Tweet
เมื่อช่วงที่ผ่านมา ประเด็นการรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน Facebook นั้นเป็นที่ถกเถียงกันเป็นวงกว้าง อันเนื่องมาจากข้อมูลของผู้ใช้งานมากมายมหาศาลขนาดนั้น ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Facebook เปรียบเหมือนกับขุมทองของบรรดานักจารกรรมออนไลน์เลยทีเดียว และเมื่อวานนี้ทางเว็บไซต์ THINQ.co.uk ได้เปิดเผยว่าบัญชีรายชื่อผู้ใช้งานเครือข่ายสังคมดังกล่าวกว่า 100 ล้านรายได้หลุดไปบนอินเตอร์เน็ต
โดยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน Facebook ปริมาณมหาศาลดังกล่าวนั้นมีขนาดทั้งสิ้น 2.8GB และผู้ที่รวบรวมได้คือแฮ็คเกอร์จาก Skull Security โดยทางกลุ่มได้ใช้โปรแกรมประเภท web crawler เก็บรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้งาน Facebook ที่ละเลยไม่ได้เปลี่ยนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวที่ไม่อนุญาตให้ทำการค้นหาหน้าเพจ Facebook ของตนได้จากเสิร์ชเอ็นจิ้น
รายชื่อดังกล่าวนั้นคิดเป็น 1 ใน 5 ของผู้ใช้ Facebook ทั่วโลกเลยทีเดียว เพราะว่าทางบริษัทเพิ่งประกาศว่ามียอดผู้ใช้ งานที่ 500 ล้านคนเมื่อเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม จะเรียกพฤติกรรมของกลุ่ม Skull Security ว่าการแฮ็คก็เห็นจะไม่ถูกซะทีเดียว เนื่องจากวิธีการนี้เป็นเหมือนกับการเก็บข้อมูลจากผู้ใช้ที่ไม่ยอมไปเปลี่ยนการตั้งค่าความปลอดภัยของโปรไฟล์ตนเองเท่านั้น
อย่างไรเสีย การที่ Facebook ปล่อยให้การตั้งค่าดังกล่าวให้เป็นค่าตั้งต้นก็เป็นที่ถกเถียงอยู่เป็นวงกว้าง และนำมาสู่ประเด็นที่ว่า Facebook ควรจะเปลี่ยนการตั้งค่าการรักษาความปลอดภัยต่างๆ ให้มีความเป็นส่วนตัวเสียตั้งแต่แรกเลยหรือไม่ ทว่า Facebook เองนั้นก็ต้องการข้อมูลที่จะไปป้อนให้กับบรรดานักการตลาดเพื่อทำเงินเข้าบริษัท จึงทำให้คงต้องชั่งน้ำหนักกันระหว่างความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน หรือเงินรายได้
สุดท้าย ขอกล่าวย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าสิ่งที่ทาง Skull Security ทำลงไปนั้นไม่ถือว่าผิดกฏหมายแต่อย่างใด เนื่องจากทางกลุ่มเพียงใช้โปรแกรมรวบรวมข้อมูลผู้ใช้งาน Facebook ที่มีช่องโหว่ในด้านความเป็นส่วนตัว และเผอิญหลุดไปบนเว็บไซต์ประเภทแบ่งปันไฟล์เท่านั้น แต่เหตุการณ์นี้ก็ช่วยให้ย้ำให้เห็นว่า Facebook ยังคงต้องเอาใจใส่เรื่องการรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานอีกมาก
Source: i3
โดยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน Facebook ปริมาณมหาศาลดังกล่าวนั้นมีขนาดทั้งสิ้น 2.8GB และผู้ที่รวบรวมได้คือแฮ็คเกอร์จาก Skull Security โดยทางกลุ่มได้ใช้โปรแกรมประเภท web crawler เก็บรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้งาน Facebook ที่ละเลยไม่ได้เปลี่ยนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวที่ไม่อนุญาตให้ทำการค้นหาหน้าเพจ Facebook ของตนได้จากเสิร์ชเอ็นจิ้น
รายชื่อดังกล่าวนั้นคิดเป็น 1 ใน 5 ของผู้ใช้ Facebook ทั่วโลกเลยทีเดียว เพราะว่าทางบริษัทเพิ่งประกาศว่ามียอดผู้ใช้ งานที่ 500 ล้านคนเมื่อเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม จะเรียกพฤติกรรมของกลุ่ม Skull Security ว่าการแฮ็คก็เห็นจะไม่ถูกซะทีเดียว เนื่องจากวิธีการนี้เป็นเหมือนกับการเก็บข้อมูลจากผู้ใช้ที่ไม่ยอมไปเปลี่ยนการตั้งค่าความปลอดภัยของโปรไฟล์ตนเองเท่านั้น
อย่างไรเสีย การที่ Facebook ปล่อยให้การตั้งค่าดังกล่าวให้เป็นค่าตั้งต้นก็เป็นที่ถกเถียงอยู่เป็นวงกว้าง และนำมาสู่ประเด็นที่ว่า Facebook ควรจะเปลี่ยนการตั้งค่าการรักษาความปลอดภัยต่างๆ ให้มีความเป็นส่วนตัวเสียตั้งแต่แรกเลยหรือไม่ ทว่า Facebook เองนั้นก็ต้องการข้อมูลที่จะไปป้อนให้กับบรรดานักการตลาดเพื่อทำเงินเข้าบริษัท จึงทำให้คงต้องชั่งน้ำหนักกันระหว่างความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน หรือเงินรายได้
สุดท้าย ขอกล่าวย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าสิ่งที่ทาง Skull Security ทำลงไปนั้นไม่ถือว่าผิดกฏหมายแต่อย่างใด เนื่องจากทางกลุ่มเพียงใช้โปรแกรมรวบรวมข้อมูลผู้ใช้งาน Facebook ที่มีช่องโหว่ในด้านความเป็นส่วนตัว และเผอิญหลุดไปบนเว็บไซต์ประเภทแบ่งปันไฟล์เท่านั้น แต่เหตุการณ์นี้ก็ช่วยให้ย้ำให้เห็นว่า Facebook ยังคงต้องเอาใจใส่เรื่องการรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานอีกมาก
Source: i3
Comment