Announcement

Collapse
No announcement yet.

โลกจริงอิงนิยาย! Motorola วิจัยการฝังรหัสผ่านคอมพิวเตอร์ในร่างกาย

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • โลกจริงอิงนิยาย! Motorola วิจัยการฝังรหัสผ่านคอมพิวเตอร์ในร่างกาย


    ในงาน D11 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน Motorola ได้เผยถึงงานวิจัยชิ้นสำคัญอีกงานหนึ่ง ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบตรวจสอบและจำแนกบุคคลโดยใช้ "รอยสักดิจิทัล" หรือ "เม็ดยาอิเล็กทรอนิกส์"

    เพื่อแก้ปัญหาการจดจำรหัสผ่านสำหรับใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ หรือเพื่อเข้าใช้บริการอื่นๆ อีกสารพัน Motorola จึงผุดไอเดียที่จะแก้ปัญหาเหล่านั้นด้วยการฝังรหัสผ่านลงในร่างกายแทน โดยงานวิจัยในขณะนี้มี 2 แนวทาง คือการทำรอยสักดิจิทัลบนผิวหนังของผู้ใช้ หรือการพัฒนาเม็ดยาอิเล็กทรอนิกส์ที่ใส่รหัสผ่านต่างๆ ไว้ข้างใน เพื่อให้ผู้ใช้กลืนมันและนำรหัสผ่านนั้นเข้าไปอยู่ในกระเพาะอาหาร

    ในส่วนของงานวิจัยรอยสักดิจิทัลนั้น Motorola ได้ร่วมมือกับ MC10 ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตวงจรอิเล็กทรอนิกส์แบบยืดหยุ่นได้ โดยตัวอย่างที่มีการใช้งานอยู่ก่อนนั้นเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ เช่น อุปกรณ์ตรวจอาการบาดเจ็บอันเนื่องจากศีรษะโดนกระแทก และเครื่องวัดอุณหภูมิในเด็กทารกแบบบันทึกค่าได้ต่อเนื่อง เป็นต้น โดยทั้งคู่ได้ร่วมกันพัฒนาวงจรขนาดเล็กสำหรับติดกับผิวหนังมนุษย์ ภายในมีทั้งเซ็นเซอร์วัดค่าอุณหภูมิ, เซ็นเซอร์รับภาพ, เซ็นเซอร์ตรวจจับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในร่างกาย (ทั้ง ECG, EEG และ EMG), สายอากาศสำหรับรับ-ส่งข้อมูลกับอุปกรณ์อื่น และแม้กระทั่งหลอด LED

    โครงสร้างของรอยสักดิจิทัลที่ Motorola และ MC10 ร่วมกันพัฒนานั้น เป็นชิ้นซิลิกอนขนาดเล็กๆ ที่ถูกเชื่อมต่อกันเป็นวงจรโดยตัวนำไฟฟ้าที่จัดเรียงกันในลักษณะคล้ายหีบเพลง จึงทำให้แผงวงจรสามารถให้ตัวยืดหยุ่นได้ตามพื้นผิวของวัสดุที่มันติดตั้งอยู่ โดยสามารถทนการยืดขนาดได้ถึง 200%

    ด้านเม็ดยาอิเล็กทรอนิกส์นั้นเป็นงานที่ Motorola ได้ร่วมกับ Proteus Digital Health ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการรับรองจาก FDA (หน่วยงาน อย. ของสหรัฐอเมริกา) ในด้านการผลิตเซ็นเซอร์แบบกลืนได้เพื่อใช้งานทางการแพทย์ ช่วยกันพัฒนาขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้แทนรหัสผ่านเพื่อเปิดใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆ

    ตัวเม็ดยาอิเล็กทรอนิกส์ มีแผงวงจรขนาดเล็กบรรจุอยู่ด้านในและมีผิวนอกทำหน้าที่คล้ายสวิตช์ควบคุมการทำงาน เมื่อเม็ดยาอิเล็กทรอนิกส์ถูกกลืนลงสู่กระเพาะ จะสามารถทำงานได้โดยอาศัยกรดในกระเพาะเป็นแหล่งพลังงาน (สภาพน้ำกรดในกระเพาะเปรียบเสมือนสารละลายอิเล็กโทรไลต์ในแบตเตอรี่) เมื่ออุปกรณ์เริ่มทำงานแล้วจะมีการส่งสัญญาณกระแสไฟฟ้า 18 บิต คล้ายกับคลื่นไฟฟ้าหัวใจ

    ด้วยหลักการทำงานดังกล่าว จึงหมายความว่าภายหลังการกลืนเม็ดยาอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ผู้ใช้จะมีคลื่นสัญญาณลักษณะพิเศษไหลเวียนภายในร่างกาย โดยที่อวัยวะแขนขาของผู้ใช้ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของวงจรนี้ และนั่นทำให้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์ หรือเซ็นเซอร์ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ สามารถยืนยันตัวตนของผู้ใช้งานได้ทันทีที่มีการสัมผัสร่างกายโดยตรง

    Motorola ตั้งใจว่าเมื่อเทคโนโลยีนี้พร้อมสำหรับการใช้งานจริง จะนำไปใช้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบสวมใส่ได้เป็นอย่างแรก แต่ช่วงเวลานั้นคงยังไม่มาถึงเร็วๆ นี้

    ที่มา : blognone






  • #2
    แค่นี้จิ๊บๆครับ ตอนนี้หลายๆชาติขอประชุมเรื่องห้ามเอริกากับพัฯธมิตรใช้หุ่นAI ในสนามรบแล้ว เพราะกลัวขัดหลักมนุษยธรรม

    นี่เรื่องจริงนะครับ แบบคนเหล็กอะ

    Comment


    • #3
      นึกถึง ยันต์ของไทย

      Comment


      • #4
        ใกล้ปี 2029 แล้วสินะ อิอิ

        Comment


        • #5
          คงไม่ต้องพกมือถือกันแล้ว ยกมือก็คุยกันได้เลย เหอๆๆ

          Comment


          • #6
            Originally posted by Marionet View Post
            คงไม่ต้องพกมือถือกันแล้ว ยกมือก็คุยกันได้เลย เหอๆๆ
            ถ้าแบบฝังในฝ่ามือ ไม่อยากให้ใครติดตามต้องเอามีดกรีดแผงวงจรออกมา ( ในหนังเรื่องอะไรลืมไปล่ะ ) ผมไม่เอาด้วยล่ะคนนึง

            ปล. จำใด้ว่าโมโตโดนซื้อไปแล้วไม่ไช่หรือ ?

            Comment


            • #7
              Originally posted by XsoeIIsJ View Post
              ถ้าแบบฝังในฝ่ามือ ไม่อยากให้ใครติดตามต้องเอามีดกรีดแผงวงจรออกมา ( ในหนังเรื่องอะไรลืมไปล่ะ ) ผมไม่เอาด้วยล่ะคนนึง

              ปล. จำใด้ว่าโมโตโดนซื้อไปแล้วไม่ไช่หรือ ?
              คนทะลุโลก

              Comment


              • #8
                สักQR ไว้ที่ลิ้น จะใช้ไรก็แลบลิ้นโชว์กล้อง น่าจะเท่ดี 55+

                Comment


                • #9
                  ทีนี้คงได้ตัดแขน คว้านกะเพาะเอารหัสผ่านกันบ้างแล้ว

                  Comment


                  • #10
                    แต่ก่อนทำลายหลักฐาน = โยน HDD เข้าเตา Microwave <<< ก็แค่เศษเหล็กก้อนนึง
                    ต่อไปจะทำลายหลักฐาน = ถีบตัวปัญหาเข้าเตาเผาขยะ จับนั่งยางเผา ผูกไว้กับระเบิดความร้อนสูง บลาๆ <<< เฮ้ออออ คิดแล้วหดหู่

                    Comment


                    • #11
                      Originally posted by zephyrus07 View Post
                      แต่ก่อนทำลายหลักฐาน = โยน HDD เข้าเตา Microwave <<< ก็แค่เศษเหล็กก้อนนึง
                      ต่อไปจะทำลายหลักฐาน = ถีบตัวปัญหาเข้าเตาเผาขยะ จับนั่งยางเผา ผูกไว้กับระเบิดความร้อนสูง บลาๆ <<< เฮ้ออออ คิดแล้วหดหู่
                      ไฟช๊อตก็พอละฮะ

                      Comment


                      • #12
                        Originally posted by Parona View Post
                        ไฟช๊อตก็พอละฮะ
                        จุดอ่อนที่ไข่ฮับ

                        Comment


                        • #13
                          Originally posted by XsoeIIsJ View Post
                          ถ้าแบบฝังในฝ่ามือ ไม่อยากให้ใครติดตามต้องเอามีดกรีดแผงวงจรออกมา ( ในหนังเรื่องอะไรลืมไปล่ะ ) ผมไม่เอาด้วยล่ะคนนึง

                          ปล. จำใด้ว่าโมโตโดนซื้อไปแล้วไม่ไช่หรือ ?
                          โมโตเป็น บ.ลูกของ google งิ ที่ซื้้อเพราะอยากได้สิทธิบัตรพวกนี้แหละ

                          Comment


                          • #14
                            ผมฝังมาหลายปีและ ไปไหนไกลๆไม่เคยหลง แค่ลืมเท่านั้นแหล่ะ ที่สำคัญผมนำกลับมาใช้ได้ใหม่นะ


                            Comment


                            • #15
                              Originally posted by jeeddee View Post
                              ผมฝังมาหลายปีและ ไปไหนไกลๆไม่เคยหลง แค่ลืมเท่านั้นแหล่ะ ที่สำคัญผมนำกลับมาใช้ได้ใหม่นะ


                              ไม่ทราบว่าบาร์โค้ดบนแขนท่านนี่ มันใช้เป็นรหัสผ่านอะไรครับ หรือทำให้คล้ายๆกับว่าตัวท่านเป็นสินค้า

                              Comment

                              Working...
                              X