อินเทล คอร์เปอร์เรชั่น ได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์สำหรับเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำหรับการประมวลผลข้อมูลที่มีสำคัญในระดับ Mission Critical ในชื่อรุ่น อินเทล ซีออน โปรเซสเซอร์ ตระกลู E7-8800/4800/2800 ซึ่งได้รับการพัฒนามาจากโปรเซสเซอร์สำหรับเซิร์ฟเวอร์อินเทลในรุ่นเดิม เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นที่มีความสำคัญต่อธุรกิจในระดับไฮเอนด์ รวมไปถึงระบบ Business Intelligence การวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Real-time และการใช้งานเวอร์ชวลไลเซชั่น นอกจากนี้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและป้องกันดาต้า เซ็นเตอร์ โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่นี้จึงมาพร้อมกับคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่ดียิ่งกว่าเดิม เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยของข้อมูล
เทคโนโลยีกระบวนการผลิตขนาด 32 นาโนเมตรของอินเทล ช่วยให้ อินเทล ซีออน โปรเซสเซอร์ รุ่นใหม่นี้มีจำนวนแกนประมวลผลได้สูงถึง 10 คอร์ พร้อมด้วย อินเทล ไฮเปอร์ เธรดดิ้ง เทคโนโลยี และยังให้ประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงกว่าโปรเซสเซอร์ในตระกูล อินเทล ซีออน ซีรี่ส์ 7500 จนถึง ร้อยละ 40 ในขณะเดียวกัน คุณสมบัติการประหยัดพลังงานแบบใหม่ยังช่วยลดปริมาณการใช้พลังงานในช่วงเวลาที่ชิปไม่มีการประมวลผลอีกด้วย นับจากวันนี้เป็นต้นไป ระบบที่ประกอบด้วย อินเทล ซีออน โปรเซสเซอร์ ตระกูล E7 จำนวนกว่า 35 ระบบจะถูกส่งไปยังผู้ผลิตทั่วโลก
?กว่าสิบปีที่ผ่านมา อินเทลได้เปลี่ยนโฉมหน้าการนำเอาคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์มาใช้ในการประมวลผลระดับ Mission Critical และในวันนี้เราได้เพิ่มระดับของมาตรฐานให้สูงขึ้นไปอีก? นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว ?อินเทล? ซีออน? โปรเซสเซอร์ ตระกูล E7 รุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่เหนือชั้นกว่ารุ่นเดิม พร้อมด้วยระบบความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง และมีการพัฒนาด้านความเสถียรและการใช้พลังงานให้ดีมากยิ่งขึ้น จากแนวโน้มของอุตสาหกรรม เราเล็งเห็นว่าสถาปัตยกรรมโปรเซสเซอร์สำหรับเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่นี้ต่างไปจากเดิมที่อินเทลเคยทำมา ขณะเดียวกัน ความจำเป็นสำหรับหน่วยงานด้านไอทีที่ต้องติดตั้งสถาปัตยกรรม RISC แบบปิด ซึ่งมีราคาแพง เพื่อใช้กับแอพพลิเคชั่นในระดับ mission critical นั้น กำลังจะสิ้นสุดลง?
สำหรับโปรเซสเซอร์ในตระกูลใหม่นี้ จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 18 รุ่น ซึ่งแบ่งออกเป็นรุ่นสำหรับเซิร์ฟเวอร์ประเภท 2, 4 และ 8 ซ็อกเก็ต และยังสามารถขยายการทำงานไปใช้กับเซิร์ฟเวอร์ที่มี 256 ซ็อกเก็ตได้ด้วย โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่นี้ยังสร้างสถิติโลกใหม่ด้านประสิทธิภาพอีกกว่า 12 รายการ ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจากเดิมจนถึงร้อยละ 40 ในการประมวลผลช่วยเพิ่มความเร็วและความถูกต้องให้กับแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่มีความสำคัญสูงมากต่อองค์กร อย่างเช่น ในกลุ่มงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และบริการทางด้านการเงิน ซึ่งจำเป็นต้องใช้ความเร็วสูงในการประมวล ด้วยประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชั่น3 ที่เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์รุ่นปัจจุบัน ทำให้ชิปตัวใหม่ล่าสุดนี้กลายเป็นโปรเซสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำงานแบบเวอร์ชวลไลเซชั่นที่สูงที่สุดในอุตสากรรมปัจจุบัน
ผู้จัดการฝ่ายไอทีที่กำลังมองหาระบบไอทีที่มีความคุ้มค่ามากขึ้นต่อการลงทุน สามารถเปลี่ยนจากเครื่องเซิร์ฟเวอร์แบบดูอัลคอร์จำนวนถึง 18 เครื่อง มาใช้อินเทล ซีออน โปรเซสเซอร์ ตระกูล E7 เพียงตัวเดียว และเพื่อช่วยลดปัญหาค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของดาต้า เซ็นเตอร์ โดย ซีออน โปรเซสเซอร์ รุ่นใหม่นี้ยังมาพร้อมกับ Intel Intelligent Power ที่ช่วยลดการใช้พลังงานของตัวชิปเมื่อไม่มีการทำงาน หรือตามระดับการใช้งาน ในขณะที่ยังคงมีระบบการจัดการพลังงานของตัวโปรเซสเซอร์ที่ดีมากขึ้น
ด้วยการจัดกลุ่มของแอพพลิเคชั่นที่มีการใช้พลังการประมวลผลจากคอมพิวเตอร์และมีความสำคัญต่อธุรกิจหรือองค์กรสูง จะมีตั้งแต่ระบบประมวลผลโมเดลพยากรณ์อากาศจนไปถึงการวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจแบบ Real-time ซึ่งจำเป็นต้องใช้ประสิทธิภาพในการประมวลผลที่มาก อินเทลจึงออกแบบโปรเซสเซอร์แบบ 10 คอร์เป็นพิเศษอีก 10 รุ่น ประกอบด้วย E7-8870, E7-4870 และ E7-2870 ซึ่งทั้งหมดสามารถทำความเร็วได้ถึง 2.4 กิกะเฮิรตซ์ โดยยังคงค่า TDP (Thermal Design Point) เพียงแค่ 130 วัตต์เท่านั้น
นอกจากนี้ ทางอินเทลยังได้เปิดตัวชิปที่มีการรวมเอาประโยชน์จากประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงเข้ากับการใช้พลังงานต่ำ ซึ่งเป็นชิปรุ่นที่มีความเร็วในการทำงานที่เหมาะสม โดยในรุ่น 10 คอร์แบบประหยัดพลังงาน E7-8867L นี้จะมีความเร็วในการทำงาน 2.13 กิกะเฮิรตซ์ และมีค่า TDP เพียง 105 วัตต์เท่านั้น ในขณะที่รุ่น 8 คอร์ E7-8837 จะมีความเร็วที่สูงขึ้นอยู่ที่ 2.67 กิกะเฮิรตซ์ และมีค่า TDP อยู่ที่ 130 วัตต์
อินเทล ซีออน โปรเซสเซอร์ในตระกลู E7 นี้ยังคงอยู่บนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาให้รองรับการทำงานร่วมกับหน่วยความจำมหาศาลมากถึง 2 เทราไบต์ ในระบบที่มี 4 ซ็อกเก็ต และรองรับการทำงานร่วมกับโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่นี้ นอกจากนี้ชิพส่วนใหญ่ยังได้มาพร้อมกับอินเทล เทอร์โบบูสต์ เทคโนโลยี, อินเทลไฮเปอร์ เธรดดิ้ง เทคโนโลยี และ อินเทล เวอร์ชวลไลเซชั่น เทคโนโลยี (VT) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รองรับการทำงานแบบมัลติทาสกิ้ง และยังช่วยให้มีระบบการจัดการที่ง่าย และมีเสถียรภาพของระบบที่ดีขึ้นด้วย
เทคโนโลยีกระบวนการผลิตขนาด 32 นาโนเมตรของอินเทล ช่วยให้ อินเทล ซีออน โปรเซสเซอร์ รุ่นใหม่นี้มีจำนวนแกนประมวลผลได้สูงถึง 10 คอร์ พร้อมด้วย อินเทล ไฮเปอร์ เธรดดิ้ง เทคโนโลยี และยังให้ประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงกว่าโปรเซสเซอร์ในตระกูล อินเทล ซีออน ซีรี่ส์ 7500 จนถึง ร้อยละ 40 ในขณะเดียวกัน คุณสมบัติการประหยัดพลังงานแบบใหม่ยังช่วยลดปริมาณการใช้พลังงานในช่วงเวลาที่ชิปไม่มีการประมวลผลอีกด้วย นับจากวันนี้เป็นต้นไป ระบบที่ประกอบด้วย อินเทล ซีออน โปรเซสเซอร์ ตระกูล E7 จำนวนกว่า 35 ระบบจะถูกส่งไปยังผู้ผลิตทั่วโลก
?กว่าสิบปีที่ผ่านมา อินเทลได้เปลี่ยนโฉมหน้าการนำเอาคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์มาใช้ในการประมวลผลระดับ Mission Critical และในวันนี้เราได้เพิ่มระดับของมาตรฐานให้สูงขึ้นไปอีก? นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว ?อินเทล? ซีออน? โปรเซสเซอร์ ตระกูล E7 รุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่เหนือชั้นกว่ารุ่นเดิม พร้อมด้วยระบบความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง และมีการพัฒนาด้านความเสถียรและการใช้พลังงานให้ดีมากยิ่งขึ้น จากแนวโน้มของอุตสาหกรรม เราเล็งเห็นว่าสถาปัตยกรรมโปรเซสเซอร์สำหรับเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่นี้ต่างไปจากเดิมที่อินเทลเคยทำมา ขณะเดียวกัน ความจำเป็นสำหรับหน่วยงานด้านไอทีที่ต้องติดตั้งสถาปัตยกรรม RISC แบบปิด ซึ่งมีราคาแพง เพื่อใช้กับแอพพลิเคชั่นในระดับ mission critical นั้น กำลังจะสิ้นสุดลง?
สำหรับโปรเซสเซอร์ในตระกูลใหม่นี้ จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 18 รุ่น ซึ่งแบ่งออกเป็นรุ่นสำหรับเซิร์ฟเวอร์ประเภท 2, 4 และ 8 ซ็อกเก็ต และยังสามารถขยายการทำงานไปใช้กับเซิร์ฟเวอร์ที่มี 256 ซ็อกเก็ตได้ด้วย โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่นี้ยังสร้างสถิติโลกใหม่ด้านประสิทธิภาพอีกกว่า 12 รายการ ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจากเดิมจนถึงร้อยละ 40 ในการประมวลผลช่วยเพิ่มความเร็วและความถูกต้องให้กับแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่มีความสำคัญสูงมากต่อองค์กร อย่างเช่น ในกลุ่มงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และบริการทางด้านการเงิน ซึ่งจำเป็นต้องใช้ความเร็วสูงในการประมวล ด้วยประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชั่น3 ที่เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์รุ่นปัจจุบัน ทำให้ชิปตัวใหม่ล่าสุดนี้กลายเป็นโปรเซสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำงานแบบเวอร์ชวลไลเซชั่นที่สูงที่สุดในอุตสากรรมปัจจุบัน
ผู้จัดการฝ่ายไอทีที่กำลังมองหาระบบไอทีที่มีความคุ้มค่ามากขึ้นต่อการลงทุน สามารถเปลี่ยนจากเครื่องเซิร์ฟเวอร์แบบดูอัลคอร์จำนวนถึง 18 เครื่อง มาใช้อินเทล ซีออน โปรเซสเซอร์ ตระกูล E7 เพียงตัวเดียว และเพื่อช่วยลดปัญหาค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของดาต้า เซ็นเตอร์ โดย ซีออน โปรเซสเซอร์ รุ่นใหม่นี้ยังมาพร้อมกับ Intel Intelligent Power ที่ช่วยลดการใช้พลังงานของตัวชิปเมื่อไม่มีการทำงาน หรือตามระดับการใช้งาน ในขณะที่ยังคงมีระบบการจัดการพลังงานของตัวโปรเซสเซอร์ที่ดีมากขึ้น
ด้วยการจัดกลุ่มของแอพพลิเคชั่นที่มีการใช้พลังการประมวลผลจากคอมพิวเตอร์และมีความสำคัญต่อธุรกิจหรือองค์กรสูง จะมีตั้งแต่ระบบประมวลผลโมเดลพยากรณ์อากาศจนไปถึงการวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจแบบ Real-time ซึ่งจำเป็นต้องใช้ประสิทธิภาพในการประมวลผลที่มาก อินเทลจึงออกแบบโปรเซสเซอร์แบบ 10 คอร์เป็นพิเศษอีก 10 รุ่น ประกอบด้วย E7-8870, E7-4870 และ E7-2870 ซึ่งทั้งหมดสามารถทำความเร็วได้ถึง 2.4 กิกะเฮิรตซ์ โดยยังคงค่า TDP (Thermal Design Point) เพียงแค่ 130 วัตต์เท่านั้น
นอกจากนี้ ทางอินเทลยังได้เปิดตัวชิปที่มีการรวมเอาประโยชน์จากประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงเข้ากับการใช้พลังงานต่ำ ซึ่งเป็นชิปรุ่นที่มีความเร็วในการทำงานที่เหมาะสม โดยในรุ่น 10 คอร์แบบประหยัดพลังงาน E7-8867L นี้จะมีความเร็วในการทำงาน 2.13 กิกะเฮิรตซ์ และมีค่า TDP เพียง 105 วัตต์เท่านั้น ในขณะที่รุ่น 8 คอร์ E7-8837 จะมีความเร็วที่สูงขึ้นอยู่ที่ 2.67 กิกะเฮิรตซ์ และมีค่า TDP อยู่ที่ 130 วัตต์
อินเทล ซีออน โปรเซสเซอร์ในตระกลู E7 นี้ยังคงอยู่บนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาให้รองรับการทำงานร่วมกับหน่วยความจำมหาศาลมากถึง 2 เทราไบต์ ในระบบที่มี 4 ซ็อกเก็ต และรองรับการทำงานร่วมกับโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่นี้ นอกจากนี้ชิพส่วนใหญ่ยังได้มาพร้อมกับอินเทล เทอร์โบบูสต์ เทคโนโลยี, อินเทลไฮเปอร์ เธรดดิ้ง เทคโนโลยี และ อินเทล เวอร์ชวลไลเซชั่น เทคโนโลยี (VT) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รองรับการทำงานแบบมัลติทาสกิ้ง และยังช่วยให้มีระบบการจัดการที่ง่าย และมีเสถียรภาพของระบบที่ดีขึ้นด้วย


Comment