฟังแล้ว ทำให้เข้าใจหัวอกของผู้ที่จากบ้านมาจากต่างจังหวัด เดินทางสู่กรุงเทพ ได้ในระดับหนึ่ง
เพลงนี้จะไม่ออกทำนองเศร้า แต่จะเป็นจังหวะฟังสบายๆ จำลองภาพเหมือนเวลาในตอนบ่าย เราเปิดหน้าต่างออกไป มองออกไปนอกหน้าต่างนั่งมองทัศนียภาพภายนอก ตรงข้ามกับแสงอาทิตย์ที่ส่องตัดเข้ามาในห้อง มีลมพัดอ่อนๆลอยมากระทบใบหน้าเรา บรรยากาศที่ผ่อนคลายเช่นนี้ ทำให้ตกอยู่ในภวังค์ชั่วคราว และเกิดการจินตนาการอะไรบางอย่างไปเรื่อยเปื่อย
เพราะเบื่อจากชีวิตในเมืองกรุง ซึ่งสะท้อนถึงความวุ่นวาย ความรีบเร่ง ตึกรามบ้านช่องที่ใหญ่โตโอ่อ่า ลบเลือน ความเป็นธรรมชาติให้ร่อยหรอลงไปทุกขณะ โดยเฉพาะปฏิสัมพันธ์ที่ดูจะมีช่องว่างระหว่างกัน รู้หน้าไม่รู้ใจ เมื่อหาที่ระบายความอัดอั้นในใจไม่ได้ จึงเกิดความเหงา ความอ้างว้างขึ้น จะด้วยสาเหตุที่เหมือนหรือต่างกันก็ดี แต่พวกเขามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ
การหวังที่จะได้กลับมาสู่สถานที่อันเป็นที่รัก ที่ให้ความอบอุ่น ได้พบสิ่งที่เรียกว่า "ครอบครัว"
กลับคืนสู่สถานที่ที่เป็นที่พักพิง ช่วยให้พวกเขาคลายทุกข์โศกที่ได้ประสบพบเจอมา ให้มีพลังในการดำเนินชีวิตต่อไป
เพลงนี้ไม่ว่าจะนำกลับมาฟังกี่ครั้งก็ตาม ก็ยังไห้บรรยากาศที่อบอุ่นแก่ผมอยู่เสมอ
"เก็บตะวัน" เป็นเพลงเด่นในอัลบั้ม (แต่ส่วนตัวจะชอบเพลง คิดถึงบ้าน มากที่สุดครับ) แม้เวอร์ชั่นนี้อาจจะไม่สื่อความหนักแน่นเท่าของต้นฉบับอย่างอิทธิ พลางกูร แต่ถูกชดเชยด้วยเสียงประสานที่คลอไปกับทำนองเพลงที่บรรเลงอย่างนุ่มนวล เป็นการปลอบประโลมให้เรามีพลังในการต่อสู่กับชีวิตอีกครั้งดังเช่นตะวัน
แม้จะมีอุปสรรคที่เปรียบดังพายุฝน พัดกระหน่ำเข้ามาต่างๆนานา ก่อเกิดเป็นมรสุมในชีวิต บางครั้งก็สามารถให้เราล้มลงได้
อย่างไม่ทันตั้งตัว
แต่หากเราตั้งสติ พยายามประคับประคอง ละทิ้งความขมขื่น ความผิดหวัง ลุกขึ้นสู้กับอุปสรรคเหล่านี้ แสงแห่งความหวังจะกลับมาสาดส่อง นำพาเราสู่หนทางที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง เป้นการเริ่มต้น
ทางเดินใหม่ที่สวยงาม
เสียงกีตาร์โซโลปรากฏทั้งอินโทรและช่วงกลางเพลง ช่วยนำพาอารมณ์ให้ไหลลื่น แทนที่เสียงร้องได้ไปอย่างดี ฟงเวอร์ชั่นนี้ก็จะได้อารมณ์ไปอีกแบบ (ต้นฉบับจะเสมือนผู้คอยให้กำลังใจเป็นชาย แต่เวอร์ชั่นนี้จะเป็นหญิง)
"ดอกไม้" เพลงนี้ผมชอบมากรองจากเพลง คิดถึงบ้าน เพราะโทนเพลงออกไปคล้ายกับของเรนโบว์ ซึ่งก็เป็นวงที่ผมชอบด้วย เลยไม่มีข้อกังขาที่จะไม่ชอบเพลงนี้ ผมฟังแล้วรู้สึกตื้นตันทุกที
เนื้อเพลงกล่าวถึงการจุดประกายให้หนุ่มสาวที่มีพลังในตัว มีความฝันเปรียบดังสีขาวบริสุทธิ์ หากเปล่งประกาย ซึ่งเทียบได้กับเหล่านักศึกษา บัดนี้เป็นดอกไม้ ที่พร้อมจะผลิบาน ออกไปสู่โลกภายนอก พวกเขาเหล่านั้นจะเป็นความหวังอันเจิดจรัส เป็นคลื่นลูกใหม่ที่จะมาทดแทนคลื่นลูกเก่า ดึงศักยภาพของตนเอง ใช้ความรู้ความสามารถที่อุตส่าห์ร้ำเรียนมา นำมาอุทิศตน เพื่อมวลชน นำมาพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนเราให้เจริญยิ่งขึ้น แม้ทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่หากยังมีความมุ่งมั่นแลเปี่ยมไปด้วยแรงศรัทธา
พลังเชิงบวกนี้จะนำพวกเขาก้าวไปข้างหน้า ฟันฝ่าขวากหนามเหล่านั้นไปได้ด้วยดี เฉกดอกไม้บานที่ให้คุณค่า ค่อยๆบานช้า แต่ยั่งยืน เพื่อชาวประชาทั้งปวง
เพลงนี้ยิ่งได้นักศึกษามาร้อง ทำให้เติมเต็มอารมณ์เพลง และสอดรับกับเนื้อเพลงได้ค่อนข้างสมบูรณ์ เหมาะสำหรับนักศึกษาที่กำลังจะสำเร็จการศึกษา หรือผู้ที่ผ่านพ้นชีวิตในช่วงวัยนั้นมาแล้ว ก็ทำให้ระลึกถึงอุดมการณ์ที่เคยปฏิญาณไว้แต่ครั้งอดีต ในยามที่ท้อแท้ อาจจะหลุดออกนอกเส้นทางไปบ้าง แต่เพลงนี้อาจจะช่วยดึงพวกเขากลับเข้ามาสู่เส้นทางได้อีกครั้ง และมุ่งมั่นที่จะทำความฝันให้เป็นจริงต่อไป
เพลงเด่นเพลงอื่นเช่น คิดถึง (Rockchestra) , เดือนเพ็ญ แม้จะให้อารมณ์ไม่เทียบเท่าต้นฉบับ อาจจะด้อยกว่าพอสมควร แต่ก็ฟังแล้วเพลินไปอีกแบบ เอาไว้เวลาที่เบื่อต้นฉบับแล้ว ฟังเวอร์ชั่นพวกนี้ทดแทนได้เหมือนกัน
อัลบั้มชุดนี้ปั้มว่าออกจำหน่ายช่วย เม.ษ. 2535 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเคลื่อนไหวของนิสิต นักศึกษา ที่โยงมาจากรัฐประหารในช่วงปี 2534 และเพียง 1 เดือนเท่านั้น ก็เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ซึ่งเป็นเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดเหตุการณ์หนึ่งที่คนไทยจดจำกันได้เป็นอย่างดี เพื่อแลกกับประชาธิปไตยอันแท้จริง ทำให้มีการนองเลือดเกิดขึ้น และหวังว่ามันจะไม่เกิดอีก แต่แล้วมันกลับเกิดขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งถามว่าเป็นความผิดของใคร จะไม่ขอพูดถึงเพราะจะเป็นประเด็น แต่จากประสบการร์อันเลวร้ายที่ผ่านมา อยากให้ฝากไว้เป็นเครื่องเตอนสติคนไทยทุกคน ให้มีความสามัคคี เป็นหัวใจหลัก เราเกิดมาบนแผ่นดินสยาม ขอให้มีความรักในถิ่นฐานบ้านเกิด คอยปกป้อง ดูแล และพัฒนา พร้อมทั้งรักษาความเป็นปึกแผ่นเอาไว้ อย่าให้ใครมาทำลายได้ และขอฝากนิสิตนักศึกษาในปัจจุบัน ให้ใช้อดีตเป็นตัวอย่าง คอยผลักดันความมุ่งมั่นที่จะนำความรู้มาพัฒนาประเทศชาติ ให้เจริญ และดำรงอยู่ด้วยคำว่า สยามเมืองยิ้ม ต่อไป และขอฝากโคลงสี่ที่ผมได้แต่งขึ้นบทนี้ เป็นเครื่องเตือนใจชาวไทยทุกคนด้วยครับ
ความ...เป็นเอกภาพ ไม่สร่าง ตามกาล
สา...มารถยืนหยัดอย่าง เที่ยงแท้
มัค...คะอยู่มิห่ าง จิตแห่ง กลมเกลียว
คี-...ตธรรมสดับแล้ กึกก้อง ทั่วเฮย
และหากในบอร์ดเรานี้มีกระทู้ดังกล่าว จะเป็นการดีมากเพราะจะได้มีแหล่งข้อมูลเพิ่มอีกนอกจากการไปเสาะหาข้อมูลจากเวปอื่นๆด้วย ช่วยๆกันนำสาระความรู้ที่เป็นประโยชน์มาลง ส่วนเรื่องถูกหรือผิดนั้น เดี๋ยวเราค่อยสังคายนากันไปเรื่อยๆแล้วกันครับ
ผมจะขอเริ่มก่อนเลยแล้วกันครับ อาจจะไม่เรียงแนวเพลง เอาเท่าที่นึกได้ก่อน และหากมีเวลา จะพยายามมาเพิ่มเติมข้อมูลให้เรื่อยๆครับ ท่านอื่นที่อยากจะลงแนะนำเพลงก็สามารถนำมาลงได้เลยครับ หรือจะเข้ามาพูดคุยเพื่อให้กระทู้คึกคักในเชิงบวกมากขึ้นก็เป็นการดีทั้งสิ้น
The City Chorus เพื่อชีวิต ชุดที่ 1

แผ่นนี้โชคดีว่าคุณอาเคยซื้อมาฟังครับ เป็นของ RS ส่วนประวัติคร่าวๆ สามารถอ่านได้จากที่นี่ครับ
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%...B8%B1%E0%B8%AA
จะเป็นเพลงร้องประสานเสียงของกลุ่มนักศึกษาโดยคัฟเวอร์เพลงดังของศิลปินหลายคน ที่มีชื่อมากจะคือชุดสานฝัน1-4 (ขอยืมรูปพี่โอ๋มาลงหน่อยนะครับ)

โดยผลงานหลังจากนี้จะเป็นการนำเพลงวัยรุ่นและเพลงลูกทุ่งมาร้องใหม่ แต่เสียงรับการตอบรับไม่ดีเท่าที่ควร
ในชุดสานฝันนั้นผมเคยมีเทปครบทั้งสี่ชุดและ CD ชุดแรก (ที่แสดงอยุ่ด้านบน) แต่เป็นที่น่าเสียดายเพราะเทปได้หายไปหมดเลย เคยพยายามหาอยู่เหมือนกัน ไปเจอที่ดิโอสยาม แต่สภาพไม่ค่อยดีนัก (แต่ก็อยากได้ CD มากกว่า) ซึ่งผมชอบหมด แต่จะประทับใจชุดแรกเป็นพิเศษเพราะมีเพลงที่ชอบมากที่สุดซึ่งเป็นแทร๊คแรกคือ "คิดถึงบ้าน"
ด้วยน้ำเสียงของเหล่านักศึกษา ที่เปี่ยมไปด้วยพลัง มีความสดและใสอยู่ในตัว สามารถถ่ายทอดเพลงนี้ให้กับผู้ฟังอย่างผมซึ่งแม้ส่วนตัวจะอยู่ติดบ้าน แต่เมื่อได้ฟังแล้ว ทำให้เข้าใจหัวอกของผู้ที่จากบ้านมาจากต่างจังหวัด เดินทางสู่กรุงเทพ ได้ในระดับหนึ่ง
เพลงนี้จะไม่ออกทำนองเศร้า แต่จะเป็นจังหวะฟังสบายๆ จำลองภาพเหมือนเวลาในตอนบ่าย เราเปิดหน้าต่างออกไป มองออกไปนอกหน้าต่างนั่งมองทัศนียภาพภายนอก ตรงข้ามกับแสงอาทิตย์ที่ส่องตัดเข้ามาในห้อง มีลมพัดอ่อนๆลอยมากระทบใบหน้าเรา บรรยากาศที่ผ่อนคลายเช่นนี้ ทำให้ตกอยู่ในภวังค์ชั่วคราว และเกิดการจินตนาการอะไรบางอย่างไปเรื่อยเปื่อย
เพราะเบื่อจากชีวิตในเมืองกรุง ซึ่งสะท้อนถึงความวุ่นวาย ความรีบเร่ง ตึกรามบ้านช่องที่ใหญ่โตโอ่อ่า ลบเลือน ความเป็นธรรมชาติให้ร่อยหรอลงไปทุกขณะ โดยเฉพาะปฏิสัมพันธ์ที่ดูจะมีช่องว่างระหว่างกัน รู้หน้าไม่รู้ใจ เมื่อหาที่ระบายความอัดอั้นในใจไม่ได้ จึงเกิดความเหงา ความอ้างว้างขึ้น จะด้วยสาเหตุที่เหมือนหรือต่างกันก็ดี แต่พวกเขามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ
การหวังที่จะได้กลับมาสู่สถานที่อันเป็นที่รัก ที่ให้ความอบอุ่น ได้พบสิ่งที่เรียกว่า "ครอบครัว"
กลับคืนสู่สถานที่ที่เป็นที่พักพิง ช่วยให้พวกเขาคลายทุกข์โศกที่ได้ประสบพบเจอมา ให้มีพลังในการดำเนินชีวิตต่อไป
เพลงนี้ไม่ว่าจะนำกลับมาฟังกี่ครั้งก็ตาม ก็ยังไห้บรรยากาศที่อบอุ่นแก่ผมอยู่เสมอ
"เก็บตะวัน" เป็นเพลงเด่นในอัลบั้ม (แต่ส่วนตัวจะชอบเพลง คิดถึงบ้าน มากที่สุดครับ) แม้เวอร์ชั่นนี้อาจจะไม่สื่อความหนักแน่นเท่าของต้นฉบับอย่างอิทธิ พลางกูร แต่ถูกชดเชยด้วยเสียงประสานที่คลอไปกับทำนองเพลงที่บรรเลงอย่างนุ่มนวล เป็นการปลอบประโลมให้เรามีพลังในการต่อสู่กับชีวิตอีกครั้งดังเช่นตะวัน
แม้จะมีอุปสรรคที่เปรียบดังพายุฝน พัดกระหน่ำเข้ามาต่างๆนานา ก่อเกิดเป็นมรสุมในชีวิต บางครั้งก็สามารถให้เราล้มลงได้
อย่างไม่ทันตั้งตัว
แต่หากเราตั้งสติ พยายามประคับประคอง ละทิ้งความขมขื่น ความผิดหวัง ลุกขึ้นสู้กับอุปสรรคเหล่านี้ แสงแห่งความหวังจะกลับมาสาดส่อง นำพาเราสู่หนทางที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง เป้นการเริ่มต้น
ทางเดินใหม่ที่สวยงาม
เสียงกีตาร์โซโลปรากฏทั้งอินโทรและช่วงกลางเพลง ช่วยนำพาอารมณ์ให้ไหลลื่น แทนที่เสียงร้องได้ไปอย่างดี ฟงเวอร์ชั่นนี้ก็จะได้อารมณ์ไปอีกแบบ (ต้นฉบับจะเสมือนผู้คอยให้กำลังใจเป็นชาย แต่เวอร์ชั่นนี้จะเป็นหญิง)
"ดอกไม้" เพลงนี้ผมชอบมากรองจากเพลง คิดถึงบ้าน เพราะโทนเพลงออกไปคล้ายกับของเรนโบว์ ซึ่งก็เป็นวงที่ผมชอบด้วย เลยไม่มีข้อกังขาที่จะไม่ชอบเพลงนี้ ผมฟังแล้วรู้สึกตื้นตันทุกที
เนื้อเพลงกล่าวถึงการจุดประกายให้หนุ่มสาวที่มีพลังในตัว มีความฝันเปรียบดังสีขาวบริสุทธิ์ หากเปล่งประกาย ซึ่งเทียบได้กับเหล่านักศึกษา บัดนี้เป็นดอกไม้ ที่พร้อมจะผลิบาน ออกไปสู่โลกภายนอก พวกเขาเหล่านั้นจะเป็นความหวังอันเจิดจรัส เป็นคลื่นลูกใหม่ที่จะมาทดแทนคลื่นลูกเก่า ดึงศักยภาพของตนเอง ใช้ความรู้ความสามารถที่อุตส่าห์ร้ำเรียนมา นำมาอุทิศตน เพื่อมวลชน นำมาพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนเราให้เจริญยิ่งขึ้น แม้ทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่หากยังมีความมุ่งมั่นแลเปี่ยมไปด้วยแรงศรัทธา
พลังเชิงบวกนี้จะนำพวกเขาก้าวไปข้างหน้า ฟันฝ่าขวากหนามเหล่านั้นไปได้ด้วยดี เฉกดอกไม้บานที่ให้คุณค่า ค่อยๆบานช้า แต่ยั่งยืน เพื่อชาวประชาทั้งปวง
เพลงนี้ยิ่งได้นักศึกษามาร้อง ทำให้เติมเต็มอารมณ์เพลง และสอดรับกับเนื้อเพลงได้ค่อนข้างสมบูรณ์ เหมาะสำหรับนักศึกษาที่กำลังจะสำเร็จการศึกษา หรือผู้ที่ผ่านพ้นชีวิตในช่วงวัยนั้นมาแล้ว ก็ทำให้ระลึกถึงอุดมการณ์ที่เคยปฏิญาณไว้แต่ครั้งอดีต ในยามที่ท้อแท้ อาจจะหลุดออกนอกเส้นทางไปบ้าง แต่เพลงนี้อาจจะช่วยดึงพวกเขากลับเข้ามาสู่เส้นทางได้อีกครั้ง และมุ่งมั่นที่จะทำความฝันให้เป็นจริงต่อไป
เพลงเด่นเพลงอื่นเช่น คิดถึง (Rockchestra) , เดือนเพ็ญ แม้จะให้อารมณ์ไม่เทียบเท่าต้นฉบับ อาจจะด้อยกว่าพอสมควร แต่ก็ฟังแล้วเพลินไปอีกแบบ เอาไว้เวลาที่เบื่อต้นฉบับแล้ว ฟังเวอร์ชั่นพวกนี้ทดแทนได้เหมือนกัน
อัลบั้มชุดนี้ปั้มว่าออกจำหน่ายช่วย เม.ษ. 2535 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเคลื่อนไหวของนิสิต นักศึกษา ที่โยงมาจากรัฐประหารในช่วงปี 2534 และเพียง 1 เดือนเท่านั้น ก็เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ซึ่งเป็นเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดเหตุการณ์หนึ่งที่คนไทยจดจำกันได้เป็นอย่างดี เพื่อแลกกับประชาธิปไตยอันแท้จริง ทำให้มีการนองเลือดเกิดขึ้น และหวังว่ามันจะไม่เกิดอีก แต่แล้วมันกลับเกิดขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งถามว่าเป็นความผิดของใคร จะไม่ขอพูดถึงเพราะจะเป็นประเด็น แต่จากประสบการร์อันเลวร้ายที่ผ่านมา อยากให้ฝากไว้เป็นเครื่องเตอนสติคนไทยทุกคน ให้มีความสามัคคี เป็นหัวใจหลัก เราเกิดมาบนแผ่นดินสยาม ขอให้มีความรักในถิ่นฐานบ้านเกิด คอยปกป้อง ดูแล และพัฒนา พร้อมทั้งรักษาความเป็นปึกแผ่นเอาไว้ อย่าให้ใครมาทำลายได้ และขอฝากนิสิตนักศึกษาในปัจจุบัน ให้ใช้อดีตเป็นตัวอย่าง คอยผลักดันความมุ่งมั่นที่จะนำความรู้มาพัฒนาประเทศชาติ ให้เจริญ และดำรงอยู่ด้วยคำว่า สยามเมืองยิ้ม ต่อไป และขอฝากโคลงสี่ที่ผมได้แต่งขึ้นบทนี้ เป็นเครื่องเตือนใจชาวไทยทุกคนด้วยครับ
ความ...เป็นเอกภาพ ไม่สร่าง ตามกาล
สา...มารถยืนหยัดอย่าง เที่ยงแท้
มัค...คะอยู่มิห่ าง จิตแห่ง กลมเกลียว
คี-...ตธรรมสดับแล้ กึกก้อง ทั่วเฮย
Comment