ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาอินเทลได้แสดงให้เราได้เห็นถึงประสิทธิภาพของซีพียูรุ่นใหม่ที่มีชื่อรหัสในการพัฒนาว่า Sandy Bridge หรือที่อินเทลเรียกอย่าวเป็นทางการว่า Intel 2nd Genertation Core Processor นั่นเอง (แต่นิยมเรียกกันง่ายๆ ว่า Core i รุ่นที่สอง) โดย Core i รุ่นที่สอง นั้นมีประสิทธิภาพในการทำงานมากว่า Core i รุ่นแรก ประมาณ 20% หรือบางงานอาจจะเร็วกว่าถึง 100% เมื่อมีการเรียนใช้ฟังก์ชันเฉพาะตัวที่มีอยู๋ใน Core i รุ่นที่สอง
อย่างไรก็ดีจากนี้ไปเป็นเวลาอีกประมาณ 1 ปี เราก็จะได้พบกับซีพียูรุ่นใหม่ของอินเทลอีกครั้ง โดยเป็นรุ่นที่มีชื่อรหัสว่า Ivy Bridge ซึ่งเป็นซีพียูที่มีการต่อยอดจาก Sandy Bridge โดยตรง ความแตกต่างหลักๆ ระหว่าง Ivy Bridge ก็คือขนาดของกระบวนการในการผลิตซีพียูนั่นเอง ซีพียู Sandy Bridge นั้นผลิตด้วยกระบวนการ 32 นาโนเมตร ส่วน Ivy Bridge จะผลิตด้วยกระบวนการ 22 นาโนเมตร
เมื่อใช้กระบวนการผลิตที่เล็กลงก็จะทำให้ใช้พลังงานน้อยลง ความร้อนน้อยลง และมีผลให้สามารถที่จะเร่งสปีดของสัญญาณนาฬิกาเพิ่มขึ้นได้ รวมไปถึงการเพิ่มฮาร์ดแวร์การประมวลผลเฉพาะทางเข้าไป ซึ่งทั้งหมดนั้นก็อาจจะทำให้ Ivy Bridge สามารถประมวลผลได้เร็วกว่า Sandy Bridge ได้ตั้งแต่ 20% ขึ่นไปเลยทีเดียว
นอกจากความเร็วในการทำงานที่จะเพิ่มขึ้นแล้ว Ivy Bridge จะมาพร้อมกับกราฟิกชิปที่รองรับ DirectX 11 และรองรับชุดคำสั่ง OpenCL 1.1 อีกด้วย นอกจากนี้ด้วยกระบวนการผลิตที่เล็กลงนั้นทำให้อินเทลสามารถที่จะเพิ่มจำนวนคอร์ประมวลผลทางด้านกราฟิกเข้าไปได้อีก ข้อมูลบางแหล่งบอกว่าคอร์กราฟิกอาจจะมีสูงถึง 24 คอร์ ในขณะที่บางแหล่งบอกว่าจะมี 16 คอร์ (Sandy Bridge มีกราฟิกอยู่สองรุ่นคือ GT1 มีกราฟิก 6 คอร์ และ GT2 มี 12 คอร์) โดยอินเทลตั้งเป้าหมายว่ากราฟิกชิปที่อยู่ใน Ivy Bridge นั้นจะทำงานได้เร็วขึ้นประมาณ 30%
อย่างไรก็ดีจากนี้ไปเป็นเวลาอีกประมาณ 1 ปี เราก็จะได้พบกับซีพียูรุ่นใหม่ของอินเทลอีกครั้ง โดยเป็นรุ่นที่มีชื่อรหัสว่า Ivy Bridge ซึ่งเป็นซีพียูที่มีการต่อยอดจาก Sandy Bridge โดยตรง ความแตกต่างหลักๆ ระหว่าง Ivy Bridge ก็คือขนาดของกระบวนการในการผลิตซีพียูนั่นเอง ซีพียู Sandy Bridge นั้นผลิตด้วยกระบวนการ 32 นาโนเมตร ส่วน Ivy Bridge จะผลิตด้วยกระบวนการ 22 นาโนเมตร
เมื่อใช้กระบวนการผลิตที่เล็กลงก็จะทำให้ใช้พลังงานน้อยลง ความร้อนน้อยลง และมีผลให้สามารถที่จะเร่งสปีดของสัญญาณนาฬิกาเพิ่มขึ้นได้ รวมไปถึงการเพิ่มฮาร์ดแวร์การประมวลผลเฉพาะทางเข้าไป ซึ่งทั้งหมดนั้นก็อาจจะทำให้ Ivy Bridge สามารถประมวลผลได้เร็วกว่า Sandy Bridge ได้ตั้งแต่ 20% ขึ่นไปเลยทีเดียว
นอกจากความเร็วในการทำงานที่จะเพิ่มขึ้นแล้ว Ivy Bridge จะมาพร้อมกับกราฟิกชิปที่รองรับ DirectX 11 และรองรับชุดคำสั่ง OpenCL 1.1 อีกด้วย นอกจากนี้ด้วยกระบวนการผลิตที่เล็กลงนั้นทำให้อินเทลสามารถที่จะเพิ่มจำนวนคอร์ประมวลผลทางด้านกราฟิกเข้าไปได้อีก ข้อมูลบางแหล่งบอกว่าคอร์กราฟิกอาจจะมีสูงถึง 24 คอร์ ในขณะที่บางแหล่งบอกว่าจะมี 16 คอร์ (Sandy Bridge มีกราฟิกอยู่สองรุ่นคือ GT1 มีกราฟิก 6 คอร์ และ GT2 มี 12 คอร์) โดยอินเทลตั้งเป้าหมายว่ากราฟิกชิปที่อยู่ใน Ivy Bridge นั้นจะทำงานได้เร็วขึ้นประมาณ 30%


Comment