ซีเกทชี้อุตฯฮาร์ดดิสก์ฟื้นตัวต่อเนื่อง รายได้ทะลุ 4,400 ล้านดอลลาร์
นายสตีฟ ลุคโซ่ ประธานกรรมการ ประธานบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บมจ.ซีเกท เทคโนโลยี ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์รายใหญ่ของโลก กล่าวถึงผลประกอบการไตรมาสที่สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า บริษัทมีผลประกอบการที่ดีเยี่ยม เป็นผลจากเน้นการสนับสนุนลูกค้า ขณะที่การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมฮาร์ดไดร์ฟยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
"สิ่งที่สำคัญในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ ซีเกทประสบ ความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านสินค้าทั้งหมดไปยังผลิตภัณฑ์ระดับชั้นนำของ อุตสาหกรรมทุกตลาด ทำให้บริษัทยังคงเป็นผู้นำอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างต่อเนื่อง"
รายงานข่าวระบุว่า ซีเกทมี ยอดรายรับจำนวน 4,400 ล้านดอลลาร์ กำไรขั้นต้น 37% กำไรสุทธิ 1,100 ล้านดอลลาร์ สำหรับผลประกอบการทางการเงินที่ยังไม่ได้รับการรับรองด้านบัญชี ซึ่งไม่รวมผลกระทบบางรายการมีกำไรสุทธิจำนวน 1,200 ล้านดอลลาร์ และกำไรสุทธิต่อหุ้น 2.64 ดอลลาร์ ขณะที่ บริษัททำเงินประมาณ 938 ล้านดอลลาร์จากการดำเนินงาน จ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด 112 ล้านดอลลาร์ และใช้เงินประมาณ 1,100 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อหุ้นสามัญจำนวน 43.1 ล้านหุ้นคืนสำหรับปลดหนี้ก่อนถึงกำหนด
นายสตีฟ ลุคโซ่ ประธานกรรมการ ประธานบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บมจ.ซีเกท เทคโนโลยี ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์รายใหญ่ของโลก กล่าวถึงผลประกอบการไตรมาสที่สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า บริษัทมีผลประกอบการที่ดีเยี่ยม เป็นผลจากเน้นการสนับสนุนลูกค้า ขณะที่การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมฮาร์ดไดร์ฟยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
"สิ่งที่สำคัญในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ ซีเกทประสบ ความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านสินค้าทั้งหมดไปยังผลิตภัณฑ์ระดับชั้นนำของ อุตสาหกรรมทุกตลาด ทำให้บริษัทยังคงเป็นผู้นำอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างต่อเนื่อง"
รายงานข่าวระบุว่า ซีเกทมี ยอดรายรับจำนวน 4,400 ล้านดอลลาร์ กำไรขั้นต้น 37% กำไรสุทธิ 1,100 ล้านดอลลาร์ สำหรับผลประกอบการทางการเงินที่ยังไม่ได้รับการรับรองด้านบัญชี ซึ่งไม่รวมผลกระทบบางรายการมีกำไรสุทธิจำนวน 1,200 ล้านดอลลาร์ และกำไรสุทธิต่อหุ้น 2.64 ดอลลาร์ ขณะที่ บริษัททำเงินประมาณ 938 ล้านดอลลาร์จากการดำเนินงาน จ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด 112 ล้านดอลลาร์ และใช้เงินประมาณ 1,100 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อหุ้นสามัญจำนวน 43.1 ล้านหุ้นคืนสำหรับปลดหนี้ก่อนถึงกำหนด
แล้วลดประกันลงนี่มันเป็นนโยบายสนับสนุนลูกค้าด้วยหรือเปล่าครับท่าน CEO แหมพูดมาได้
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

Comment