
Apple นั้นนับได้ว่าเป็นบริษัทที่ทั่วโลกไม่ว่าจะอยู่ในวงการไอทีหรือไม่ต่างให้ความสนใจกันอย่างล้นหลาม ซึ่งต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งนั้นอันเนื่องมาจากภาพลักษณ์ของตัวบริษัทตลอดจนการออกแบบสินค้าที่มีความเรียบง่าย หรูหราสะดุดตา และที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า Apple เองก็เป็นบริษัทที่นำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้กับสินค้าของตนมาโดยตลอด และในการเปิดตัว iPhone 4 ที่เป็นสมาร์ทโฟนที่บางทีสุดในโลกนั้นทาง Apple ได้นำนวัตกรรมหน้าจอแบบใหม่ที่ทางบริษัทเรียกว่า Retina Display มาใช้กับ iPhone 4 ของตนด้วย
แต่ Retina Display คืออะไร และมันจะมีระโยชน์ต่อ iPhone เวอร์ชั่นใหม่นี้อย่างไร? ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ ก็คือ Retina Display คือจอ LCD ที่ทำการอัดความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลเข้าไป โดยจะสังเกตได้ว่าหน้าจอของ iPhone 4 นั้นมีขนาดเท่ากันกับ iPhones 3GS คือ 3.5 นิ้ว (วัดตามแนวขวาง) แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือความละเอียดหน้าจอของตัว iPhone 4 นั้นจะมีความละเอียดสูงกว่าคือ 960x640 พิกเซล ซึ่งสามารถคิดค่าความหนาแน่นของเม็ดพิเซลได้เป็น 326 พิกเซลต่อพื้นทีหนึ่งตารางนิ้ว (pixels per inch หรือ ppi)
ในทางกลับกันเมื่อหันมาดูหน้าจอของ iPhone 3GS ทีมีขนาดเท่ากันนั้นจะพบว่าตัวจอภาพมีความละเอียดเพียง 480x320 และมีความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลเพียง 163ppi เท่านั้น ก็คงจะจินตนาการกันได้ไม่ยากว่าหน้าจอแบบใหม่นี้จะดีกว่าแบบเก่าเพียงใด
ถ้าใครได้ฟัง Steve Jobs ขึ้นกล่าวคุณสมบัติของหน้าจอ Retina Display เมื่อคืนแล้วก็จะพบว่าซีอีโอคนดังได้กล่าวว่าจะมีอยู่จุดจุดหนึ่งที่ตาของคนเรานั้นจะไม่สามารถมองเห็นจุดพิกเซลเป็นเม็ดๆ ได้อีกต่อไป ซึ่งเจ้า "เลขมหัศจรรย์" ตังดังกล่าวนั้นจะอยู่ที่ราว 300ppi และเมื่อมาพิจารณาความหนาแน่นของพิกเซลบนหน้าจอของ iPhone 4 ที่อยู่ที่ 326ppi แล้วก็จะเห็นว่าภาพทีได้ออกมานั้นน่าจะดูเรียบ คมชัด และไม่มีขอบหยักน่าเกลียดของเม็ดพิกเซลให้เห็น
ภาพด้านล่างสองภาพถ่ายโดย Melissa J. Perenson บรรณาธิการอาวุโสของ PCWorld แสดงให้เห็นศักยภาพของจอแบบ Retina Display อย่างเห็นได้ชัด โดยจะเห็นว่าภาพขยายจากจอของ iPhone 3GS นั้นจะเห็นเม็ดพิกเซลเล็กๆ ได้อย่างชัดเจน ที่เป็นเช่นนี้เพราะความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลที่น้อยกว่าจอ Retina Display นั่นเอง

ภาพในระยะใกล้ของจอ iPhone 4

ภาพในระยะใกล้ของจอ iPhone 3GS
นอกจากค่าความหนาแน่นของพิกเซลและความละเอียดทีเพิ่มขึ้นแล้ว หน้าจอ Retina Display ของ iPhone 4 ยังได้รับการพัฒนาอัตราส่วนความคมชัด (Contrast Ratio) ให้มากขึ้นกว่าเดิมถึง 4 เท่าด้วยกันเมื่อเทียบกับจอของ iPhone รุ่นก่อนหน้าโดยนอกจากจอภาพที่ใช้จะเป็นแบบ LED backlit แล้ว ทาง Apple ยังนำเทคโนโลยี In-Plane Switching (IPS) ที่ใช้ในจอ iMac ทั้งหลายมาใช้กับจอ Retina Display นี้ด้วย ผลที่ได้คือมุมที่สามารถมองภาพได้อย่างคมชัดนั้นจะเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนสีสันที่จะสวยงามสมจริงมากขึ้นด้วย
Source: i3
Comment