Announcement

Collapse
No announcement yet.

Apple ยังไม่ใช่บริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • Apple ยังไม่ใช่บริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์

    images_13456090761.jpg

    หลังจากที่มีรายงานข่าวว่า Apple เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีมูลค่าตลาด (Market capitalization) อยู่ที่ 661 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่าสถิติเก่าที่ Microsoft เคยทำไว้ แน่นอนว่า หลังจากมีข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ทำให้หลายๆ คนเชื่อว่า ตอนนี้ Apple เข้ามาแทนที่ Microsoft เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    แต่ล่าสุด เว็บไซต์ Columbia Journalism Review ได้ออกมาเห็นขัดแย้งกับข่าวที่นำเสนอมาครับ โดยเผยว่า จริงๆ แล้ว Microsoft ยังคงเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุด ซึ่งช่องว่างการคำนวณนี้ เกิดขึ้นมาจากอัตราเงินเฟ้อนั่นเอง เพราะถ้าหากมีการคำนวณอัตราเงินเฟ้อ เทียบกับมูลค่าปัจจุบันเข้าไป จะพบว่า มูลค่าของ Microsoft จะอยู่ที่ 856 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว ซึ่งสูงกว่า Apple ถึง 235 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ครับ โดยทาง Columbia Journalism Review ไม่รู้ว่า ข่าวนี้จะแก้ต่างให้กับ Microsoft มากน้อยแค่ไหน เพราะมีสื่อจำนวนมาก นำเสนอข่าวว่า Apple แซงหน้า Microsoft ไปแล้วนั่นเอง

    ของแบบนี้ จะมากกว่าหรือน้อยกว่า อยู่ที่การคำนวณของแต่ละคนแล้วล่ะครับ

    ที่มา : techmoblog

  • #2
    ว๊ายว๊ายว๊าย

    Comment


    • #3
      ผมก็ยังรู้ดีว่า Microsoft นั้นนำ apple อยู่หลายก้าว เรื่องเงินนะ

      เพราะผมดูในตลาด Research = = ไม่ได้ดูตามข่าว

      พวกก่อนหน้านี้ ข่าวลือแท้

      Microsoft รายได้สุทธิ แซง ไป 235 ล้าน ดอนล่า ครับลองค้นหาดู

      บางข่าวเอาไปตีความว่า Income Apple ได้มากกว่าแต่ รายได้ สุทธิ ต่างกับ Microsoft ฟ้ากับดินเลยทีเดียว

      = = อาจจะเป็นเพราะ Microsoft Operator เสียงหวานมั้งครับ อ่อไม่ใช่ แต่พนักงานคุณภาพครับ Microsoft
      Last edited by ba5nanas; 23 Aug 2012, 00:07:24.

      Comment


      • #4

        Comment


        • #5
          Originally posted by TWK. View Post
          ไม่มีไรจะพิมพ์..

          Comment


          • #6
            มูลค่าตลาด หรือ Market capitalization ไม่ได้หมายถึงขนาดของบริษัท

            มันคือการคิดมูลค่าโดยเอาจำนวนหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดคูณกับราคาปิดของหลักทรัพย์นั้น

            ถ้าอยากได้ขนาดจริงๆ ของบริษัทต้องไปดูในงบการเงิน (งบดุล งบกำไรขาดทุน งบกระแสเงินสด)

            Comment


            • #7
              ขายลิขสิทธิ์แพงหูฉี่

              Comment


              • #8
                20 ล้าน ล้าน บาท อืม - -

                Comment


                • #9
                  จะรวยไปไหน =_="

                  Comment


                  • #10
                    อันนี้ผมเห็นด้วย ค่าเงิน 10 ปีที่แล้วกับค่าเงินปัจจุบันมันไม่เท่ากัน

                    Comment


                    • #11

                      Comment


                      • #12
                        ถึงจะอย่างงั้น แต่ผมก็ชอบสิ่งที่ Apple เค้าคิดน่ะ

                        Comment


                        • #13
                          ถ้าคนใช้ของลิขสิทธิกันหมด?ไมโครซอฟท์ ได้นำลิ่วชัวร์ครับ

                          Comment

                          Working...
                          X