?สตง.? เครื่องร้อนหวังติดเบรก ?กสทช.? ร่อนหนังสือถึงนายกฯ จี้แก้ พ.ร.บ.กสทช. เหตุขัดรัฐธรรมนูญ ปี 50 และขั้นตอนการสรรหาไม่โปร่งใส หวั่นกระทบพัฒนาวงการธุรกิจวิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคม?
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ทำหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานผลการศึกษาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 (พ.ร.บ.กสทช.) โดย สตง.ได้ศึกษารายละเอียดของ พ.ร.บ.กสทช. แล้วพบว่า มีหลายประเด็นที่ต้องเร่งแก้ไขโดยเร่งด่วน มิฉะนั้นจะส่งความเสียหายต่ออุตสาหกรรมโทรทัศน์ วิทยุ และโทรคมนาคมของประเทศอย่างมาก ทั้งยังส่งผลเสียต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศด้วย
ทั้งนี้ กสทช. ถือเป็นองค์กรอิสระที่มีความสำคัญอย่างมาก ต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นกลาง และมีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ซึ่งจะต้องโปร่งใสตั้งแต่กระบวนการสรรหา แต่ปรากฏว่ากระบวนการสรรหาตาม พ.ร.บ.กสทช. มาตรา 14 ก็ขัดรัฐธรรมนูญปี 2550 เพราะประธานกรรมการสิทธิมนุษยชน ก็ไม่สามารถเข้าร่วมเป็นกรรมการได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และกรรมการสรรหาที่เป็นผู้แทนองค์กรกลุ่มภาคเอกชน ที่รวมตัวจัดตั้งและกำหนดชื่อกันเองก็ยังไม่มีกฎหมายรองรับ โดยในส่วนคณะกรรมการสรรหากันเอง ตามาตรา 9-23 กำหนดให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกิจการวิทยุ โทรทัศน์ และโทรคมนาคม เสนอชื่อบุคคลที่สมควรเป็นกรรมการ กสทช. นั้นเป็นหลักการที่ไม่สอดคล้องกับหลักการของการกำกับดูแลที่ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาเป็นกรรมการ กสทช. ทำให้ไม่มีหลักประกันว่าจะทำหน้าที่อย่างโปร่งใสเป็นธรรม หรือตรวจสอบได้ว่าปราศจากการแทรกแซงจากบุคคลที่คัดเลือกหรือกลุ่มผลประโยชน์ได้หรือไม่ ฉะนั้นจึงต้องเร่งแก้ไขกฎหมายเป็นการด่วน เพื่อให้ได้ กสทช. เข้ามาทำหน้าที่องค์กรอิสระที่เป็นกลางมากที่สุด
นอกจากนี้ กสทช. ยังต้องเข้ามาบริหารจัดการรายได้ที่ได้มาจากการประมูลคลื่นความถี่ รายได้จากค่าธรรมเนียมต่างๆ ซึ่งมีมูลค่านับแสนล้านบาทต่อปี รวมถึงเงินกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะอีกนับแสนล้านบาท ซึ่ง กสทช. มีอิสระในการใช้จ่ายเงิน และมีการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเพราะกฎหมายกำหนดไว้ว่าให้ กสทช. นำเงินที่เหลือจ่ายนำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดินนั้น ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสมเพราะอาจมีการใช้จ่ายเงินเกินตัว ควรปรับปรุงกฎหมายให้นำเงินรายได้ส่งแผ่นดินตามสัดส่วนที่กำหนด หากไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายก็สามารถขอรับการจัดสรรจากรัฐได้ เพื่อรัฐจะได้นำเงินจากการจัดเก็บค่าธรรมเนียม ค่าคลื่นความถี่ไปสร้างประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับขั้นตอนของการได้มาของ กสทช.นั้น นายกรัฐมนตรีได้นำรายชื่อ กสทช. ทั้ง 11 คน เสนอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแล้ว หลังจากที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้คัดเลือกเสร็จสิ้นและส่งรายชื่อ กสทช. ทั้ง 11 คน เมื่อปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา.
/ ที่มาของข่าว : ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 04/10/2554
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ทำหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานผลการศึกษาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 (พ.ร.บ.กสทช.) โดย สตง.ได้ศึกษารายละเอียดของ พ.ร.บ.กสทช. แล้วพบว่า มีหลายประเด็นที่ต้องเร่งแก้ไขโดยเร่งด่วน มิฉะนั้นจะส่งความเสียหายต่ออุตสาหกรรมโทรทัศน์ วิทยุ และโทรคมนาคมของประเทศอย่างมาก ทั้งยังส่งผลเสียต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศด้วย
ทั้งนี้ กสทช. ถือเป็นองค์กรอิสระที่มีความสำคัญอย่างมาก ต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นกลาง และมีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ซึ่งจะต้องโปร่งใสตั้งแต่กระบวนการสรรหา แต่ปรากฏว่ากระบวนการสรรหาตาม พ.ร.บ.กสทช. มาตรา 14 ก็ขัดรัฐธรรมนูญปี 2550 เพราะประธานกรรมการสิทธิมนุษยชน ก็ไม่สามารถเข้าร่วมเป็นกรรมการได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และกรรมการสรรหาที่เป็นผู้แทนองค์กรกลุ่มภาคเอกชน ที่รวมตัวจัดตั้งและกำหนดชื่อกันเองก็ยังไม่มีกฎหมายรองรับ โดยในส่วนคณะกรรมการสรรหากันเอง ตามาตรา 9-23 กำหนดให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกิจการวิทยุ โทรทัศน์ และโทรคมนาคม เสนอชื่อบุคคลที่สมควรเป็นกรรมการ กสทช. นั้นเป็นหลักการที่ไม่สอดคล้องกับหลักการของการกำกับดูแลที่ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาเป็นกรรมการ กสทช. ทำให้ไม่มีหลักประกันว่าจะทำหน้าที่อย่างโปร่งใสเป็นธรรม หรือตรวจสอบได้ว่าปราศจากการแทรกแซงจากบุคคลที่คัดเลือกหรือกลุ่มผลประโยชน์ได้หรือไม่ ฉะนั้นจึงต้องเร่งแก้ไขกฎหมายเป็นการด่วน เพื่อให้ได้ กสทช. เข้ามาทำหน้าที่องค์กรอิสระที่เป็นกลางมากที่สุด
นอกจากนี้ กสทช. ยังต้องเข้ามาบริหารจัดการรายได้ที่ได้มาจากการประมูลคลื่นความถี่ รายได้จากค่าธรรมเนียมต่างๆ ซึ่งมีมูลค่านับแสนล้านบาทต่อปี รวมถึงเงินกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะอีกนับแสนล้านบาท ซึ่ง กสทช. มีอิสระในการใช้จ่ายเงิน และมีการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเพราะกฎหมายกำหนดไว้ว่าให้ กสทช. นำเงินที่เหลือจ่ายนำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดินนั้น ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสมเพราะอาจมีการใช้จ่ายเงินเกินตัว ควรปรับปรุงกฎหมายให้นำเงินรายได้ส่งแผ่นดินตามสัดส่วนที่กำหนด หากไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายก็สามารถขอรับการจัดสรรจากรัฐได้ เพื่อรัฐจะได้นำเงินจากการจัดเก็บค่าธรรมเนียม ค่าคลื่นความถี่ไปสร้างประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับขั้นตอนของการได้มาของ กสทช.นั้น นายกรัฐมนตรีได้นำรายชื่อ กสทช. ทั้ง 11 คน เสนอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแล้ว หลังจากที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้คัดเลือกเสร็จสิ้นและส่งรายชื่อ กสทช. ทั้ง 11 คน เมื่อปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา.
/ ที่มาของข่าว : ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 04/10/2554
Comment