Tweet
หลังจากอินเทลกลับมาเปิดตัวซีพียูสุดแรงอย่าง Core i7-980X ออกมาไม่นาน ทาง ASUS ก็ไม่รอช้าเปิดตัวเมนบอร์ดรุ่นใหญ่ประกบทันที ซึ่งตัว Rampage เองก็เคยมีออกมาก่อนหน้านี้แล้วถึง 3 รุ่นด้วยกัน ในรุ่นนี้ก็จะจัดเป็นตัวที่ 4 แล้วสำหรับเมนบอร์ดในตระกูล ROG โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ครบถ้วนเลยทีเดียว
ASUS Rampage III Extreme เมนบอร์ดที่ออกแบบมาสำหรับฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ที่ใช้ซีพียู Core i7 โดยเฉพาะและต้องการความสุดยอดในทุกๆ ด้านทั้งในด้านประสิทธิภาพที่สามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ได้อย่างละเอียดรวมไปถึงการใช้ภาคจ่ายไฟในแบบ 14 เฟสเพื่อเสถียรภาพในการใช้งานที่ดีเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นในการใช้งานแบบปรกติ หรือจะนำไปโอเวอร์คล็อกก็ตาม
ชิปเซ็ต Intel X58 จัดเป็นรุ่นใหญ่สุดของชิปเซ็ตอินเทลในขณะนี้ที่รองรับซีพียูในตระกูล Core i7 ทั้ง 6 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น Core i7 920, 940, 950. 965, 975X และ 980X โดยจะเป็นซ็อกเก็ต 1366 ที่มีความกว้างและยาวกว่าตัว 1156 ดังนั้นเมนบอร์ดรุ่นนี้จึงไม่สามารถใช้กับซีพียูรุ่นอื่นๆได้เลย ส่วน QPI จะรองรับได้สูงสุดที่ 6.4GT/s
ในส่วนของหน่วยความจำก็จะเป็นในแบบ Triple Channel คือต้องใส่ให้ครบทั้ง 3 สล็อตถึงจะมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด ซึ่งบอร์ดตัวนี้ก็จะให้มาถึง 6 สล็อต โดยจะเป็น DDR3 ที่รองรับความเร็วได้สูงสุดในแบบโอเวอร์คล็อกที่ระดับ 2200MHz จากที่ในรุ่น Rampage II จะสูงสุดอยู่เพียงแค่ 1800MHz เท่านั้น โดยใส่ได้สูงสุดถึง 24GB หรือแถวละ 4GB เลยทีเดียว พร้อมกับรองรับเทคโนโลยี Intel Extreme Memory Profile หรือ XMP
สล็อต PCI-Express 2.0 x16 ให้มาถึง 4 สล็อตเต็มพิกัด สำหรับการเชื่อมต่อในแบบ ATI CrossFireX และ nVidia 3-Way SLI เรียกว่าออกแบบมาเพื่อคอเกมเมอร์โดยเฉพาะที่ไม่แบ่งแยกค่ายสามารถใช้ได้ทั้ง ค่ายสีแดงและสีเขียว ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดให้ยุ่งยากอีกทั้งยังเว้นช่องไฟได้อย่างพอดีใน แต่ละสล็อตซึ่งคงไม่มีปัญหาสำหรับการใช้งานการ์ดรุ่นใหญ่ๆ แน่นอนถ้าต้องเสียบพร้อมกัน และด้วยเหตุนี่เองจึงทำให้ต้องตัดในส่วนของ PCIE x1 ทิ้งออกไปคงเหลือไว้เพียงแค่ PCIE x4 และ PCI อย่างละ 1 สล็อตเท่านั้น
ชิปเซ็ต ICH10R จะใช้ในการควบคุมพอร์ต SATA2 ทั้ง 6 พอร์ตรองรับ RAID 0, 1, 5 และ 10 ส่วนพอร์ต SATA2 สีดำอีกหนึ่งพอร์ตและ eSATA ด้านหลังจะถูกควบคุมด้วยคอนโทรลเลอร์ JMicron JMB363 แทนและตัดในส่วนของ IDE ออก ส่วน SATA3 ที่เป็นพอร์ตสีแดง 2 พอร์ตจะใช้ตัวคอนโทรลเลอร์ Marvell ในการควบคุม
การออกแบบก็ยังคงความสวยงามตามสไตล์เมนบอร์ดซีรีย์ ROG ที่เน้นในส่วนของชุดระบายความร้อนอย่างพิถีพิถันและยังสวยงามสะดุดตากว่า รุ่นอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในรุ่นนี้ที่ดีไซน์มาได้อย่างแหวกแนวจริงๆ ด้วยการใช้ฮีทซิงค์ดำแดงตัดสลับกันครอบคลุมทั่วทั้งตัวบอร์ดเสริมด้วย ฮีทไปป์ด้านล่างอีกที ภาคจ่ายไฟนับรวมกันได้ถึง 14 เฟสโดยแบ่งเป็นของซีพียู 8 เฟส และในส่วนของ QPI/DRAM, NB, Memory อีกอย่างละ 3 เฟส ส่งผลให้ตัวบอร์ดมีเสถียรภาพในการทำงานที่ยอดเยี่ยม
ในส่วนของปุ่มกดบนบอร์ดนอกจากจะมีทั้งปุ่ม Start และ Reset ที่ออกแบบมาได้สวยงามและกดได้อย่างง่ายดายเหมือนกับรุ่นอื่นๆ ในซีรีย์ ROG เพียงแต่จะย้ายจากเดิมที่จะอยู่ด้านฝั่งซ้ายของตัวบอร์ดก็ย้ายมาอยู่ฝั่งขวา ด้านหน้าสล็อตแรมแทน แล้วยังมาพร้อมกับปุ่มพิเศษที่ใช้ควบคู่กับ LCD Poster สำหรับใช้ในการปรับแต่งค่าต่างๆ ได้อย่างสะดวกไม่ว่าจะเป็นปุ่ม Toggle, Confirm และ Select เหมาะกับบรรดาขาโอเวอร์คล็อกทั้งหลายที่ชอบการปรับแต่งเป็นชีวิตจิตใจ อีกทั้งในขณะเปิดเครื่องก็จะมีไฟติดขึ้นมาครบทุกปุ่มเพิ่มความสวยงามได้เป็น อย่างดี ยิ่งเมื่อรวมกับไฟ LED ที่อยู่กระจายตามจุดต่างๆ บนบอร์ดแล้วก็ยิ่งเพิ่มความโดดเด่นเวลาเปิดเครื่องได้เป็นอย่างดี
ด้านหลังมีพอร์ต USB มาให้ครบทั้ง 6 พอร์ตพร้อมทั้งพอร์ต eSATA, Firewire, LAN อย่างละ 1 พอร์ต พร้อมกันนี้ยังมีปุ่มเคลียร์ CMOS มาให้ด้วยเพิ่มเติมจากตัวสวิตซ์ที่มีอยู่บนบอร์ดซึ่งเหมาะมากกับผู้ที่ชอบ ปรับแต่งความเร็วอยู่บ่อยๆ ส่วนที่เพิ่มเข้ามาก็คือ USB 3.0 ซึ่งมีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลเร็วถึง 4.8Gbps หรือเร็วกว่าเดิมถึง 10 เท่า โดยให้มา 2 พอร์ตด้วยกัน
ASUS Rampage III Extreme เมนบอร์ดที่ออกแบบมาสำหรับฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ที่ใช้ซีพียู Core i7 โดยเฉพาะและต้องการความสุดยอดในทุกๆ ด้านทั้งในด้านประสิทธิภาพที่สามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ได้อย่างละเอียดรวมไปถึงการใช้ภาคจ่ายไฟในแบบ 14 เฟสเพื่อเสถียรภาพในการใช้งานที่ดีเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นในการใช้งานแบบปรกติ หรือจะนำไปโอเวอร์คล็อกก็ตาม
ชิปเซ็ต Intel X58 จัดเป็นรุ่นใหญ่สุดของชิปเซ็ตอินเทลในขณะนี้ที่รองรับซีพียูในตระกูล Core i7 ทั้ง 6 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น Core i7 920, 940, 950. 965, 975X และ 980X โดยจะเป็นซ็อกเก็ต 1366 ที่มีความกว้างและยาวกว่าตัว 1156 ดังนั้นเมนบอร์ดรุ่นนี้จึงไม่สามารถใช้กับซีพียูรุ่นอื่นๆได้เลย ส่วน QPI จะรองรับได้สูงสุดที่ 6.4GT/s
ในส่วนของหน่วยความจำก็จะเป็นในแบบ Triple Channel คือต้องใส่ให้ครบทั้ง 3 สล็อตถึงจะมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด ซึ่งบอร์ดตัวนี้ก็จะให้มาถึง 6 สล็อต โดยจะเป็น DDR3 ที่รองรับความเร็วได้สูงสุดในแบบโอเวอร์คล็อกที่ระดับ 2200MHz จากที่ในรุ่น Rampage II จะสูงสุดอยู่เพียงแค่ 1800MHz เท่านั้น โดยใส่ได้สูงสุดถึง 24GB หรือแถวละ 4GB เลยทีเดียว พร้อมกับรองรับเทคโนโลยี Intel Extreme Memory Profile หรือ XMP
สล็อต PCI-Express 2.0 x16 ให้มาถึง 4 สล็อตเต็มพิกัด สำหรับการเชื่อมต่อในแบบ ATI CrossFireX และ nVidia 3-Way SLI เรียกว่าออกแบบมาเพื่อคอเกมเมอร์โดยเฉพาะที่ไม่แบ่งแยกค่ายสามารถใช้ได้ทั้ง ค่ายสีแดงและสีเขียว ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดให้ยุ่งยากอีกทั้งยังเว้นช่องไฟได้อย่างพอดีใน แต่ละสล็อตซึ่งคงไม่มีปัญหาสำหรับการใช้งานการ์ดรุ่นใหญ่ๆ แน่นอนถ้าต้องเสียบพร้อมกัน และด้วยเหตุนี่เองจึงทำให้ต้องตัดในส่วนของ PCIE x1 ทิ้งออกไปคงเหลือไว้เพียงแค่ PCIE x4 และ PCI อย่างละ 1 สล็อตเท่านั้น
ชิปเซ็ต ICH10R จะใช้ในการควบคุมพอร์ต SATA2 ทั้ง 6 พอร์ตรองรับ RAID 0, 1, 5 และ 10 ส่วนพอร์ต SATA2 สีดำอีกหนึ่งพอร์ตและ eSATA ด้านหลังจะถูกควบคุมด้วยคอนโทรลเลอร์ JMicron JMB363 แทนและตัดในส่วนของ IDE ออก ส่วน SATA3 ที่เป็นพอร์ตสีแดง 2 พอร์ตจะใช้ตัวคอนโทรลเลอร์ Marvell ในการควบคุม
การออกแบบก็ยังคงความสวยงามตามสไตล์เมนบอร์ดซีรีย์ ROG ที่เน้นในส่วนของชุดระบายความร้อนอย่างพิถีพิถันและยังสวยงามสะดุดตากว่า รุ่นอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในรุ่นนี้ที่ดีไซน์มาได้อย่างแหวกแนวจริงๆ ด้วยการใช้ฮีทซิงค์ดำแดงตัดสลับกันครอบคลุมทั่วทั้งตัวบอร์ดเสริมด้วย ฮีทไปป์ด้านล่างอีกที ภาคจ่ายไฟนับรวมกันได้ถึง 14 เฟสโดยแบ่งเป็นของซีพียู 8 เฟส และในส่วนของ QPI/DRAM, NB, Memory อีกอย่างละ 3 เฟส ส่งผลให้ตัวบอร์ดมีเสถียรภาพในการทำงานที่ยอดเยี่ยม
ในส่วนของปุ่มกดบนบอร์ดนอกจากจะมีทั้งปุ่ม Start และ Reset ที่ออกแบบมาได้สวยงามและกดได้อย่างง่ายดายเหมือนกับรุ่นอื่นๆ ในซีรีย์ ROG เพียงแต่จะย้ายจากเดิมที่จะอยู่ด้านฝั่งซ้ายของตัวบอร์ดก็ย้ายมาอยู่ฝั่งขวา ด้านหน้าสล็อตแรมแทน แล้วยังมาพร้อมกับปุ่มพิเศษที่ใช้ควบคู่กับ LCD Poster สำหรับใช้ในการปรับแต่งค่าต่างๆ ได้อย่างสะดวกไม่ว่าจะเป็นปุ่ม Toggle, Confirm และ Select เหมาะกับบรรดาขาโอเวอร์คล็อกทั้งหลายที่ชอบการปรับแต่งเป็นชีวิตจิตใจ อีกทั้งในขณะเปิดเครื่องก็จะมีไฟติดขึ้นมาครบทุกปุ่มเพิ่มความสวยงามได้เป็น อย่างดี ยิ่งเมื่อรวมกับไฟ LED ที่อยู่กระจายตามจุดต่างๆ บนบอร์ดแล้วก็ยิ่งเพิ่มความโดดเด่นเวลาเปิดเครื่องได้เป็นอย่างดี
ด้านหลังมีพอร์ต USB มาให้ครบทั้ง 6 พอร์ตพร้อมทั้งพอร์ต eSATA, Firewire, LAN อย่างละ 1 พอร์ต พร้อมกันนี้ยังมีปุ่มเคลียร์ CMOS มาให้ด้วยเพิ่มเติมจากตัวสวิตซ์ที่มีอยู่บนบอร์ดซึ่งเหมาะมากกับผู้ที่ชอบ ปรับแต่งความเร็วอยู่บ่อยๆ ส่วนที่เพิ่มเข้ามาก็คือ USB 3.0 ซึ่งมีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลเร็วถึง 4.8Gbps หรือเร็วกว่าเดิมถึง 10 เท่า โดยให้มา 2 พอร์ตด้วยกัน
Comment