เอสแอล คอนซอร์เตียม-เอยู คอนซอร์เตียม เคาะประมูลรวม 17 ครั้ง ราคาไม่เป็นทางการอยู่ที่ 16,290 ล้านบาท ลดลงจากราคากลาง 1,150 ล้านบาท คิดเป็น 6.59% ลั่นประกาศผลอย่างเป็นทางการ 31 ม.ค. ก่อนเซ็นสัญญาจ้าง ก.พ.54
วันที่ 28 ม.ค. เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) มีการประกวดราคาโครงการจัดสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3จี ทีโอที ทั่วประเทศ มูลค่าโครงการ 17,440 ล้านบาท ด้วยวิธีประมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-อ๊อคชั่น) ตั้งแต่เวลา 10.00 -10.30 น. ณ ห้องประกวดราคาโครงการฯ อาคาร 10 ขณะที่ เจ้าหน้าที่เปิดให้นักข่าว และพนักงานทีโอทีเข้าห้องประกวดราคาได้เวลา 09.30 น. โดยต้องฝากเครื่องมือ อุปกรณ์สื่อสาร รวมถึงเครื่องบันทึกภาพ/เสียง ทุกชนิดไว้กับเจ้าหน้าที่ของทีโอที
ทั้งนี้ มีกลุ่มกิจการร่วมค้า 2 กลุ่ม มีสิทธิ์เข้าประมูล ได้แก่ เอสแอล คอนซอร์เตียม ประกอบด้วยบริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) บริษัท หัวเว่ย จำกัด บริษัท โนเกีย-ซีเมนส์ จำกัด และเอยู คอนซอร์เตียม ประกอบด้วย บริษัท ยูคอม อินดัสเตรียล จำกัด บริษัท แอดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เอไอที บริษัท อัลคาเทล-ลูเซ่น จำกัด
สำหรับ ผู้เข้าประมูลเอสแอล คอนซอร์เตียม ใช้รหัส GGG222 และ เอยู คอนซอร์เตียม ใช้รหัส GGG333 โดยการแข่งขันประกวดราคามีการเสนอราคาทั้งหมด 17 ครั้ง โดยรหัส GGG222 เคาะจำนวน 5 ครั้ง เสนอราคาต่ำสุดที่ 16,290 ล้านบาท ลดลงจากราคากลาง 1,150 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.59% ขณะที่รหัส GGG333 เคาะราคา 12 ครั้ง เสนอราคาที่ 16,777 ล้านบาท
ภายหลังการ ประกวดราคาเสร็จสิ้นลง นายนพณัฏฐ์ หุตะเจริญ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที กล่าวว่า ราคาประมูลที่ได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งทุกขั้นตอนดำเนินงานด้วยความโปร่งใส
ขณะที่ นายอานนท์ ทับเที่ยง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานโครงข่าย ประธานคณะกรรมการประกวดราคาด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (อี-อ๊อคชั่น) กล่าวว่า ราคาต่ำสุดที่ได้จากการอี-อ๊อคชั่นเป็นที่น่าพอใจ หลังจากนี้จะทำหนังสือเสนอราคาที่ประกวดได้พร้อมรายชื่อผู้ที่เสนอราคาต่ำ สุดให้ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ลงนามอนุมัติในวันที่ 31 ม.ค.นี้
การ แข่งขันประกวดราคาเป็นไปตามกระบวนการทุกอย่าง เช่นวันนี้ ที่กำหนดให้ประมูลก็ทัน จึงไม่มีปัจจัยที่จะทำให้เกิดการล้มประมูล โดยคาดว่าหลังเสนอให้รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่เซ็นอนุมัติแล้ว ประมาณกลางเดือนก.พ.น่าจะลงนามในสัญญาว่าจ้างได้ และในเดือนเม.ย.นี้จะสามารถเปิดให้บริการ 3จีทีโอที ในบางพื้นที่เพิ่มเติมได้ และจะสามารถให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศใน 1 ปี นายอานนท์ กล่าว
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ สามารถฯ กล่าวว่า การประมูลครั้งนี้ ต้องเตรียมการอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นพาตเนอร์ และการติดตั้ง ทั้งนี้ ถือว่าโชคดีด้วยที่การประมูลที่ผ่านมาไม่มีการประมูลของเอกชน เพราะฉะนั้น งานการติดตั้งครั้งนี้ จึงยังมีคนอยู่อีกมาก ดังนั้น จึงช่วยให้การติดตั้งงานกว่า 5 พันสถานีฐานติดตั้งได้ทัน แล้วเสร็จทันระยะเวลา 1 ปี ตามที่ทีโออาร์กำหนด ขณะที่โดยส่วนตัวพอใจกับราคาการประมูลครั้งนี้
สำหรับกลุ่มการติด ตั้งนั้น ล็อกซเล่ย์ จะดูแลภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ อีสาน สามารถฯ จะดูแลกรุงเทพฯ ภาคกลาง และภาคตะวันออก และภาคใต้ เพื่อให้งานติดตั้งเสร็จเร็วที่สุด ถ้าบริษัทชนะการประมูล
อย่างไร ก็ตาม หากบริษัทดำเนินการ 3จี จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท 1 หมื่นล้านบาท ส่วนล็อกซเล่ย์ อยู่ที่ประมาณ 6 พันล้านบาท ซึ่งน่าจะช่วยเสริมกลุ่มของสามารถฯ ให้เติบโตขึ้นด้วย นอกจากนี้ ยังเชื่อมั่นว่า การประมูลครั้งนี้โปร่งใส และดำนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง หลังจากที่วานนี้ (27 ม.ค.) ศาลปกครองได้พิจารณาตัดสินไปแล้ว อีกทั้ง มองว่า ช่วงเวลา 1 ปี นับจากเซ็นสัญญา ต้องรีบดำเนินการอย่างเร็วที่สุด
ช่วงเวลา 1 ปี หลังมีการเซ็นสัญญาต้องรีบดำเนินการอย่างเร็วที่สุด และต้องโค-ไซต์ กับบริษัทเอกชนรายอื่นด้วย เพื่อประหยัดงบในการลงทุน ขณะเดียวกัน ก็ต้องรีบดำเนินการติดตั้งสถานีฐานกว่า 5 พันสถานีฐานทั่วประเทศ ซึ่งเวลา 365 วัน ต้องติดตั้งให้ได้วันละ 10 กว่าสถานีฐาน นายวัฒน์ชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม โครงการจัดสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3จี ทีโอที ทั่วประเทศ ประกอบด้วย การสร้างระบบโครงข่ายหลัก (คอร์ เน็ตเวิร์ค) 1 ระบบ ระบบสถานีฐาน (ยูทีอาร์เอเอ็น) 4,772 แห่ง ระบบสื่อสัญญาณ (ทรานสปอร์ต เน็ตเวิร์ค) ระบบบริการจัดการโครงข่าย (โอเอสเอส) ระบบบริการเสริมพื้นฐาน (วีเอเอส) ระบบสนับสนุนการให้บริการ (บิสิเนส ซัพพอร์ต ซิสเต็ม) และการติดตั้งอุปกรณ์และการจัดเตรียมสถานที่ อย่างละ 1 ระบบ รวมถึงอุปกรณ์สนับสนุนและบำรุงรักษาโครงข่ายด้วย
สำหรับขอบเขตงาน โครงการ 3 จีทั่วประเทศ แบ่งการเปิดบริการ 3 จี ออกเป็น 3 ระยะ โดยการติดตั้งระยะแรกในพื้นที่ปริมณฑล 4 จังหวัด และระยะสอง 13 จังหวัดเศรษฐกิจ เช่น ชลบุรี ระยอง สงขลา สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พิษณุโลก อุดรธานี นครราชสีมา ขอนแก่น และหนองคาย จะสามารถเปิดให้บริการได้ภายใน 180 วันนับจากวันที่เซ็นสัญญา ขณะที่ระยะสุดท้ายจะขยายอีก 59 จังหวัด ภายใน 360 วัน
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
http://www.thairath.co.th/content/eco/144805

ทั้งนี้ มีกลุ่มกิจการร่วมค้า 2 กลุ่ม มีสิทธิ์เข้าประมูล ได้แก่ เอสแอล คอนซอร์เตียม ประกอบด้วยบริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) บริษัท หัวเว่ย จำกัด บริษัท โนเกีย-ซีเมนส์ จำกัด และเอยู คอนซอร์เตียม ประกอบด้วย บริษัท ยูคอม อินดัสเตรียล จำกัด บริษัท แอดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เอไอที บริษัท อัลคาเทล-ลูเซ่น จำกัด
สำหรับ ผู้เข้าประมูลเอสแอล คอนซอร์เตียม ใช้รหัส GGG222 และ เอยู คอนซอร์เตียม ใช้รหัส GGG333 โดยการแข่งขันประกวดราคามีการเสนอราคาทั้งหมด 17 ครั้ง โดยรหัส GGG222 เคาะจำนวน 5 ครั้ง เสนอราคาต่ำสุดที่ 16,290 ล้านบาท ลดลงจากราคากลาง 1,150 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.59% ขณะที่รหัส GGG333 เคาะราคา 12 ครั้ง เสนอราคาที่ 16,777 ล้านบาท
ภายหลังการ ประกวดราคาเสร็จสิ้นลง นายนพณัฏฐ์ หุตะเจริญ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที กล่าวว่า ราคาประมูลที่ได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งทุกขั้นตอนดำเนินงานด้วยความโปร่งใส
ขณะที่ นายอานนท์ ทับเที่ยง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานโครงข่าย ประธานคณะกรรมการประกวดราคาด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (อี-อ๊อคชั่น) กล่าวว่า ราคาต่ำสุดที่ได้จากการอี-อ๊อคชั่นเป็นที่น่าพอใจ หลังจากนี้จะทำหนังสือเสนอราคาที่ประกวดได้พร้อมรายชื่อผู้ที่เสนอราคาต่ำ สุดให้ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ลงนามอนุมัติในวันที่ 31 ม.ค.นี้
การ แข่งขันประกวดราคาเป็นไปตามกระบวนการทุกอย่าง เช่นวันนี้ ที่กำหนดให้ประมูลก็ทัน จึงไม่มีปัจจัยที่จะทำให้เกิดการล้มประมูล โดยคาดว่าหลังเสนอให้รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่เซ็นอนุมัติแล้ว ประมาณกลางเดือนก.พ.น่าจะลงนามในสัญญาว่าจ้างได้ และในเดือนเม.ย.นี้จะสามารถเปิดให้บริการ 3จีทีโอที ในบางพื้นที่เพิ่มเติมได้ และจะสามารถให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศใน 1 ปี นายอานนท์ กล่าว
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ สามารถฯ กล่าวว่า การประมูลครั้งนี้ ต้องเตรียมการอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นพาตเนอร์ และการติดตั้ง ทั้งนี้ ถือว่าโชคดีด้วยที่การประมูลที่ผ่านมาไม่มีการประมูลของเอกชน เพราะฉะนั้น งานการติดตั้งครั้งนี้ จึงยังมีคนอยู่อีกมาก ดังนั้น จึงช่วยให้การติดตั้งงานกว่า 5 พันสถานีฐานติดตั้งได้ทัน แล้วเสร็จทันระยะเวลา 1 ปี ตามที่ทีโออาร์กำหนด ขณะที่โดยส่วนตัวพอใจกับราคาการประมูลครั้งนี้
สำหรับกลุ่มการติด ตั้งนั้น ล็อกซเล่ย์ จะดูแลภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ อีสาน สามารถฯ จะดูแลกรุงเทพฯ ภาคกลาง และภาคตะวันออก และภาคใต้ เพื่อให้งานติดตั้งเสร็จเร็วที่สุด ถ้าบริษัทชนะการประมูล
อย่างไร ก็ตาม หากบริษัทดำเนินการ 3จี จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท 1 หมื่นล้านบาท ส่วนล็อกซเล่ย์ อยู่ที่ประมาณ 6 พันล้านบาท ซึ่งน่าจะช่วยเสริมกลุ่มของสามารถฯ ให้เติบโตขึ้นด้วย นอกจากนี้ ยังเชื่อมั่นว่า การประมูลครั้งนี้โปร่งใส และดำนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง หลังจากที่วานนี้ (27 ม.ค.) ศาลปกครองได้พิจารณาตัดสินไปแล้ว อีกทั้ง มองว่า ช่วงเวลา 1 ปี นับจากเซ็นสัญญา ต้องรีบดำเนินการอย่างเร็วที่สุด
ช่วงเวลา 1 ปี หลังมีการเซ็นสัญญาต้องรีบดำเนินการอย่างเร็วที่สุด และต้องโค-ไซต์ กับบริษัทเอกชนรายอื่นด้วย เพื่อประหยัดงบในการลงทุน ขณะเดียวกัน ก็ต้องรีบดำเนินการติดตั้งสถานีฐานกว่า 5 พันสถานีฐานทั่วประเทศ ซึ่งเวลา 365 วัน ต้องติดตั้งให้ได้วันละ 10 กว่าสถานีฐาน นายวัฒน์ชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม โครงการจัดสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3จี ทีโอที ทั่วประเทศ ประกอบด้วย การสร้างระบบโครงข่ายหลัก (คอร์ เน็ตเวิร์ค) 1 ระบบ ระบบสถานีฐาน (ยูทีอาร์เอเอ็น) 4,772 แห่ง ระบบสื่อสัญญาณ (ทรานสปอร์ต เน็ตเวิร์ค) ระบบบริการจัดการโครงข่าย (โอเอสเอส) ระบบบริการเสริมพื้นฐาน (วีเอเอส) ระบบสนับสนุนการให้บริการ (บิสิเนส ซัพพอร์ต ซิสเต็ม) และการติดตั้งอุปกรณ์และการจัดเตรียมสถานที่ อย่างละ 1 ระบบ รวมถึงอุปกรณ์สนับสนุนและบำรุงรักษาโครงข่ายด้วย
สำหรับขอบเขตงาน โครงการ 3 จีทั่วประเทศ แบ่งการเปิดบริการ 3 จี ออกเป็น 3 ระยะ โดยการติดตั้งระยะแรกในพื้นที่ปริมณฑล 4 จังหวัด และระยะสอง 13 จังหวัดเศรษฐกิจ เช่น ชลบุรี ระยอง สงขลา สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พิษณุโลก อุดรธานี นครราชสีมา ขอนแก่น และหนองคาย จะสามารถเปิดให้บริการได้ภายใน 180 วันนับจากวันที่เซ็นสัญญา ขณะที่ระยะสุดท้ายจะขยายอีก 59 จังหวัด ภายใน 360 วัน
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
http://www.thairath.co.th/content/eco/144805
Comment