จบกัน!!!
หน้าตาและความภาคภูมิใจ
ของคนฟินแลนด์ทั้งประเทศ!!!
อย่าง NOKIA!!!
ปฏิกิริยาของคนฟินแลนด์
หลังโนเกียขายธุรกิจมือถือให้ไมโครซอฟท์
04/09/13
จากดีลไมโครซอฟท์ซื้อธุรกิจมือถือของโนเกีย คนที่น่าจะตกใจไม่น้อยคือประชาชนชาวฟินแลนด์ เพราะโนเกียถือเป็นความภาคภูมิใจของคนในประเทศนี้ โดยเริ่มจากการเป็นโรงงานกระดาษในปี 1865 และเปลี่ยนธุรกิจหลายอย่างจนเข้าสู่ธุรกิจสื่อสาร กลายเป็นบริษัทฟินแลนด์ระดับโลกรายแรก รวมทั้งเคยเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดในโลก มีรายได้คิดเป็น 4% ของจีดีพีในประเทศในขณะนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นปฏิกิริยาที่ออกมาก็แตกต่างกันครับ
Liisa Hannula ว่าที่คุณครูวัย 26 บอกว่าตลอดชีวิตเธอใช้โนเกียมาโดยตลอด
และภูมิใจที่จะบอกทุกคนว่าโนเกียคือโทรศัพท์แบรนด์จากฟินแลนด์
แต่เมื่อเกิดเรื่องนี้เธอคงหนีไปใช้ Samsung แล้ว
ส่วน Sirje Liemola วัย 56 พนักงานห้างสรรพสินค้าให้ความเห็นว่า
คนฟินแลนด์นั้นกังวลมาก่อนหน้านี้แล้วว่า
Stephen Elop เป็น
ม้าไส้ศึก (Trojan Horse)
ที่เข้ามาทุบมูลค่ากิจการโนเกีย
สุดท้ายก็ปล่อยให้ไมโครซอฟท์มาซื้อกิจการไป
ในราคาที่ต่ำเหลือเชื่อ
ซึ่งสุดท้ายเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริง
ส่วน Alexander Stubb รัฐมนตรีกระทรวงการค้ายุโรปบอกว่าเขาไม่แปลกใจที่คนฟินแลนด์จะตกใจกับเรื่องนี้ เพราะคนส่วนใหญ่โตมาและผูกพันกับโนเกีย แต่เขาก็เชื่อว่าความเสียใจนี้จะเป็นพลังให้คนฟินแลนด์สร้างสรรค์สิ่งใหม่ออกสู่ตลาดโลกได้อีกครั้ง โดย Stubb ยกตัวอย่างธุรกิจให้บริการศูนย์ข้อมูลที่ไมโครซอฟท์ก็สัญญาว่าจะลงทุนจัดสร้าง ว่าด้วยความโดดเด่นของฟินแลนด์ที่ระบบไฟฟ้ามีดาวน์ไทม์เพียง 1 ครั้งในรอบ 30 ปี ทำให้บริษัทยักษ์ของโลกอย่าง กูเกิล, ไอบีเอ็ม และ Yandex ล้วนเข้ามาลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลในฟินแลนด์ทั้งนั้น
ขณะที่ Ilkka Paananen ซีอีโอของบริษัท Supercell Oy ผู้ผลิตเกม Clash of Clans และ Hay Day ซึ่งก็เป็นบริษัทฟินแลนด์ก็บอกว่านี่คือสิ่งที่คนฟินแลนด์ต้องเผชิญ และพวกเขาเหล่านั้นก็ควรตื่นจากความฝันและออกไปแสวงหาโอกาสใหม่ๆ กันได้แล้ว
ที่มา: Bloomberg และ Business Insider

----------------------------------------
โนเกีย มีวันนี้เพราะ สตีฟ จอบส์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 กันยายน 2556 19:26 น.
อีกเดือนเดียวจะครบสองปีที่สตีฟ จอบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิลคอมพิวเตอร์ เสียชีวิต ผลงานอันยิ่งใหญ่ที่เป็นรูปธรรม จากความคิดสร้างสรรค์ที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์โลกยุคปัจจุบันคือ ไอโฟน โทรศัพท์อัจฉริยะ หรือ สมาร์ทโฟน ที่เปลี่ยนโฉมหน้าการติดต่อสื่อสาร การปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ไปโดยสิ้นเชิง
ความคิดสร้างสรรค์ของสตีฟ จอบส์ ทำลายความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ โนเกียเป็นเหยื่อรายล่าสุดที่ถูกทำลายด้วยความคิดสร้างสรรค์ของจอบส์ เมื่อประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะขายกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ให้ ไมโครซอฟต์ ในราคา 7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นค่าสิทธิบัตร เทคโนโลยีที่โนเกียจดทะเบียนไว้ 2 พันล้านเหรียญ
ในปี ค.ศ. 2000 ซึ่งเป็นปีที่โนเกียรุ่งเรืองที่สุด เป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือใหญ่ที่สุดในโลก ครองส่วนแบ่งตลาดโลกมากกว่า 1 ใน 4 มีมูลค่ากิจการถึง 300 พันล้านเหรียญ ในปีเดียวกันนั้น แอปเปิลมีมูลค่าเพียง 6.5 พันล้านเหรียญ ต่างกันเกือบ 300 เท่า
วันนี้ แอปเปิลมีมูลค่า ประมาณ 445 พันล้านเหรียญ ขณะที่โนเกียถูกขายไปในราคาที่ต้องนับว่าถูกมาก เพียง 7 พันล้านเหรียญ ภายในระยะเวลาเพียง 13 ปี ยักษ์ใหญ่ที่เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ทรงคุณค่ามากที่สุดของโลกแบรนด์หนึ่ง และเป็นหนึ่งในความเป็นฟินแลนด์ ที่ใครๆ ต้องนึกถึงเมื่อเอ่ยชื่อประเทศนี้ ต้องปิดฉากอันยิ่งใหญ่ลง
หลังขายกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้กับไมโครซอฟต์ พร้อมกับโอนพนักงาน 32,000 คน รวมทั้งซีอีโอ สตีเฟน อีล็อป ไปด้วย โนเกียก็จะเหลือแต่กิจการผลิตอุปกรณ์และเครือข่ายการสื่อสารไร้สายเท่านั้น
โนเกียมีอายุเก่าแก่นานถึง 148 ปี โดยก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1865 เป็นโรงงานผลิตเยื่อกระดาษ ทางตอนใต้ของฟินแลนด์ และเปลี่ยนไปผลิตรองเท้าบู๊ตที่ทำจากยาง ในตอนต้นศตวรรษที่ 20
อีก 63 ปีต่อมา โนเกียถึงจะก้าวเข้าสู่ธุรกิจโทรคมนาคม โดยเป็นผู้ผลิตวิทยุโทรศัพท์ที่ใช้ในกองทัพ ด้วยการควบกิจการกับ บริษัทฟินนิช เคเบิล เวิร์ก ที่ทำธุรกิจนี้อยู่แล้ว
โนเกียผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่ติดตั้งในรถยนต์เครื่องแรก Mobira Senator เมื่อปี 1982 หนึ่งปีหลังจากสร้างเครือข่าย Nordic Mobile Telephone หรือ NMT ซึ่งเป็นเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระหว่างประเทศเครือข่ายแรกของโลก และเปิดตัวโทรศัพท์มือถือเครื่องแรก Mobira City Man ในปี 1987
โนเกียเริ่มหันมาเน้นธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างจริงจังในปี 1992 หลังจากที่ก่อนหน้านั้น ไปเทคโอเวอร์โรงงานผลิตเครื่องรับโทรทัศน์ในยุโรปมาแต่ไม่ประสบความสำเร็จ โนเกียประสบความสำเร็จอย่างสูงในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในโลก และโทรศัพท์โนเกียเป็นโทรศัพท์ขายดีอันดับหนึ่งของโลกติดต่อกัน 13 ปี
จนกระทั่งแอปเปิลนำไอโฟนออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรก ในปี 2007 นั่นแหละ ที่การปฏิวัติเทคโนโลยี่การสื่อสารในระดับบุคคลได้เริ่มขึ้น และขยายตัว สร้างผลสะเทือนอย่างรุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อซัมซุง นำสมาร์ทโฟนในระบบแอนดรอยด์ ออกมาแข่งกับไอโฟน ซึ่งใช้ระบบโอแอส ที่แอปเปิลผลิตเอง ทำให้โทรศัพท์เคลื่อนที่โนเกีย ซึ่งเพียงไม่กี่ปีก่อนหน้านี้เอง คืออุปกรณ์สื่อสารที่แสดงถึงสถานะทางสังคมของผู้ใช้ กลายเป็นวัตถุล้าสมัยไปในพริบตา
ความจริงแล้ว โนเกียผลิตสมาร์ทโฟนออกมาก่อนเพื่อน เพราะ ผู้บริหารโนเกียคาดการณ์ว่า รายได้จากโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบพื้นฐานจะลดลงไปเรื่อย ๆ และเมื่อถึงปี 2000 จะไม่มีกำไรเลย ดังน้น จึงได้ลงทุนวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีอีเมล์ที่ใช้กับโทรศัพท์เคลื่อนที่จอสัมผัส หรือ ทัชสกรีน และ เครือข่ายไร้สายที่เร็วขึ้นในตอนต้นทศวรรษ 1990 และนำสมาร์ทโฟนเครื่องแรกคือ โนเกีย 9000 ออกสู่ตลาดในปี 1996 สิบปีก่อนที่ไอโฟนจะเกิด
แต่ผู้ถือหุ้นในขณะนั้นพอใจกับผลกำไรจากการขายโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบธรรมดา และเห็นว่าโนเกียไม่ควรลงทุนกับสมาร์ทโฟน เพราะเป็นโทรศัพท์ที่มีราคาแพงสำหรับตลาดบนซึ่งมีผู้ใช้น้อยมาก
ประกอบกับในขณะนั้นโมโตโรล่าซึ่งเป็นคู่แข่งจากอเมริกา นำโทรศัพท์รุ่น Razr ซึ่งบางและมีฝาเปิดปิดออกสู่ตลาด ได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้ผู้บิรหารโนเกียถูกผู้ถือหุ้นตำหนิ ซีอีโอคนเก่าลาออกไป ซีอีโอคนใหม่ที่มาจากฝ่ายการเงินของโนเกีย เปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่ โดยนำเอาฟังก์ชั่นบางอย่างของสมาร์ทโนฟมาใส่ไว้ในโทรศัพท์แบบธรรมดา และหยุดการพัฒนาสมาร์ทโฟน ซึ่งยุทธศาสตร์ใหม่นี้ประสบความสำเร็จ ทำให้โนเกียเป็นโทรศัพท์ขายดีที่สุดในโลก
จนกระทั่งสตีฟ จอบส์ แนะนำไอโฟนให้โลกรู้จักเป็นครั้งแรก เมื่อ 6 ปีก่อน โนเกียก็เริ่มนับถอยหลัง ถึงแม้ว่าจะพยายามพัฒนาสมาร์ทโฟนของตนขึ้นมาแข่งขันแต่ก็ไล่ไม่ทันแล้ว
สองปีที่แล้ว โนเกียเลิกใช้ระบบปฏิบัติการซิมเบียนที่พัฒนาเอง หันไปจับมือกับไมโครซอฟต์ ใช้ระบบวินโดวส์ เป็นระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟนแทน?ลูเมีย? ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนของโนเกีย แม้จะมีคุณสมบัติในการใข้งานที่ดี แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับความนิยมและยอดขายของซัมซุงและไอโฟนได้เลย
ไมโครซอฟต์เองก็เป็นเหยื่อของความคิดสร้างสรรค์ของสตีฟ จอบส์ แบบเดียวกับโนเกีย เพราะเมื่อสตีฟ จอบส์ ทำให้ไอโฟน เป็นคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่และพัฒนาไอแพดขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง ก็รุกคืบเข้าไปกินส่วนแบ่งตลาดของคอมพิวเตอร์พีซี และโน้ตบุ๊กที่ไมโครซอฟต์ผูกขาดซอฟต์แวร์มานานหลายสิบปี
ไมโครซอฟต์ต้องหารายได้ใหม่มาแทนรายได้จากซอฟต์แวร์ที่แม้จะยังมากอยู่ แต่อนาคตนั้นไม่แน่ การซื้อโนเกีย ทำให้ไมโครซอฟต์ซึ่งเดิมอยู่ในธุรกิจซอฟต์แวร์อย่างเดียว ก้าวไปสู่ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ด้วยเหมือนกับแอปเปิ้ล เพื่อจะผลิตสมาร์ทโฟน แทบเล็ต และเครื่องมือสื่อสารแบบเคลื่อนที่อื่นๆ อยู่ที่ว่า จะแข่งขันได้และไล่ทันแอปเปิลหรือซัมซุงซึ่งล่วงหน้าไปไกลแล้วหรือไม่
หน้าตาและความภาคภูมิใจ
ของคนฟินแลนด์ทั้งประเทศ!!!
อย่าง NOKIA!!!
ปฏิกิริยาของคนฟินแลนด์
หลังโนเกียขายธุรกิจมือถือให้ไมโครซอฟท์
04/09/13
จากดีลไมโครซอฟท์ซื้อธุรกิจมือถือของโนเกีย คนที่น่าจะตกใจไม่น้อยคือประชาชนชาวฟินแลนด์ เพราะโนเกียถือเป็นความภาคภูมิใจของคนในประเทศนี้ โดยเริ่มจากการเป็นโรงงานกระดาษในปี 1865 และเปลี่ยนธุรกิจหลายอย่างจนเข้าสู่ธุรกิจสื่อสาร กลายเป็นบริษัทฟินแลนด์ระดับโลกรายแรก รวมทั้งเคยเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดในโลก มีรายได้คิดเป็น 4% ของจีดีพีในประเทศในขณะนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นปฏิกิริยาที่ออกมาก็แตกต่างกันครับ
Liisa Hannula ว่าที่คุณครูวัย 26 บอกว่าตลอดชีวิตเธอใช้โนเกียมาโดยตลอด
และภูมิใจที่จะบอกทุกคนว่าโนเกียคือโทรศัพท์แบรนด์จากฟินแลนด์
แต่เมื่อเกิดเรื่องนี้เธอคงหนีไปใช้ Samsung แล้ว
ส่วน Sirje Liemola วัย 56 พนักงานห้างสรรพสินค้าให้ความเห็นว่า
คนฟินแลนด์นั้นกังวลมาก่อนหน้านี้แล้วว่า
Stephen Elop เป็น
ม้าไส้ศึก (Trojan Horse)
ที่เข้ามาทุบมูลค่ากิจการโนเกีย
สุดท้ายก็ปล่อยให้ไมโครซอฟท์มาซื้อกิจการไป
ในราคาที่ต่ำเหลือเชื่อ
ซึ่งสุดท้ายเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริง
ส่วน Alexander Stubb รัฐมนตรีกระทรวงการค้ายุโรปบอกว่าเขาไม่แปลกใจที่คนฟินแลนด์จะตกใจกับเรื่องนี้ เพราะคนส่วนใหญ่โตมาและผูกพันกับโนเกีย แต่เขาก็เชื่อว่าความเสียใจนี้จะเป็นพลังให้คนฟินแลนด์สร้างสรรค์สิ่งใหม่ออกสู่ตลาดโลกได้อีกครั้ง โดย Stubb ยกตัวอย่างธุรกิจให้บริการศูนย์ข้อมูลที่ไมโครซอฟท์ก็สัญญาว่าจะลงทุนจัดสร้าง ว่าด้วยความโดดเด่นของฟินแลนด์ที่ระบบไฟฟ้ามีดาวน์ไทม์เพียง 1 ครั้งในรอบ 30 ปี ทำให้บริษัทยักษ์ของโลกอย่าง กูเกิล, ไอบีเอ็ม และ Yandex ล้วนเข้ามาลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลในฟินแลนด์ทั้งนั้น
ขณะที่ Ilkka Paananen ซีอีโอของบริษัท Supercell Oy ผู้ผลิตเกม Clash of Clans และ Hay Day ซึ่งก็เป็นบริษัทฟินแลนด์ก็บอกว่านี่คือสิ่งที่คนฟินแลนด์ต้องเผชิญ และพวกเขาเหล่านั้นก็ควรตื่นจากความฝันและออกไปแสวงหาโอกาสใหม่ๆ กันได้แล้ว
ที่มา: Bloomberg และ Business Insider

----------------------------------------
โนเกีย มีวันนี้เพราะ สตีฟ จอบส์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 กันยายน 2556 19:26 น.
อีกเดือนเดียวจะครบสองปีที่สตีฟ จอบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิลคอมพิวเตอร์ เสียชีวิต ผลงานอันยิ่งใหญ่ที่เป็นรูปธรรม จากความคิดสร้างสรรค์ที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์โลกยุคปัจจุบันคือ ไอโฟน โทรศัพท์อัจฉริยะ หรือ สมาร์ทโฟน ที่เปลี่ยนโฉมหน้าการติดต่อสื่อสาร การปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ไปโดยสิ้นเชิง
ความคิดสร้างสรรค์ของสตีฟ จอบส์ ทำลายความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ โนเกียเป็นเหยื่อรายล่าสุดที่ถูกทำลายด้วยความคิดสร้างสรรค์ของจอบส์ เมื่อประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะขายกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ให้ ไมโครซอฟต์ ในราคา 7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นค่าสิทธิบัตร เทคโนโลยีที่โนเกียจดทะเบียนไว้ 2 พันล้านเหรียญ
ในปี ค.ศ. 2000 ซึ่งเป็นปีที่โนเกียรุ่งเรืองที่สุด เป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือใหญ่ที่สุดในโลก ครองส่วนแบ่งตลาดโลกมากกว่า 1 ใน 4 มีมูลค่ากิจการถึง 300 พันล้านเหรียญ ในปีเดียวกันนั้น แอปเปิลมีมูลค่าเพียง 6.5 พันล้านเหรียญ ต่างกันเกือบ 300 เท่า
วันนี้ แอปเปิลมีมูลค่า ประมาณ 445 พันล้านเหรียญ ขณะที่โนเกียถูกขายไปในราคาที่ต้องนับว่าถูกมาก เพียง 7 พันล้านเหรียญ ภายในระยะเวลาเพียง 13 ปี ยักษ์ใหญ่ที่เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ทรงคุณค่ามากที่สุดของโลกแบรนด์หนึ่ง และเป็นหนึ่งในความเป็นฟินแลนด์ ที่ใครๆ ต้องนึกถึงเมื่อเอ่ยชื่อประเทศนี้ ต้องปิดฉากอันยิ่งใหญ่ลง
หลังขายกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้กับไมโครซอฟต์ พร้อมกับโอนพนักงาน 32,000 คน รวมทั้งซีอีโอ สตีเฟน อีล็อป ไปด้วย โนเกียก็จะเหลือแต่กิจการผลิตอุปกรณ์และเครือข่ายการสื่อสารไร้สายเท่านั้น
โนเกียมีอายุเก่าแก่นานถึง 148 ปี โดยก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1865 เป็นโรงงานผลิตเยื่อกระดาษ ทางตอนใต้ของฟินแลนด์ และเปลี่ยนไปผลิตรองเท้าบู๊ตที่ทำจากยาง ในตอนต้นศตวรรษที่ 20
อีก 63 ปีต่อมา โนเกียถึงจะก้าวเข้าสู่ธุรกิจโทรคมนาคม โดยเป็นผู้ผลิตวิทยุโทรศัพท์ที่ใช้ในกองทัพ ด้วยการควบกิจการกับ บริษัทฟินนิช เคเบิล เวิร์ก ที่ทำธุรกิจนี้อยู่แล้ว
โนเกียผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่ติดตั้งในรถยนต์เครื่องแรก Mobira Senator เมื่อปี 1982 หนึ่งปีหลังจากสร้างเครือข่าย Nordic Mobile Telephone หรือ NMT ซึ่งเป็นเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระหว่างประเทศเครือข่ายแรกของโลก และเปิดตัวโทรศัพท์มือถือเครื่องแรก Mobira City Man ในปี 1987
โนเกียเริ่มหันมาเน้นธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างจริงจังในปี 1992 หลังจากที่ก่อนหน้านั้น ไปเทคโอเวอร์โรงงานผลิตเครื่องรับโทรทัศน์ในยุโรปมาแต่ไม่ประสบความสำเร็จ โนเกียประสบความสำเร็จอย่างสูงในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในโลก และโทรศัพท์โนเกียเป็นโทรศัพท์ขายดีอันดับหนึ่งของโลกติดต่อกัน 13 ปี
จนกระทั่งแอปเปิลนำไอโฟนออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรก ในปี 2007 นั่นแหละ ที่การปฏิวัติเทคโนโลยี่การสื่อสารในระดับบุคคลได้เริ่มขึ้น และขยายตัว สร้างผลสะเทือนอย่างรุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อซัมซุง นำสมาร์ทโฟนในระบบแอนดรอยด์ ออกมาแข่งกับไอโฟน ซึ่งใช้ระบบโอแอส ที่แอปเปิลผลิตเอง ทำให้โทรศัพท์เคลื่อนที่โนเกีย ซึ่งเพียงไม่กี่ปีก่อนหน้านี้เอง คืออุปกรณ์สื่อสารที่แสดงถึงสถานะทางสังคมของผู้ใช้ กลายเป็นวัตถุล้าสมัยไปในพริบตา
ความจริงแล้ว โนเกียผลิตสมาร์ทโฟนออกมาก่อนเพื่อน เพราะ ผู้บริหารโนเกียคาดการณ์ว่า รายได้จากโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบพื้นฐานจะลดลงไปเรื่อย ๆ และเมื่อถึงปี 2000 จะไม่มีกำไรเลย ดังน้น จึงได้ลงทุนวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีอีเมล์ที่ใช้กับโทรศัพท์เคลื่อนที่จอสัมผัส หรือ ทัชสกรีน และ เครือข่ายไร้สายที่เร็วขึ้นในตอนต้นทศวรรษ 1990 และนำสมาร์ทโฟนเครื่องแรกคือ โนเกีย 9000 ออกสู่ตลาดในปี 1996 สิบปีก่อนที่ไอโฟนจะเกิด
แต่ผู้ถือหุ้นในขณะนั้นพอใจกับผลกำไรจากการขายโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบธรรมดา และเห็นว่าโนเกียไม่ควรลงทุนกับสมาร์ทโฟน เพราะเป็นโทรศัพท์ที่มีราคาแพงสำหรับตลาดบนซึ่งมีผู้ใช้น้อยมาก
ประกอบกับในขณะนั้นโมโตโรล่าซึ่งเป็นคู่แข่งจากอเมริกา นำโทรศัพท์รุ่น Razr ซึ่งบางและมีฝาเปิดปิดออกสู่ตลาด ได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้ผู้บิรหารโนเกียถูกผู้ถือหุ้นตำหนิ ซีอีโอคนเก่าลาออกไป ซีอีโอคนใหม่ที่มาจากฝ่ายการเงินของโนเกีย เปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่ โดยนำเอาฟังก์ชั่นบางอย่างของสมาร์ทโนฟมาใส่ไว้ในโทรศัพท์แบบธรรมดา และหยุดการพัฒนาสมาร์ทโฟน ซึ่งยุทธศาสตร์ใหม่นี้ประสบความสำเร็จ ทำให้โนเกียเป็นโทรศัพท์ขายดีที่สุดในโลก
จนกระทั่งสตีฟ จอบส์ แนะนำไอโฟนให้โลกรู้จักเป็นครั้งแรก เมื่อ 6 ปีก่อน โนเกียก็เริ่มนับถอยหลัง ถึงแม้ว่าจะพยายามพัฒนาสมาร์ทโฟนของตนขึ้นมาแข่งขันแต่ก็ไล่ไม่ทันแล้ว
สองปีที่แล้ว โนเกียเลิกใช้ระบบปฏิบัติการซิมเบียนที่พัฒนาเอง หันไปจับมือกับไมโครซอฟต์ ใช้ระบบวินโดวส์ เป็นระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟนแทน?ลูเมีย? ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนของโนเกีย แม้จะมีคุณสมบัติในการใข้งานที่ดี แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับความนิยมและยอดขายของซัมซุงและไอโฟนได้เลย
ไมโครซอฟต์เองก็เป็นเหยื่อของความคิดสร้างสรรค์ของสตีฟ จอบส์ แบบเดียวกับโนเกีย เพราะเมื่อสตีฟ จอบส์ ทำให้ไอโฟน เป็นคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่และพัฒนาไอแพดขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง ก็รุกคืบเข้าไปกินส่วนแบ่งตลาดของคอมพิวเตอร์พีซี และโน้ตบุ๊กที่ไมโครซอฟต์ผูกขาดซอฟต์แวร์มานานหลายสิบปี
ไมโครซอฟต์ต้องหารายได้ใหม่มาแทนรายได้จากซอฟต์แวร์ที่แม้จะยังมากอยู่ แต่อนาคตนั้นไม่แน่ การซื้อโนเกีย ทำให้ไมโครซอฟต์ซึ่งเดิมอยู่ในธุรกิจซอฟต์แวร์อย่างเดียว ก้าวไปสู่ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ด้วยเหมือนกับแอปเปิ้ล เพื่อจะผลิตสมาร์ทโฟน แทบเล็ต และเครื่องมือสื่อสารแบบเคลื่อนที่อื่นๆ อยู่ที่ว่า จะแข่งขันได้และไล่ทันแอปเปิลหรือซัมซุงซึ่งล่วงหน้าไปไกลแล้วหรือไม่
Comment