HDD ผมของ WD ก็ Made in thailand น่ะ
Announcement
Collapse
No announcement yet.
เราเป็นผู้ผลิตฮาร์ดดิสรายใหญ่นะ...
Collapse
X
-
ถ้ามองในแง่ดี คือ ถ้าเทียบกับคุณภาพฝีมือของคนไทย กับ ของจีน
ผมว่าของไทยดีกว่า ซึ่งเท่ากับว่า ประสิทธิภาพ ในการผลิตจะดีกว่าที่จีน
ดังนั้นเมื่อประสิทธิภาพดีกว่า ก็เท่ากับ ปริมาณการสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์ของ
ทรัพยากร (input) เพื่อผลิต (process) และได้สินค้า (output) จะน้อยตามมา
นั่นหมายถึง วัสดุที่เสียหายจากการผลิต หรือ ปริมาณสินค้าที่ใช้แล้วเสีย ที่จะกลายมาเป็นขยะมลพิษในอนาคต ก็จะน้อยลงมาด้วย
ผู้ผลิตหรือเจ้าของธุรกิจ จะสามารถลดต้นทุนการผลิต (ค่าทรัพยากรที่ใช้ในกระบวนการ)
ประเทศไทย มีรายได้ และ ได้แรงงานที่มีทักษะความสามารถ
(กรณีถ้าอนาคตมีคนไทยอยากผลิต Hard disk ภายใต้ Brand ตัวเอง ก็จะมีแรงงานฝีมือรองรับ)
คนไทย มีงานทำ โดยเป็นแรงงานที่มีทักษะสูงขึ้น ค่าตัว (อาจจะสูงขึ้นตาม)
ผู้บริืโภค ได้สินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาุุุะสม (ที่แน่ๆ มั่นใจกว่าสินค้าที่ผลิตในจีน)
สำหรับเรื่องขยะที่เกิดขึ้น ก็ต้องให้ผู้ที่อยู่ในวงจรของสินค้าทั้ง 4 ที่กล่าวมา ร่วมกันรับผิดชอบ คือ
1. ผู้ผลิตต้องมีมาตรการรับผิดชอบต่อมลภาวะของสังคม
2. รัฐ ต้องมีกฏหมายคุ้มครองผลกระทบที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อม
3. แรงงานต้องใส่ใจถึงผลกระทบอันเกิดจากกระบวนการผลิต
4. ผู้บริโภคต้องคิดให้ดีก่อนซื้อสินค้า เพราะเพียงแค่จ่ายเงินออกไป ก็สามารถกำหนดได้ว่า จะช่วยหรือทำลาย สิ่งแวดล้อมของประเทศ
ที่กล่าวมาเป็นเพียงมุมมองบางส่วนของผมเท่านั้นนะครับLast edited by Rabbit fire; 8 Oct 2010, 04:01:21.
Comment
-
กำลังผลิตรวมทุกบ.ที่ตั้งโรงงานในไทย อันดับ 1 ของโลกมาสักพักแล้วครับ อย่างเจ้าหลักเจ้านึงก็มีโรงงานหลักที่เมืองไทย พนักงานเคยมีรวมกันสามหมื่นกว่าคน(ตอนนี้น่าจะลดลงหลัง hamburger crisis) ยอดส่งออกปีนึงเฉียดแสนล้าน ถึงกำไรจะไม่ใช่ของคนไทยทั้งหมด แต่เงินค่าจ้าง ค่าวัตถุดิบบางส่วน supply chain หรือธุรกิจทางอ้อมรอบๆโรงงาน เหลือในไทยไม่ต่ำกว่าหมื่ืนล้านบาทแน่นอน ใครที่รังเกียจโดยบอกว่าเป็นแค่ฐานการผลิต แล้วถามว่ามีกิจการแบบอื่น มีงานอย่างอื่นให้คนหลายหมื่นคน ทำรายได้ขนาดนี้ไหมครับ?
หรือจะมองเรื่อง R&D คนไื่ืทยไม่น้อยที่มีส่วน หรือทำงานในงานวิจัยระดับสูง เขาไม่ออกสื่อให้เห็น ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเสียเลยสักหน่อย ระดับดร.คนไทยเขาก็จ้างไว้ที่บ.แม่ที่เมกาบ้างก็หลายคน หรือมองในระดับบริหารเอาเป็นว่า ระดับ Vice president ของบ.นึง ทีมี market share อันดับหนึ่งของโลก ก็เป็นคนไทยนี่เอง แต่ก็เป็นเรื่องจริง ที่แรงงานไทยที่มีทักษะในธุรกิจนี้มีน้อยมากๆ ส่วนใหญ่ต้อง import วิศวกรจากมาเลย์ สิงคโปร์ รวมทั้งอินเดีย เพราะวิศวกรจบใหม่เมืองไทยที่มีทางรู้ืทางแม่เหล็กไฟฟ้าเิชิงลึก หรือเมคาโทรนิค(อันนี้เครื่องจักรส่วนใหญ่เป็นหุ่นยนต์หมดแล้ว)ยังมีไม่พอต่อความต้องการจริงๆ ยังไม่ต้องมองไกลถึง การสร้างองค์ความรู้ทั้งหมดเองที่ต้องลงทุนมหาศาล ในการสร้่างขึ้นมาหรอกครับ แค่ได้มีส่วนในการวิจัยของเขาก็ถือว่าช่วยพัฒนาทักษะ ของแรงงานไทยเยอะแล้วล่ะ ได้ทำงานกับบ.ระดับโลก มันก็สร้างประสบการณ์ความเป็นมืออาชีพได้เยอะแล้วล่ะ
ส่วนเรื่องมลพิษ ต้องบอกว่าอุตสาหกรรมการผลิตประกอบแบบนี้ มีมลพิษน้อยสุดๆแล้วครับ น้อยกว่าตลาดสด หรือโรงงานในครัวเรือนตามแหล่งชุมชนแออัดเสียอีก
ป.ล. ตอนนี้หลายบ.เขามาใช้ระบบการส่งเสริมแบบ Free Zone ซึ่งมีข้อกำหนดต่างจาก BOI สามารถขายในประเทศได้โดยเสียภาษีแยกต่างหาก ไม่ต้องส่งออกแล้วนำเข้าใหม่เหมือนสมัย BOI แล้วครับ
Comment
-
ตอนนี้จากข้อมูลที่ทราบมาจากโรงงานผลิตชิ้นส่วนรายย่อยแห่งหนึ่งOriginally posted by Fourpoint View Postกำลังผลิตรวมทุกบ.ที่ตั้งโรงงานในไทย อันดับ 1 ของโลกมาสักพักแล้วครับ อย่างเจ้าหลักเจ้านึงก็มีโรงงานหลักที่เมืองไทย พนักงานเคยมีรวมกันสามหมื่นกว่าคน(ตอนนี้น่าจะลดลงหลัง hamburger crisis) ยอดส่งออกปีนึงเฉียดแสนล้าน ถึงกำไรจะไม่ใช่ของคนไทยทั้งหมด แต่เงินค่าจ้าง ค่าวัตถุดิบบางส่วน supply chain หรือธุรกิจทางอ้อมรอบๆโรงงาน เหลือในไทยไม่ต่ำกว่าหมื่ืนล้านบาทแน่นอน ใครที่รังเกียจโดยบอกว่าเป็นแค่ฐานการผลิต แล้วถามว่ามีกิจการแบบอื่น มีงานอย่างอื่นให้คนหลายหมื่นคน ทำรายได้ขนาดนี้ไหมครับ?
หรือจะมองเรื่อง R&D คนไื่ืทยไม่น้อยที่มีส่วน หรือทำงานในงานวิจัยระดับสูง เขาไม่ออกสื่อให้เห็น ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเสียเลยสักหน่อย ระดับดร.คนไทยเขาก็จ้างไว้ที่บ.แม่ที่เมกาบ้างก็หลายคน หรือมองในระดับบริหารเอาเป็นว่า ระดับ Vice president ของบ.นึง ทีมี market share อันดับหนึ่งของโลก ก็เป็นคนไทยนี่เอง แต่ก็เป็นเรื่องจริง ที่แรงงานไทยที่มีทักษะในธุรกิจนี้มีน้อยมากๆ ส่วนใหญ่ต้อง import วิศวกรจากมาเลย์ สิงคโปร์ รวมทั้งอินเดีย เพราะวิศวกรจบใหม่เมืองไทยที่มีทางรู้ืทางแม่เหล็กไฟฟ้าเิชิงลึก หรือเมคาโทรนิค(อันนี้เครื่องจักรส่วนใหญ่เป็นหุ่นยนต์หมดแล้ว)ยังมีไม่พอต่อความต้องการจริงๆ ยังไม่ต้องมองไกลถึง การสร้างองค์ความรู้ทั้งหมดเองที่ต้องลงทุนมหาศาล ในการสร้่างขึ้นมาหรอกครับ แค่ได้มีส่วนในการวิจัยของเขาก็ถือว่าช่วยพัฒนาทักษะ ของแรงงานไทยเยอะแล้วล่ะ ได้ทำงานกับบ.ระดับโลก มันก็สร้างประสบการณ์ความเป็นมืออาชีพได้เยอะแล้วล่ะ
ส่วนเรื่องมลพิษ ต้องบอกว่าอุตสาหกรรมการผลิตประกอบแบบนี้ มีมลพิษน้อยสุดๆแล้วครับ น้อยกว่าตลาดสด หรือโรงงานในครัวเรือนตามแหล่งชุมชนแออัดเสียอีก
ป.ล. ตอนนี้หลายบ.เขามาใช้ระบบการส่งเสริมแบบ Free Zone ซึ่งมีข้อกำหนดต่างจาก BOI สามารถขายในประเทศได้โดยเสียภาษีแยกต่างหาก ไม่ต้องส่งออกแล้วนำเข้าใหม่เหมือนสมัย BOI แล้วครับ
ได้พูดถึงปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้คือ ขาดแคลนแรงงานฝีมือ
เนื่องจากผลกระทบเรื้อรังจากพิษเศรษฐกิจคราวก่อน ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลด ยอดการผลิตน้อยลง ทำให้ต้องเลิกจ้างแรงงานบางส่วนออกไป
สุดท้ายก็มีนโยบายและโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ทำให้แรงงานที่ถูกเลิกจ้างสามารถกลับไปสร้างงาน สร้างรายได้ของตนเองที่บ้านเกิด
จนเมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ความต้องการบริโภคกลับมาเพิ่มขึ้น ยอดการผลิตก็สูงตาม แต่ขาดแรงงานฝีมือ
เพราะแรงงานที่ว่างงานครั้งก่อนส่วนใหญ่สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้ที่บ้านเกิด และไม่กลับมาเป็นแรงงานฝีมือให้ภาคการผลิต
สุดท้ายจึงเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานฝีมือ ทำให้ต้องหาแรงงานทั่วไปมาทำงานแทน
ทั้งนี้ึความต้องการแรงงานสูง (demand) แต่ทรัพยากรแรงงานมีน้อย (supply)
ก็ทำให้เกิดการแย่งตัวแรงงาน ค่าตัวแรงงาน 1 คน ก็สูงขึ้น อีกทั้งภาคการผลิตก็มีต้นทุนในการฝึกอบรมทักษะเพิ่มเข้ามาอีก
สุดท้ายก็กลายเป็นวงจรปัญหาของระบบต่อไป (ยังไม่รวมปัญหาของแนวโน้มที่ในอนาคตคนสูงอายุจะสูงขึ้น จนขาดแรงงานหนุ่มสาวเข้าไปอีก)
Comment
Comment